ตอนที่แล้วEp.77 - ใช้เป็นหมาเลยนะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.79 - คงเจ็บน่าดู

Ep.78 - มอนสเตอร์กูล


3/3

Ep.78  - มอนสเตอร์กูล

แม้ในใจจะรู้สึกหดหู่ แต่ทีมๆนี้นับว่าเปิดหูเปิดตาหวังฉงอย่างแท้จริง

จางเสี่ยวเฉียงเป็นตัวทำดาเมจสูงสุด เขาคนเดียวสามารถโจมตีครอบคลุมมอนสเตอร์หลายตัว

จ้าวหมิงเป็นพลโล่สุดแกร่ง สามารถยืนหยัดรับมือกลุ่มมอนสเตอร์เพียงลำพังได้

เจียงหนานเป็นฝ่ายสนับสนุนที่ทรงพลัง มีความสามารถในการรักษาอันยอดเยี่ยม

อาวุธและแหวนของเธอช่วยเพิ่มคุณสมบัติศักดิ์สิทธิ์ 2 แต้ม มันผสานเข้ากับสกิลพรสวรรค์ของเธอได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเพิ่มพลังในการรักษาไปอีกขั้น ร่ายครั้งเดียวสามารถฟื้นฟูพลังชีวิตได้ถึง 8 หน่วย

เจียงหนานสามารถรับหน้าที่รักษาได้อย่างดีเยี่ยม สกิลฟื้นฟูพลังมีคูลดาวน์สั้นมาก เพียงพอที่จะรับรองความปลอดภัยของสมาชิกทีมคนอื่นๆ มันรวดเร็วและสะดวกสบายมากกว่าการดื่มโพชั่น

นอกจากนี้เจียงหนานเองก็ไม่ใช่ตัวกินพืช เมื่อมีโครงกระดูกหลุดเข้ามาใกล้ เธอจะชูอาวุธกระบองขึ้นและทุบพวกมันทันที ฟาดสองสามครั้งก็สามารถกำจัดโครงกระดูกก็อบลินลงได้

นักบวชที่ได้รับคุณสมบัติศักดิ์สิทธิ์ จะสามารถสร้างดาเมจเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากต่อมอนสเตอร์ประเภทธาตุมืด ปีศาจ และอันเดธ

ส่วนฮังอวี่น่ะหรือ? เขาไม่ได้ทำดาเมจได้รุนแรงเท่าเสี่ยวเฮียง ไม่ได้ถึกทนเหมือนเหล่าจ้าว ไม่มีสกิลรักษาเหมือนเจียงหนานน้อย แต่สามารถเคลื่อนไหวว่องไว กวัดแกว่งดาบในมือได้เฉียบคมไม่แพ้ใคร

เขาคือหัวใจหลักของทีม เป็นตัวตนไร้เทียมทานที่มีพลังรบครอบคลุม

ในความคิดของหวังฉง ตอนแรกเขาเดาว่าทีมนี้น่าจะเป็นทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในค่ายก็อบลิน แต่เมื่อมาเห็นด้วยตาตัวเองก็ยังยากจะทำใจเชื่อ!

พวกเขามันสัตว์ประหลาดชัดๆ อ๊าาา~

หากให้เขาสู้ตัวต่อตัวกับคนในทีมนี้ ไม่ต้องกล่าวถึง ฮังอวี่ จ้าวหมิง หรือ จางเสี่ยวเฉียง

เกรงว่าแค่เจียงหนาน หวังฉงก็ยังไม่สามารถเอาชนะได้

เมื่อคิดได้แบบนี้ หวังฉงไม่รู้สึกหดหู่อีกต่อไป เพราะถ้าเทียบกับคนอื่นๆ ด้วยเลเวลในตอนนี้ของเขา รับหน้าที่นี้นับว่าเหมาะสมแล้ว

นี่ยังไม่พูดถึงเรื่องที่ว่า แต้มวิญญาณกำลังหลั่งไหลเข้ามาในตัวเขาดั่งสายฝนอีกนะ!

หวังฉงไม่เคยคิดเลย ว่าการอัพเลเวลมันจะสามารถรวดเร็วได้ขนาดนี้ เขาเฝ้ามองแต้มวิญญาณในร่างกายเพิ่มขึ้นทีละเล็ก ทีละน้อย

ชื่นใจ!

ฟินโคตร!

แม้มอนสเตอร์ระดับสามัญจะมีแต้มวิญญาณต่ำ แต่ด้วยจำนวนที่มาก ทำให้หวังฉงรู้สึกเหมือนกำลังขี่จรวด

ด้วยอัตราเร็วขนาดนี้ เรื่องอัพเลเวลสามารถทำได้อย่างไม่ต้องสงสัย และอาจจะยังได้แต้มวิญญาณติดไม่ติดมือมาอีกจำนวนหนึ่งด้วย!

คุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายแล้ว!

ทั้งสี่คนนำหวังฉงมุ่งหน้าลึกเข้าไปในแดนฝังกระดูก

โครงกระดูกก็อบลินเกือบ 40 ตัว และซอมบี้อีกกว่า 20 ถูกกำจัดระหว่างทาง

ฮังอวี่ จางเสี่ยวเฉียง เจียงหนาน จ้าวหมิง ต่างได้รับแต้มวิญญาณกันคนละ 11 - 12 แต้ม และเจียงหนานสามารถอัพเลเวล 3 ได้สำเร็จ

เนื่องจากหวังฉงได้รับแต้มวิญญาณเพียงครึ่งเดียว ดังนั้นเพิ่มขึ้นเพียงประมาณ 6 แต้มเท่านั้น

แต่แค่นี้หวังฉงก็พอใจมากแล้ว เพราะตั้งแต่เริ่มสู้ เวลามันผ่านไปไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ

ด้วยอัตราเร็วในการล่านี้ ยังต้องกังวลเรื่องอัพเลเวล 2 อีกหรือ?

แต่ระหว่างที่หวังฉงกำลังนึกแบบนั้น จู่ๆเขาก็พบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ทีมของเขายังคงมุ่งหน้าลึกเข้าไปในแดนฝังกระดูก แต่ต้นไม้แห้งกลับค่อยๆลดลง  วิสัยทัศน์เริ่มเปิดกว้างขึ้น

ภูเขาสูงตระหง่านสองลูกบรรจบกันเบื้องหน้าพวกเขา และตรงที่บรรจบกันมีช่องว่างเป็นหุบเขาเล็กๆ ตรงหุบเขามีอาคารเก่าแก่และทรุดโทรมตั้งตระหง่านอยู่

เป็นวิหาร! วิหารที่เหมือนซากปรักหักพังดูน่าขนลุก ขนาดค่อนข้างใหญ่ มีกำแพงพังๆสีขาวล้อมรอบ  พื้นดินแห้งและเป็นสีดำ ให้ความรู้สึกน่าหดหู่และมืดมนยิ่งกว่าแดนฝังกระดูกเสียอีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของวิหาร ด้วยบรรยากาศเหมือนทุกอย่างได้ตายไปแล้ว ยิ่งทำให้มันดูลึกลับและมีมนต์ขลัง

หวังฉงบังเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี คนอื่นๆก็รู้สึกกดดันเช่นกัน

ซอมบี้และโครงกระดูกที่เดินเตร่อยู่รอบๆที่นี่มีเลเวลเพิ่มเป็น 4 กันหมดแล้ว พวกมันแข็งแกร่งกว่ามอนสเตอร์ข้างนอกมาก  แม้พวกเขาจะเตรียมใจมาระดับหนึ่ง แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงความอันตราย

ฮังอวี่เอ่ยปากเตือน “พวกเรามาถึงแล้ว หลังจากนี้ต้องใจเย็นลงหน่อย ระมัดระวังให้มากขึ้น”

“มีแผ่นศิลาอยู่ตรงนั้น” เจียงหนานพบแผ่นศิลา เมื่อตั้งใจมองก็ได้รับข้อมูลตอบกลับมา คู่คิ้วงามของเธอขมวดเข้าหากันโดยไม่รู้ตัว

“วิหารเนโครแมนเซอร์? ฟังดูเหมือนพวกหมอผีเลย อ่านแล้วรู้สึกไม่สบายใจยังไงก็ไม่รู้”

เอาจริงๆไม่ใช่แค่ไม่สบายใจ แต่สถานที่แห่งนี้ทำให้ผู้คนรู้สึกแย่มาก!

ระดับความอันตรายของมันคนละชั้นกับแดนฝังกระดูกอย่างแน่นอน!

จ้าวหมิงเอ่ยถามทันที “พวกเราจะเอายังไงต่อ?”

“วิหารเนโครแมนเซอร์ข้างหน้านี้คือจุดหมายของพวกเรา ข้างในมีของดีๆให้เก็บเกี่ยวมากมาย และผมตัดสินใจว่าจะพิชิตมันให้ได้วันเดียว!” ฮังอวี่หันไปพูดกับจ้าวหมิง “แต่พวกเรายังไม่พร้อม ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาเข้าไป”

จ้าวหมิงตั้งตารอมากๆที่จะบุกวิหารเนโครแมนเซอร์ พอได้ยินคำพูดของฮังอวี่เขาก็อดสงสัยไม่ได้ ต้องถามออกมา “พื้นที่ของวิหารดูจากภายนอกฉันว่าไม่ใช่เล็กๆ การที่พวกเราจะพิชิตมันในหนึ่งวัน เวลามันกระชั้นชิดมาก ทำไมถึงไม่เข้าไปตอนนี้เลย?”

“ถ้าเข้าไปตอนนี้ แปปเดียวพวกเราก็ตายกันหมด” ฮังอวี่ยักไหล่ กล่าวต่อว่า “ไม่ต้องรีบร้อน ผมใกล้ถึงเลเวล 4 แล้ว พวกเราออกล่ารอบนอกซักหน่อย เอาไว้ผมเลเวลอัพก็ยังไม่สายเกินไปที่จะเข้าวิหาร”

อะไรนะ?

หวังฉงตกใจมาก ตัวเขายังดิ้นรนอยู่ในเลเวล 1 อยู่เลย แต่เจ้าหมอนี่เกือบจะขึ้นเป็นเลเวล 4 แล้ว!

จ้าวหมิง จางเสี่ยวเฉียง และเจียงหนานก็ตกใจเช่นกันที่ฮังอวี่ใกล้เลื่อนขั้นเป็นเลเวล 4 อย่างไรก็ตาม พวกเขาเคยเห็นความสามารถของฮังอวี่มาแล้ว ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เขากำลังจะอัพเลเวล

ฮังอวี่กำลังเตรียมมอบหมายงานให้ทุกคน แต่เสียงคำรามน่าขนลุกกลับดังก้องในหูเขาซะก่อน

นอกจากฮังอวี่ที่เตรียมใจไว้ก่อนแล้ว อีกสี่คนสะดุ้งกับเสียงร้องอย่างกะทันหันนี้

เสียงนี้ฟังดูเหมือนเสียงของลิง แต่มันกลับฟังดูฉุนเฉียวกว่ามาก เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมและบ้าคลั่งของสัตว์ร้าย! เป็นสัตว์ร้ายที่พึ่งหลุดจากกรงและพร้อมจะกลืนกินเหยื่อที่พบ!

หวังฉงสบถด้วยความหวาดกลัว “เชี่ยเถอะ นั่นมันเสียงอะไร ใช่สัตว์ร้ายรึเปล่า?”

จางเสี่ยวเฉียงเกือบจะหลุดสบถออกมาเช่นกัน ตัดสินจากเสียงและแรงกดดันของมัน คาดว่ามอนสเตอร์ตัวนี้แข็งแกร่งกว่าตัวใดที่พวกเขาเคยเจอมา และที่แย่ที่สุดคืออีกฝ่ายน่าจะกำลังตรงมายังที่นี่!

“ชู่ว์ เบาเสียงหน่อย นั่นมอนสเตอร์กูล ซ่อนตัวเร็ว!”

ทั้งห้ารีบไปซ่อนตัวแถวๆกำแพงพังใกล้วิหาร ก่อนที่มอนสเตอร์ตัวนั้นจะเข้ามาใกล้

อย่างไรก็ตาม เมื่อเดินมายังจุดที่พวกฮังอวี่เคยยืนอยู่ มอนสเตอร์กูลคล้ายสังเกตถึงอะไรบางอย่าง มันมองไปรอบๆคล้ายกำลังค้นหาบางสิ่ง

สายตาของมันทำให้คนในทีมรู้สึกหวาดกลัวจนหลั่งเหงื่อเย็น

เจียงหนานเรียกความกล้า ชะโงกหน้าชำเลืองมองมัน

เธอพบว่ากูลเป็นมอนสเตอร์ที่มีร่างกายกำยำ แขนขาใหญ่เหมือนกอลิลา มันมีกรงเล็บที่แหลมคมเหมือนกริช ขนขาวบาง บนผิวหนังเต็มไปด้วยแผล เบ้าตาจมลึกและมีลูกไฟลุกไหม้อยู่ข้างใน ปากฉีกถึงใบหู และข้างในเต็มไปด้วยฟันแหลมที่เหมือนมีดโกน

จะน่าเกลียดน่ากลัวเกินไปแล้ว!

เจียหนานรู้สึกลมหายใจติดขัด เธอรีบก้มศีรษะลง เอนหลังพิงกำแพง หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง หัวใจดวงน้อยเต้นระรัว

เดิมเธอคิดว่าหลังจากผ่านประสบการณ์ต่อสู้มาหลายครั้ง ตัวเองน่าจะมีความกล้ามากพอแล้ว

แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ อย่างน้อยหากต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ที่แสนดุร้ายและน่าเกลียดเบื้องหน้านี้ เธอก็ยังไม่อาจระงับความกลัว ตื่นตระหนกอย่างไม่อาจควบคุม

อย่างไรก็ตาม สภาพของเจียงหนานยังถือว่าดีกว่าคนอื่นๆ เพราะตอนนี้ข้างๆเธอ เสี่ยวเฉียงกับหวังฉงเกือบจะกอดกันอยู่แล้ว

มอนสเตอร์กูลเดินใกล้เข้ามาจนอยู่ห่างจากพวกเขาไม่ถึง 30 เมตร ทุกคนสามารถได้กลิ่นเหม็นเน่าของมัน

จ้าวหมิงยังคงเป็นผู้มีสภาวะจิตใจสงบที่สุดในบรรดาลูกทีมคนอื่นๆ เขาสามารถยับยั้งความกลัวในสิ่งที่ไม่รู้จักได้อย่างเต็มที่

หลังจากสังเกตการณ์มันได้ซักพัก เขาก็เอ่ยถามเสียงแผ่วว่า “มันคือมอนสเตอร์ชั้นยอดใช่ไหม?”

ฮังอวี่พยักหน้า “เป็นมอนสเตอร์ชั้นยอดเลเวล 4 ขั้นบรอนซ์”

อย่างที่คิด มันคือมอนสเตอร์ชั้นยอดจริงๆ

และยังเป็นขั้นบรอนซ์เลเวล 4!

พวกเขาเคยเสู้กับมอนสเตอร์ชั้นยอดมาบ้างเหมือนกัน อย่างในบรรดาพวกก็อบลิน ก็มีก็อบลินนักรบ แต่ขนาดตัวน่าจะพอๆกับจางเสี่ยวเฉียงเท่านั้น ไม่น่าเกิน 120 ปอนด์

ทว่ากูลตัวนี้ไม่เหมือนกัน! ขนาดตัวของมันใหญ่มาก กะด้วยสายตาน่าจะหนักกว่า 300 ปอนด์ ดีไม่ดีอาจหนักเกือบ 400 ปอนด์ด้วยซ้ำ! ต่างกับก็อบลินนักรบฟ้ากับเหว

“พวกเราพึ่งขึ้นเลเวล 3 กันเอง แล้วจะเอาชนะมอนสเตอร์ชั้นยอดเลเวล 4 ได้ยังไง?” จางเสี่ยวเฉียงเริ่มชักฝีเท้าถอยโดยไม่รู้ตัว

“เจ้าหมอนี่ดูแวบแรกก็รู้ว่ารับมือไม่ง่าย ฉันแนะนำว่าอย่าไปยั่วโมโหมันจะดีกว่า”

หวังฉงที่อยู่ข้างๆเสี่ยวเฉียงตัวสั่นเทิ้ม ไม่กล้าพูดอะไร

จุดประสงค์ของหวังฉงเดิมต้องการอัพเลเวลอย่างสงบเท่านั้น ในสมองเขาคิดวนอยู่แค่ประโยคเดียว

ช่วยไปสู้กับมอนสเตอร์ธรรมดาไม่ได้หรอ? ทำไมพวกนายต้องมาล่าไอ้ตัวที่เหมือน BOSS แบบนี้ด้วย!

“ฮึ่ม! เสี่ยวเฉียง อย่าพูดอะไรไร้สาระ ทำแบบนั้นมีแต่ลดขวัญกำลังใจของทีม” เจียงหนานพูดเหมือนไม่พอใจจางเสี่ยวเฉียง แต่จริงๆแล้วเธอน่าจะให้กำลังใจตัวเองอยู่มากกว่า

เธอมองไปทางฮังอวี่ “พี่มหาเทพ พี่จะเอายังไง?”

ฮังอวี่ไม่ออกความคิดเห็นใดๆ เอ่ยสั้นๆเพียงคำเดียว

“ฆ่า!”