ตอนที่แล้วยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 10 พรสวรรค์บ่มเพาะขั้นต่ำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 12 คำนับฑูตซู่

ยอดยุทธคลิกเดียว!! ตอนที่ 11 หากไม่ชนะก็ต้องคืนเงิน


“อะไรนะ!!!”

เสียงอุทานดังไปทั่วห้องรับแขกพร้อมกับเสียงพูดคุยกันอย่างโกลาหลไปหมด

เมื่อผลตรวจสอบออกมา ทำให้สีหน้าของทุกคนในที่แห่งนี้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

“ไม่จริง ทำไมเป็นแบบนี้ได้ล่ะ”

จางเหิงซิงเมื่อเห็นแสงสีเทาจากหินตรวจสอบ พร้อมกับคำพูด 5 คำนั้น ทำให้เขานั้นแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง อีกครั้งที่ซู่เสี่ยวไป่ทำให้เขารู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!?

จางเหิงซิงมั่นใจว่าซู่เสี่ยวไป่นั้นทะลวงผ่านจากขั้นแรกถึงขั้นสูงสุดภายในเดือนกว่า

สิ่งที่เขาเห็นคือเรื่องจริง

แต่ทำไมผลการตรวจสอบถึงออกมาเช่นนี้

เป็นไปไม่ได้

“ระดับต่ำ?”

“ผมรู้ว่าผมพูดสิ่งใดออกไป ดูท่าแล้วนายน้อยจะมีปัญหาใหญ่”

“ไม่จริงถ้าระดับต่ำ ไม่มีทางที่จะมาถึงเขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูงแน่”

“มีอะไรไม่ถูกต้อง หากเป็นระดับต่ำ เป็นเรื่องยากหรือเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเข้าสู่เขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธได้”

“.....”

เรื่องนี้ทุกคนต่างรู้ดีว่าพรสวรรค์บ่มเพาะขั้นต่ำนั้นไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดาทั่วไป และไม่มีทางเลยที่จะเข้าสู่หนทางของผู้ฝึกตนได้ หรือต่อให้เป็นผู้ฝึกตนได้การมาถึงเขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูงนั้นอาจใช้เวลาทั้งชีวิต

แต่ถึงยังงั้น ซู่เสี่ยวไป่ที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาไม่ใช่อยู่ในเขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูง แต่ยังอายุเพียง 17 ปีเท่านั้น

เป็นกึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูงได้ด้วยอายุ 17 ปี

คุณสมบัติทุกอย่างมันบ่งชี้ว่าเขาต้องมีพรสวรรค์บ่มเพาะที่สูงมาก

แม้ว่าอาจจะมีพรสวรรค์อไม่สูงหรือมีเทคนิคฝึกบ่มเพาะ แต่อย่างน้อยสุดก็ต้องมีพรสวรรค์ระดับสูง

“ระดับต่ำ…”

จางเหิงล่งและเหล่าผู้อาวุโสคนอื่นๆ ของตระกูลจางถึงกับคิ้วขมวดชนเข้าหากันและมองหน้ากันด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม

พวกเขาคาดการณ์ไว้แล้วว่าซู่เสี่ยวไป่อาจจะไม่ได้มีพรสวรรค์ระดับสูงแต่แรก เหมือนที่จาเหิงซิงกล่าวเอาไว้

แต่ไม่คิดว่ามันจะระดับต่ำที่ไร้ค่าขนาดนี้

“ด้วยพรสวรรค์เช่นนี้ เขาบ่มเพาะจนเป็นผู้ฝึกตนได้อย่างไง”

ผู้คนจากตระกูลจางต่างรู้สึกสงสัย

พรสวรรค์ที่ระดับนี้ถือว่าเป็นตัวตนที่ไร้ค่าสำหรับพวกเขา และไม่มีทางที่จะเข้าสู่โลกแห่งการฝึกตนได้ แม้ว่าจะฝึกฝนเคี้ยวเข็ญขนาดไหนหรือทุ่มเททรัพยากรณ์ให้มากขนาดไหนก็ตาม

“คุณซู ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม คุณเข้าสู่เขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูงได้ด้วยพรสวรรค์ระดับต่ำได้อย่างไร”

จางเหิงล่งถามด้วยน้ำเสียงที่ดังและจริงจัง

ทุกสายตาต่างจับจ้องไปยังซู่เสี่ยวไป่ และกำลังรอคำตอบจากเขา

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน….”

“ก็แค่ เออ…ฝึกๆ ไป ฝึกแบบที่ทุกคนฝึกแล้ว ผมก็ทะลวงผ่านเขตแดนขึ้นมาเอง…”

ซู่เสี่ยวไป่ตอบแบบเหมือนไม่มีอะไรมากมาย พร้อมกับกางมือทำท่ายักไหล่

เกิดเสียงดังของความวุ่นวายขึ้นอีกครั้ง

ทุกคนต่างพูดกันไม่หยุด

จางเหิงล่งและเหล่าผู้อาวุโสคนอื่นๆ ก็ต่างคุยกันซุบซิบเบาๆ

“คุยกันเสร็จรึยัง”

“ถ้าต้องการจะยกเลิกฐานะฑูตของผมก็แล้วแต่เลย”

ซู่เสี่ยวไป่พูดออกมา

การได้เป็นฑูตของตระกูลจางนั้นจะเป็นหรือไม่เป็นก็ได้ไม่สำคัญอะไรกับซู่เสี่ยวไป่เลย มันแค่เป็นทางลัดให้เขาสามารถหาเงินเพื่อเพิ่มความสามารถให้ระบบได้เท่านั้น

หากไม่ได้เป็นฑูตของตระกูลจาง ซู่เสี่ยวไป่ก็ยังออกไปล่าสัตว์อสูรและหาเงินมาเพิ่มความสามารถให้กับระบบได้ ถึงจะช้าหน่อยก็ตาม

“คุณซูอย่างพึ่งใจร้อน เราแค่มีข้อสงสัยนิดหน่อย”

จางเหิงล่งมองไปยังซู่เสี่ยวไป่พร้อมกับกระพริบตาอย่างไม่เชื่ออยู่หลายครั้ง

เขาคิดอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะตัดสนใจพูดออกไป

“ผู้มีเกียรซู่”

จางเหิงล่ง ยืนขึ้นช้าๆ พร้อมกับโค้งคำนับให้กับซู่เสี่ยวไป่

“นับจากนี้ คุณจะเป็นฑูตของตระกูลจางอย่างเป็นทางการแล้ว”

“พี่ใหญ่!!”

“ท่านผู้นำ!!”

“ไม่จริงใช่ไหม!”

เมื่อจางเหิงล่งกล่าวออกมาทำให้ทั้งจางเหิงเต๋อ และเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลถึงกับตกใจกันไปเป็นแถบๆ และแทบไม่เชื่อสิ่งที่พวกเขาได้ยิน

เด็กผู้นี้มีพรสวรรค์ระดับต่ำเองนะ

อยู่เขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธอีก

จะให้เขาเป็นฑูตของตระกูลจางไม่พอ พวกเขาจะต้องก้มหัวให้กับเด็กผู้นี้ด้วยยังงั้นหรอ?

ในโลกใบนี้ผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะถูกเคารพ ใครกันจะเต็มใจเคารพเด็กผู้นี้ลง

“ฉันคือผู้นำตระกูลฉันตัดสินใจแล้ว!! ฉันจะไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้อีก!!”

จางเหิงล่งส่งสายตามองขวางใส่ทุกคนที่อยู่ในห้อง

ซู่เสี่ยวไป่นั้นได้แต่พยักหน้าอย่างชื่นชมอยู่ภายในใจ

ชายผู้นี้สามารถเผชิญหน้ากับเรื่องดังกล่าวได้ และกล้าที่จะตัดสินใจในทันที แปลว่าชายผู้นี้สมกับเป็นผู้นำตระกูลที่ชาญฉลาดไม่น้อย

จางเหิงล่งนั้นคิดอย่างรอบคอบแล้วว่าสิ่งนี้ ตระกูลจางไม่ได้เสียหายอะไร ไม่ได้ยิ่งใหญ่ขึ้น แต่ก็ไม่ได้เสื่อมถอยลง

“ท่านผู้นำ ผมไม่เห็นด้วยกับสิ่งนี้”

ชายผู้หนึ่งในชุดดำบนใบหน้ามีบาดแผล อายุอานาก็น่าจะสัก 30 ปีกว่าๆ เดินแหวกฝูงชนออกมา พร้อมกับคุกเข่าลงข้างหนึ่งพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“หากให้เด็กน้อยผู้นี้เป็นฑูตคงไม่เหมาะสม เขายังอยู่ในเขตแดนกึ่งผู้ฝึกยุทธอยู่เลยด้วยซ้ำ ท่านผู้นำโปรดคิดไตร่ตรองใหม่อีกครั้ง หากเรื่องนี้หลุดออกไป สกุลจางคงได้อับอายขายขี้หน้าเป็นแน่”

คนอื่นๆ ไม่ได้พูดสิ่งใดออกมา แต่ก็พยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่ชายผู้นี้พูด

ซู่เสี่ยวไป่ได้มองไปที่ชายผู้นี้

มนุษย์ : จางเฟยอัง

เขตแดน : ผู้ฝึกยุทธขั้นแรก

ระดับพละกำลัง: ผู้ฝึกยุทธขั้นแรก

ระดับความคงทน: ผู้ฝึกยุทธขั้นแรก

ระดับความว่องไว: ผู้ฝึกยุทธขั้นแรก

พรสวรรค์บำเพ็ญเพียร: ขั้นกลาง

วิชา: กำลังอสูรสีรุ้ง (พื้นฐาน) เงาอสูรสังหาร (พื้นฐาน)

“ผู้ฝึกยุทธขั้นแรก”

“มีสองวิชาอยู่ในขั้นพื้นฐานแล้ว”

“พอตัวเหมือนกันนี้หว่า”

ซู่เสี่ยวไป่คิดอยู่ภายในใจ

“จางเฟยอัง แล้วคิดว่าจะให้ฉันทำเช่นไรงั้น”

จางเหิงล่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

“กระผมไม่ได้มีเจตนาที่จะรังแกคุณซู่”

“แต่หากว่าเขาสามารถที่จะสู้ชนะกึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูงของตระกูลจางได้ กระผมจะยอมรับเขาเป็นฑูตของตระกูลจาง”

“แต่ถ้าไม่สามารถชนะได้…นายท่านไม่เพียงแค่กระผมคนเดียวที่จะไม่ยอมรับ เกรงว่าจะเป็นคนทั้งตระกูลจางก็ไม่อาจไม่ยอมรับได้เช่นเดียวกัน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว กระผมคงต้องให้คุณซู่ ชดใช้เงิน 1 ล้านเหรียญจิตคืนมา และทำเป็นว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”

จางเฟยอังกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจังแล้วและเคร่งขรึม

ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ต่างเห็นด้วยทั้งสิ้น

แม้แต่จางเหิงเต๋อก็ให้ท้ายเช่นเดียวกัน

“พี่ผมก็เห็นด้วยกับความคิดนี้”

ทำให้จางเหิงล่งนั้นคิดหนัก

“ฑูตซู่ ยินดีที่จะรับข้อเสนอนี้หรือไม่”

จางเหิงล่งหันไปถามกับซู่เสี่ยวไป่

“พ่อ!!”

“ฑูตซู่เพิ่งทะลวงผ่านมาอยู่ในขั้นสูงของกึ่งผู้ฝึกยุทธได้ไม่นาน เขายังไม่มีเวลาไหนไปฝึกฝนวิชาเลยด้วยซ้ำ หากสู้กันมันก็ไม่ยุติธรรมกับเขา”

จางเหิงซิงรีบค้านข้อเสนอนี้ทันทีเพื่อช่วยซู่เสี่ยวไป่

เขาเห็นแค่ความสามารถในการบ่มเพาะของซู่เสี่ยวไป่ จึงได้ชวนเขามาเป็นฑูตของตระกูล เมื่อเห็นว่าซู่เสี่ยวไป่นั้นเติบโตได้รวดเร็วจนเขานั้นไม่อาจจะชนะได้

เขาไม่รู้ว่าซู่เสี่ยวไป่จะมีพรสวรรค์ในการฝึกฝนวิชาหรือไม่ หรือแท้จริงที่มีพรสวรรค์บ่มเพาะขั้นต่ำ แต่ถึงยังงั้นเขาก็ถึงทะลวงขึ้นมาเป็นกึ่งผู้ฝึกยุ่ทธขั้นสูงได้เมื่อไม่กี่วัน จะให้ต่อสู้เลยมันไม่ยุติธรรมกับซู่เสี่ยวไป่

ซู่เสี่ยวไป่เป็นคนที่เขาเชิญชวนมากับมือ

แน่นอนว่าเขาย่อมยืนอยู่ข้างซู่เสี่ยวไป่

“ใช่…มันไม่ยุติธรรมสักเท่าไร!!”

ก่อนที่จางเหิงล่งจะพูดอะไร ซู่เสี่ยวไป่ก็พูดแทรกขึ้น

“จะให้คนอื่นมาสู้กับผมไปทำไม”

“ตั้งแต่ผมได้ถูกเชิญมาเป็นฑูตของตระกูลจาง ผมก็ต้องแสดงถึงความเด็ดเดี่ยวของฑูต เช่นนั้นทำไม เจ้าตัวที่เสนอเรื่องนี้ถึงไม่มาเป็นคู่ต่อสู้ให้ผมเลยล่ะ”

คำพูดของซู่เสี่ยวไป่ทำให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายอีกครั้ง

กึ่งผู้ฝึกยุทธขั้นสูง จะสู้กับผู้ฝึกยุทธขั้นแรกได้งั้นหรอ

ช่องว่างระหว่างสองเขตแดนนั้นกว้างอยู่ การสู้ข้ามเขตแดนกันนั้นถือว่าเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ

ตอนแรกซู่เสี่ยวไป่ก็ไม่ได้อยากจะพูดอะไรมาก

แต่เรื่องให้คืนเงิน….ไม่มีทางอะ

นี้แกกำลังล้อฉันเล่นอยู่รึไง

ฉันเล่นใช้เงินไปจนหมดแล้ว จะเอาที่ไหนมาคืน!!!

เดิมทีเขาอยากจะผูกมิตรกับทุกคน แต่เวลานี้คงทำไม่ได้อีกแล้ว ซู่เสี่ยวไป่แกล้งทำเป็นนิ่งเฉยไม่ได้อีกแล้ว เขาต้องสู้เท่านั้น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด