ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 52 สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 54 ติดเกราะ

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 53 เจ้าป้อมวายุทมิฬ


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 53 เจ้าป้อมวายุทมิฬ

แปลโดย iPAT  

เสือโคร่ง!

หยางอันจื่อนึกถึงฉายาที่เขายักไหล่ให้ในตอนแรก เสือโคร่งหลี่ฉิงซานที่พุ่งเข้าหาเขาในเวลานี้ไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นสัตว์ป่าที่มีเขี้ยวและกรงเล็บ

เมื่อสูญเสียดาบล้ำค่าไป เขาก็เหมือนทารกที่อ่อนแออย่างสมบูรณ์ เขาทำได้เพียงล่าถอยออกไปเท่านั้น

ลมหนาวพัดเข้ามาด้านหลังเขาอีกครั้งและพร้อมที่จะรับดวงวิญญาณของเขา

หลี่ฉิงซานสามารถใช้หมัดปีศาจวัวได้อย่างอิสระโดยไม่มีสิ่งกีดขวางอีก หยางอันจื่อต้องหลบไปรอบๆ ขณะที่เสี่ยวอันบินวนเวียนอยู่ในความมืดโดยไม่ให้ศัตรูมีเวลาพักหายใจ

หนึ่ง หนักหน่วงและแข็งกร้าว อีกหนึ่ง ว่องไวและยืดหยุ่น หนึ่ง หยาง และหนึ่ง หยิน มันเป็นส่วนผสมอันไร้ที่ติ

หยางอันจื่อก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน เขาได้รับบาดเจ็บ แต่เขายังสามารถใช้ทักษะท่าร่างหลบเลี่ยงและหลบหนี อย่างไรก็ตามเขายังได้รับบาดมากขึ้นเรื่อยๆ

กลิ่นเลือดลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศกระทั่งคนทั่วไปยังได้กลิ่น

“หลี่ฉิงซานอยู่ที่ใด?” ทันใดนั้นเสียงตะโกนก็ดังมาจากชั้นล่าง มันทรงพลังจนแทบทำให้หูหนวก

คบเพลิงจำนวนมากส่องสว่างขึ้น

หัวใจของหลี่ฉิงซานจมดิ่งลงขณะที่เขาส่งสัญญาณให้เสี่ยวอันกลับเข้าไปในแขนเสื้อของเขา เขาไม่ต้องการให้ผู้ใดรู้ความลับเกี่ยวกับเสี่ยวอัน

เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้คนเห็นร่างของหยางอันจื่อที่เต็มไปด้วยเลือด ทุกคนกลายเป็นพูดไม่ออก ก่อนที่โรงเตี้ยมจะมืดลง หยางอันจื่อกำลังจะฆ่าหลี่ฉิงซาน แต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับแตกต่างจากความคาดหวังของพวกเขา ไม่ว่าหลี่ฉิงซานจะแข็งแกร่งเพียงใด หยางอันจื่อก็เป็นหนึ่งในผู้ฝึกยุทธ์ที่ดีที่สุดของเมืองชิงหยาง

อย่างไรก็ตามในชั่วพริบตาหยางอันจื่อกับพ่ายแพ้ไปแล้วและยังเป็นความพ่ายแพ้ที่น่าสังเวช

หยางอันจื่อที่กลับมามองเห็นอีกครั้งรีบถอยกลับไปอยู่ด้านข้างหยางจุน ใบหน้าของเขากลายเป็นซีดขาวและบิดเบี้ยว เขาต้องการฉีกหลี่ฉิงซานออกเป็นชิ้นๆ แต่สิ่งที่เขาทำคือคว้าร่างของหยางจุนและกระโดดออกไปทางหน้าต่าง

หลี่ฉิงซานรู้สึกสมเพชแต่เขาก็ไม่ได้คิดมากและไม่ได้ไล่ล่า เขาวางเท้าบนขอบหน้าต่างและมองลงไปด้านล่าง “หลี่ฉิงซานอยู่ที่นี่!”

เขาเห็นร่างใหญ่โตที่ดูเหมือนหมีดำในแวบแรก หมีดำเห็นเขาเช่นกัน ทั้งสองสบตาและราวกับมีประกายไฟพุ่งออกมาปะทะกัน

“ซ่งเซียงอู๋!” หลิวหงกรีดร้อง แน่นอนว่าเขาเคยพบโจรชั่วผู้นี้มาก่อน

“โจรป้อมวายุทมิฬเข้ามาในเมืองแล้ว!” บางคนตะโกน ขุนนางที่อยู่ชั้นบนตกสู่ความโกลาหลอีกครั้ง

หลี่ฉิงซานยืนอยู่ในอาคารและมองลงไป ทั้งเมืองชิงหยางดูเหมือนจะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย

อย่างไรก็ตามซ่งเซียงอู๋มองหยางอันจื่อด้วยความตกใจเช่นกัน ทั้งสองได้ยินข่าวและรีบมาที่เมืองชิงหยางพร้อมกัน คนหนึ่งต้องการแก้แค้น ขณะที่อีกคนต้องการโสมจิตวิญญาณ

นิกายถ้ำมังกรใช้ทักษะท่าร่างที่เหนือกว่าทำให้พวกเขามาถึงก่อน พวกเขาต้องการยึดครองโสมจิตวิญญาณทันทีเพื่อหลี่กเลี่ยงอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น ในทางกลับกัน ป้อมวายุทมิฬต้องการสังหารหลี่ฉิงซาน นั่นเป็นเหตุผลที่หยางอันจื่อกล่าวก่อนหน้านี้ว่า “ข้าไม่มีแผนการที่จะทำร้ายเจ้า” แน่นอนว่ามันเป็นคำกล่าวไร้สาระ

อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของหลี่ฉิงซานกลับเหนือความคาดหมายของทุกคน

หยางอันจื่อเตือนซ่งเซียงอู๋ “ทักษะของเด็กนั่นไม่ด้อยกว่าข้าและเขายังมีอาวุธลับอยู่ในแขนเสื้อ  ระวังให้ดี” เดิมทีเขาไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับป้อมวายุทมิฬมากนัก แต่ตอนนี้ดูเหมือนศัตรูของศัตรูก็คือมิตร

“นิกายถ้ำมังกรร่วมมือกับป้อมวายุทมิฬโจมตีเมืองชิงหยาง! พวกเจ้าทั้งหมดเห็นมันกับตาของตนเองแล้ว!” หลี่ฉิงซานใช้พลังปราณถ่ายทอดเสียงออกไปในวงกว้าง

หยางอันจื่อตัวสั่นและกัดฟันแน่น “หลี่ฉิงซาน ข้าจะไม่ไว้ชีวิตเจ้า!”

คำพูดเดียวของหลี่ฉิงซานทำให้นิกายถ้ำมังกรร่วงหลงจากช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ในฐานะฝ่ายธรรมะและกลายเป็นโจรทันที

“คนดีไม่กลัวถูกประณาม! ดี ดี ดี เจ้าป้อมวายุทมิฬมาหาข้าด้วยตัวเอง เจ้าทำให้ข้าไม่ต้องลำบากไปตามหาเจ้า!” หลี่ฉิงซานประกาศและชี้นิ้วไปที่เจ้าป้อมวายุทมิฬ

“กล้าดีอย่างไร!” การแสดงออกของซ่งเซียงอู๋เปลี่ยนไป เขากระโดดขึ้นไปหาหลี่ฉิงซาน แม้เขาจะมีร่างกายใหญ่โตแต่ทักษะการเคลื่อนไหวของเขาก็ไม่เลว

ขณะที่หลี่ฉิงซานกำลังจะโต้ตอบ ร่างหนึ่งก็พุ่งผ่านด้านข้างเขา มันคือหลิวหง เขาใช้กำปั้นเหล็กรับการโจมตีของซ่งเซียงอู๋กลางอากาศ

ซ่งเซียงอู๋กระเด็นถอยหลังกลับลงไปบนพื้นขณะที่หลิวหงใช้แรงกระแทกจากการปะทะกระโดดกลับเข้าไปในอาคาร

ซ่งเซียงอู๋โกรธมาก “เจ้า!”

หลิวหงกล่าว “เจ้าป้อมซ่งมาที่เมืองชิงหยางเพื่อสร้างปัญหา นี่ไม่ใช่การดูหมิ่นข้างั้นหรือ?” เช่นเดียวกับสัตว์ป่าที่มีอาณาเขต บุคคลสำคัญในยุทธภพก็มีอาณาเขตของตนเองไม่ต่างกัน พวกเขาจะไม่ยอมให้ผู้ใดบุกรุกบ้านของพวกเขา การกระทำของป้อมวายุทมิฬครั้งนี้ถือว่าอุจอาจมาก พวกเขาทำให้หลิวหงที่เป็นเจ้าถิ่นไม่พอใจอย่างแรง

ซ่งเซียงอู๋ระดมคนจำนวนมากมาที่นี่ หากเป็นช่วงเวลาปกติ หลิวหงอาจไม่เต็มใจยืนหยัดอยู่ข้างหน้า แต่หลี่ฉิงซานแสดงความแข็งแกร่งออกมาเพียงพอที่จะให้เขายื่นมือเข้ายุ่งเกี่ยว

หัวหน้าลำดับที่สองของป้อมวายุทมิฬที่ดูเหมือนบัณฑิตกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ชั่วร้าย “เจ้าไม่กลัวสำนักกำปั้นเหล็กจะถูกทำลายเพราะเป็นศัตรูกับป้อมวายุทมิฬของเรางั้นหรือ?”

หลิวหงตะโกน “ศิษย์สำนักกำปั้นเหล็กอยู่ที่ใด!?”

หลังจากนั้นคนจำนวนมากก็หลั่งไหลออกมาจากตรอกซอกซอยและปิดล้อมโรงเตี้ยมเอาไว้ทั้งหมด พวกเขาล้วนเป็นศิษย์สำนักกำปั้นเหล็ก

เหตุผลที่คนในยุทธภพสามารถอาละวาดไปทั่วไม่ได้เป็นเพราะทักษะการต่อสู้ของพวกเขาเท่านั้นแต่ยังเป็นเพราะพลังอำนาจที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา แม้ซ่งเซียงอู๋และหยางอันจื่อจะทำงานร่วมกัน พวกเขาก็ต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ

หยางอันจื่อกรีดร้อง “ท่านหลิว ท่านไม่รู้เหตุผลที่เรามาที่นี่ในครั้งนี้งั้นหรือ?”

หลิวหงยกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งด้วยความสนใจ

หลี่ฉิงซานขมวดคิ้วแต่เขาไม่สามารถหยุดหยางอันจื่อ

“เพราะโสมจิตวิญญาณที่ปรากฏขึ้นใกล้กับยอดเขาไป่เหลา ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนล้วนต้องการดูดซับพลังจากมัน ด้วยวิธีนี้ทักษะยุทธ์ของพวกเขาจะก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วและมีโอกาสทะลวงขอบเขต สิ่งนี้อยู่ในมือเขา นั่นคือเหตุผลที่เขามีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว!” หยางอันจื่อชี้นิ้วไปที่หลี่ฉิงซานด้วยท่าทางชั่วร้าย

ความมั่งคั่งจะนำไปสู่ความพินาศเพราะความโลภของผู้อื่น หยางอันจื่อเปิดเผยการคงอยู่ของโสมจิตวิญญาณต่อหน้าผู้คนนับร้อย ข่าวนี้จะแพร่สะพัดออกไปราวกับไฟป่า เมื่อเวลานั้นมาถึง ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ต้องการโสมจิตวิญญาณจะมารวมตัวกันราวกับสัตว์ป่าที่ได้กลิ่นคาวเลือด ไม่ว่าหลี่ฉิงซานจะแข็งแกร่งเพียงใด เขาก็จะถูกฉีกเป็นชิ้นๆ

ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองไปทางหลี่ฉิงซาน ขณะที่หลี่ฉิงซานไม่ยืนยันหรือปฏิเสธ เขารู้ว่าการปฏิเสธไม่มีประโยชน์ ความก้าวหน้าของเขาเป็นหลักฐานสำคัญที่ยืนยันข้อกล่าวหาของหยางอันจื่อ

สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่เขากังวลเกิดขึ้นแล้ว แต่เขาไม่ตื่นตระหนก ตรงข้าม เขารู้สึกสงบอย่างน่าประหลาด

“ข้าอายุมากแล้ว ดังนั้นความก้าวหน้าจึงไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับข้าอีกต่อไป!” นั่นคือคำตอบของหลิวหง อย่างไรก็ตามสายตาของเขายังชำเลืองมองไปทางหลี่ฉิงซาน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้กล่าวความคิดที่แท้จริงออกมา หลังจากทั้งหมดไม่มีผู้ฝึกยุทธ์คนใดที่ไม่ต้องการความก้าวหน้าครั้งใหญ่

“โสมจิตวิญญาณยังสามารถยืดอายุขัย อย่าบอกว่าท่านไม่สนใจเรื่องนี้ ท่านหลิว? สิ่งที่ท่านต้องทำมีเพียงเปิดปากออกคำสั่งและจับเขา ท่านจะได้รับโสมจิตวิญญาณโดยไม่แม้แต่จะต้องขยับนิ้ว เจ้าป้อมวายุทมิฬกับข้าเพียงต้องการแก้แค้น เราจะไม่ต่อสู้กับท่านเพื่อโสมจิตวิญญาณ ยิ่งไปกว่านั้นมันไม่ใช่ว่าเราจะได้รับมันแม้เราจะต้องการ” หยางอันจื่อแสดงทักษะทางการเมืองของเขาออกมาและหลิวหงก็รู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก ดวงตาของซ่งเซียงอู๋ก็ส่องประกายขึ้นเช่นกัน ใครจะรู้ว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่

ในชั่วพริบตาหลี่ฉิงซานกลายเป็นเป้าหมายของทุกคนอีกครั้ง ใบหน้าของเขายังสงบนิ่งแต่เขากำลังคิดหาวิธีจัดการสถานการณ์อยู่ในใจ เขาไม่เชื่อว่าหลิวหงจะภักดีต่อเขา ท้ายที่สุดไม่ใช่เพราะเขาเชื่อในความภักดีและมิตรภาพงั้นหรือที่ทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์นี้

แน่นอนว่าเขาไม่ได้อยู่ในทางตัน ตราบเท่าที่เขาส่งมอบโสมจิตวิญญาณ เขาจะสามารถออกจากสถานการณ์นี้ได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามเขาจะไม่มีวันทำเช่นนั้นเว้นเพียงเขาจะไม่มีทางเลือกอื่น เคล็ดวิชาเก้ากระทิงสองพยัคฆ์ไม่ได้มุ่งเน้นการบ่มเพาะพลังปราณ โสมจิตวิญญาณเป็นเครื่องรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ทำให้แน่ใจว่าเขาจะสามารถเป็นจอมยุทธ์กำลังภายใจที่แท้จริง

ทางตันพังทลายลงในไม่ช้าเมื่อซ่งเซียงอู๋คำรามและกระโดดขึ้นไปชั้นบนของโรงเตี้ยมอีกครั้ง

หลิวหงก้มศีรษะลงราวกับว่าเขากำลังครุ่นคิดบางสิ่ง เขาไม่เคลื่อนไหว อย่างมากที่สุดเขาก็จะยืนดูอยู่เฉยๆ หรือบางทีเขาอาจทำให้สถานการณ์ของหลี่ฉิงซานเลวร้ายลง นั่นก็มีโอกาสเป็นไปได้เช่นกัน

หยางอันจื่อฉวยโอกาสนี้รักษาอาการบาดเจ็บของตนเพื่อเตรียมเข้าสู่การต่อสู้อีกครั้ง

ทันใดนั้นการแสดงออกของซ่งเซียงอู๋ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน เขาบิดร่างอย่างแรงกลางอากาศและร่วงลงบนพื้นเป็นครั้งที่สอง ลูกศรขนนกพุ่งผ่านเขาไปราวกับพายุกรรโชกแรง จากนั้นเสียงกรีดเฉือนอากาศก็ดังตามมา