ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 61 ฆาตกรรมและวางเพลิง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 63 จัดกระดูก

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 62 จิตสังหารที่ซ่อนอยู่


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 62 จิตสังหารที่ซ่อนอยู่

แปลโดย iPAT  

“ขอบคุณทุกท่านสำหรับการสนับสนุน!” หลี่ฉิงซานขอบคุณเย่ต้าฉวน ฮวงปิงหู และหลิวหง ไม่ว่าพวกเขาจะพบสิ่งใดเมื่อมาถึง การช่วยเหลือก็คือการช่วยเหลือ สุดท้ายพวกเขายังได้รับยุ้งฉาง สมบัติที่อยู่ในห้องเก็บของ และอาวุธในคลังของป้อมวายุทมิฬ

สำหรับห้องลับ มันถูกซ่อนไว้อย่างมิดชิดตั้งแต่แรก ตอนนี้เปลวเพลิงทำลายกลไลของประตูลับไปแล้ว หากพวกเขาต้องการเข้าไป พวกเขาต้องเก็บกวาดซากปรักหักพังและหาตำแหน่งที่แน่ชัดของมันก่อนจะใช้กำลังบุกเข้าไป

ทุกคนในกองทัพเผยรอยยิ้มกว้างจนแทบถึงใบหู พวกเขาผ่อนคลายลงมาก เดิมทีพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวล พวกเขาเชื่อว่าตนเองต้องเสี่ยงต่อสู้กับโจรป้อมวายุทมิฬ อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขากลับได้รับชัยชนะโดยไม่แม้แต่จะต้องชักดาบออกมา สิ่งที่พวกเขาต้องทำมีเพียงเก็บเกี่ยวสมบติจากสนามรบ นี่วิเศษมาก พวกเขายังสามารถโอ้อวดเมื่อพวกเขากลับไป

เย่ต้าฉวน ฮวงปิงหู หลิวหง และหลี่ฉิงซานยืนอยู่ด้วยกันขณะเฝ้ามองคนอื่นๆเก็บกวาดสนามรบ

นอกจากน้ำเต้าและดาบมังกรทะยานยังมีแจกันกระเบื้องลายครามและม้วนภาพวาดอยู่บนแผ่นหลังของเขา

ในแจกันกระเบื้องลายครามมีเสี่ยวอันอยู่ภายใน เด็กน้อยดูดซับเลือดของโจรทั้งหมดในครั้งเดียว ดังนั้นเขาจึงต้องการเวลาเพื่อย่อยมัน สำหรับม้วนวาดภาพ มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณเช่นกัน ตั้งแต่มันจึงสามารถปลดปล่อยปราณดาบออกมา หลี่ฉิงซานตั้งชื่อมันว่าดาบดาวหาง

สิ่งของทั้งสองชิ้นได้รับความสนใจจากเย่ต้าฉวน ฮวงปิงหู และหลิวหง แต่ไม่มีผู้ใดพูดหรือถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ว่าพวกมันจะเป็นสิ่งใด พวกมันก็เป็นสมบัติที่หลี่ฉิงซานได้รับมาจากการต่อสู้และเป็นสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถยุ่งเกี่ยว

หลี่ฉิงซานถาม “ท่านหัวหน้านักล่า บาดแผลของท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”

ฮวงปิงหูตอบ “ไม่จำเป็นต้องกังวล ฝีมือการแทงตัวเองของข้าค่อนข้างดี ดังนั้นมันจะไม่ส่งผลกระทบต่อข้า”

หลี่ฉิงซานตกตะลึงก่อนจะหัวเราะออกมา “สมกับเป็นผู้อาวุโสที่มีประสบการณ์ในยุทธภพจริงๆ” มนุษย์มีความซับซ้อนในตัวเอง พวกเขามักถูกกระตุ้นด้วยอารมณ์และเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ มีความจริงในความลวง มีความลวงในความจริง เป็นเรื่องยากที่จะแยกแยะถูกหรือผิด ความเมตตาหรือความเกลียดชัง บางครั้งเพียงรอยยิ้มก็สามารถปลดหนี้บุญคุณหรือความเกลียดชังในใจของผู้คน

ฮวงปิงหูหัวเราะเสียงดังก่อนจะหยุดอย่างกะทันหัน “แต่ส่วนที่ยากที่สุดยังมาไม่ถึง!”

เสี่ยวเฮยเดินออกมาและโค้งคำนับหลี่ฉิงซานอย่างยิ่งใหญ่แม้พวกเขาจะอายุเท่ากันก็ตาม “ข้าทำผิดต่อเจ้า” ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้เขาตกใจมาก หากตัวตนเช่นนี้กลายเป็นศัตรูของหมู่บ้านบังเหียนม้า มันจะน่ากลัวถึงเพียงใด

หลี่ฉิงซานตบไหล่เสี่ยวเฮยและหันหน้าไปทางป้อมปราการ “ดวงอาทิตย์กำลังจะขึ้นแล้ว”

รัศมีแสงค่อยๆปรากฏขึ้นทางทิศตะวันออกทำให้เมฆเปลี่ยนเป็นสีแดง ขณะเดียวกันเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำก็ค่อยๆดับมอดลง

เป็นเพียงเวลานี้ที่หลี่ฉิงซานนึกบางสิ่งขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน “โอ้ ถูกต้อง ท่านหัวหน้านักล่า ฉายาเสือโคร่งของข้ามาจากท่านใช่หรือไม่?”

“อาจจะ?” ฮวงปิงหูไม่เคยคิดว่าเขาจะถามคำถามนี้

หลี่ฉิงซานถาม “ท่านช่วยเปลี่ยนให้ข้าได้หรือไม่?”

ฮวงปิงหูรู้สึกประหลาดใจก่อนจะเผยรอยยิ้มขมขื่น ฉายานี้แพร่กระจายออกไปเรียบร้อยแล้ว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลงในเวลานี้

อย่างไรก็ตามหลี่ฉิงซานยังไม่รู้ว่าฉายาใหม่ของเขาคือสิ่งใดในเวลานี้

เมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนจะเรียกเขาว่า เสือดำ หลี่ฉิงซาน!

เย่ต้าฉวนรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งกับความจริงที่ว่าเขาล้มเหลวในการค้นหาคลังสมบัติของป้อมวายุทมิฬ แต่เขาไม่สามารถแสดงความรู้สึกดังกล่าวออกมา สายตาของเขาสบกับที่ปรึกษาเป็นครั้งคราว พวกเขาทั้งคู่ต่างรู้สึกปิติยินดี ‘นี่เป็นผลงานใหญ่!’

แม้หลี่ฉิงซานจะทำทั้งหมดเพียงลำพัง แต่หลี่ฉิงซานยังอยู่ในฐานะมือปราบของเจ้าเมืองเย่ ดังนั้นมันจึงถือเป็นผลงานของเจ้าเมือง เขาสามารถจินตนาการถึงการแสดงออกที่ไม่อยากจะเชื่อของน้องเขยของเขาได้อย่างชัดเจน หลังจากนี้น้องเขยของเขาจะไม่สามารถดูถูกเขาอีกต่อไป

“ฮ่าฮ่าฮ่า มีเจ้าเมืองหลายคนที่ล้มเหลวในการทำลายป้อมวายุทมิฬ แต่ข้าทำสำเร็จ!” เย่ต้าฉวนหัวเราะเสียงดังและตบไหล่หลี่ฉิงซาน “แน่นอน มันเป็นผลงานของเจ้า มือปราบหลี่ ข้าจะรายงานเรื่องนี้ต่อท่านผู้ว่าที่เป็นน้องเขยของข้าอย่างแน่นอน เจ้าจะได้รับการยกย่อง ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง รวมถึงความมั่งคั่ง ฮ่าฮ่าฮ่า”

‘มือปราบหลี่?’ เป็นเพียงเวลานี้ที่หลี่ฉิงซานจำได้ว่าเขามีตำแหน่งทางการเมือง เขายิ้ม “เช่นนั้นข้าก็ต้องขอบคุณท่านเจ้าเมืองเย่”

“ไม่มีปัญหา ไม่มีปัญหา”

กองทัพเดินทางกลับ หลี่ฉิงซานไม่มีเรื่องเร่งด่วนใดให้ทำ ดังนั้นเขาจึงเดินทางไปพร้อมกับกองทัพ ระหว่างทาง ทุกคนพบว่าเขาไม่ได้น่ากลัวเช่นที่คิด พวกเขาค่อยๆเข้ามารวมตัวอยู่รอบๆหลี่ฉิงซานและเรียกเขาด้วยชื่อที่หลายหลายเช่นมือปราบหรือวีรบุรุษ

หลี่ฉิงซานรู้สึกมีความสุขที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นในฐานะวีรบุรุษ เมื่อเทียบกับความธรรมดาในชีวิตก่อนหน้าและความขมขื่นที่เขาประสบในหมู่บ้านกระทิงหมอบ นี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการ เขาไม่ได้แสร้งทำตัวว่าชื่อเสียงและความมั่งคั่งไม่มีความหมายกับเขา นอกจากชื่อเสียงและความมั่งคั่ง เขายังชอบสุรา เนื้อสัตว์ และหญิงงาม เขาชอบดื่ม เขาต้องการความรื่นรมณ์ทางเพศ เขารักความมั่งคั่ง เขามีความภาคภูมิใจ มีความทะเยอทะยาน และมีความปรารถนาที่หลากหลายเหมือนคนทั่วไป

ฮวงปิงหูบอกลาหลี่ฉิงซานและกลับหมู่บ้านบังเหียนม้าเพื่อนำสุราหมักกระดูกพยัคฆ์ที่เขาต้องการมาให้ หลี่ฉิงซานกล่าว “หากท่านมีโสม ช่วยนำมาให้ข้าด้วย ข้ายินดีซื้อมันในราคาที่ดี”

หลังจากจัดการเรื่องนี้แล้ว เขาจะเริ่มฝึกหมัดปีศาจพยัคฆ์ แม้วัวดำจะไม่เคยกล่าวถึงมัน แต่หลี่ฉิงซานรู้สึกว่าทักษะที่ดูธรรมดานี้ซ่อนความลับที่เขาไม่รู้เอาไว้

แม้มันจะดูธรรมดา แต่มันต้องสำคัญมากสำหรับเขา เขาชอบชื่อเสียงและความมั่งคั่ง แต่เขาไม่ได้ตาบอด เขาไม่เคยลืมสถานการณ์ของตน ทุกสิ่งในเวลานี้เป็นเพียงความสงบก่อนเกิดพายุใหญ่ ความท้าทายครั้งใหญ่รอเขาอยู่ข้างหน้า หากเขาไม่เตรียมตัวให้พร้อม เขาจะพ่ายแพ้และแตกสลาย

อย่างไรก็ตามไม่เพียงเขาจะไม่รู้สึกกลัว เขากระทั่งรู้สึกตื่นเต้น เขาอยากตะโกนออกไปว่าขอให้พายุรุนแรงกว่านี้ หลังจากทั้งหมดนี่คือชีวิตที่เขาเลือก

แม้การเดินทางในช่วงกลางวันจะง่ายกว่า แต่พวกเขาต้องบรรทุกสิ่งของจำนวนมาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถเร่งความเร็ว พวกเขามาถึงประตูเมืองในช่วงพลบค่ำและได้รับเสียงฆ้องและประทัดดังขึ้น

หลี่ฉิงซานถาม “วันนี้มีเทศกาลงั้นหรือ?”

หลิวหงกล่าว “ไม่ พวกเขากำลังต้อนรับเจ้า เจ้าเมืองส่งคนกลับมาก่อนและแจ้งข่าวพวกเขาล่วงหน้าแล้ว”

ดังคาด คลื่นความอบอุ่นพัดเข้ามาทันทีที่พวกเขาก้าวเท้าเข้าไปในเมือง แม้มันจะเป็นฤดูหนาวแต่ถนนกลับเต็มไปด้วยผู้คน

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทำให้ชาวเมืองทุกคนตกใจและหวาดกลัว แม้ค่ำคืนจะผ่านไปแล้วแต่พวกเขายังถูกความคิดในแง่ร้ายคุกคามจิตใจ แต่คนทั้งเมืองกลับต้องตกใจอีกครั้งเมื่อได้ยินข่าว

หลี่ฉิงซานตอบสนองการต้อนรับที่อบอุ่นของทุกคนด้วยรอยยิ้ม อย่างไรก็ตามเขายังสัมผัสได้ถึงสายตาที่ไม่เป็นมิตรจากโรงน้ำชาข้างถนน เขาคิด ‘พวกเขามาเร็วมาก!’

“ฮืม เขาเป็นเพียงกบในบ่อน้ำ ศิษย์พี่ เมื่อใดเราจะไปเอาตัวเขามา?” ในโรงน้ำชา หญิงสาวในชุดสีน้ำเงินที่ดูเย่อหยิ่งถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย

“ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน รอดูต่อไป” ศิษย์พี่ของหญิงผู้นั้นเป็นชายหน้ายาวเหมือนม้า เขาดูมีอายุประมาณสามสิบ มือของเขาเรียวยาวและมีดวงตาที่ส่องประกาย คนในยุทธภพที่มีประสบการณ์สามารถบอกได้ด้วยการชำเลืองมองเพียงครั้งเดียวว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญอาวุธลับพร้อมกับพลังภายในที่ไม่ธรรมดา

“พวกเราโชคดี หากข่าวแพร่กระจายไปไกลกว่านี้ ผู้ใดจะรู้ว่ามีกี่คนที่จะมาหาเขา เหตุใดเราไม่รีบโจมตีเขาก่อน?”

“เขาสังหารโจรมากกว่าสองร้อยคนด้วยตัวคนเดียว โดยส่วนตัวแล้วข้าเชื่อว่ากระทั่งข้าก็ไม่สามารถบรรลุสิ่งเดียวกันนี้ พลังของเสือโคร่งไม่ธรรมดา นี่เป็นคนที่รับมือได้ยาก” ชายหน้าม้าส่ายศีรษะ มันเป็นเรื่องบังเอิญที่พวกเขาอยู่ในเมืองชิงหยาง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการใช้โอกาสนี้ฉกฉวยผลประโยชน์

“ท่านเชื่อข่าวลือไร้สาระนี้ได้อย่างไร? เสียงฝีเท้าของเขาดูงุ่มง่ามมาก เขาเป็นเพียงผู้บ่มเพาะร่างกาย อย่างมากที่สุดเขาก็เป็นได้แค่นักสู้ชั้นสอง เขาไม่สามารถเปรียบเทียบกับนักสู้ชั้นหนึ่ง หากเราร่วมมือกันและทักทายเขาด้วยอาวุธลับ เราจะสามารถปลดชีพเขาได้ทันที”