ตอนที่แล้วตอนที่ 67 ดินแดนลับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 69 หุบเขาลมกรด

ตอนที่ 68 บังเอิญ


[หน้ากากไร้ลักษณ์(C)]: ใส่ไว้ในกระเป๋าเป้เพื่อให้มีผลโดยอัตโนมัติ

1: ทำให้คนอื่นไม่สามารถเห็นใบหน้าของเจ้าของ

2: สามารถเปิดหรือปิดเอฟเฟกต์ได้

นี่เป็นของที่เขาเจออยู่ในรายการโปรดก่อนที่เขาจะมา

หน้ากากจะแสดงเอฟเฟต์ตราบใดที่อยู่ในกระเป๋าเป้ทำให้ผู้เล่นไม่ต้องใส่หน้ากากเอง

ซึ่งมันสะดวกมาก

เดิมทีหลิงอี้ไม่ต้องการปกปิดใบหน้าของตัวเอง

ข้อแรกคือมันดึงดูดคนอื่นได้ง่าย

ถ้าคนของพันธมิตรเสินมาเห็นเขา พวกเขาคงมาถามเกี่ยวกับตัวตนของเขาและขอดูใบหน้าแท้จริง

มันเหมือนกับว่าเขาแอบย่องอยู่ในสถานีรถไฟใต้ดินซึ่งคนอื่นสามารถหยุดเขาและขอดูบัตรประจำตัวได้

แต่ตอนนี้เขาอยู่ในสถานการณ์ที่ช่วยไม่ได้

หลังจากใช้เงิน10,000เหรียญทองซื้อไอเทมชิ้นนี้ หลิงอี้ก็กลายพันธุ์มัน

[หน้ากากไร้ลักษณ์(C)]: ใส่ไว้ในกระเป๋าเป้เพื่อให้มีผลโดยอัตโนมัติ

1: ทำให้คนอื่นไม่สามารถเห็นใบหน้าของเจ้าของ ไม่สามารถแยกแยะเสียงของเจ้าของ และไม่สามารถดูข้อมูลของเจ้าของ

2: ละเว้นการตรวจสอบทั้งหมด

3: เอฟเฟกต์นี้สามารถเปิดและปิดได้

“ไม่เลวเลย”

เมื่อเห็นเอฟเฟกต์หลังจากกลายพันธุ์ หลิงอี้ก็ยิ้มออกมาและหยักหน้าเล็กน้อย

เขาพอใจกับเอฟเฟกต์กลายพันธุ์ครั้งนี้มากเพราะมันตรงกับความต้องการของเขา

และไอเทมชิ้นนี้เป็นไอเทมระดับCอันแรกของเขาด้วย

ไอเทมระดับนี้ถือเป็นไอเทมระดับกลาง!

ในยุคที่ไม่เคยได้ยินเรื่องไอเทมระดับS ไอเทมระดับAจึงเป็นไอเทมที่มีคุณภาพสูงสุดในโลก แม้แต่ผู้เล่นแนวหน้าก็ยังอิจฉาถ้ามีใครได้เป็นเจ้าของไอเทมระดับA

ไอเทมระดับนี้มีราคาหลายล้านเหรียญทองในร้านค้า

และผู้เล่นธรรมดาไม่เคยคิดถึงมันด้วยซ้ำ

ไอเทมระดับCราคา10,000ทองถือว่าไม่แพงมากสำหรับคนส่วนใหญ่ และคุณภาพของพวกมันก็ไม่ได้แย่จนเกินไป

ผู้เล่นมากกว่า60%จึงใช้ไอเทมระดับนี้

หลังจากหลิงอี้ใส่ไอเทมชิ้นนี้ไว้ในกระเป๋าเป้ ร่างกายของเขาก็ค่อยๆเบลอและกลับมาชัดเจนอีกครั้ง

ในเวลานี้

คนอื่นที่มองหน้าหลิงอี้จะเห็นเป็นภาพเบลอ ความสูงและความหนาของแขนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

มันเหมือนกับว่าเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาโดยไม่รู้จบ ซึ่งทำให้บอกรูปร่างที่แน่นอนไม่ได้

แต่นั่นเป็นเพียงสิ่งที่คนอื่นเห็นเท่านั้น

แท้จริงแล้วหลิงอี้ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

“เอาล่ะ ในเมื่อไม่ต้องกลัวเรื่องโดนเปิดเผยตัวตนแล้ว ฉันจะได้ลงมือทำทุกอย่างได้สักที”

เขาหยิบแผนที่ขึ้นมาและดูอย่างระมัดระวัง

หลังจากยืนยันว่าผีเสื้อเทพสายลมเคยปรากฏตัวที่‘หุบเขาลมกรด’ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เขาก็เริ่มเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงสุด

......

เมื่อหลิงอี้มาถึงหุบเขาลมกรด เขาแปลกใจมากที่เห็นว่า—

มีผีเสื้อสีฟ้าสวยงามยาวสามเมตรอยู่ในหุบเขา!

“ผีเสื้อเทพสายลมอยู่ที่นี่จริงๆ”

ทันทีที่พูดประโยคนี้จบ ชายที่อยู่ด้านข้างก็หัวเราะออกมา

เมื่อเห็นหลิงอี้กำลังมองที่เขา ผู้ชายดูดีด้านข้างจึงอธิบายด้วยรอยยิ้ม “ต้องขอโทษด้วย พอได้ยินคำพูดของนายฉันเลยกลั้นหัวเราะไม่ได้”

“มีอะไรหรือเปล่า?” หลิงอี้ถามด้วยความอยากรู้

ผู้ชายดูดีชี้ไปที่คนสองสามคนในหุบเขาที่อยู่รอบๆผีเสื้อเทพสายลม “นายเห็นคนพวกนั้นไหม?”

“พวกเขาจัดรูปแบบดึงดูดผีเสื้อเทพสายลมตั้งแต่เมื่อวาน จนกระทั่งไม่กี่นาทีที่แล้วผีเสื้อเทพสายลมจึงมาตรงนี้”

“ดังนั้นไม่ใช่ว่าผีเสื้อเทพสายลมอยู่ที่นี่จริงๆ นายแค่มาเจอโดยบังเอิญเท่านั้น”

สายตาของหลิงอี้มองตามนิ้วของผู้ชายดูดี

เขาเห็นคนห้าคนยืนรอบๆผีเสื้อเทพสายลม ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาด้วยกันและกำลังจะเข้าล้อมผีเสื้อเทพสายลม

เมื่อเห็นแบบนั้นหลิงอี้จึงขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ความสับสนเริ่มปรากฏในดวงตาของเขา

ผู้ชายดูดีที่อยู่ข้างๆเขาชื่อเกาอู๋

แม้ว่าจะไม่เห็นหน้าของผู้ชายข้างๆแต่เขาก็ไม่ได้สนใจ

เขากำลังนึกถึงคำพูดของผู้ชายคนนี้และคิดว่าเขาคงมาหาผีเสื้อเทพสายลม

'ฟู่ว...ผู้ชายคนนี้มีวิธีขั้นสูงในการปกปิดตัวตน เขาคงเป็นผู้เล่นเชี่ยวชาญหรือไม่ก็เป็นคนที่มีภูมิหลังยิ่งใหญ่ ถ้าอย่างนั้นความแข็งแกร่งของเขาต้องไม่อ่อนแอ'

เมื่อคิดได้แบบนั้นเขาจึงเข้าไปใกล้คนที่มองไม่เห็นใบหน้าและรูปร่าง แล้วใช้แขนสะกิด “พี่ชาย คุณมาที่นี่เพื่อจัดการผีเสื้อเทพสายลมเหรอ?”

แม้ว่าเขาจะไม่เห็นหน้าของอีกฝ่าย แต่เขารู้สึกว่าคนคนนี้เป็นผู้ชาย

“อืม”

หลิงอี้พยักหน้าและถามกลับ “นายด้วยเหรอ?”

“เปล่า เปล่า ฉันแค่ผ่านทางมา”

เกาอู๋ส่ายหัว “ให้ฉันช่วยคุณสักเล็กน้อยเพื่อคว้าเอาผีเสื้อเทพสายลมดีไหม?”

“หืม?”

หลิงอี้มองเกาอู๋ด้วยสายตาระแวง

เขาไม่เชื่อว่ามีคนที่ช่วยคนอื่นอย่างไม่มีเหตุผลอยู่

โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่คุกคามชีวิตแบบนี้

ในเสินลู่ ผู้เล่นสามารถคืนชีพจากความตายได้ด้วยคริสตัลในค่าย

แต่ในดินแดนลับนี้ไม่มีคริสตัลของค่ายอยู่ด้วย

นั่นหมายความว่าการตายที่นี่จะไม่สามารถคืนชีพได้อีก

ถ้าผู้ชายคนนี้เลือกช่วยเขา เขาต้องทำให้คนทั้งห้าขุ่นเคืองซึ่งมันไม่มีประโยชน์ต่อเขาเลย

เกาอู๋สังเกตเห็นความระแวงของอีกฝ่ายจึงส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น “ช่างเถอะ มันไม่จำเป็นหรอกถ้าไม่ต้องการ คนปกติก็ไม่รับความช่วยเหลือจากคนแปลกหน้าอยู่แล้ว...”

“ไม่ บอกฉันก่อนว่านายมีแผนช่วยฉันยังไง”

หลิงอี้เปลี่ยนใจ

เขากำลังตรวจสอบข้อมูลชายใส่แว่นด้วย[ตาทิพย์]และพบว่าเขาเป็นผู้สนับสนุน

[เกาอู๋ (Lv30)

เพศชาย

อายุ: 29 (แต่งงานแล้ว)

พรสวรรค์: หัวใจที่ชอบธรรม

คุณสมบัติ: ความแข็งแกร่ง3, พลังเวท60, ความว่องไว30, ความทนทาน60, ร่างกาย30

สกิล: หมอกพิษ(1 ดาว), โล่แสง (5 ดาว), วิชารักษา(3 ดาว), อวยพรเพิ่มความเร็ว(3 ดาว), คำอธิษฐานเพิ่มความแข็งแกร่ง(6 ดาว), แบ่งปันความเจ็บ(6 ดาว), เคลื่อนย้ายตำแหน่ง(5 ดาว)

......(สรุปแค่นี้)]

'เขาเป็นผู้สนับสนุนที่ได้รับการฝึกจากกองกำลังบางแห่งใช่ไหม?'

เมื่อเห็นข้อมูลแบบนี้หลิงอี้จึงแอบเดาอยู่ในใจ

หลายองค์กรจะฝึกผู้เชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งเพื่อสร้างทีมที่แข็งแกร่ง

โดยทั่วไปแล้วทีมประเภทนี้มักจะมีประสิทธิภาพมากกว่าสมาชิกรายคน

สองกำปั้นไม่เท่ากับสี่มือ

แม้ว่าเป็นผู้เล่นเลเวล50หนึ่งคนเผชิญหน้ากับทีมสมบูรณ์แบบเลเวล30 แต่ส่วนใหญ่แล้วก็ยังพ่ายแพ้

นี่คือทีมสุดแข็งแกร่งที่สมบูรณ์แบบ!

แต่ทีมแบบนี้ก็มีข้อบกพร่องเช่นกัน

นั่นคือสมาชิกแต่ละคนไม่สามารถพัฒนาได้รอบด้าน นั่นเป็นข้อบกพร่องที่ชัดเจนมาก การต่อสู้ด้วยตัวคนเดียวจะโค่นได้อย่างง่ายดาย...

ขณะที่หลิงอี้กำลังเดาว่าเกาอู๋ตัวช่วยจากกองกำลังไหน เกาอู๋ก็ตอบสนองทันทีและพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันเป็นผู้สนับสนุน สามารถมอบโล่ปกป้องและเพิ่มความเร็วให้ได้”

“ถ้าไม่อยากให้พวกเขาเจอ ฉันก็แค่หนีไปหลังจากเพิ่มสถานะให้นาย”

สองประโยคนี้พูดไม่ผิด

แต่หลิงอี้ยังมีคำถามอยู่

“นายช่วยฉันทำไม!”

เขาเคยเห็นคำพูดในกระดานข่าวหลายครั้งว่า “มีแค่คนที่มีจิตใจดีเท่านั้นที่เต็มใจใช้ตำแหน่งดาวทั้งหมดเรียนรู้สกิลป้องกันและสกิลรักษาเพื่อคนอื่น”

หลิงอี้ไม่ได้ปฏิเสธว่าเกาอู๋ตรงหน้าเขาเป็นคนดี แต่คนดีจะไม่ช่วยคนแปลกหน้าตามใจชอบ

มันต้องมีเหตุผลอื่นแน่!