ตอนที่แล้วตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 8 งานเลี้ยง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 10 ไม่มีทวยเทพ

ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 9 ตอบโต้อย่างรุนแรง


ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 9 ตอบโต้อย่างรุนแรง

แปลโดย iPAT  

เมื่อหลี่ฉิงซานเดินเข้าไป ประตูบ้านก็ถูกปิดลง

หลี่ฉิงซานมองไปรอบๆ ราวกับเขาไม่สังเกตเห็นบรรยากาศตึงเครียดในลานบ้าน เขาเดินไปที่โต๊ะของพ่อบ้านหลิวที่อยู่ใต้ต้นท้อที่ใหญ่ที่สุด แน่นอนว่ามันคือโต๊ะหลักที่มีคนชั้นสูงของหมู่บ้านนั่งอยู่

คนที่นั่งด้านซ้ายและขวาของพ่อบ้านหลิวคือหัวหน้าหมู่บ้านหลี่และหมอผี พวกเขาคือสามคนที่มีอำนาจมากที่สุดในหมู่บ้าน นอกจากนี้ยังมีผู้อาวุโสของหมู่บ้านบางคนนั่งอยู่ที่นั่น คนหนุ่มสาวที่นั่งอยู่ที่โต๊ะตัวนี้มีเพียงบุตรชายทั้งสองคนของหัวหน้าหมู่บ้าน หลี่หูและหลี่เปา

พ่อบ้านหลิวมองหลี่ฉิงซานอย่างพิจารณา เวลาผ่านไปเพียงสิบกว่าวันแต่หลี่ฉิงซานดูราวกับเป็นคนละคน พ่อบ้านหลิวไม่สามารถระบุความเปลี่ยนแปลงแต่เขาแน่ใจว่ามันมีความแตกต่างจากก่อนหน้า ตอนนี้เด็กหนุ่มผู้นี้ปลดปล่อยกลิ่นอายลึกลับบางอย่างออกมา

หัวหน้าหมู่บ้านหลี่ยังสงบนิ่งแต่สายตาของเขาเผยให้เห็นถึงความเป็นศัตรู ขณะที่หมอผีแสดงความเกลียดชังออกมาโดยไม่ปิดบัง

ชาวบ้านทั่วไปจะไม่สามารถอาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้หากพวกเขายั่วยุหนึ่งในสามคนนี้โดยไม่ต้องกล่าวถึงการยั่วยุสามคนในเวลาเดียวกัน ทางเลือกเดียวของพวกเขาคือก้มศีรษะและขอโทษ อย่างไรก็ตามหลี่ฉิงซานกลับไม่ทำเช่นนั้น

มีกฎเกณฑ์มากมายสำหรับงานเลี้ยงในหมู่บ้านไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งที่นั่งไปจนถึงท่านั่ง หลี่ฉิงซานเห็นว่าโต๊ะอื่นเต็มแล้ว มีเพียงโต๊ะหลักที่ยังว่างอยู่ ดังนั้นเขาจึงนั่งลงอย่างกล้าหาญ เขาถาม “เหตุใดพวกท่านไม่กิน? ทุกคนกำลังรอข้าอยู่งั้นหรือ?”

ไม่มีเสียงตอบรับ

ทันใดนั้นหลี่หูและหลี่เปาที่นั่งอยู่ด้านซ้ายและขวาของหลี่ฉิงซานก็ยกมือขึ้นคว้าไหล่ทั้งสองข้างของเขาเอาไว้

หลี่ฉิงซานสูงแต่ผอม หากเป็นในอดีต หนึ่งในสองคนนี้สามารถจัดการเขาได้อย่างง่ายดาย กระทั่งตอนนี้หลี่ฉิงซานก็สามารถจัดการพวกเขาได้ทีละคนเท่านั้น การต่อสู้กับคนทั้งสองพร้อมกันยากเกินไป

หลี่ฉิงซานขมวดคิ้วและคว้าข้อมือของพวกเขา จากนั้นเขาก็ดึงพวกมันออกจากไหล่ของเขาด้วยเคล็ดวิชาหมัดปีศาจวัว

ความเจ็บปวดพุ่งเข้าโจมตีหลี่หูและหลี่เปา มันยังทำให้พวกเขาเสียการทรงตัวและร่วงลงจากเก้าอี้

ทั้งสองโกรธมากที่ได้รับความอัปยศ พวกเขาไม่สนใจฝุ่นที่เกาะอยู่บนร่างกายและรีบกระโดดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว

เดิมทีพ่อบ้านหลิวต้องการกล่าวสุนทรพจน์เล็กน้อยและสอบถามความคิดเห็นของหลี่ฉิงซาน เขาต้องการตรวจสอบความตั้งใจของฝ่ายหลัง แต่เขาไม่เคยคาดหวังว่าหลี่หูและหลี่เปาจะใจร้อนถึงเพียงนี้ อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถตำหนิคนทั้งสองได้เช่นกัน

เขากำลังจะทุบถ้วยชาในมือเพื่อส่งสัญญาณให้คนงานของเขา

แต่...

“ปัง!” มีดสั้นเล่มหนึ่งถูกปักลงบนโต๊ะ การเคลื่อนไหวของทุกคนหยุดลงทันที ภายใต้แสงแดดที่ลอดผ่านช่องไม้ คมมีดสะท้อนแสงอันเย็นเยียบและแหลมคมออกไป

หลี่หูและหลี่เปาเริ่มกลัวที่จะเข้าใกล้หลี่ฉิงซาน ทั้งสองเป็นบุตรชายของหัวหน้าหมู่บ้านที่ได้รับการเลี้ยงดูมาดุจดั่งราชา พวกเขาสามารถกลั่นแกล้งคนอ่อนแอ แต่มันไม่คุ้มค่าที่พวกเขาจะเสี่ยงชีวิตเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่ง

หลี่ฉิงซานจับมีดด้วยมือข้างหนึ่งขณะยกเท้าขึ้นวางบนเก้าอี้และโน้มตัวไปด้านหน้า เขามองพ่อบ้านหลิวและหัวเราะ “พ่อบ้านหลิว นั่นคือวิธีการที่ท่านใช้ต้อนรับแขกงั้นหรือ? แม้จะมีความคับข้องใจ แต่มันไม่ได้หมายความว่าจะไม่สามารถแก้ไขหลังจากทานอาหาร อย่าทำให้อาหารบนโต๊ะนี้สูญเปล่า”

ก่อนที่พ่อบ้านหลิวจะทำสิ่งใด คนงานทั้งหมดที่อยู่รอบๆก็ตอบสนองไปแล้ว ทุกคนเห็นด้วยกับหลี่ฉิงซาน สำหรับพวกเขา การกินเป็นเรื่องสำคัญที่สุด! หากพวกเขาต่อสู้และทำให้สุราอาหารเหล่านี้เสียหาย พวกเขาไม่เชื่อว่าพ่อบ้านหลิวจะใจดีเตรียมสุราอาหารอีกชุดเอาไว้

“ถูกต้อง ถูกต้อง เรายังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย! หากเราหิวโหย เราจะเอาพลังงานมาจากที่ใด?”

“เมื่อคืนข้าไม่ได้กินข้าว หากข้าไม่กินตอนนี้ ข้าคงไม่สามารถอยู่ได้อีกต่อไป”

ขณะที่คนงานกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ พวกเขาก็กลืนน้ำลายลงคออย่างแรง

บรรยากาศตึงเครียดกลายเป็นแปลกประหลาด แม้แต่หลี่ฉิงซานก็ไม่รู้ว่าควรตอบสนองอย่างไร เขาเริ่มสงสัยว่าเหตุใดเขาต้องกลัวคนเหล่านี้

ดวงตาของพ่อบ้านหลิวกลายเป็นสีแดง เขาจัดงานเลี้ยงนี้ขึ้นมาด้วยเหตุผลสองประการ

ประการแรก เพื่อทำให้หลี่ฉิงซานมึนงง ประการที่สอง เพื่อล่อลวงคนงานเหล่านี้ในกรณีที่พวกเขาไม่ต้องการออกแรงอย่างเต็มที่

เขาวางแผนโดยคำนึงถึงรายละเอียดทั้งหมด เขาติดอาวุธให้ทหารและวางแผนที่จะใช้การทำลายถ้วยชาเป็นสัญญาณแจ้งให้ทหารของเขาโจมตีศัตรู

อย่างไรก็ตามเขาลืมไปว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาไม่ใช่ทหารแต่เป็นชาวนาที่ยากจน

หลี่ฉิงซานมองพ่อบ้านหลิวด้วยรอยยิ้ม “ช่างบังเอิญนัก เมื่อคืนข้าไม่ได้กินอะไรเลย เช่นนั้นข้าก็จะเติมเต็มท้องของข้าเดี๋ยวนี้!”

หลังกล่าวจบคำ เขาก็คว้าไก่ย่างขึ้นมาและเริ่มกัดกิน

ตั้งแต่เขาเริ่มฝึกหมัดปีศาจวัว ความอยากอาหารของเขาพุ่งสูงขึ้นมาก เขาใช้เวลาไม่กี่วันเพื่อยัดเนื้อกวางน้ำหนักมากกว่าห้าสิบกิโลกรัมลงท้อง

ไก่ย่างหายเข้าไปในปากของเขาในพริบตา เมื่อมีเขาเป็นผู้นำ คนงานทั้งหมดก็ไม่สนใจสิ่งใดอีก พวกเขาแย่งกันกินอาหารบนโต๊ะทันที

ลานบ้านแห่งนี้เหลือเพียงเสียงเดียว นั่นคือเสียงกิน!

หัวหน้าหมู่บ้านหลี่ทั้งโกรธและหวาดกลัว เขาตัวสั่นขณะชำเลืองมองพ่อบ้านหลิวราวกับต้องการกล่าวว่า “ไม่ใช่ว่าเจ้าฉลาดนักงั้นหรือ? รีบทำบางสิ่ง!”

แต่พ่อบ้านหลิวจะทำสิ่งใดได้ เขาตอบกลับด้วยสายตา “หากข้าให้คนงานลงมือตอนนี้ พวกเขาจะโกรธและไม่ยอมทำตามคำสั่ง หากหลี่ฉิงซานลงมือก่อนและใช้มีดโจมตีข้า ข้าจะทำอย่างไร? ไม่ใช่ว่าลูกชายของเจ้ามักแสดงตัวว่าแข็งแกร่งอยู่ตลอดเวลางั้นหรือ? เหตุใดตอนนี้พวกเขาจึงดูอ่อนแอนัก!”

โต๊ะหลักมีเพียงพ่อบ้านหลิวและกลุ่มคนชรา พวกเขาอาจล้มลงทันทีเพียงการสัมผัสเบาๆของหลี่ฉิงซาน เมื่อคนเหล่านี้รู้สึกเหมือนถูกบังคับให้เผชิญหน้ากับหลี่ฉิงซานเพียงลำพัง มันก็ช่วยไม่ได้ที่ร่างกายของพวกเขาจะสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว

ดังวลีที่ว่า สุนัขจนตรอก หากบีบบังคับคนไร้ทางสู้มากเกินไป มันจะตอบโต้อย่างรุนแรงโดยไม่สนใจผลลัพธ์

หลี่ฉิงซานทำตัวราวกับไม่มีผู้คนอยู่รอบตัวเขา เขาเพลิดเพลินไปกับการกินเนื้อและดื่มสุรา แน่นอนว่าสุราของหมู่บ้านรสชาติจืดชืดมาก มันแทบไร้รสชาติและเป็นเหตุให้เขาตะโกนออกไปว่า “เอาถ้วยสุราใบใหญ่มาให้ข้า!”

อย่างไรก็ตามไม่มีผู้ใดตอบรับ หลี่ฉิงซานเริ่มแสดงความไม่พอใจ “หือ?”

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ พ่อบ้านหลิวรีบสั่งให้คนรับใช้นำถ้วยสุราใบใหญ่ออกมา

หลี่ฉิงซานเติมสุราและดื่มจนหมดถ้วยในครั้งเดียว “ดี!”

เมื่อคนงานเห็นเขาดื่ม พวกเขาก็เริ่มโห่ร้องด้วยความชื่นชม

หลี่ฉิงซานกินอาหารที่มีไขมันค่อนข้างมากมาตลอดหลายวันที่ผ่านมา ดังนั้นการดื่มสุราจึงทำให้เขารู้สึกพึงพอใจ

เขาดื่มสุราสามถ้วยติดต่อกัน

เมื่อสุราถ้วยที่สามไหลลงคอของเขา ลานบ้านก็เต็มไปด้วยเสียงโห่ร้อง สิ่งที่เกิดขึ้นราวกับพ่อบ้านหลิวไม่ได้เชิญพวกเขามาเพื่อจัดการหลี่ฉิงซานแต่เชิญพวกเขามาเพื่อให้กำลังใจฝ่ายหลัง

หลี่ฉิงซานเรอเสียงดังและโบกมือให้ทุกคน “ทุกคน เมื่อกินอิ่มแล้วก็อย่าลืมขอบคุณพ่อบ้านหลิวด้วย ความคับข้องใจใดๆสามารถชำระได้หลังจากกินอาหาร แม้พวกเจ้าจะลงเอยด้วยเส้นทางสู่ปรภพ พวกเจ้าก็ไม่สามารถเป็นผีที่หิวโหย!”

หลังจากนั้นสายตาของเขาก็ส่องประกายขึ้น เขามองกลับมาที่โต๊ะหลัก “เหตุใดพวกท่านไม่กิน?”

ด้วยการกระตุ้นจากความมึนเมา เจตนาสังหารของเขาจึงถูกปลุกให้ตื่นขึ้น หากบางคนยังต้องการสร้างความยากลำบากให้เขา เขาจะไม่ปล่อยให้หมู่บ้านกระทิงหมอบแห่งนี้สงบสุขอีกต่อไป บางทีเขาอาจฆ่าพวกเขาสองสามคน ยึดทรัพย์สินบางส่วน และออกเดินทาง

เดิมทีหลี่ฉิงซานเพียงเสี่ยงมาร่วมงานเลี้ยง แต่ตอนนี้เขาสามารถพลิกสถานการณ์ให้หันมาอยู่ข้างเขาเป็นการชั่วคราว นี่ทำให้เขานึกถึงคำกล่าวของบางคนในชีวิตก่อนหน้า “ความยากลำบากเหมือนสปริงค์ มันจะทรงพลังเมื่อมันยุบลงไป” เขายังนึกถึงคำกล่าวของผู้นำบางคนของประเทศจีนที่ว่า “นักล่าอาณานิคมเป็นเพียงเสือกระดาษ” เช่นเดียวกับพ่อบ้านหลิวที่เป็นเพียงเสือกระดาษ

พ่อบ้านหลิวอ่านคนเก่ง ทันทีที่เขาเห็นการแสดงออกของหลี่ฉิงซาน เขาก็รู้ว่าชายผู้นี้พร้อมที่จะฆ่า! นั่นทำให้เขาไม่สามารถรักษาความสงบได้อีกต่อไป เหงื่ออันเย็นเยียบเริ่มไหลลงมาจากหน้าผากของเขา

ผู้อาวุโสของหมู่บ้านสองสามคนที่อยู่ที่นี่รู้สึกหวาดกลัวยิ่งกว่า พวกเขาไม่ต้องการเป็นผีที่หิวโหย นั่นทำให้พวกเขาเร่งอธิบายกับหลี่ฉิงซานว่าพวกเขาไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับปัญหาภายในและขอตัวกลับบ้านก่อน

หลี่ฉิงซานตะโกนเสียงเย็น “หยุด! พวกเจ้าทุกคนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสองสามวันก่อน ดังนั้นอย่ารีบจากไป หากพวกเจ้ากินมากพอแล้วก็อยู่เป็นพยาน หากพวกเจ้ายืนกรานที่จะจากไป นั่นหมายความว่าพวกเจ้ามีแผนการซ่อนเร้น ในกรณีนั้นก็อย่าโทษว่าข้าไม่แสดงความเมตตา!”