ตอนที่แล้วEp.37 - นี่ใช่หมาจริงๆน่ะหรอ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.39 - เพิ่มความสามารถในการแข่งขัน

Ep.38 - หมาช่างพูด


3/3

Ep.38 - หมาช่างพูด

ฮังอวี่เอ่ยถาม “นายไปจับเจ้าหมานี่มาจากที่ไหน?”

“จับมาได้ตอนฉันไปซื้อไก่ภูเขาที่จตุรัสกับเจ้าวัวใหญ่ ไอ้หมานี่แอบตามมาข้างหลัง แล้วพยายามขโมยไก่กิน โชคดีพวกเราพบเข้า หลังจากคว้าตัวมันได้ ฉันกะมอบบทเรียนเล็กๆน้อยๆแล้วปล่อยมันไป แต่ถูกกระทืบได้สองสามที นึกไม่ถึงจริงๆว่ามันจะคุกเข่าอ้อนวอนและร้องขอความเมตตาเป็นภาษามนุษย์ เพราะงั้นพวกเราเลยจับมันกลับมา”

ฮังอวี่ “...”

ฮังอวี่ไอแห้งๆสองครั้งแล้วพูดกับฮัสกี้ว่า “แกอยากรอดชีวิตไหม?”

ฮัสกี้พยักหน้ารัวๆเป็นนกฮูกจนหัวสุนัขของมันเกิดภาพติดตา

อืม เป็นหมาที่มีความปรารถนาแรงกล้าไม่เลว

“งั้นช่วยเล่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้อย่างละเอียดที่เกิดขึ้นกับแกให้ฉันฟังที แต่ถ้าแกกล้าปิดบัง คืนนี้เจอกันในหม้อไฟ”

ฮัสกี้ไม่รอช้า รีบเล่าเหตุการณ์ที่ผ่านมาตั้งแต่ต้นจนจบ ใจความก็ประมาณว่า

เดิมมันก็เป็นฮัสกี้ทั่วๆไป แต่เนื่องจากความสามารถในการรื้อถอนบ้านอันทรงพลัง สุดท้ายเลยถูกทอดทิ้งเป็นสุนัขจรจัด

แม้ว่ามันจะกลายเป็นสุนัขจรจัด แต่ฮัสกี้ก็ยังสามารถพึ่งพาตนเองได้ เคยต่อสู้กับสุนัขดุร้ายหลายครั้ง แย่งอาหารกับแมวจร หนีพ่อค้าเนื้อสุนัข และหนีเทศกิจของเมือง

หลังจากใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็งในเมืองเก่ามาเป็นเวลายาวนานกว่าสองสามปี สุดท้ายเมื่อสามวันก่อน เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นในตอนกลางคืน และมันเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตสุนัขของมันเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

วันนี้เจ้าหมาโชคดีเป็นพิเศษ คุ้ยเจออาหารเต็มถังขยะ มุดหน้าเข้าไปกินจนเต็มคราบ

หลังจากนั้น มันก็ไปเดินย่อยในสวนสาธารณะเล็กๆ ระหว่างทางก็หันซ้ายหันขวา คอยสังเกตไปด้วยว่ามีสุนัขตัวเมียสวยๆให้กระโดดขึ้นคร่อมบ้างรึเปล่า

แต่ในตอนนั้นเอง แสงเจิดจ้าพลันสะท้อนวาบออกมาจากในพงหญ้าทึบ

ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของฮัสกี้ ที่เมื่อสนใจอะไรแล้วต่อให้เป็นหลังคาบ้านก็สามารถปีนขึ้นไปได้ มันอดใจไม่ไหวที่จะเข้าไปดู มุดเข้าพงหญ้าตามสัญชาตญาณของสุนัขป่า

และผลคือเจอเข้ากับเถาวัลย์สีทองเส้นหนึ่ง และมีผลไม้หลากสีสันหน้าตาประหลาดแขวนอยู่บนนั้น

มันไม่รอช้า อ้าปากกลืนผลไม้ที่ว่าในคำเดียว

จากนั้น เถาวัลย์สีทองเหี่ยวเฉาและหายไปอย่างรวดเร็ว ส่วนเจ้าหมาเป็นลมสลบไป

ฮัสกี้ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อมันลืมตาตื่นขึ้นมา ก็พบว่าสมองของตัวเองมีความสามารถในการนึกคิดและเรียนรู้ที่ต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

มันสามารถเรียนรู้ภาษาจีน สามารถในการออกเสียงพยางค์ของมนุษย์ พูดได้แทบจะคล่องปร๋อ

แต่ในเวลานั้นมันหิว หิวจัดๆ

และบังเอิญฮัสกี้ได้กลิ่นไก่ภูเขาพอดี เมื่อเดินตามกลิ่นก็พบว่ามีกลุ่มคนกำลังขนเนื้อไก่ภูเขา มันเลยกะจะขโมยซักชิ้นโดยไม่ให้ใครรู้ตัวและหนีไป แต่ใครจะนึกว่าดันถูกชายร่างอ้วนจับได้

ชายร่างอ้วนกดมันลงกับพื้น และเริ่มทุบตี

“ฮ่ง! เราเปิ่นหวัง (เป็นคำเรียกแทนตัวเอง ไม่ใช่ชื่อ ถ้ามีคำนี้ในประโยคต่อๆไป หมายความว่าเจ้าของประโยคกล่าวถึงตัวเอง) เอาชีวิตรอดมาได้หลายปี หมาดุ แมวอันธพาลก็เคยสู้มาแล้ว ผ่านสมรภูมินับร้อย ร่างกายแข็งแกร่งกำยำ แค่ตอนนั้นหิวหรอกเลยไม่มีแรง ไม่งั้นมีหรือจะถูกจับได้”

ได้ยินแบบนั้น ผังต้าไห่ไม่สนใจเสียเวลาฟังฮัสกี้พล่ามอีกต่อไป

“เฮ้ เสี่ยวฮัง นายได้ยินเหมือนฉันไหม? ขนาดหมาฮัสกี้โง่ๆ พอกินผลไม้นั่นเข้าไปยังฉลาดขึ้นขนาดนี้ แสดงว่ามันต้องเป็นผลไม้ชั้นเลิศจากโลกวิญญาณแน่นอน”

อ้วนต้าไห่มองดวงตาที่เปล่งประกายเฉียบแหลมของฮัสกี้ ในใจรู้สึกเสียดายเอามากๆ “แต่เจ้าหมาโง่ตัวนี้ดันกินผลเซียนเข้าไปซะได้ ขอแค่นายพูดมาคำเดียวว่าให้ตุ๋นมัน ฉันจะจับมันตอนขนแล้วเอาไปเคี่ยวทันที แบบนี้พวกเราน่าจะได้สารอาหารจากผลไม้นั่นมาบ้าง เผื่อ IQ ฉันจะได้ทะลุสี่หลัก ฉลาดเท่ากับไอน์สไตน์ร้อยคน”

ได้ยินแบบนั้น สุนัขฮัสกี้สั่นเทาด้วยความหวาดกลัว จิตใจเจ้าอ้วนนี่น่าสะอิดสะเอียนซะจริงๆ

“ฮ่ง ฮ่ง! ผลไม้นั่นถูกกระเพาะฉันย่อย ขี้ทิ้งไปตั้งนานแล้ว” ฮัสกี้รีบพูดแทรก “แต่ถ้าอยากกิน เปิ่นหวังนำทางไปที่นั่นได้ น่าจะยังมีสารอาหารเหลืออยู่นิดหน่อย บางทีเศษเหลือนั่นอาจช่วยให้นายฉลาดขึ้น!”

“กล้าดียังไงมาให้บิดากินขี้หมา?” อ้วนต้าไห่โกรธ ลุกพรวดขึ้นคว้ามีดทำครัว “เจ้าหมาโง่ ตายห่าซะ!”

ฮัสกี้กรีดร้อง “อ๊าาาา ใครก็ได้ช่วยด้วย! มีคนจะฆ่าหมา!”

ระหว่างนั้น ฮังอวี่ค้นเข้าไปในความทรงจำจอมปราชญ์ของเขา ไม่นาน ข้อมูลหนึ่งวาบขึ้นมาทันที

เหมือนจะมีผลไม้อย่างนึงที่สรรพคุณตรงกับเรื่องนี้ หากไม่มีอะไรผิดพลาด สิ่งที่ฮัสกี้กินเข้าไปน่าจะเป็นสมบัติที่เรียกว่า ‘ผลไม้ห้าสีแห่งปัญญา’

ใครก็ตามที่กินผลไม้นี้เข้าไป จะสามารถเสริมสร้างพัฒนาการสมองได้เป็นหมื่นเท่าในระยะเวลาสั้นๆ

ไม่ว่าจะเป็นในด้านความสามารถในการเรียนรู้ ,​ ความสามารถในการจดจำ หรือแม้กระทั่งความเข้าใจ และสติปัญญา ทั้งหมดจะพุ่งทะยานทะลุขีดจำกัดในช่วงระยะเวลาหนึ่ง สูงขึ้นไปจนใกล้เคียงกับระดับเทพเจ้า แล้วจากนั้นก็จะค่อยๆลดลง กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

ผลไม้ชนิดนี้ ตามปกติแล้วมักถูกใช้ในการทำความเข้าใจและเรียนรู้สกิลที่ยากมากๆ เนื่องจากสกิลขั้นสูงหรือมรดกวิชาฝึกฝนในขั้นสูงบางอย่าง นอกจากใช้แต้มวิญญาณแล้ว ยังต้องใช้เวลาอีกมากเพื่อแตกฉาน บางคนถึงขั้นเสียเวลาเป็นปีหรือหลายปี

อย่างไรก็ตาม หากได้กินผลไม้ห้าสีแห่งปัญญาเข้าไป เขาเหล่านั้นจะสามารถเชี่ยวชาญสกิลที่กล่าวมาได้ในระยะเวลาอันสั้น

ทำไมฮัสกี้ตรงนี้ถึงกลายเป็นหมาฉลาดแล้วพูดได้หลังจากกินผลไม้น่ะหรือ? นั่นก็เพราะผลไม้ห้าสีแห่งปัญญาสามารถช่วยพัฒนาสมอง มันได้ปลุกข้อมูลและความทรงจำทั้งหมดที่มีอยู่ในสมองขึ้นมา

ส่งผลให้คำพูดที่ฮัสกี้เคยได้ยินมาก่อน คำพูดที่เดิมอาจไม่มีความหมายสำหรับสุนัข แต่เคยผ่านเข้าหูมาแล้ว ได้ถูกปลุกขึ้นอีกครั้ง

ภายใต้เอฟเฟกต์ของผลไม้ห้าสีแห่งปัญญา ความรู้และข้อมูลทั้งหลายที่ฮัสกี้เคยสัมผัสมาจึงถูกปลุกให้ตื่นขึ้น

แม้มันจะไม่เคยฝึกพูดภาษามนุษย์มาก่อน แต่คงเคยได้ยินคนอื่นพูดถูกไหม?

เสียงเหล่านั้นได้ทิ้งเศษเสี้ยวความทรงจำไว้ในจิตใจของมัน ภายใต้เอฟเฟกต์อันทรงพลังของผลไม้ห้าสีแห่งปัญญา ฮัสกี้เลยกลายเป็นสุนัขที่ฉลาดที่สุดในโลก สามารถทำความเข้าใจและเรียนรู้นับล้าน สิบล้านครั้ง นั่นเป็นเหตุผลที่ว่ามันเข้าใจสิ่งเหล่านี้ได้ในชั่วพริบตา

ร่างของฮัสกี้ได้ผ่านการแปรสภาพของผลไม้ห้าสีแห่งปัญญา ถือกำเนิดใหม่เรียบร้อยแล้ว มิใช่สุนัขธรรมดาอีกต่อไป

ฮังอวี่พบว่ามันน่าสนใจมาก เขาขัดจังหวะอ้วนต้าไห่ที่คิดสังหารสุนัข “เรื่องปล่อยให้แกมีชีวิตอยู่ต่อไปใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่แกต้องให้เหตุผลหนักแน่นพอที่ฉันจะไม่ฆ่า!”

ฮัสกี้เองก็ดูออกเช่นกัน ว่าฮังอวี่ผู้นี้มีสถานะสูงส่งกว่าเจ้าอ้วนน่าสะอิดสะเอียน มันรีบกระตุ้นสมองสุนัขอันชาญฉลาดทันที เอ่ยปากขึ้นว่า “ฮ่ง! ในฐานะสุนัข เปิ่นหวังมีพรสวรรค์ตามสายพันธุ์ ไม่ใช่แค่มีประสาทรับกลิ่นอันยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังแยกแยะได้ว่ากลิ่นอายของคนไหนแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ และคุณแข็งแกร่งกว่าเจ้าอ้วนเยอะ!”

“แล้วจากกลิ่นอายของฉัน มีใครแข็งแกร่งกว่าอีกไหม?”

“ฮ่ง! เปิ่นหวังไม่ใช่แค่แยกแยะกลิ่นอายรอบตัวได้เท่านั้น แต่ยังสามารถรับกลิ่นจากระยะไกลได้ ฉันพบว่าบริเวณรอบๆนี้ ไม่มีมนุษย์คนไหนแข็งแกร่งไปกว่าคุณอีกแล้ว”

“จะจริงเร้อ?” อ้วนต้าไห่มองฮังอวี่ “ทำไมฉันรู้สึกว่าเจ้าหมานี่จงใจประจบสอพลอ?”

“มันไม่ได้กำลังประจบ” ชายผู้แข็งแกร่งที่สุดในเจียงเฉิงใช้ดาบสั้นตัดเชือกที่มัดเท้าฮัสกี้ออกทันที

“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจหมาตัวนี้แล้ว นับจากนี้ให้มันคอยติดตามฉัน”

ฮัสกี้ได้อิสระภาพกลับมาอีกครั้ง สองตาของมันสว่างไสวขึ้นทันที แลบลิ้นพูดว่า “ฮ่ง ฮ่ง! ขอบคุณเจ้าของที่ช่วยชีวิต เปิ่นหวังสัญญาว่าจะเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ ยินดีบุกน้ำลุยไฟเพื่อเจ้าของ”

ดูนั่นสิ ได้ยินรึเปล่า เจ้าหมานี่พูดสำนวนก็ยังได้ แม้กระทั่งท่าทางสวามิภักดิ์ก็ยังเหมือนกับในทีวี

“หยุดพูดซักทีเถอะ” ฮังอวี่กลอกตา “นายไม่จำเป็นต้องเรียกฉันว่าเจ้าของ ต่อไปให้เรียกว่าเจ้านายหรือลูกพี่ก็พอ อ้อส่วนชื่อของนาย ในเมื่อชอบพูดเปิ่นหวัง งั้นต่อไปนายชื่อหวังเอ๋อแล้วกัน โอเคไหม?”

“ขอรับเจ้านาย!”

“หวังเอ๋อเป็นชื่อที่ดี! เจ้านายมีไหวพริบในการตั้งชื่อมาก!”

“แค่ได้ยินครั้งแรกก็รู้สึกได้ถึงความฉลาดหลักแหลม!”

หวังเอ๋อรอดพ้นจากความตาย กระดิกหางอย่างมีความสุข

อ้วนต้าไห่ “...”

เอาจริงๆเขาไม่เห็นด้วยกับฮังอวี่ เขาไม่ใช่คนรักหมา และยิ่งให้เลี้ยงมันยิ่งไม่ชอบเข้าไปใหญ่

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าฮัสกี้ตัวนี้ IQ สูงและพูดได้ พวกเขาแค่สนทนากับแปปเดียวก็พ่นน้ำลายแตกฟองซะขนาดนี้ การเก็บมันไว้ใช่การตัดสินใจที่ถูกต้องจริงๆน่ะหรอ?

แต่แล้วจู่ๆอ้วนต้าไห่ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ รีบพูดทันที “ไอ้เถ้าแก่ใหญ่เสี่ยวฮัง พวกเราควรส่งคนไปออกค้นหาไหม บางทีอาจยังมีผลไม้แบบนั้นหลงเหลืออยู่”

“อย่าเพ้อฝันไปหน่อยเลย ผลไม้ชนิดนี้ล้ำค่ามาก โอกาสที่จะออกผลที่สองในสถานที่และเวลาเดียวกัน มันก็เหมือนกับการที่ฟ่านปิงปิงกับตี๋ลี่เร่อปาวิ่งไล่ตามจีบนายพร้อมกัน หรือง่ายๆคือไม่มีทางเป็นไปได้”

“เฮ้ เฮ้ พูดแบบนี้ก็สวยสิ รอจนท่านผังต้าไห่ผู้นี้มีชื่อเสียงขึ้นมาก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวได้รู้กันว่านั่นเป็นแค่เรื่องเพ้อฝันรึเปล่า”

ฮัสกี้กระดิกหางแล้วพูดว่า “ฮ่ง! ต่อให้คนอย่างนายมีชื่อเสียง แต่ไขมันในพุงก็ยังเหมือนเดิม!”

อ้วนต้าไห่โกรธมาก “ไอ้หมาเปรต แกไม่อยากมีชีวิตต่ออีกแล้วใช่ไหม?”

ฮัสกี้ขดตัวไปอยู่ด้านหลังฮังอวี่โผล่หัวสุนัขออกมาครึ่งหนึ่ง ในดวงตาสะท้อนแววขบขัน ทำหน้าตาอ้อนตีน “ฮ่ง! เปิ่นหวังไม่กลัวหรอก! ตอนนี้เปิ่นหวังเป็นหมาของเจ้านายแล้ว สำหรับคนอ้วนอย่างนาย ต่อให้มีเป็น 30 คนก็สู้เจ้านายไม่ได้!”

สารเลว! ไอ้หมานี่จะอาละวาดหนักข้อเกินไปหน่อยแล้ว ตอนแรกยังเหมือนหมาหงอยใกล้ตายอยู่เลย พอมีฮังอวี่คุ้มกะลาหัว กลายเป็นตัวโอหังขึ้นมาซะอย่างงั้น

อ้วนต้าไห่รู้สึกว่าชีวิตที่อยู่มานาน 20 กว่าปีของเขา พึ่งเข้าใจความหมายของสำนวน “狗仗人势 (สุนัขต่อยคน = อาศัยบารมีเจ้านายพาลใส่คนอื่น) ก็วันนี้”