ตอนที่แล้วเกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 133
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 135

เกิดใหม่เป็นทารกขั้นเทพ ตอนที่ 134


ตอนที่ 134

จ้าวแห่งห้วงเหวนั่งอยู่บนบัลลังก์นั้น

หมอกทมิฬนับไม่ถ้วนม้วนตัวและกระจายไปทั่วทั้งก้นเหวลึกแห่งนี้ ราวกับเป็นเมฆมืดดำที่ปกคลุมทั่วท้องฟ้าก่อนพายุใหญ่จะพัดเข้ามา กลิ่นอายน่าหวั่นเกรงกวาดไปทุกบริเวณ

ดวงตาของหลินซวนกลอกไปมาในระหว่างที่มองไปยังจ้าวห้วงเหวผู้นั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เผชิญหน้ากับอีกฝ่ายในระยะใกล้ถึงเพียงนี้ ทั่วร่างกายของจ้าวหุบเหวปกคลุมไปด้วยหมอกชั่วร้ายและปล่อยกลิ่นอายเลวทรามหนาแน่น เขาสามารถมองเห็นบาดแผลเน่าเปื่อยและกระดูกขาวโพลนบางส่วนที่แฝงไปด้วยรูปแบบอักขระปิศาจอยู่ในนั้น

“นี่ช่างให้ความรู้สึกคุ้นเคยบางประการ...”

ม่านตาของหลินซวนหรี่ลงเล็กน้อย เขามิได้ลังเลใดๆ ก่อนที่จะพลิกข้อมือคราหนึ่งและนำเอากระเป๋าใบเล็กจ้อยซึ่งบรรจุหม้อสามขาทมิฬดับสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอยู่ออกมา

“หนึ่งในเก้าหม้อสามขาทมิฬดับสวรรค์เก้าชั้นฟ้า? เจ้าไปได้มันมาจากที่ใด?” จ้าวหุบเหวที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง

“ข้าได้มันมาจากราชวงศ์อมตะ กองกำลังอันดับหนึ่งของอาณาเขตเหนือคราม พวกมันมีหม้อสามขานี้ครบทั้งเก้าใบ” หลินซวนตอบ

“ราชวงศ์อมตะ? ก่อนหน้านี้พวกมันยังเป็นเพียงกองกำลังระดับกลางเท่านั้น หรือพวกมันอาศัยหม้อสามขาเหล่านี้เพื่อเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว?” น้ำเสียงของจ้าวห้วงเหวยังคบเรียบเฉยเช่นเดิม ทว่าหมอกทมิฬรอบกายของเขาเริ่มแสดงออกถึงความปั่นป่วนบางเบาราวกับว่านายของมันกำลังมีโทสะ

หลินซวนเองก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่จ้าวหุบเหวปล่อยออกมา ชัดเจนแล้วว่าราชวงศ์อมตะและจ้าวหุบเหวมีข้อขัดแย้งบางอย่างร่วมกัน

“พวกมันต้องการจะเปิดเส้นทางสู่การเป็นอมตะอีกครั้ง” หลินซวนเอ่ยอย่างระมัดระวังหลังจากสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจนั้นของจ้าวหุบเหว

“อาศัยเพียงราชวงศ์อมตะที่เล็กจ้อยของพวกมัน? เพียงผู้คนที่ไร้ประโยชน์ไม่เท่าไหร่ พวกมันกลับต้องการจะเปิดเส้นทางสู่การเป็นอมตะ? พวกมันกำลังฝันกลางวันอยู่หรือไร” เสียงของจ้าวห้วงเหวเย็นชา หมอกทมิฬและจิตสังหารกระจายไปทั่ว

“หม้อสามขาทมิฬดับสวรรค์เก้าชั้นฟ้าจะรวมตัวกันและกลายเป็นหม้อสามขาสวรรค์อมตะที่เปิดเส้นทางสู่ความเป็นอมตะได้”

“นั่นคือเรื่องจริง”

จ้าวหุบเหวเอ่ยอย่างสงบ ชิ้นส่วนของซากปรักหักพังในเมืองแห่งนั้นเปล่งประกายเจิดจ้าและสาดส่องลงมายังหม้อสามขาทมิฬที่หลินซวนนำออกมา ราวกับว่ามันต้องการกระตุ้นบางสิ่ง หม้อสามขาเริ่มสั่นสะท้านและปลดปล่อยกลิ่นอายชั่วร้ายแปลกพิกล

“อย่างไรเสีย เจ้าคิดหรือว่าการจะรวมหม้อสามขาทมิฬเข้าด้วยกันนั้นง่ายดายนัก? เจ้าคิดว่าเป็นผู้ใดกันเล่าที่เป็นสาเหตุของบาดแผลทั้งร่างของข้า?”

“ราชวงศ์อมตะมีส่วนต้องรับผิดชอบเรื่องนี้อยู่ราวสามในสิบส่วน”

ม่านตาของหลินซวนสั่นไหวอย่างรุนแรง ดูเหมือนว่าราชวงศ์อมตะจะมีส่วนต้องรับผิดชอบต่ออาการบาดเจ็บของจ้าวห้วงเหวจริงๆ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นความลับครั้งสำคัญ มิแน่ว่าจ้าวหุบเหวเองก็เกี่ยวข้องกับหม้อสามขาทมิฬใบนั้นด้วยใช่หรือไม่?

“เจ้าไม่จำเป็นต้องคาดเดา” จ้าวห้วงเหวเอ่ยออกมาจากใจเย็น จากนั้น ประกายแสงสีดำที่แลดูลึกลับและแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายแปลกประหลาดก็ถูกดึงออกมาจากหม้อสามขาทมิฬ

แสงสีดำนี้ด้วยเหมือนว่าจะสงบนิ่งมาเนิ่นนาน มันมีกลิ่นอายโบราณและป่าเถื่อน หลังจากที่ถูกดึงออกมาโดยจ้าวห้วงเหว เขาก็กลืนกินมันลงไป

“นี่มิใช่หม้อสามขาทมิฬของข้า” หลังจากกลืนกินแสงนั้น จ้าวหุบเหวก็เอ่ยออกมาช้าๆ

“ไม่ใช่ของเจ้า?” หลินซวนสับสนไปหมด

“ข้าย่อมเป็นผู้ครอบครองหม้อสามขาทมิฬดับสวรรค์เก้าชั้นฟ้าจริง ทว่าในตอนที่ข้านั้นกำลังกักตัวฝึกวิชา ราชวงศ์อมตะส่งคนมาขโมยมันไป” จ้าวหุบเหวกระซิบแผ่วเบา เขาโบกมือของตนก่อนจะยิงแสงสีดำออกมาเส้นหนึ่ง มันพุ่งตรงเข้าใส่หม้อสามขาทมิฬที่ตั้งอยู่เบื้องหน้าของหลินซวนอย่างรวดเร็ว

แสงสีดำนั้นน่าหวาดหวั่นยิ่ง มันนับได้ว่าเป็นท่าไม้ตายหนึ่งของยอดยุทธในขั้นที่สี่ของแดนปราณก่อตั้งจิต กลิ่นอายของมันทรงพลังยิ่งนัก คล้ายกับสามารถสังหารทุกชีวิตลงได้

เกิดเป็นประกายสายฟ้าขึ้น และกองกระดูกโดยรอบถูกทำลายลงจนกลายเป็นเศษธุลี ก่อนที่หม้อสามขาใบนั้นจะถูกล้อมรอบด้วยแสงสีดำ

หลินซวนที่ถูกห่อหุ้มด้วยหมอกทมิฬยังคงปลอดภัยดี

หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ประกายแสงสีดำนับไม่ถ้วนก็จางลง ทว่าหม้อสามขาทมิฬใบนั้นกลับมิได้เปลี่ยนแปลงใดๆ

“อย่างที่คาดไว้.... กลิ่นอายอมตะในหม้อสามขาทมิฬใบนี้ช่างยากที่จะกลั่นมันออกมา....” จ้าวห้วงเหวบ่นกับตนเองเบาๆ

ด้านล่างนั้น หลินซวนเองก็รู้สึกได้ว่าถึงเวลาแล้ว

จากนั้น เขาก็เอ่ยออกมาด้วยเสียงต่ำลง

“อาวุโส เจ้าอาจจะไม่ได้รู้เรื่องนี้ ทว่าราชวงศ์อมตะนั้นในอำนาจของพวกมันในตอนนี้ในการรวบรวมเอาอัจฉริยะน้อยทั่วทั้งแผ่นดินเหนือคราม แล้วใช้คนเหล่านี้ในการสังเวยโลหิตเพื่อชำระล้างหม้อสามขาทมิฬดับสวรรค์เก้าชั้นฟ้าและรวมมันเข้าด้วยกันให้กลายเป็นหม้อสามขาสวรรค์อมตะเพิ่งเปิดเส้นทางสู่การเป็นอมตะของพวกมัน!”

“ท่านอาวุโสเช่นนั้นเลือกจะร่วมมือกับตระกูลหลินของข้า ไม่แน่ว่าพวกเราอาจจะสามารถหยุดยั้งหายนะในครั้งนี้และเป็นฝ่ายรวบรวมหม้อสามขาทมิฬมาใช้เพื่อเปิดหนทางสู่ความเป็นอมตะได้ด้วยพวกเราเอง!”

ได้ยินเช่นนั้น น้ำเสียงเย้ยหยันที่หาได้ยากยิ่งของจ้าวหุบเหวก็ดังขึ้น

“แทนที่จะร่วมมือกับตระกูลหลิน เหตุใดข้าจึงไม่ไปร่วมมือกับราชวงศ์อมตะแทนเล่า? หรือต่อให้ข้าเลือกที่จะร่วมมือกับเจ้าจัดการราชวงศ์อมตะ แล้วผลประโยชน์ใดที่ข้าจะได้รับ?”

“หากว่าข้าบอกว่า ข้าสามารถรักษาอาการบาดเจ็บที่ซ่อนอยู่ของเจ้าได้ล่ะตาแก่?” หลินซวนยิ้มบางเบา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ และปลดปล่อยแสงสีม่วงออกมาเล็กน้อยรอบตัว

“อาการบาดเจ็บที่ซ่อนอยู่ของข้า?”

น้ำเสียงของจ้าวห้วงเหวเต็มไปด้วยร่องรอยของความเสียใจ เยาะเย้ย และไม่เชื่อถือ

“เจ้ารู้หรือว่าไม่ว่าอาการบาดเจ็บเหล่านี้ของข้ามาจากสาเหตุใด? ถ้าหากว่าข้าสามารถรักษาพวกมันและได้รับพลังดั้งเดิมกลับคืนมา อย่าว่าแต่เพียงราชวงศ์อมตะที่เล็กจ้อย ทำไมข้าจะไม่ยึดครองทั้งอาณาเขตเหนือครามด้วยตัวเอง?”

เปลือกตาของหลินซวนยกขึ้น เพียงพลิกข้อมือคราวหนึ่ง เขาก็นำเอาสมบัติชิ้นที่สามที่เตรียมเอาไว้เพื่อมอบให้จ้าวหุบเหวออกมาแสดงต่อหน้าอีกฝ่าย

สายฟ้าสีม่วงเต้นระริกอยู่บนฝ่ามือของเขา มันคืออัสนีสวรรค์ที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของผู้พิทักษ์ต้นหลิวได้ เป็นอัสนีสวรรค์เก้าชั้นฟ้า!

กล่าวได้ว่าในวินาทีที่หลินซวนใช้อัสนีสวรรค์เก้าชั้นฟ้าออกมา หมอกชั่วร้ายโดยรอบต่างม้วนตัวอย่างรุนแรง และกลิ่นอายปิศาจแพร่กระจายไปทั่วทันที!

ภายในซากปรักแห่งนั้น กลิ่นอายชั่วร้ายพุ่งขึ้นในอากาศ โดยมิต้องกล่าวสิ่งใด กลิ่นอายนั้นแฝงไปด้วยปราณวิญญาณและปราณปิศาจจำนวนมหาศาล มันเข้มข้นจนแทบจะสัมผัสได้ด้วยมือเปล่า เป็นปราณต้นกำเนิดของจ้าวห้วงเหวผู้นั้นเอง!

อักขระห้วงเหวนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น คล้ายว่ามันแฝงด้วยความล้ำลึกแห่งเต๋าที่แท้จริง ในตอนนั้นเอง มันก็ปะทุขึ้นไปอยู่ในระดับแดนปราณก่อตั้งจิตทันที!

จ้าวหุบเหวแตกตื่นยิ่งนัก เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงตาดำมืดของเขาราวกับขุมนรกเข้มข้นขึ้นในระหว่างที่จ้องมองไปยังสายฟ้าสีม่วงที่กับยังเต้นรำอยู่บนฝ่ามือของหลินซวน

เขากล่าวออกมาทีละคำอย่างเน้นย้ำชัดเจน

“มันคือสิ่งใด?”

สิ่งที่ทำให้จ้าวห้วงเหวตกตะลึงที่สุดมิใช่อัสนีสวรรค์เก้าชั้นฟ้า แต่เป็นประกายแสงที่กำลังสั่นไหวอยู่บนฟ้ามือของหลินซวนในชั่วขณะถัดมา!

ภายในแสงนั้น ความยิ่งใหญ่แห่งเต๋านับไม่ถ้วนทะลักทลาย รูปแบบอักขระแห่งเต๋าที่เกรียงไกรปรากฏขึ้นจนมิอาจนับจำนวนได้ หากเพ่งมองให้ดีสามารถสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตอันมากล้นที่ทรงพลังจนสามารถฟื้นฟูทุกสรรพสิ่งในใต้หล้าให้กลับคืนมาสมบูรณ์ได้ดังเดิม!

ยิ่งกว่านั้น ใจกลางของกลุ่มก้อนแห่งแสงปรากฏอักขระลึกลับบรรพกาลที่จ้าวห้วงเหวมิเคยพบเห็นมาก่อนตลอดช่วงชีวิตของเขา!

*อธิบายสรรพนามที่หลินซวนใช้เรียกจ้าวห้วงเหวเล็กน้อย เพราะว่าหลินซวนไม่ได้เคารพอีกฝ่าย แถมยังเคยเป็นศัตรูกันมาก่อน เลยไม่ได้เรียกจ้าวห้วงเหวแบบเคารพว่าท่าน แต่ใช้คำว่าเจ้า และบางทีก็เรียกว่าตาแก่แทนผู้อาวุโสด้วยความเคารพนั่นเอง

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด