ตอนที่แล้วEp.76 - เงื่อนไขเข้าทีม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.78 - มอนสเตอร์กูล

Ep.77 - ใช้เป็นหมาเลยนะ


2/3

Ep.77 - ใช้เป็นหมาเลยนะ

มีฮังอวี่นำทีม การเดินทางปลอดภัยกว่าเดิมมาก

จ้าวหมิง จางเสี่ยวเฉียง และเจียงหนานต่างเชื่อมั่นในตัวฮังอวี่ ระหว่างทางทุกคนผ่อนคลาย พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน

จ้าวหมิงโชว์สิ่งที่เขาภูมิใจที่สุดที่พึ่งได้มาในช่วงสองวันก่อน

[หินสกิลนักรบ : โล่จู่โจม] ชิ้นส่วนมรดกของนักรบโล่ สีขาวคุณภาพสูง เงื่อนไขการเรียนรู้ : จ่าย 50 แต้มวิญญาณ

หลังได้รับคำแนะนำจากฮังอวี่ จ้าวหมิงทุ่มเงินกว่า 50 ล้านหยวนเพื่อซื้อมันมา

แม้แต่คนอย่างเหล่าจ้าว เงินสด 50 ล้านก็ถือว่าเป็นจำนวนไม่น้อย

แต่สำหรับหินสกิล 50 ล้านหยวนไม่ถือว่ามากอะไร

เพราะตอนนี้เหล่าเถ้าแก่ใหญ่ในโลกจริง ไม่ว่าจะเป็น หม่าหยุน , หม่าเต็ง , หวังต้าหลิน และชูหยิง คนกลุ่มนี้กำลังไล่กว้านซื้อหินสกิลอย่างบ้าคลั่ง มากจนหินสกิลสายโจมตี และหินสกิลสายรักษา ถูกเก็งกำไรจนพุ่งสูงเกือบ 100 ล้านหยวน

แต่ก็นั่นแหละ บางครั้งมีเงินอย่างเดียวก็ไม่สามารถซื้อได้

ส่วนเหตุผลที่จ้าวหมิงสามารถซื้อมันมาได้ในราคา 50 ล้านหยวน ด้านหนึ่งเป็นเพราะเหล่าจ้าวเองก็เป็นระดับเถ้าแก่ใหญ่ เขามีสถานะอยู่บ้างในเซินเจิ้น

อีกด้านหนึ่งก็เพราะสกิลนี้ค่อนข้างมีข้อจำกัด มันสามารถร่ายได้เฉพาะตอนสวมอุปกรณ์โล่เท่านั้น ดูไม่ทรงพลังซักเท่าไหร่ ราคาเลยต่ำกว่าหินสกิลอื่นๆ

ฮังอวี่กล่าวว่า “ลุงจ้าวโชคดีจริงๆ หินสกิลนี้มีประโยชน์กับคุณมาก มันดีกว่าพวกสกิลโจมตีที่ทรงพลังซะอีก ถึงเงิน 50 ล้านจะเป็นจำนวนไม่น้อย แต่มันคุ้มค่าแน่นอน!”

จ้าวหมิงพอได้ยินฮังอวี่พูดแบบนี้ก็โล่งใจ

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้แต้มวิญญาณของเขาไม่พอ เลยยังไม่สามารถเรียนรู้ได้

จางเสี่ยวเฉียงเอ่ยถามหวังฉงอย่างสงสัย “นายน้อยฉง ตระกูลคุณรวยมากไม่ใช่หรอ ทำไมไม่ซื้อหินสกิลโจมตีมาใช้ซักสองสามก้อนล่ะ?”

“เหอะ นายคิดว่าหินสกิลโจมตีเป็นผักกาดจีนตามท้องตลาดรึไง? มันไม่ใช่อะไรที่มีเงินอย่างเดียวสามารถซื้อได้หรอกนะ” หวังฉงรู้สึกหดหู่มากเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ “จังหวะที่โลกวิญญาณเข้ารุกรานเลวร้ายมาก ตอนนั้นฉันบังเอิญไปรับสาวๆที่เมืองหัวเฉิงพอดี และประเด็นคือเมืองหัวเฉิงไม่ใช่ถิ่นฉัน!”

และเพราะการคมนาคมเป็นอัมพาต นายน้อยฉงเลยถูกขังในเมืองหัวเฉิง เปรียบดั่งมังกรติดน้ำตื้น ไม่อาจสำแดงอิทธิพลของมันได้

และเพราะหินสกิลตาเหยี่ยวไม่ใช่สายประเภทโจมตีนั่นเอง ซูหยิงถึงยังคงเก็บมันไว้โดยไม่ได้ใช้งาน หวังฉงจึงกล้าอาสาเป็นคนกลางในครั้งนี้

จ้าวหมิงเปลี่ยนหัวข้อ “ฉันได้ข้อมูลมาจากค่ายที่อยู่ใกล้ๆกับพวกเรา ว่ามีคนพบค่ายมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ ที่นั่นมีหมูป่าอาศัยอยู่อย่างน้อยสามร้อยถึงพันตัว เป็นกองกำลังที่ทรงพลังมาก”

“อา เยอะขนาดนั้นเชียว?” ดวงตาสดใสของเจียงหนานเบิกกว้าง แสดงท่าทีตกใจ

ตอนเจียงหนานบุกค่ายก็อบลิน ในค่ายมีมอนสเตอร์อยู่แค่หลักสิบเท่านั้น ทว่าค่ายหมูป่าที่พูดถึงกลับมีมอนสเตอร์อยู่หลักร้อยหรืออาจถึงหลักพันตัว?

ชัดเจนว่าเป็นค่ายที่มีระดับสูงกว่าค่ายก็อบลินมาก! หรืออีกความหมายก็คือ หากสามารถพิชิตมันได้ ผลกำไรที่ได้รับอาจมากกว่าค่ายก็อบลินถึง 10 เท่า!

แต่ละค่ายจะมีวัตถุดิบไม่เหมือนกัน ดูจากในแง่ของเลเวลและขนาดค่าย คาดว่าวัตถุดิบที่สามารถซื้อจากค่ายหมูป่า ต้องดีกว่าของค่ายก็อบลินมากแน่ๆ

ดังนั้นการค้นพบค่ายนี้ ถือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมากสำหรับทุกคน

“ข่าวนี้ไม่น่าจะผิดพลาด วันนี้ฉันสั่งปันจื่อพาคนไปตรวจสอบความจริงแล้ว” กล่าวถึงจุดนี้ จ้าวหมิงเหลือบมองฮังอวี่ “บางทีหลังจบการผจญภัยรอบนี้ พวกเราอาจต้องการความร่วมมือจากนายอีกครั้ง”

ปันจื่อที่จ้าวหมิงเรียกเป็นเพียงชื่อเล่น ชื่อจริงของเขาคือปันหลง คนผู้นี้เป็นลูกน้องที่จ้าวหมิงเคยพาเข้ามาในค่ายก็อบลินครั้งก่อน

ได้ยินคำเชื้อเชิญของจ้าวหมิง ฮังอวี่ไม่ได้มีปฏิกริยาตอบรับใดๆ

ค่ายหมูป่าอยู่ไม่ไกลจากที่นี่จริงๆ แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถทำอะไรได้

จะกินข้าวต้องกินทีละคำ ครั้งนี้ควรโฟกัสเรื่องบุกวิหารเนโครแมนเซอร์ก่อนเป็นอันดับแรก เรื่องอื่นไว้ว่ากันทีหลัง

...

พวกฮังอวี่ใช้เวลาเดินทางกว่า 1 ชั่วโมง ในที่สุดก็มาถึงแดนฝังกระดูกก็อบลิน

มอนสเตอร์ชั้นยอดที่อยู่รอบนอกอย่าง ‘โนมปล้นศพ’ ถูกกวาดล้างจนหมดสิ้นแล้ว

ตอนนี้เหลือแต่พวกโครงกระดูกก็อบลินและซอมบี้อ่อนแออีกนิดๆหน่อยๆ

อย่างไรก็ตาม มอนสเตอร์ระดับนี้มีหรือจะหยุดพวกเขาได้? ทั้งทีมก้าวเข้าสู่เขตแดนฝังกระดูกอย่างรวดเร็ว พวกซอมบี้และโครงกระดูกหลายตัวตระหนักถึงผู้รุกราน เริ่มเดินเข้ามาหา

หวังฉงตกใจมากเมื่อเห็นโครงกระดูกยืนขึ้น “เฮ้ เฮ้ พวกนายจะประมาทไปหน่อยไหม? เดินดุ่มๆเข้าหาพวกมอนสเตอร์แบบนี้ คิดจะฆ่าตัวตายรึไง? รีบหนีเร็ว!”

หวังฉงถูกฆ่ามาหลายครั้งแล้ว แม้ในโลกวิญญาณจะสามารถฟื้นคืนชีพได้ แต่ความรู้สึกตอนถูกฆ่าไม่ใช่รสชาติที่ดีเลย ยังไงซะความเจ็บปวดเหล่านั้นล้วนเป็นของจริง!

ดังนั้นนายน้อยฉงยังคงหวาดกลัวมาก

เจียงหนานเดิมไม่ค่อยประทับใจหวังฉงอยู่แล้ว เมื่อเห็นหวังฉงทำตัวขี้ขลาด ในใจเธอก็ยิ่งดูถูกเขามากขึ้นไปอีก

จางเสี่ยวเฉียงกล่าวด้วยใบหน้าประจบสอพลอ “นายน้อยฉงอย่ากลัวไปเลย ไม่จำเป็นต้องกังวล เจ้าพวกนี้แค่ปลาซิวปลาสร้อย จัดการได้ง่ายๆ”

ว่าจบ  เขาก็อาสาเป็นคนลงมือ

“เจ้านาย ลูกพี่ สาวสวยเจียง ทั้งสามคนทำตัวตามสบาย” จางเสี่ยวเฉียงก้าวนำออกมาด้วยท่าทีองอาจห้าวหาญ “เจ้าพวกนี้ปล่อยให้ฉันจัดการเอง!”

เจียงหนานเบ้ปาก เจ้าหมอนี่ทำตัวโอ้อวดซะจริง ครั้งแรกที่ถูกส่งมาโลกวิญญาณ เธอจำได้ว่าจางเสี่ยวเฉียงกลัวหัวหดยิ่งกว่าหวังฉงซะอีก!

จางเสี่ยวเฉียงยิงลูกไฟ จากนั้นยิงลูกศรอากาศตามไปติดๆ

บรึ้มมมม!

ทันทีที่ลูกไฟไปถึงตรงกลางระหว่างซอมบี้และโครงกระดูก มันถูกลูกศรที่ไล่หลังมาแทงเข้าในจังหวะเหมาะเหม็ง กลายเป็นตัวจุดชนวน ก่อให้เกิดระเบิดกลางอากาศ

ความแตกต่างระหว่างสกิลพรสวรรค์และสกิลทั่วไปก็คือ สกิลทั่วไปส่วนใหญ่แล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนรูปร่าง(เพิ่มลดขนาด)หรือเพิ่มรัศมีโจมตี ขณะที่สกิลพรสวรรค์สามารถทำได้ และในทางทฤษฏียังสามารถพัฒนาได้อย่างไร้ขีดจำกัด โดยจะเพิ่มขึ้นตามเลเวล และไม่จำเป็นต้องเสียแต้มวิญญาณในการเรียนรู้

ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าจางเสี่ยวเฉียงขึ้นเป็นเลเวล 3 แต่ตอนนี้เขายังสวมแหวนขาว , สร้อยคอขาว และเสื้อขาวที่ช่วยเพิ่มสติปัญญา นอกจากนี้ไม้เท้าขาวในมือยังเป็นถึงไม้เท้าเลเวล 3 ทั้งหมดทั้งมวลบนตัวเขา มันช่วยเพิ่มความเสียหายทางเวทย์ได้เป็นอย่างมาก!

อย่าว่าแต่สกิลพรสวรรค์เลย แค่สกิลลูกศรอากาศที่จางเสี่ยวเฉียงพึ่งเรียนรู้ก็ทรงพลังมากแล้ว!

ลูกไฟปะทุตรงกลางระหว่างซอมบี้กับโครงกระดูกสองตัว เกิดเสียงบรึ้มมม ดังสนั่นไม่ด้อยไปกว่าเสียงจากระเบิดมือ มอนสเตอร์ทั้งสามถูกสังหารในวินาทีเดียว ดินแฉะใต้พื้นบริเวณนั้นถูกขุดขึ้นมาเพราะแรงระเบิด

ลูกศรอากาศนัดต่อไปเริ่มถูกระดมยิง พวกมอนสเตอร์ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ทยอยล้มลง

แม้ดาเมจของลูกศรอากาศจะค่อนข้างน้อย แต่ระยะเวลาคูลดาวน์สั้น ตรงจุดนี้เป็นข้อได้เปรียบมาก

และความสามารถในการโจมตีของจางเสี่ยวเฉียงเรียกได้ว่ารุนแรงเป็นอย่างยิ่ง

โครงกระดูกก็อบลินเบื้องหน้านี้เป็นมอนสเตอร์เลเวล 2 ระดับสามัญ ทว่าแค่ศรอากาศเพียงนัดเดียวก็สามารถสังหารมันลงได้!

ส่วนซอมบี้เป็นมอนสเตอร์เลเวล 3 พวกมันหนังหนากว่าโครงกระดูกเปราะๆข้างบน จึงเป็นธรรมที่จะอึดกว่า แต่ก็ทนได้มากสุดไม่เกิน 2 ลูกศรเท่านั้น

ดังนั้นซอมบี้สองตัวและโครงกระดูกก็อบลินอีกสี่ตัวที่เหลืออยู่ โดนไปไม่ถึง 10 ศรก็ถูกกวาดเกลี้ยง

หวังฉงตกใจจนอ้าปากค้าง เขาคาดไม่ถึงเลยว่าในทีมนี้ จางเสี่ยวเฉียงที่ภายนอกดูเหยาะแหยะที่สุด จะมีพลังรบร้ายกาจเช่นนี้!

ไม่ต้องกล่าวถึงคนในค่ายที่ตอนนี้มีแค่ราวๆ 1,000 คน แต่กระทั่งในเมืองหัวเฉิงที่มีประชากรกว่า 20 ล้านคน หวังฉงยังไม่เคยเห็นใครที่ทรงพลังเช่นนี้มาก่อนเลย

ต้องขอบอกว่าเพราะการมาเยือนของยุคใหม่ ทำให้จางเสี่ยวเฉียงพลิกผันจากผู้แพ้กลายเป็นผู้ชนะอย่างแท้จริง

ตอนยังเด็กจางเสี่ยวเฉียงเรียนไม่จบชั้นมัธยม ตัวเขาปราศจากความทะเยอทะยาน อาศัยอยู่ในเขตชนบท ทั้งวันหมกอยู่แต่ในร้านเน็ตเล็กๆที่มีควันบุหรี่ลอยฟุ้งตลอดเวลา นั่งกินบะหมี่ถ้วยหน้าคอม เอาแต่เล่นเกมทั้งวัน

ทว่าเวลานี้เขากลับกลายเป็นยอดฝีมือแห่งยุคสมัยใหม่!

ซึ่งทั้งหมดนี้ มันไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือของฮังอวี่และจ้าวหมิงเพียงอย่างเดียว แต่โชคของจางเสี่ยวเฉียงเองก็เป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่ไม่สามารถละเลยได้เช่นกัน

“นายน้อยฉง เป็นไง ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องกังวล!”

“ปลาซิวปลาสร้อยแบบนี้ ไม่ต้องถึงมือเจ้านายกับลูกพี่ และคุณก็ไม่ต้องทำอะไรเลย!”

เห็นได้ชัดว่าจางเสี่ยวเฉียงเป็นคนที่กระตือรือร้นที่จะพูดคุยกับหวังฉงที่สุด อาจเพราะลึกๆเขายังต้องการได้รับคำชมอยู่ ดังนั้นแม้พลังรบจะแข็งแกร่งขึ้น แต่จิตใจยังไม่เปลี่ยนแปลง

แต่หากมองอีกมุมหนึ่ง หากเขาสามารถสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับคนดังในเน็ตอย่างนายน้อยฉง อีกฝ่ายอาจแนะนำสาวๆสวยๆให้เขาบ้างก็ได้ คิดว่าจางเสี่ยวเฉียงคงไม่มีความทะเยอะยานใดยิ่งใหญ่ไปกว่าเรื่องนี้แล้ว

“นายไม่คิดว่าตัวเองทำเสียงดังเกินไปหน่อยหรอ?”

“ลูกศรอากาศน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ระเบิดตอนแรกมันดึงดูดมอนสเตอร์แถวนี้เข้ามาหาพวกเรา!”

แม้หวังฉงจะตกใจกับพลังรบอันยากจะหาผู้ใดเทียบของจางเสี่ยวเฉียง แต่เขาก็สังเกตเห็นเช่นกันว่าบริเวณนี้มีโครงกระดูกและซอมบี้เพิ่มจำนวนมากขึ้น

“อย่ามัวเสียเวลาเลย แยกกันฆ่าพวกมันให้หมด”

ประกายแสงเย็นเสียบพุ่งจากมือฮังอวี่ พริบตาเดียวเจาะเข้าไปในกะโหลกโครงกระดูกตัวหนึ่งที่อยู่ไม่ไกล

เดิมโครงกระดูกก็อบลินก็เปราะบางและเลือดน้อยอยู่แล้ว ดังนั้นถูกฆ่าตายในวินาทีเดียว

ฮังอวี่ชักดาบสั้นออกจากมิติเก็บของ เหลือบมองหวังฉงที่ยืนโง่งมอยู่ที่เดิม “พวกเราจะเก็บกวาดปลาเล็กปลาน้อยให้เอง นายมีหน้าที่รับผิดชอบเบื้องหลัง ช่วยพวกเราเก็บสินสงครามที่ดรอปจากมัน”

จ้าวหมิงกับเจียงหนานก็เริ่มลงมือแล้วเช่นกัน

เจียงหนานจ้องไปทางนายน้อยฉงแล้วพูดว่า “เฮ้ ฉันจับตาดูนายอยู่นะ ถ้ากล้าแอบขโมยหินคริสตัล ฉันจะฟ้องพี่มหาเทพ!”

เจียงหนานเป็นคนทำดาเมจได้น้อยที่สุดในทีม เธอจึงเป็นหมือนเป็นน้องเล็กเสมอมา แต่ตอนนี้เมื่อมีน้องเล็กยิ่งกว่าเข้ามาแทนที่ ตำแหน่งเธอจึงสูงขึ้นโดยปริยาย ดังนั้นมีสิทธิ์วางก้ามใส่เด็กใหม่อย่างหวังฉง

หวังฉงหน้าดำคร่ำเคร่ง ลอบด่าในใจ ‘เพ้ย! ฉันเป็นถึงนายน้อยเชียวนะ กล้าดียังไงมาใช้ฉันก้มเก็บซาก ทำเหมือนฉันเป็นคนคอยเช็ดตูดให้อย่างนั้นแหละ!’

*ตอนที่ 3 มาดึกๆนะครับ ช่วงบ่ายผมไม่ว่าง