ตอนที่แล้วยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 11 หากไม่ชนะก็ต้องคืนเงิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 13 ออกล่าสัตว์อสูรในคลิกเดียว

ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 12 คำนับฑูตซู่


“คุณซู่ ต้องการเช่นนี้จริงหรือ?”

จางเฟยอันจ้องมองไปยังซู่เสี่ยวไป่พร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

(ขอเปลี่ยนชื่อนะครับจาก จางเฟยอัง เป็นจางเฟยอัน)

“ฑูตซู่ ช้าก่อน คุณพึ่งทะลวงขั้นของเขตแดนมา คุณยังอาจจะยังไม่รู้ ถึงความต่างระหว่างเขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธกับผู้ฝึกยุทธใช่ไหม?”

“แม้ว่าจะห่างกันเพียงขั้นเดียวแต่ช่องว่างระหว่าวเขตแดนนั้นกว้างมาก ความแข็งแกร่งมันคนละชั้นกัน”

“ฑูตซู่คิดดูดีๆ ก่อน”

จางเหิงล่งพยายามจะเกลี้ยกล่อมซู่เสี่ยวไป่

เขาเองยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าซู่เสี่ยวไป่นั้นบรรลุเขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธมาได้ยังไง ทั้งที่มีพรสวรรค์ระดับต่ำ อีกทั้งยังอายุน้อยขนาดนี้

เขารู้เพียงว่าซู่เสี่ยวไป่นั้นคุ้มค่าที่จะชุบเลี้ยงให้เติบโต

เป็นเมล็ดต้นกล้าชั้นดีที่จะเติบโตเป็นต้นไม้ใหญ่ในวันข้างหน้า

หากถูกปลูกและดูแลโดยตระกูลจาง ซู่เสี่ยวไปจะต้องเติบโตได้อย่างไม่สิ้นสุดแน่ และตระกูลจางก็จะได้รับอานิสงส์ค์ไปด้วย

ทำให้จางเหิงล่งพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมให้ซู่เสี่ยวไป่ใจเย็น และหาทางลงให้ซู่เสี่ยวไป่ไม่ต้องขายขี้หน้า

“ผมรู้ว่าผมกำลังทำอะไร!!”

“ไม่ต้องห่วงผม ผมมีวิธีรับมือของผม”

ซู่เสี่ยวไป่แสยะยิ้ม

“หากไม่ทำเช่นนี้ จะเรียกผมเป็นฑูตของตระกูลได้อย่างเต็มปากได้อย่างไง กล่าวหาว่าผมนั้นอ่อนแออย่างนู้นอย่างงี้ แล้วแบบนี้ผมจะอยู่ในตำแหน่งนี้ได้อย่างไร”

“พูดได้ดี!!”

จางเฟยอังนั้นตะโกนเสียงดัง ปลดปล่อยกระแสพลังออกมาจากตัวเขา

มันคือคุณลักษณะของผู้ฝึกตน

แม้จะมองไม่เห็น และจับต้องไม่ได้ แต่ก็รู้สึกถึงความกดดัน

เช่นเดียวกันกับมนุษย์เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเสือ แม้ว่าจะอยู่ห่างกันเป็นสิบเมตร แต่คนผู้นั้นก็ยังรู้สึกถึงความกดดันและจิตมุ่งร้ายของเสือได้ ว่ากำลังข่มขู่และกดดันอยู่

ทันทีที่กระแสพลังถูกปล่อยออกมา ทำให้คนทั้งหมดหันไปสนใจทั้งสองคนนี้ทันที

เวลานี้ทุกคนนั้นอยากเห็นผลลัพธ์ของเรื่องนี้

แต่หากเอาตามที่ซู่เสี่ยไป่พูดออกไปจริงๆ และเขารักษาคำพูดเมื่อครู่ เขาจะต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธขั้นแรกโดยที่เขาเป็นแค่กึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูง

เมื่อเห็นความตั้งใจของซู่เสี่ยวไป่ จางเหิงล่งก็ไม่พูดอะไรเพื่อห้ามเขาอีก

“ฑูตซู่ คุณนั้นอยู่ในเขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธเท่านั้น หากสู้กันจริงๆ ผมเห็นว่าท่าไม่ดี ผมจะหยุดก่อนที่คุณจะเจ็บตัว”

“แต่หากว่าฑูตซู่รับมือกระผมได้ 10 กระบวนท่าถือว่าท่านฑูตชนะดีไหม!”

จางเฟยอันพูดขึ้นเสียงดัง

กึ่งผู้ฝึกยุทธสู้ผู้ฝึกยุทธ

ความรู้สึกของจางเฟยอันนั้นไม่ต่างจากสิงโตที่สามารถฆ่ากระต่ายตัวน้อยได้ตลอดเวลาและง่ายดาย

แค่รับมือได้ 10 กระบวนท่า หากทำได้จริงทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ ก็ถือว่าซู่เสี่ยวไป่นั้นสุดยอดมากแล้ว

“สิบกระบวนท่า?”

“ได้มาสิ!”

ในเมื่อมีคนมาหาเรื่อง ซู่เสี่ยวไป่ก็ไม่ต้องแสดงบทคนดีอีกต่อไป

“งั้นผมเริ่มก่อนเลยนะ”

“เข้ามา!!”

จางเฟยอันยกมือขึ้นตั้งท่าทันที

ซู่เสี่ยวไป่แสยะยิ้ม

“เหยี่ยยย่ำข้ามนภา!!”

ฟิ้ว!!

วินาทีนั้นเกิดกระแสลมใต้เท้าของซู่เสี่ยวไป่ และร่างของซู่เสี่ยวไป่ก็พุ่งออกไปราวกับลูกศร เขาพุ่งตัวขึ้นไปบนอากาศพร้อมปลดปล่อยกระแสพลัง

“อะไรกัน!!”

รูม่านตาของจางเฟยอันถึงกับหดหรี่ลง

ทั้งจางเหิงล่งและจางเหิงเต๋อ และผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างที่จะตกตะลึงตาแทบทะลักออกนอกเบ้า

“โกมุ โกมุ โน ขาแส้!!!”

ช่วงพริบตานั้น ซู่เสี่ยวไป่ได้ตะโกนอะไรแปลกๆ ออกมา

แต่ผิวหนังของเขาในเวลานี้เปล่งประกายสีทองออกมา ราวกับว่าเขานั้นเป็นพระพุทธรูปทองคำ ทั่วทั้งร่างของเขาแข็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มันแข็งจนสามารถบดขยี้ได้ทุกอย่าง

เปรี้ยง!!!

เสียงกระแทกอย่างรุนแรง ถึงยังงั้นจางเฟยอันก็ยังตอบสนองได้ทัน เขาได้ยกแขนขึ้นมากันการโจมตีนี้ทัน ทำให้ร่างของเขากระเด็นถอยออกไปจากจุดที่เขาอยู่และกระแทกเข้ากับกำแพงห้อง จนกำแพงนั้นยุบเป็นหลุม และมีรอยแตกเป็นเส้นๆ เหมือนกับใยแมงมุม

“วิชาระดับละเอียดอ่อน!!”

“เขามีวิชาที่เปลี่ยนตัวเองให้แข็งดุจเพชรได้ไม่พอ ยังมีวิชาที่เคลื่อนที่ได้รวดเร็วมาก”

“อย่ามาล้อเล่นกันนะ จะบอกว่าเขาสามารถสำเร็จวิชาระดับละเอียดอ่อนสองวิชาได้จริงๆ งั้นหรอ!!”

“....”

ฉากที่เห็นอยู่ตรงหน้า ทำให้ทุกคนต่างอ้าปากค้างและจ้องมองตาโตเป็นไข่ห่าน บางคนถึงกับหลุดอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

อายุ 17 ปี บรรลุอยู่ในเขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูงไม่พอ

ยังสามารถสำเร็จวิชาระดับละเอียดอ่อนถึง 2 วิชา

วิชาระดับละเอียดอ่อนฝึกฝนยากแค่ไหนใครก็รู้ดี

ขนาดวิชาระดับเริ่มต้น ผู้ฝึกตนทั่วไปก็ไม่อาจจะเข้าถึงขั้นฝึกหัดได้ภายในครึ่งปีด้วยซ้ำ แล้วนับประสาอะไรกับระดับละเอียดอ่อน

หากเทียบกับวิชาระดับเริ่มต้นนั้นก็เหมือนหนังสือธรรมดาทั่วไป แต่วิชาระดับละเอียดอ่อนนั้นเป็นหนังสือคัมภีร์สวรรค์ แม้ว่าจะใช้เวลาเป็นปีเพื่อฝึกฝนและศึกษาก็ตามก็ยังไม่ถึงขั้นฝึกหัด

แต่ซู่เสี่ยวไป่กลับสำเร็จวิชาระดับละเอียดอ่อนได้ ทั้งๆ ที่อยู่ในเขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธ เขาสามารถทั้งฝึกฝนวิชาและบ่มเพาะไปพร้อมกันได้อย่างไง

“พระเจ้าช่วย….”

จางเหิงซิงถูกฟ้าผ่าเป็นครั้งที่สามแล้ว

เขาไม่รู้จะพูดหรืออธิบายสิ่งที่อยู่ตรงหน้ายังไงดี

แม้แต่พรสวรรค์ในการฝึกวิชาซู่เสี่ยวไป่ก็สูงส่ง

ไม่ใช่แค่มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะอย่างเดียว

นี้เขาเล่นสำเร็จวิชาระดับละเอียดอ่อนได้

แล้วต้อง 2 วิชา เป็นวิชาระดับละเอียดอ่อนอีก บ้าไปแล้ว!!

ต่อให้จางเหิงซิงฝึกฝนวิชาระดับนี้สัก 5 ปี ฝึกสองวิชา และฝึกบ่มเพาะไปพร้อมกันด้วย จางเหิงซิงยังไม่แน่ใจเลยว่าจะทำได้เช่นเดียวกับซู่เสี่ยวไป่

“นี้มันอัจฉริยะชัดๆ!!”

“อัจฉริยะมีอยู่จริง!!”

แววตาของจางเหิงล่งนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจอย่างที่สุด

กึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูง…สำเร็จวิชาระดับละเอียดอ่อน

แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะบอกว่าซู่เสี่ยวไป่นั้นสุดยอดแค่ไหน

ถึงมีพรสวรรค์บ่มเพาะระดับต่ำก็ตาม แล้วมันจะยังไงใครจะไปสนใจพรสวรรค์นั้นอีก?

ในเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพรสวรรค์ที่ท้าทายขนาดนี้ อีกทั้งยังทรงพลังอีก พรสวรรค์บ่มเพาะดูไร้ความหมายไปเลย

“ฉันไม่ยอมแกง่ายๆ หรอก”

จางเฟยอันขู่คำราม

เขาเป็นถึงผู้ฝึกยุทธที่ดูองอาจ จะมาเสียท่าให้กับกึ่งผู้ฝึกยุทธได้อย่างไง

“กำลังอสูรสีรุ้ง”

จางเฟยอันนั้นรวบรวมกระแสพลังไว้ที่หมัด

กำลังอสูรสีรุ้งเป็นวิชาฝึกฝนร่างกายระดับเริ่มต้น

มันไม่ได้เสริมให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นจากภายนอก แต่เป็นการทำให้กำลังภายในแข็งแกร่งขึ้น

จางเฟยอันนั้นปล่อยหมัดออกไป หมัดนี้อัดแน่นไปด้วยกระแสพลังมากมาย และพุ่งเข้าใส่ซู่เสี่ยวไป่อย่างไม่ยั้งมือ

“เชื่องช้าจริงๆ!!”

ซู่เสี่ยวไป่ถึงกับส่ายหัว

เมื่อเขาได้สำเร็จวิชาเหยียบย่ำข้ามนภาแล้ว ความเร็วของจางเฟยอันนั้นในสายตาเขามันดูเชื่องช้าเหลือเกิน

ซู่เสี่ยวไป่คว้าจับไปที่หมัดของจางเฟยอันอย่างแรง

กระแสพลังทั้งหมดที่อยู่ในหมัดแตกระจายออกทันที พลังนั้นไหลผ่านจากหมัดตรงเข้าสู่ร่างกายของซู่เสี่ยวไป่

แต่ด้วยความคงทนของร่างกายซู่เสี่ยวไป่ ทำให้พลังแค่นี้ไม่สักทกสะท้านแต่อย่างใด ก่อนที่พลังทั้งหมดจะสลายหายไป

ทุกอย่างอยู่ๆ ก็เข้าสู่ความเงียบสงัด

ทุกอย่างในห้องแห่งนี้เงียบไปหมด เงียบจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศที่เปิดอยู่

เพราะทุกคนทึ่งจนพูดไม่ออกสักคำตอนนี้

จางเฟยอันเองก็ตกใจสุดขีด และเริ่มรู้สึกถึงความไร้พลัง ด้อยค่าตัวเองราวกับจะเป็นโรคซึมเศร้า หมัดของเขาติดอยู่กับอยู่ฝ่ามือของซู่เสี่ยวไป่ที่บีบรัดแน่นจนไม่สามารถดึงออกได้

ช่องว่างระหว่างพลังทั้งสองต่างกันเกินไป

ซู่เสี่ยวไป่ยังไม่ได้ออกแรงเลยด้วยซ้ำ

“ยังจะสู้ต่อไหม?”

ซู่เสี่ยวไป่ถามพร้อมกับรอยยิ้ม

“ผะ-ผมยอมแพ้”

จางเฟยอันถึงกับตัวสั่นด้วยความกลัว

เขาไม่คิดเลยว่าจะมาแพ้ให้กับกึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูงแบบนี้

ยิ่งไปกว่านั้นก่อนหน้านี้ เขาได้พูดจาดูถูกซู่เสี่ยวไป่ไว้ต้องเยอะ และตั้งกฏบ้าบอ อย่างรับกระบวนท่า 10 กระบวนท่าอะไรนั้นอีก เอากันตามจริงเขาไม่สามารถรับกระบวนท่าของซู่เสี่ยวไป่ได้เลยด้วยซ้ำ

“ทุกคน คงจะยอมรับในตัวฑูตซู่ได้แล้วสินะ”

จางเหงล่งลุกขึ้นพร้อมกับพูดอย่างตื่นเต้นทันที

ทำให้ทุกคนในที่แห่งนี้ต่างคำนับให้กับซู่เสี่ยวไป่

“คำนับฑูตซู่”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด