ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 51 เก็บกวาดนิกายถ้ำมังกร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 53 เจ้าป้อมวายุทมิฬ

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 52 สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 52 สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ

แปลโดย iPAT  

คนของนิกายถ้ำมังกรทั้งหยิ่งผยองและเอาแต่ใจ อย่างไรก็ตามในสายตาของผู้คนที่นี่ หลี่ฉิงซานกลับยิ่งผยองและเอาแต่ใจมากกว่าคนเหล่านั้นนับสิบเท่า เขาไม่เห็นกองกำลังใหญ่ที่ปกครองเมืองชิงหยางอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย

ใบหน้าของหยางอันจื่อไม่มีความโกรธอีกต่อไป เขาสามารถกู้คืนความสงบและความมีเหตุมีผลกลับมาอีกครั้ง ด้วยสัญชาตญาณ เขาตระหนักว่าหลี่ฉิงซานเป็นหนึ่งในศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดไม่กี่คนในชีวิตของเขา

อย่างไรก็ตามเขายังเต็มไปด้วยความมั่นใจ ทักษะท่าร่างของเขาเป็นคู่ปรับตัวฉกาจของเคล็ดวิชาบ่มเพาะร่างกายของหลี่ฉิงซานเช่นเดียวกับที่หลี่ฉิงซานมีความได้เปรียบกำปั้นเหล็กของหลิวหง ไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งเพียงใด หากเขาไม่สามารถโจมตีคู่ต่อสู้ มันก็ไร้ประโยชน์ หลี่ฉิงซานสามารถปิดกั้นดาบของศิษย์นิกายถ้ำมังกร แต่เขาจะสามารถรับดาบของนักสู้ชั้นสองบนเส้นทางแห่งดาบหรือไม่

หลี่ฉิงซานตระหนักถึงเรื่องนี้เช่นกันและเขาก็สัมผัสได้ว่าดาบของหยางอันจื่อไม่เหมือนดาบของศิษย์ของเขา เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหนี เขาต้องเผชิญหน้าตัวต่อตัวเท่านั้น

ขณะที่ทั้งสองยืนประจันหน้า โรงเตี้ยมก็เงียบลง รังสีฆ่าฟันทำให้ทุกคนหายใจไม่ออก

ทันใดนั้นหยางอันจื่อก็ชักดาบออกมาจากฝัก มันส่องประกายเย็นเยียบขณะที่มันพุ่งเข้าหาหลี่ฉิงซานด้วยความเร็วสูง

หลี่ฉิงซานหรี่ตามอง ดาบของผู้นำนิกายถ้ำมังกรเรืองแสงจางๆออกมาเช่นเดียวกับมีดสั้นที่เขาซื้อในวันนี้

ผู้คนต่างมีชื่อ ดาบก็เช่นกัน นี่คือดาบที่มีชื่อเสียงที่ทุกคนในเมืองชิงหยางรู้จักดี

ดาบมังกรทะยาน!

มันเป็นดาบล้ำค่าที่ถูกส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นในนิกายถ้ำมังกร มีเพียงผู้นำนิกายเท่านั้นที่มีสิทธิ์ครอบครองมัน คนที่มีฉายามักเป็นตัวตนที่แข็งแกร่ง ดาบที่มีชื่อก็เช่นกัน แม้มันจะอยู่ในมือของคนทั่วไป ดาบเล่มนี้ก็ยังสามารถฟันเหล็กได้เหมือนดินเหนียว หากมันอยู่ในมือของปรมาจารย์ดาบ มันจะเป็นเครื่องมือสังหารที่แท้จริง

“มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ” ย้อนกลับไปก่อนงานเลี้ยงครั้งนี้ วัวดำกล่าวขณะจ้องมองมีดสั้นในมือของหลี่ฉิงซาน

“สิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณคือสิ่งใด?” หลี่ฉิงซานควงมีดสั้นในมือ “ข้าพบสมบัติจริงๆงั้นหรือ?” เขาเคยอ่านนิยายหลายเล่มที่กล่าวถึงเรื่องเช่นนี้มาก่อน ตัวละครมักเดินไปในตลาดโดยไม่คิดมากแต่กลับพบสมบัติล้ำค่าของทวยเทพโดยบังเอิญ สุดท้ายเขาก็กลายเป็นตัวตนระดับเทพ

วัวดำเย้ยหยันจินตนาการของเขา “ในความเป็นจริงสิ่งนี้แทบไม่ถูกพิจารณว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณ มันเป็นอาวุธจิตวิญญาณระดับต่ำ มันอาจถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้เยาว์ใช้ฝึกฝน อย่างไรก็ตามในระดับของเจ้า เจ้าสามารถกล่าวว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่า!”

หลี่ฉิงซานเก็บมีดสั้นอย่างระมัดระวัง นี่เป็นอาวุธจิตวิญญาณชิ้นแรกของเขา มันมีคุณค่าทางจิตใจอย่างมากกับเขา ท้ายที่สุดมันก็เป็นของหายากมิใช่หรือ?

อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยคิดว่าในชั่วพริบตาเขาจะได้เห็นสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณอีกชิ้น ยิ่งไปกว่านั้นมันยังอยู่ในมือศัตรูของเขา

เจ้าของร้านอาวุธแขนเหล็กเป็นหนึ่งในเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพลที่มาร่วมงาน ขณะที่ขุนนางคนอื่นๆพยายามหลบหนีอย่างบ้าคลั่ง เจ้าของร้านอาวุธกลับจ้องมองดาบมังกรทะยานด้วยความหลงใหล

หากดาบเล่มนี้เป็นของร้านอาวุธแขนเหล็ก เขาจะไม่ขายมันแม้หลี่ฉิงซานจะเสนอเงินทั้งหมดและคุกเข่าอ้อนวอนก็ตาม

ดาบมาตัวแล้ว ทุกคนคิดว่าหลี่ฉิงซานจะพุ่งเข้าหามันโดยตรงเหมือนสัตว์ร้ายที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใด อย่างไรก็ตามเขากลับม้วนตัวหลบคมดาบไปยังอีกมุมหนึ่งของห้องโถง

ปฏิกิริยาตอบสนองของหยางอันจื่อรวดเร็วมาก ด้วยการบิดข้อมือ ดาบกลายเป็นเหมือนเงาติดตามตัวหลี่ฉิงซาน มันอยู่ห่างจากเขาเพียงไม่กี่ฟุต

กลุ่มขุนนางกรีดร้องและพากันหลบหนีอย่างสับสนวุ่นวาย

หลี่ฉิงซานเอื้อมมือออกไปคว้าโต๊ะสี่เหลี่ยมและควงมันเหมือนอาวุธ

โต๊ะขนาดใหญ่ดูเหมือนไร้น้ำหนักในมือของเขา

หยางอันจื่อเพิกเฉยต่อสิ่งนี้อย่างสิ้นเชิง ดาบมังกรทะยานหั่นโต๊ะออกเป็นชิ้นๆเหมือนขนมเยลลี่ มีเพียงขาโต๊ะเท่านั้นที่ยังอยู่ในมือของหลี่ฉิงซาน

หลี่ฉิงซานโยนขาโต๊ะออกไปราวกับหมดสิ้นหนทาง มันบินผ่านศีรษะของหยางอันจื่อไปอย่างไร้ประโยชน์

ดาบของหยางอันจื่อราวกับไม่มีสิ่งใดสามารถต่อต้าน ขณะที่แผ่นหลังของหลี่ฉิงซานสัมผัสกับกำแพงและไม่เหลือหนทางหลบหนีอีก

ทันใดนั้นโรงเตี้ยมก็ตกอยู่ในความมืดอย่างกะทันหัน ปรากฏว่าขาโต๊ะที่หลี่ฉิงซานโยนออกไปก่อนหน้านี้ทำให้เทียนเล่มสุดท้ายดับลง

“ต้องการหนีงั้นหรือ? สายไปแล้ว!” หยางอันจื่อตะโกนแต่เขาไม่เห็นรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลี่ฉิงซาน

“ปัง!” หลี่ฉิงซานประกบฝ่ามือของเขาเข้าด้วยกัน เขาหยุดดาบมังกรทะยานไว้ในฝ่ามือ!

หยางอันจื่อเย้ยหยัน ‘ข้าส่งแรงผลักไปข้างหน้า เจ้าควรหยุดฝันที่จะจับดาบของข้าด้วยความพละกำลังของเจ้า!’ ดาบยังพุ่งไปข้างหน้า มันถูฝ่ามือของหลี่ฉิงซานและส่งเสียงราวกับโลหะเสียดสีกัน

เมื่อปลายดาบอยู่ห่างจากลำคอของหลี่ฉิงซานเพียงสามนิ้ว การแสดงออกของหยางอันจื่อก็เปลี่ยนแปลงไป ลมเย็นพัดมาที่ด้านหลังศีรษะของเขาซึ่งทำให้เขารู้สึกถึงภัยคุกคามต่อชีวิตที่เขาไม่เคยเจอมาหลายปีแล้ว

‘เป็นไปไม่ได้!’ นั่นคือความคิดแรกของเขา

แม้เขาจะมองไม่เห็นแต่เขายังรู้สึกได้ ศัตรูบุกเข้ามาจากด้านหลัง แต่เหตุใดเขาจึงมองไม่เห็น? ทักษะการเคลื่อนไหวของคนผู้นี้ล้ำลึกมากหรือมันเป็นอาวุธลับ?

หากโคมไฟยังส่องสว่าง ทุกคนจะเห็นมีดสั้นที่พุ่งเข้าไปด้านหลังศีรษะของหยางอันจื่อ มันเหมือนอาวุธลับจริงๆ อย่างไรก็ตามหากบางคนมีสายตาเหนือมนุษย์เช่นหลี่ฉิงซาน พวกเขาจะเห็นมีดสั้นอยู่ในมือเล็กๆของผีน้อย

ตั้งแต่เสี่ยวอันเริ่มฝึกเคล็ดวิชากระดูกขาวและความงามอันเป็นนิรันดร์ เขาหลอมรวมเลือดเนื้อทุกวัน ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวกลิ่นอายของผู้ฝึกยุทธ์ระดับนี้อีกต่อไป เขาสามารถเข้าใกล้ผู้ฝึกยุทธ์แต่เขายังขาดอาวุธที่เหมาะสม

หากเขายังใช้มีดล่าสัตว์เล่มเดิม มันจะเด้งออกจากร่างกายของหยางอันจื่อเนื่องจากพลังลมปราณที่ป้องกันร่างกายของเขาอยู่ เสี่ยวอันต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อสร้างบาดแผลให้กับศัตรู

แต่ตอนนี้แตกต่างออกไป มีดสั้นจิตวิญญาณที่อยู่ในมือของเสี่ยวอันไม่ใช่เศษขยะแต่เป็นอาวุธพิเศษสำหรับการลอบสังหาร

หลี่ฉิงซานใช้ตัวเองเป็นหยื่อล่อเพื่อดึงดูดความสนใจของหยางอันจื่อ เขาไม่เคยพูดคุยแผนการนี้กับเสี่ยวอันมาก่อน เขามีเพียงความไว้วางใจที่ยิ่งใหญ่เท่านั้นและเสี่ยวอันก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง ความร่วมมือของพวกเขาเป็นไปได้อย่างราบรื่น

หยางอันจื่อก็น่าประทับใจเช่นกัน เมื่อมีดสั้นกำลังจะถึงตัวเขา เขาก็ก้มศีรษะลงและสามารถหลบมันได้อย่างฉิวเฉียด เขาแปลกใจแต่ไม่ตื่นตระหนก เขายังผลักดาบไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง หลังจากเขาฆ่าหลี่ฉิงซาน เขาจะสามารถจัดการนักฆ่าที่อยู่ข้างหลังได้อย่างสงบ

แต่มีดสั้นกลับแทงลงไปด้านล่างอย่างกะทันหัน มันเปลี่ยนทิศทาง!

‘มันไม่ใช่อาวุธลับ!’

จิตใจของหยางอันจื่อกลายเป็นยุ่งเหยิง แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังไม่พบนักฆ่าที่อยู่ด้านหลัง ความรู้สึกเย็นเยียบผุดขึ้นในใจของเขา เขาพยายามดึงดาบกลับเพื่อปิดกั้นมีดสั้นโดยไม่สนใจสิ่งใดอีกต่อไป

อย่างไรก็ตามฝ่ามือของหลี่ฉิงซานยังจับดาบมังกรทะยานไว้อย่างแน่นหนา เขาหัวเราะเย้ยหยันอยู่ในใจ ‘มันง่ายที่จะแทงดาบมาข้างหน้า แต่หากเจ้าต้องการดึงดาบกลับตอนนี้ อย่าแม้แต่จะคิด!’

นักดาบไม่เคยแยกจากดาบของพวกเขา นี่อาจเป็นบทเรียนเบื้องต้นของนักดาบทุกคนโดยไม่ต้องกล่าวถึงความจริงที่ว่าดาบเจ้าปัญหาในตอนนี้เป็นดาบล้ำค่าที่ได้รับการส่งต่อมาหลายชั่วอายุคน

ดาบยังอยู่ในมือของหลี่ฉิงซานแต่คนหลบหนีไปด้วยทักษะท่าร่างที่งดงาม อย่างไรก็ตามใบหน้าของคนผู้นั้นกลับดูไม่สง่างามเหมือนก่อนหน้าอีกต่อไป มันกลายเป็นกระสับกระส่าย

ทั้งหมดเกิดขึ้นในเสี้ยงพริบตาตั้งแต่หยางอันจื่อแทงดาบของเขาออกไปและบังคับให้หลี่ฉิงซานไปที่กำแพง จากนั้นเขาก็เผชิญหน้ากับการลอบสังหาร ทุกสิ่งเกิดขึ้นภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที

กลุ่มขุนนางยังตื่นตระหนก พวกเขายังไม่ได้สติ มีเพียงหลิวหงเท่านั้นที่ใช้จมูกสูดดมและค้นพบกลิ่นคาวเลือด เขาตกใจ ‘หยางอันจื่อได้รับบาดเจ็บงั้นหรือ? เด็กนั่นทำร้ายเขาได้อย่างไร?’

ในช่วงเวลาสุดท้าย หยางอันจื่อทิ้งดาบของเขา ขณะเดียวกันมีดสั้นของเสี่ยวอันก็ลากผ่านแผ่นหลังของเขาและทิ้งบาดแผลยาวกว่าหนึ่งฟุตเอาไว้พร้อมกับเลือดที่ไหลนอง

หลี่ฉิงซานรู้สึกชื่นชมความเด็ดเดี่ยวของหยางอันจื่อ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสความรู้สึกเดียวกับสิ่งที่เขาเคยอ่านในนิยาย แม้แต่ศัตรูตัวฉกาจที่คิดจะเอาชีวิตของกันและกัน พวกเขาก็ยังรู้สึกยกย่องชื่นชมความสามารถของฝ่ายตรงข้าม

อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าเขาจะไม่ปล่อยให้อารมณ์เหล่านี้หรือสิ่งใดก็ตามส่งผลกระทบต่อความตั้งใจของเขา ตั้งแต่พวกเขาเป็นศัตรู พวกเขาก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อเข่นฆ่ากัน

โรงเตี้ยมที่มืดมิดมีแสงไฟเล็ดลอดผ่านช่องหน้าต่างเข้ามาเล็กน้อย หยางอันจื่อเบิกตากว้างและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปรับสายตาให้คุ้นชินกับความมืดมิด เป็นเพียงเวลานี้ที่เงาร่างสายหนึ่งปรากฏขึ้นพร้อมกับสายลมกรรโชกแรง