ตอนที่แล้วEp.36 - สมาคมโลกวิญญาณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปEp.38 - หมาช่างพูด

Ep.37 - นี่ใช่หมาจริงๆน่ะหรอ?


2/3

Ep.37 - นี่ใช่หมาจริงๆน่ะหรอ?

รีบร้อนอะไรขนาดนั้น? หรือว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น!?

อย่างเช่น ร้านถูกโจมตี ไม่ก็ถูกใครบางคนข่มขู่?

กิจการนี้เป็นโครงสร้างส่วนสำคัญในกลยุทธ์ของฮังอวี่ แล้วเขาจะยอมสูญเสียมันไปได้อย่างไร?

ฮังอวี่คือชายผู้แข็งแกร่งที่สุดในเมืองเจียงเฉิง มีร่างกายแข็งแกร่งเทียบได้กับกัปตันอเมริกา ดังนั้นเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ และเขาจะไม่ทนหากมีใครมาหาเรื่อง!

ไม่สนหรอกอีกฝ่ายเป็นใคร ไม่สนหรอกว่าอีกฝ่ายมีคนเท่าไหร่ ฮังอวี่จะกำจัดพวกมันทั้งหมด!

เขาหยิบหน้ากากโนมปล้นศพออกจากพื้นที่เก็บของและสวมมัน พร้อมคว้ามีดออกมาแล้วมุ่งหน้าไปยังสถานที่เกิดเหตุทันที

ตอนนี้อ้วนต้าไห่เช่าชั้นใต้ดินในละแวกใกล้เคียงกับโกดัง ด้านนอกมีป้ายเขียนว่า ‘สำนักงานพี่อ้วน’

แม้สำนักงานจะเปิดแล้ว แต่ก็ยังเป็นแค่สำนักงานชั่วคราว ยังไม่เปิดเป็นร้านอาหารให้ลูกค้าเข้าใช้บริการ

การเปิดร้านอาหารอย่างเป็นทางการไม่อาจทำได้ไวขนาดนั้น มันต้องเตรียมการหลายอย่าง ต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย

และหนึ่งในเรื่องท้าท้ายที่ใหญ่ที่สุดก็คือความสามารถด้านการผลิต

ตอนนี้หากนับรวมอ้วนต้าไห่ กิจการของพวกเขามีพ่อครัวเพียงสามคนเท่านั้น

หากเป็นร้านอาหารทั่วๆไป มีพ่อครัวสามคนนับว่าเกินพอแล้ว ทว่าร้านอาหารโลกวิญญาณน่ะไม่ใช่!

ตอนนี้ทั้งหมดยังเป็นเจ้าอ่อนเลเวล 1 ขณะที่การปรุงอาหารแต่ละชิ้นต้องจ่ายแต้มวิญญาณ 1 หน่วย  หรือเท่ากับพวกเขาสามารถทำได้คนละ 10 ชิ้นเท่านั้น บวกกับเรื่องที่แต้มวิญญาณสามารถฟื้นฟูได้ 1 หน่วยต่อชั่วโมง

เท่ากับว่ามากสุดพวกเขาสามารถปรุงอาหารพร้อมเสิร์ฟได้คนละ 20 จานต่อวัน รวมกันได้ราวๆ 60 จานเท่านั้น และอาจขายพวกผลไม้ได้อีกซักนิดหน่อย

แต่เท่านี้จะสามารถเรียกว่าเป็นร้านอาหารได้หรือ? เห็นได้ชัดว่าไม่ได้!

ในทางกลับกัน ลูกค้าจำนวน 99.9% ของประชากรในเมืองเจียงเฉิงยังคงเป็นเลเวล 1 ผู้เล่นเลเวล 2 มีสัดส่วนไม่กี่พันคนเท่านั้น

มายกตัวอย่างกัน!

อย่างที่รู้ๆกัน ว่าจำนวนผู้ที่สามารถสอบเข้ามหาลัยดังๆได้ปีนึงมีเพียงไม่กี่พันคนเท่านั้น ปัจจุบันผู้ที่สามารถอัพเลเวลสู่เลเวล 2 ได้นั้นจึงไม่ต่างจากนักเรียนสอบติด

ลองคิดเอาเถอะ ว่าเหล่าผู้ที่สามารถปีนป่ายขึ้นมาอยู่ในอันดับนี้ จะภาคภูมิใจแค่ไหน และคงไม่ต้องบอกว่ามันยากเย็นเพียงใด

ซึ่งถ้าตอนนี้ใครสามารถขึ้นเป็นเลเวล 2 ได้ ก็ขอแสดงความยินดีกับพวกคุณด้วย!

คุณคือแสงสว่างของมณฑล! เป็นบุตรแห่งความรุ่งโรจน์!

กล่าวมาถึงขั้นนี้ คงพอจะทราบกันแล้วว่าผู้เล่นเลเวล 2 นั้นหายากเพียงใด

ตอนนี้อ้วนต้าไห่ขายปีกไก่ย่างเล็กๆในราคา 5,000 หยวน

ราคาขนาดนี้ถือว่าแพงเสียดฟ้า เอาจริงๆมันแพงยิ่งกว่ากุ้งมังกรทั้งตัว หรือโอมากาเสะทั้งเซ็ต เรียกได้ว่าข้ามหน้าข้ามตาอาหารชั้นเลิศไปเลย

อย่างไรก็ตาม หากเจ้าสิ่งนี้วางขายเมื่อไหร่ เกรงว่าร้านของเขาคงแทบพังเพราะมีแต่คนเข้ามารุมกันแย่งซื้อ!

แต่จะยังไงก็เถอะ น่าแปลกจัง ที่นี่ยังดูปกติดี ไม่เหมือนมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นเลย เจ้าอ้วนคงไม่ได้หลอกฉันหรอกนะใช่ไหม?

ในสำนักงานมีคนอยู่สี่คน สองคนกำลังวุ่นอยู่กับการเก็บวัตถุดิบ อีกสองคนกำลังเตรียมอาหาร ทุกอย่างดูปกติดี

แต่ถ้าจะไม่ให้มันปกติ ก็คงเป็นตอนที่ทุกคนตกใจเมื่อเห็นชายคนหนึ่งสวมหน้ากากบนใบหน้า แล้วถือมีดเดินเข้ามานี่แหละ

ทุกคนวางงานลง ยกสองมือชูขึ้นทันที

“คุณ .. คุณต้องการอะไร!?”

“สหายมีอะไรค่อยพูดค่อยจา อย่าลงไม้ลงมือกันเลย”

“พี่ชาย เถ้าแก่ของเราอยู่ข้างใน อยากได้อะไรคุณไปพูดกับเขา พวกเราเป็นแค่ลูกจ้าง ไม่มีเงิน!”

รอยเส้นเลือดดำผุดขึ้นบนขมับฮังอวี่ นี่เจ้าอ้วนจ้างลูกน้องแบบไหนกัน พอเจอปัญหาก็ยินดีขายเจ้านายทันที!

“ถุย! พวกนายตาบอดกันหรอ? คนๆนี้คือลูกพี่อวี่!”

อ้วนต้าไห่ได้ยินเสียงเอะอะก็รีบวิ่งออกมา เมื่อเขาเห็นว่าผู้มาเยือนคือฮังอวี่ ก็เดินไปเตะตูดลูกน้องตัวอ้วนที่พูดออกมาเป็นคนสุดท้ายทันที

ลูกน้องตัวอ้วนคนนี้มีขนาดตัวพอๆกับวัตถุดิบที่ขนมา เป็นคนเนื้อหนา ต่อให้ถูกเตะซักป้าบก็ไม่รู้สึกอะไร

อ้วนต้าไห่ดึงหูชายคนนั้นแล้วลากเข้ามา “เสี่ยวฮัง นี่คือผังเหริน เป็นลูกพี่ลูกน้องของฉันเอง ตอนนี้ยังเรียนอยู่ม.ปลาย อย่ามองแค่รูปลักษณ์ภายนอกของเขา จริงๆแล้วเขาค่อนข้างฉลาดมาก”

ผังเหรินเป็นวัยรุ่นโกนหัวสกินเฮด มีใบหน้าอ้วนและหูใหญ่ พอตั้งใจดูดีๆแล้วดูเหมือนผังต้าไห่จริงๆ สมแล้วที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ได้รับเอกลักษณ์จากสายเลือดของตระกูลผังมาอย่างเต็มเปี่ยม

ฮังอวี่ยังไม่ทันได้เอ่ยถามถึงสถานการณ์ ก็ถูกผังต้าไห่เดินเข้ามาคล้องคอเขา “มา มา มา ฉันจะแนะนำทุกคนให้รู้จัก”

อ้วนต้าไห่ เริ่มแนะนำสมาชิกไม่กี่คนในสำนักงานของเขา “สามคนนี้มีฉายาว่า น้องนมวัว(เนี่ยวไน่) น้องส้มคั้น(เฉิงจี่) แล้วก็เจ้าหมู(โจ่วซือ) ทั้งหมดเป็นหัวใจหลักของสำนักงานฉัน!”

“ชื่อจริงของนมวัวคือเนี่ยวลี่ เป็นคนที่มีผิวขาวมาก ตัวสูง อ้วนนิดหน่อย เป็นสาวจากทางตะวันออก เธอเป็นคนตรงไปตรงมา มีนิสัยร่าเริง”

“ส่วนนี่น้องส้มคั้น ชื่อจริงว่าเฉินจี่ เป็นสาวน้อยร่างเล็กมีนิสัยเงียบขรึม ทั้งสองคนเป็นรุ่นน้องจากมหาวิทยาลัยเจียงต้า แต่ละคนมีทักษะรวบรวมวัตถุดิบอันยอดเยี่ยม”

ส่วนเจ้าหมูคนสุดท้าย ฮังอวี่เองก็รู้จัก ชื่อจริงของเขาคือโจวเจ๋อ หน้าตาธรรมดา เป็นคนซื่อๆขี้อาย คนๆนี้เป็นอดีตเพื่อนร่วมคลาสในมหาลัยเจียงต้า อยู่ห้องข้างๆตอนเขานอนในหอพัก อีกฝ่ายได้รับสกิลทำอาหารเหมือนกับผังต้าไห่

ในบรรดาคนทั้งหมด นอกจากลูกพี่ลูกน้องของอ้วนต้าไห่ที่ไม่คุ้นหน้าแล้ว คนอื่นๆถือว่าพอไว้ใจได้ระดับหนึ่ง  เพราะถึงอย่างไรพวกเขาก็อยู่มหาลัยเดียวกัน เรื่องพื้นฐานรู้ไส้รู้พุงกันหมด ยังพอเชื่อถือได้

“ยังไม่หมดนะ ฉันยังเรียกเจ้าวัวใหญ่กับเจ้าซาลาเปาเนื้อที่อยู่ห้องข้างๆตอนนอนในหอพักมาด้วย” อ้วนต้าไห่ยิ้มร่า “พวกเขามีหน้าที่รับผิดชอบภาคสนาม ตอนนี้น่าจะกำลังออกไปทำธุระข้างนอก”

ธุระข้างนอกที่ว่าคือหน้าที่ในการล่าสัตว์รวมไปถึงจัดซื้อเนื้อสัตว์ กระตุ้นการขายอาหารของโลกวิญญาณ และเนื่องจากส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่ข้างนอก ดังนั้นสองคนนี้จึงมีฝีมือในการต่อสู้ที่ไม่เลว

ทั้งหมดที่กล่าวมาคือสมาชิกตั้งต้นของสำนักงาน และพวกเขาจะกลายเป็นเสาหลักของสำนักงานในอนาคต ดังนั้นเลยจำเป็นต้องเป็นคนที่ฮังอวี่พอรู้จักอยู่บ้าง

แม้จะฟังดูเรื่องมากไปบ้าง แต่ก็อย่างที่รู้กัน ว่าฮังอวี่คือผู้จ่ายเงินลงทุน ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน ผู้ใดมีเงิน ผู้นั้นนับเป็นพี่ใหญ่! เหอ เหอ

ผังเหรินตอบสนองได้เร็วที่สุด เขายืนตัวตรง โค้งหัวลง “คารวะลูกพี่อวี่! ลูกพี่อวี่สบายดี?”

น้องนมวัว ส้มคั้น เจ้าหมู เห็นแบบนั้น ต่างก็ทำแบบเดียวกัน ก้มหัวเรียกลูกพี่อวี่อย่างนอบน้อม

ฮังอวี่พยายามฝืนทำใจยอมรับเรื่องฉายาของทุกคนในกลุ่ม เขาใช้ดวงตาดั่งปลาตายเหม่อมองอ้วนต้าไห่

เจ้าหมอนี่เรียกฉันมาเพื่อจะแนะนำลูกน้องไม่กี่คนแค่เนี๊ยะอะนะ?

รู้บ้างรึเปล่าว่าฉันยุ่งแค่ไหน? เชื่อไหมว่าอีกเดี๋ยวบิดาจะฟันคน!

อ้วนต้าไห่คล้ายล่วงรู้ความคิดของฮังอวี่ เขากระแอมแล้วรีบพูดว่า “อะแฮ่ม! แน่นอน ที่เรียกนายมาเพราะมีเรื่องใหญ่ต้องปรึกษาจริงๆ ตามมาเดี๋ยวก็รู้เอง”

หวังว่ามันจะเป็นเรื่องใหญ่จริงๆนะ ไม่งั้นอีกเดี๋ยวดาบในมือฉันที่ถูกชักออกจากฝักแล้ว ถ้าวันนี้มันไม่ได้ดื่มเลือดคงยากจะเก็บคืน

ฮังอวี่เดินตาม ผังต้าไห่เข้าไปในห้องเก็บอาหารและเครื่องมือ และทันทีที่เขาก้าวเข้ามา เจ้าตัวก็ถูกดึงดูดโดยสิ่งหนึ่งทันที

แต่ถ้าจะอธิบายให้ละเอียดกว่านี้ ไอ้ที่ดึงดูดสายตาเขาไม่ใช่สิ่งของ แต่เป็นสุนัข!

มีสุนัขลายขาวดำกำลังถูกขึงอยู่ในท่าแผ่หลา ขาทั้งสี่ของมันถูกมัดไว้กับราวเหล็ก อีกทั้งบนปากยังถูกสวมตะกร้อ ดูตลกมาก

สุนัขตัวนี้มีดวงตาสีฟ้า ม่านตาสีดำ ซึ่งตอนนี้มันกำลังกลอกตาไปรอบๆ แสดงท่าทีตื่นตระหนกเหมือนกับพฤติกรรมของมนุษย์ที่กำลังหวาดกลัว

ฮังอวี่เผยสีหน้างงงวย “เจ้าอ้วน ทำแบบนี้มันจะไร้มนุษยธรรมเกินไปหน่อยไหม? นี่นายถึงขั้นกล้าจับฮัสกี้มาเป็นวัตถุดิบ?”

สีหน้าของอ้วนต้าไห่ดูจริงจังมาก “นี่ไม่ใช่ฮัสกี้ธรรมดา!”

“นายหมายความว่ายังไง?”

“เตรียมตัวเตรียมใจให้ดีล่ะ ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”

ฮังอวี่ไม่เชื่อคำพูดของผังต้าไห่ ช่วงนี้ชีวิตเขาได้เผชิญลมฝนมาไม่น้อย แค่ฮัสกี้มีหรือจะทำให้เขาตกใจได้?

อ้วนต้าไห่ถอดตะกร้อครอบปากฮัสกี้ออกมา

ฮัสกี้พยายามดิ้นรนขัดขืน เมื่อตะกร้อหลุดมันเปล่งเสียงเห่าทันที “ฮ่ง! ฮ่ง ฮ่ง!”

ฮังอวี่มองฮัสกี้ ก่อนเบนสายตามองอ้วนต้าไห้อีกครั้ง “แค่นี้เองหรอ?”

สีหน้าของอ้วนตาไห่ดำคล้ำ เขกกะโหลกฮัสกี้ ดุอย่างโกรธเคือง “เจ้าหมาโง่! ตอนนี้ทำมาเป็นเล่นบทคนใบ้ ไม่คิดว่าสายเกินไปหรอ? ถ้ายังขืนเล่นเป็นใบ้อีก คืนนี้ฉันจะจับแกทำหม้อไฟเนื้อหมา! ที่นี่มีอุปกรณ์เตรียมไว้พร้อมอยู่แล้ว!”

ฮัสกี้คร่ำครวญ แสดงท่าทีขอความเมตตาทันที “ฮ่ง ฮ่ง! ไว้ชีวิตด้วย! อย่ากินฉัน! เนื้อฮัสกี้ไม่อร่อย!”

เจ้าฮัสกี้ตัวนี้ แท้จริงแล้ว ... มันพูดได้!

ให้ตายเหอะแถมแต่ละคำยังชัดมาก แถมยังมีสำเนียงปักกิ่งอีก

ฮังอวี่อึ้งไปนานกว่าจะตอบสนอง “นี่มันบ้าอะไรวะ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย!”

“ฮ่ง! ฉันก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงเหมือนกัน ก็ฉันเป็นแค่หมา!” ฮัสกี้ชิงพูดตัดหน้าอ้วนต้าไห่ มันเปิดปากอีกครั้ง “แต่ที่พอจะรู้ก็คือ ... จู่ๆฉันก็มีสติปัญญาขึ้นมา!”

“ตอนนี้รู้แล้วใช่ไหมว่าเหตุผลที่ฉันเรียกมามันเป็นเรื่องใหญ่แค่ไหน? แม้แต่หมาก็เริ่มพูดได้!” อ้วนต้าไห่มอง ฮังอวี่ ผายสองมือออก “ตอนนี้ฉันกำลังวุ่นอยู่กับเรื่องเตรียมเปิดร้านอาหาร ไม่สามารถตัดสินใจสถานการณ์นี้คนเดียวได้ ยังไงซะฉันก็เป็นคนหนัก 200 กิโล (ประโยคนี้พูดแบบเดียวกับตอนฮัสกี้บอกว่าตัวเองเป็นแค่หมา แนวๆประชด) เพราะงั้นเลยโทรหานาย ให้ช่วยสรุปว่าจะเอายังไงดี”

ฮังอวี่ “...”

เขาขมวดคิ้วมุ่น ค้นเข้าไปในความทรงจำ

ในโลกวิญญาณมีสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญามากมาย แต่เขาไม่เคยมีข้อมูลเกี่ยวกับฮัสกี้ในโลกวิญญาณเลย

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าคำที่พ่นออกจากปากเจ้าหมานี่ เป็นภาษาประจำชาติของพวกเขา ทั้งยังมีสำเนียงของเมืองหลวงอีก!

สิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาในโลกวิญญาณโดยทั่วไปมักแข็งแกร่งมาก ดังนั้นพวกมันยังไม่น่าสามารถบุกเข้ามายังโลกได้ในตอนนี้ ยิ่งถูกอ้วนต้าไห่จับได้ยิ่งไม่สมเหตุสมผล

แต่มันแปลกจริงๆ ฮัสกี้พูดภาษามนุษย์ได้!

“ทำใจได้รึยัง? ถ้าได้แล้ว ฉันขอถามหน่อย ว่าพวกเราควรทำยังไงกับหมาตัวนี้ดี?” อ้วนต้าไห่เอ่ยปาก และคล้ายคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “เอ๊ะ นายว่าหมาพูดได้เนี่ย ไม่ใช่ว่ามันเป็นยาชูกำลังชั้นดีหรอกหรอ? เหมือนวลีลูกไก่กินเนื้อหงแล้วกลายเป็นพญาอินทรีไง? ทำไมพวกเราสองคนไม่ลองตุ๋นหม้อไฟเนื้อสุนัขกัน?”

ฮัสกี้ได้ยินคำนี้ มันเริ่มสั่นเทาด้วยความกลัวอีกครั้ง