ตอนที่แล้วบทที่ 7 ลดน้ำหนัก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 9 เจียงเสี่ยวผี

บทที่ 8 นายจะเกลียดฉัน


บทที่ 8 นายจะเกลียดฉัน

เช้าตรู่ วันรุ่งขึ้น

ดวงอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้น แต่ฟ้าก็กระจ่างแจ้งแล้ว เมืองเจียงปิน ภายในบ้าน มีชายหนุ่มกำลังหลับใหลอยู่ในความมืด

คลิก

ประตูถูกเปิดออก และมีร่างหนึ่งเดินเข้ามา

หานเจียงเสวี่ยมองลงมาที่เจียงเสี่ยวที่กำลังหลับ แล้วยกขาเตะไปที่น่องของเจียงเสี่ยวอย่างนุ่มนวล “ตื่น”

“หา?” เจียงเสี่ยวลืมตาอย่างง่วงงุน แล้วเห็นลูกสาวของเขา อืม พี่สาวของเขา หานเจียงเสวี่ย ยืนอยู่ข้างเตียงด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ราวกับเจียงเสี่ยวติดหนี้เธอ 350 ล้าน

“ออกกำลังกายตอนเช้า” หานเจียงเสวี่ยตอบ แล้วหันหลังเดินออกไปจากห้อง แต่ก็มีประโยคอื่นลอยมาแต่ไกล “5 นาที”

เจียงเสี่ยวลุกขึ้นนั่ง และรู้สึกทั้งชาทั้งเจ็บไปทั้งตัว

เมื่อคืนเขาวิ่งสามกิโลเมตรเต็มๆ!

พูดตามตรรกะแล้ว สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมปลาย บวกกับการเป็นผู้ตื่น สมรรถภาพทางร่างกายควรจะดีมาก การวิ่งสามกิโลเมตรควรเป็นเรื่องเล็ก

แต่หานเจียงเสวี่ยวิ่งเร็วเกินไป สมรรถภาพทางร่างกายของเธอนั้นไม่เหมือนมนุษย์

เจียงเสี่ยวกัดฟันยืนกราน วิ่งตามเธอไป ท้ายที่สุดเขาก็ต้องชะลอตัวลง และอยู่ภายใต้การดูแลของหานเจียงเสวี่ย กระทั่งทำภารกิจ ‘วิ่งตอนกลางคืน’ จนเสร็จสิ้น

กี่โมงแล้ว?

ตีสี่ครึ่ง?

“เธอมันปีศาจ! ?” เจียงเสี่ยวพึมพำอย่างโกรธเคือง

“ฉันเป็นพี่สาวนาย” หานเจียงเสวี่ยส่งเสียงเบาๆมาจากนอกประตู “ถ้านายไม่ต้องการเป็นหมอ ก็ลุกขึ้นมาฝึก”

“ผมว่าพี่คงเข้าใจอะไรผิดเกี่ยวกับอาชีพหมอ?” เจียงเสี่ยวบ่น

“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว!” เสียงโกรธของหานเจียงเสวี่ยดังมาจากนอกประตู

มีเสียงตอบกลับหานเจียงเสวี่ยจากด้านในเป็นเสียงครางต่ำๆ “อ๊า~”

หานเจียงเสวี่ย “…”

เจียงเสี่ยวให้นมตัวเอง และรู้สึกร่างกายดีขึ้นมาก แม้ขาจะยังเจ็บอยู่ แต่อย่างน้อย เวลายืนขาก็ไม่สั่นอีกแล้ว

เขารีบแต่งตัว แล้วเดินออกจากห้อง

ไม่ว่าปากของเขาจะพูดยังไงก็ตาม แต่เจียงเสี่ยวรู้เป้าหมายของตัวเองดี เมื่อเขามายังโลกใบนี้แล้ว เขาต้องสร้างชื่อให้ตัวเอง

การปรับปรุงความแข็งแรงทางกายภาพ และการเสริมความแข็งแกร่งให้กับพลังดาว เป็นเป้าหมายระยะสั้นที่เจียงเสี่ยวตั้งไว้เมื่อคืนนี้

มีเวลาอีกสิบวันก่อนที่จะเปิดเทอม อย่างน้อยเจียงเสี่ยวต้องตามให้ทันก่อนที่จะเข้าเรียน

หานเจียงเสวี่ยก็ค่อนข้างแปลกใจเช่นกัน เธอคิดว่าน้องชายคงจะนอนอืดอยู่บนเตียงอีกนาน และการออกกำลังกายตอนเช้าที่คงจะเป็นครั้งสุดท้ายคงจบลงแค่นี้ แต่คิดไม่ถึงว่า เจ้าเด็กคนนี้กลับลุกขึ้นมาออกกำลังกายจริงๆ

สำหรับเด็กวัยรุ่นโดยเฉพาะเด็กผู้ชาย การตื่นนอนตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง อาจเป็นเรื่องยากสักหน่อย

มันอาจง่ายกว่าถ้าให้พวกเขาไม่ต้องหลับต้องนอนจนถึงตีสี่ครึ่ง…

แล้วพี่สาวน้องชายก็เริ่มต้นการฝึกฝนของวัน ด้วยการวิ่งผ่านสวนสาธารณะไปพร้อมกับเสียงนกร้อง ผ่านกลุ่มผู้สูงอายุที่กำลังออกกำลังกายในตอนเช้า

แต่สิ่งที่ทำให้หานเจียงเสวี่ยละอายใจเล็กน้อยก็คือ เจียงเสี่ยวมักจะทำเสียงครางแปลกๆ

……

ยิ่งร่างกายเหนื่อยล้าเท่าไหร่ ทักษะพรก็ทำให้เจียงเสี่ยวสบายมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นสถานการณ์นี้จึงเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เจียงเสี่ยววิ่งในตอนเช้า ในขณะที่ดูดซับพลังดาว เขาก็ให้นมตัวเองอย่างบ้าคลั่ง ก่อตัวเป็นวัฏจักรคุณธรรมให้เขาต้องพิจารณาตัวเอง

การวิ่งตอนเช้าจบลง ภายใต้การแนะนำของหานเจียงเสวี่ย ทั้งคู่ก็ออกกำลังคลายกล้ามเนื้อก่อนจะจบสิ้นการออกกำลังกายยามเช้า ระหว่างทางกลับบ้าน พวกเขาเลือกร้านอาหารเล็กๆ เพื่อกินอาหารเช้า

“เถ้าแก่ ขอปาท่องโก๋สี่ ไข่ชาสอง เต้าฮวยสอง” สั่งเสร็จ เจียงเสี่ยวก็หันไปถามหานเจียงเสวี่ยว่า “พี่ต้องการเต้าฮวยหวานหรือเค็ม?”

หานเจียงเสวี่ยเหลือบมองเจียงเสี่ยวเบาๆ แล้วพูดว่า “ฉันดื่มน้ำเต้าหู้”

อืม ก็ได้

“เถ้าแก่ น้ำเต้าหู้สอง” แล้วเจียงเสี่ยวก็หันกลับมาถามหานเจียงเสวี่ยอีกครั้งว่า “น้ำเต้าหู้หวานหรือเค็ม?”

บนแท่นสูงหน้าร้านอาหาร เสียงผู้ประกาศข่าวดังออกมาจากทีวี “นี่คือข่าวเช้าสดเพื่อคุณ เมื่อคืนนี้เวลาประมาณ 1.34 น. เกิดความผันผวนของพลังงานขึ้นที่เขตชานเมืองทางตอนเหนือของเมืองเจียงปิน ตรงสี่แยกถนนซินฟู่ตัดกับถนนซิงเจีย ยังไม่พบผู้เสียชีวิต แต่สำนักรักษาความปลอดภัยสาธารณะเมืองเจียงปินให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับเรื่องนี้ บริเวณที่เกิดเหตุถูกปิดกั้นทันที กองกำลังบำรุงรักษาของผู้ตื่นเมืองเจียงปินได้นำบุคลากรลงพื้นที่แล้ว ตอนนี้สถานการณ์อยู่ในการควบคุมเป็นที่เรียบร้อย”

“สำนักเทศบาลเมืองเจียงปินได้ประกาศเตือนประชาชนทั่วไปว่า พื้นที่ดังกล่าวจะถูกปิดกั้นเป็นเวลานาน จึงขอให้ประชาชนทั่วไป…”

เจียงเสี่ยวกัดปาท่องโก๋กรอบๆ ดื่มน้ำเต้าหู้อุ่นๆ เพลิดเพลินกับชีวิตที่สวยงาม

“ประตูมิติเปิดมากขึ้นและใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ประตูเก่าพวกนั้นยังปิดไม่ได้ พื้นที่ๆถูกปิดกั้นยังไม่ทันได้เปิด ประตูใหม่ก็เกิดขึ้นอีกแล้ว” ชายชราผู้เป็นลูกค้าคนหนึ่งพูดและส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจ

“ใช่ ความถี่ของประตูมิติที่เปิดออกมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป เราจะมีที่อยู่อาศัยกันอีกไหม?”

“เฮ้อ ฉันก็ได้แต่หวังให้หลานชายตัวน้อยแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และสามารถป้องกันตัวเองได้ในอนาคต ใครจะไปรู้ว่าต่อไปโลกนี้จะเป็นยังไง?”

เจียงเสี่ยวฟังการสนทนาของลูกค้าในร้านอาหารเงียบๆ ดูเหมือนว่าสภาพแวดล้อมในการดำรงชีวิตของผู้คนจะแย่ลงเรื่อยๆ

การเปิดของประตูมิติต่างๆ ไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ

พวกมันเปิดออกอย่างกะทันหัน บางบานอยู่เพียงหนึ่งวัน แล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ส่วนบางบานก็เปิดอยู่ตลอดเวลา อาจเป็นหลายปีหรือหลายสิบปีเชื่อมโยงโลกกับโลกต่างมิติตลอดเวลา ซึ่งสิ่งนี้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของโลกอย่างไม่อาจต้านทานได้

สำหรับถิ่นฐานของมนุษย์ขนาดใหญ่ ที่ยังพอมีพลังในการสกัดกั้นและควบคุม ก็ทำได้เพียงทำให้แน่ใจว่ามนุษย์จะสามารถมีสภาพแวดล้อมการอยู่อาศัยได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

แต่ในถิ่นทุรกันดารที่ไม่มีผู้คนอยู่อาศัย ก็ไม่รู้ว่ามีประตูมิติกี่บานที่เปิดขึ้นอย่างเงียบๆ และการถูกรุกรานของเผ่าพันธุ์ ดูเหมือนจะเป็นผลที่ไม่อาจย้อนกลับได้

โชคดีที่ในอดีตความถี่ของการเปิดประตูมิติต่างๆมีไม่สูงนัก

แต่ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง

แน่นอนว่าสิ่งที่ผู้คนเรียกว่าประตูมิตินั้น มันเป็นเพียงแค่ชื่อ สำหรับจุดเชื่อมต่อระหว่างโลกกับมิติต่างๆนั้น มันไม่ได้มีรูปร่างเหมือนประตู มันไม่มีความเป็นระเบียบและเป็นพื้นที่ๆทับซ้อนกันอย่างมาก ยากที่จะเห็นขอบเขตและยากที่จะควบคุม

“อิ่มหรือยัง?” หานเจียงเสวี่ยถาม

“หือ?” เจียงเสี่ยวรีบยัดปาท่องโก๋คำสุดท้ายเข้าปาก แล้วหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดปาก แล้วพูดว่า “อิ่มแล้ว”

“ไปกันเถอะ” หานเจียงเสวี่ยวางเงิน 14 หยวนลงบนโต๊ะแล้วลุกขึ้นเดินออกไปจากร้านอาหาร

เจียงเสี่ยวมองไปที่เด็กสาวผู้สวมชุดกีฬาสีขาวแล้วพูดไม่ออกจริงๆ

เธอพูดน้อย แต่ทำทุกอย่างรวดเร็ว สมควรกับคำกล่าวที่ว่า “สวมชุดขาวราวหิมะ ไปมาเหมือนสายลม”

พอกลับถึงบ้าน เจียงเสี่ยวก็อดถามขึ้นไม่ได้ว่า “ทำไมต้องรีบร้อนกลับบ้านนักล่ะ?”

“เนื่องจากนายได้รับทักษะดาวทางการแพทย์ มีแนวโน้มที่จะเป็นผู้ตื่นทางการแพทย์ และยังมีความสามารถฝังสองทักษะดาวลงในหนึ่งช่องดาว สิ่งนี้แสดงถึงศักยภาพของนาย แม้คุณสมบัติของนายจะต่ำ มีช่องดาวอยู่ไม่มาก แต่ฉันเชื่อว่าความพยายามสามารถชดเชยความยากไร้ได้” หานเจียงเสวี่ยพูดประโยคยาวๆ ด้วยความอดทนอย่างคาดไม่ถึง

เจียงเสี่ยว “แล้ว?”

หานเจียงเสวี่ยกล่าวต่อไปว่า “ดังนั้นนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะฝึกให้นาย ไม่ว่าโลกนี้จะเป็นอย่างไรในอนาคต ฉันหวังว่านายจะสามารถป้องกันตัวเองได้”

! ! !

เจียงเสี่ยวพยักหน้าเบาๆ และรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย

อะไรทำให้หานเจียงเสวี่ยเปลี่ยนใจอย่างกะทันหัน? เธอไม่คิดปล่อยให้เจียงเสี่ยวผีเรียนจบอย่างราบรื่นแล้วหางานให้ทำและอยู่อย่างสบายไปจนตายแล้วหรือ?

หรือว่าเป็นเพราะข่าวเมื่อครู่? หรือเป็นเพราะการพูดคุยกันของลูกค้าในร้านอาหาร?

หรือว่าเป็นเพราะศักยภาพของตัวเขา?

หรือว่าเธอเป็นผู้ตื่นที่รู้ในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้?

“สมรรถภาพทางร่างกาย ทักษะการต่อสู้ พลังดาว” หานเจียงเสวี่ยกล่าวสามคำ

“ทักษะการต่อสู้?” เจียงเสี่ยวสงสัย

“อย่าหลงในกลวิเศษของทักษะดาว เป้าหมายที่แท้จริงคือการเอาชนะศัตรู ซึ่งก็คือการปราบปรามสิ่งมีชีวิตต่างมิติ และการเอาชีวิตรอด นายต้องมีพลังดาวที่ยอดเยี่ยม มีฝีมือที่แข็งแกร่ง และมีสมรรถภาพทางกายที่ดีเลิศ นายถึงจะสามารถทำเช่นนั้นได้”

“ทักษะดาวสามารถเพิ่มขีดความสามารถสูงสุดให้นายอย่างไร้ขอบเขต แต่ในฐานะบุคคล สมรรถภาพทางร่างกายและทักษะจะเป็นตัวกำหนดขีดจำกัดของนาย” หานเจียงเสวี่ยกล่าว “หลังจากเข้าม.ปลายปีหนึ่ง ผู้ตื่นอย่างนาย จะต้องผ่านการฝึกการต่อสู้ขั้นพื้นฐาน นี่เป็นหลักสูตรบังคับสำหรับผู้ตื่น”

เจียงเสี่ยวพยักหน้าเห็นด้วย

หานเจียงเสวี่ยพาเจียงเสี่ยวผีไปที่หน้าประตูห้องของพ่อแม่ แล้วเข้าไปด้านใน

บ่ายวานนี้ เจียงเสี่ยวได้ทำความสะอาดบ้านทั้งหลัง และเคยคาดเดาว่าห้องนอนที่ใหญ่ที่สุดนี้น่าจะเป็นห้องนอนของพ่อแม่ แต่ตอนนี้ห้องนี้เปลี่ยนไปจนจำแทบไม่ได้ มันกลายเป็นเหมือนโรงฝึกเล็กๆ

พื้นปูด้วยเบาะรอง มีกระสอบทราย 2 ใบ และเครื่องมือออกกำลังกายขนาดเล็กหลายชนิด

สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนไปในห้องนอนนี้ก็คือ รูปแต่งงานขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่บนผนัง

พอเห็นรูปถ่ายแต่งงานของพ่อแม่ เจียงเสี่ยวก็เดินเข้ามาในห้อง

“ฉันชอบที่จะฝึกที่นี่ เพราะพวกเขาจะเฝ้ามองฉันอยู่ตลอดเวลา” เสียงของหานเจียงเสวี่ยดังมาจากทางด้านหลัง

เจียงเสี่ยวมีอารมณ์เล็กน้อยที่ได้ยิน แต่พอหันกลับไปมองก็พบว่าหานเจียงเสวี่ยเอื้อมมือไปปิดประตูและล็อคประตูอย่างแน่นหนา

เจียงเสี่ยวมองไปที่หานเจียงเสวี่ยที่ยืนอยู่หน้าประตูและถามด้วยความสงสัยว่า “ทำแบบนี้หมายความว่าไง?”

หานเจียงเสวี่ย กล่าวเบาๆว่า “นายจะเกลียดฉัน”

เจียงเสี่ยว ? ? ?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด