ตอนที่แล้วบทที่ 10: เก้าฟีนิกส์เปลี่ยนรูป
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 12: เคล็ดวิชาการเคลื่อนไหวไร้เทียมทาน

บทที่ 11: ขอบเขตราชันยุทธ์


บทที่ 11: ขอบเขตราชันยุทธ์

คำพูดของจื่ออู๋เซียนั้นทรงพลังและสะท้อนทำให้มุมมองโลกของย่าหลี่พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง

เธอจ้องไปที่ลู่เสี่ยวหรันและพูดอย่างเย็นชาว่า “เพราะเจ้านี่เอง! เจ้าจะต้องหลอกลวงองค์หญิงแน่ๆ! ข้าจะรายงานเรื่องนี้ต่อท่านจักรพรรดิจื่อหนิงและขอให้เขาฆ่าเจ้าซะ!”

ทันทีที่เธอพูดจบ แววตาคมกริบก็ที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าก็ส่องประกายขึ้นในดวงตาของลู่เสี่ยวหรัน

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะทำการโจมตี จื่ออู๋เซียก็ได้เป็นฝ่ายเริ่มที่จะโจมตีย่าหลี่ก่อน

ย่าหลี่ตกตะลึง

“องค์หญิง ท่านเป็นบ้าไปแล้วหรอ?”

จื่ออู๋เซียกล่าวด้วยท่าทางจริงจัง

“ข้าไม่ได้บ้า ย่าหลี่ ข้าตัดสินใจที่จะเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์ด้วยความประสงค์ของตัวข้าเอง เขาเป็นอาจารย์ของข้าแล้ว และข้าก็จะไม่ยอมให้ใครดูถูกหรือดูหมิ่นเขาเป็นอันขาด ไม่แม้แต่ย่าหลี่ ดังนั้นโปรดยกโทษให้ข้าด้วย”

จากนั้นเธอก็หันกลับมาถาม “ท่านอาจารย์ ย่าหลี่เฝ้าดูข้าเติบโตขึ้นมาและได้คอยปกป้องข้า ท่านอาจารย์ โปรดไว้ชีวิตย่าหลี่เพื่อเห็นแก่ข้าด้วย ข้ายินดีที่จะถูกลงโทษเชื่อชดใช้ในความหยาบคายของนาง”

ลู่เสี่ยวหรันหรี่ตาลงเล็กน้อย โดยปกติแล้ว ถ้ามีใครมาข่มขู่เขา อีกฝ่ายก็คงจะมีลมหายใจอยู่ได้ไม่เกินกว่าชั่วโมงอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ศิษย์ของเขาขอร้องเขา

เขาตัดสินใจที่จะยกโทษให้เพื่อเห็นแก่เธอ

ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงได้แต่ถอนหายใจและตอบกลับไป

“แน่นอน ข้าไม่ได้ใจแคบขนาดนั้น”

“ขอบพระคุณท่านอาจารย์!”

จื่ออู๋เซียถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากขอบคุณอาจารย์ของเธอ เธอก็รีบเดินไปที่ด้านข้างของย่าหลี่และป้อนยาเพื่อช่วยให้เธอหายจากอาการบาดเจ็บก่อนหน้านี้

ย่าหลี่รู้สึกท้อแท้และรู้สึกผิดเล็กน้อยขณะที่เธอกระซิบที่ข้างหูจื่ออู๋เซีย

“องค์หญิง มันเป็นเพราะข้าไร้ประโยชน์เลยช่วยท่านไม่ได้ ท่านคงจะถูกเขาขู่ใช่ไหม มันเป็นเพราะเขาต้องการจะฆ่าข้าหรือเขาคิดจะใช้ท่านเป็นตัวประกันกันแน่?”

จื่ออู๋เซียส่ายหัวของเธอ

“ย่าหลี่ อย่าคิดอย่างนั้น ข้าได้ตัดสินใจเลือกที่จะเป็นศิษย์ของเขาเองจริงๆ โปรดเชื่อข้าเถอะ อีกหนึ่งปีครึ่ง ข้าก็จะกลับไปพระราชวังจักรพรรดิสันติราชา เมื่อถึงเวลานั้น ท่านก็จะได้เห็นตัวข้าที่ต่างไปจากเดิม”

หัวใจของย่าหลี่สั่นสะท้าน เธอสามารถบอกความมุ่งมั่นในสายตาของจื่ออู๋เซียได้

ถ้าเธอถูกคุกคาม เธอก็คงจะไม่มีแววตาเช่นนั้น

ย่าหลี่สูดหายใจเข้าลึกๆ และทำได้เพียงพยักหน้าตกลง

“เอาล่ะ ในเมื่อองค์หญิงมีความมุ่งมั่นเช่นนั้น งั้นข้าก็คงทำอะไรไม่ได้ อย่างไรก็ตาม หากเรากลับไปที่พระราชวังและพระราชาตรัสถาม ข้าก็จะรายงานความจริง”

จื่ออู๋เซียค่อนข้างอาย แต่นี่ก็เป็นความรับผิดชอบของย่าหลี่ เธอเองก็ไม่สามารถพูดอะไรได้และทำได้เพียงถอนหายใจ

“เอาล่ะ ในกรณีนี้ งั้นก็ดูแลตัวเองด้วย”

“ท่านก็เช่นกัน องค์หญิง ข้าคงต้องขอตัวไปก่อน”

ทันทีที่เธอพูดจบ ย่าหลี่ก็ตัดสินใจว่าเธอจะไม่อยู่อีกต่อไป เธอรีบลงจากภูเขาเพื่อไปรักษาอาการบาดเจ็บของเธอ

ลู่เสี่ยวหรันไม่กลัวว่าเธอจะรายงานเรื่องนี้ต่อจักรพรรดิจื่อหนิง

ประการแรก ด้วยค่ายกลผนึกสวรรค์แปดทิศนี้ มันก็คงจะมีคนไม่มากที่จะสามารถเข้ามาในดินแดนแห่งนี้ได้

ประการที่สอง จื่ออู๋เซียเป็นเพียงศิษย์ของเขา เธอไม่ใช่นางสนมของเขา

ดังนั้นจักรพรรดิจื่อหนิงจึงไม่จำเป็นต้องมาเพื่อต่อสู้กับเขา

หลังจากที่ย่าหลี่จากไป ลู่เสี่ยวหรันก็แสดงศักดิ์ศรีของความเป็นอาจารย์ในทันที

“เอาล่ะ มันไม่ดีที่จะละเลยในการฝึกตน หลี่เกอ อธิบายกฎของนิกายอสูรสวรรค์และยอดเขาจื่อฉุ่ยให้ศิษย์น้องของเจ้าฟัง หลังจากนั้น เจ้าก็กลับไปฝึกตนต่อซะ”

“รับทราบ!”

หยุนหลี่เกอตอบรับและลู่เสี่ยวหรันก็หันหลังกลับและเดินเข้าไปในที่พักของเขา

หยุนหลี่เกอเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาเห็นจื่ออู๋เซีย เขาก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงเล็กน้อย

รูปร่างของจื่ออู๋เซียนั้นเหนือกว่าผู้หญิงคนใดที่เขาเคยเห็น แม้แต่อดีตคู่หมั้นของเขาซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยชื่นชอบก็ยังดูด้อยกว่าเธอมาก

อย่างไรก็ตาม อีกฝ่ายหนึ่งก็เป็นศิษย์น้องของเขา หยุนหลี่เกอรู้ขอบเขตของเขา หลังจากเหลือบมองไม่กี่ครั้ง เขาก็เริ่มพูดอธิบายอย่างจริงจัง

“สวัสดีศิษย์น้องของข้า ข้าหยุนหลี่เกอ”

จื่ออู๋เซียพยักหน้า

“จื่ออู๋เซียทำความเคารพศิษย์พี่ใหญ่”

หยุนหลี่เกอเกาหัวของเขา

“เอ่อ ไม่จำเป็นต้องสุภาพแบบนั้นก็ได้ อันที่จริง ข้าก็เพิ่งเป็นศิษย์ของอาจารย์ได้ก่อนหน้าเจ้าหนึ่งเดือนเท่านั้น”

การแสดงออกแปลกๆ แวบวาบในดวงตาของจื่ออู๋เซีย

หลังจากนั้น หยุนหลี่เกอก็บอกเธอเกี่ยวกับกฎของนิกายอสูรสวรรค์และยอดเขาจื่อฉุ่ย

เมื่อเธอรู้ว่ากุญแจสำคัญยอดเขาจื่อฉุ่ยคือคำว่า "ไร้เกียรติ" การแสดงออกของเธอก็เปลี่ยนไปทันที เธอมีสีหน้าแบบเดียวกับที่หยุนหลี่เกอทำเมื่อเขาได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรก

อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอได้ยินหยุนหลี่เกอพูดถึงทฤษฎี "พวกขี้โกง" ของลู่เสี่ยวหรัน รูม่านตาของเธอก็หดตัวลงในทันที และเธอก็เหงื่อออกอย่างเห็นได้ชัด

อันที่จริง เธอเองก็ไม่เคยคาดคิดว่าอดีตคู่หมั้นของเธอจะเอาชนะเธอได้

เขาเป็นเพียงนายน้อยจากตระกูลเล็กๆ

มันเป็นความจริงที่ตระกูลของเขาถูกมองว่าเป็นตระกูลที่ร่ำรวย แต่นั่นก็เป็นเพียงมุมมองของคนธรรมดาเท่านั้น

เมื่อเทียบกับพระราชวังจักรพรรดิสันติราชาแล้ว ตระกูลของเขาก็เล็กราวกับมด

สำหรับเธอ เธอได้รับการสนับสนุนจากพระราชวังจักรพรรดิสันติราชา ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์ในสายเลือดของเธอ เคล็ดวิชาการฝึกตน เม็ดยา หรือทรัพยากรที่ใช้ในการฝึกตนอื่นๆ ทุกสิ่งที่เธอมีล้วนเหนือกว่าอีกฝ่ายหลายเท่า

ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังพ่ายแพ้

เธอแพ้เขาในการต่อสู้ครั้งเดียว!

แม้ว่าเธอจะระดมสมองไตร่ตรอง แต่เธอก็ยังไม่รู้ว่าจะอธิบายสถานการณ์นี้อย่างไร

อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ยินทฤษฎีของลู่เสี่ยวหรัน เธอก็เข้าใจได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผล

จื่ออู๋เซียสูดหายใจเข้าลึกๆ และจ้องมองไปที่หยุนหลี่เกอและกล่าวว่า “ศิษย์พี่หยุน ท่านเชื่อใน... ทฤษฎีที่ท่านอาจารย์กล่าวถึงหรือไม่?”

“อแน่นอน!”

ดวงตาของหยุนหลี่เกอเปล่งประกายด้วยท่าทางที่มั่นคง

จื่ออู๋เซียยังคงถามต่อ “เป็นไปได้ไหมว่าศิษย์พี่ใหญ่เองก็…?”

“ถูกต้อง!”

หลังจากที่หยุนหลี่เกอเล่าเรื่องของเขาให้จื่ออู๋เซียฟัง เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากตัวสั่น

แท้จริงแล้วพวกขี้โกงนั้นมีอยู่จริง!

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้มันจะไม่สมเหตุสมผลเกินไปหน่อยหรอ?

คนอื่นต้องใช้เวลาทั้งชีวิตและทำงานหนักเพื่อให้ประสบความสำเร็จ แต่พวกเขาก็กลับสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากนัก

คนเหล่านี้เป็นมนุษย์จริงๆ หรอ?

หรือพวกเขาเป็นลูกรักของเต๋าสวรรค์กันแน่!

นี่ไม่ใช่การดูถูกเหยียบหยามการทำงานหนักของผู้อื่นเหมือนขยะหรอกหรอ?

หยุนหลี่เกอยิ้มและปลอบ “อย่างไรก็ตาม เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องอิจฉาคนพวกนั้นหรอก มันเป็นความจริงที่เราไม่มีโชคและโอกาสที่สวรรค์มอบให้อย่างพวกเขา อย่างไรก็ตาม เราก็มีท่านอาจารย์! ด้วยความช่วยเหลือจากท่านอาจารย์ เราก็จะสามารถกลายเป็นพวกขี้โกงเหมือนอย่างพวกเขาได้!”

จื่ออู๋เซียนึกถึงสิ่งที่ลู่เสี่ยวหรันพูดและอดไม่ได้ที่จะคิดตาม

จากนั้น เธอก็ถามด้วยความสงสัย “อ้อ อีกอย่างหนึ่ง ศิษย์พี่ใหญ่หยุน เนื่องจากท่านอยู่ที่นี่มานาน ท่านพอจะรู้เรื่องอาจารย์บ้างไหม? ท่านช่วยบอกข้าหน่อยได้ไหมเกี่ยวกับการฝึกตนของท่านอาจารย์?”

หยุนหลี่เกอส่ายหัวและยิ้มอย่างขมขื่น

“ข้าเองก็ไม่รู้จริงๆ เพราะจริงๆ แล้วข้าก็ยังไม่ได้อยู่ที่นี่นานพอ นอกจากนี้ เจ้าลืมไปแล้วหรอว่ากฎของยอดเขาจื่อฉุ่ยระบุว่าเราไม่ควรเปิดเผยระดับการฝึกตนที่แท้จริงของพวกเรา”

“นั่นก็จริง”

“อย่างไรก็ตาม ข้าก็พอจะคาดเดาได้จากพฤติกรรมของท่านอาจารย์”

“การฝึกตนของท่านอาจารย์อย่างน้อยสุดก็จะต้องอยู่ในขอบเขตราชันยุทธ์อย่างแน่นอน!”

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด