บทที่ 16 ฉันจะซัดลูกบาสให้กระจุยในหมัดเดียว
บทที่ 16 ฉันจะซัดลูกบาสให้กระจุยในหมัดเดียว
“กระดานดำแม่นยำ 100% อันนี้ นี่มันห่าเหวอะไรกัน? ทักษะการยิงปืนและทักษะสะท้อนกลับของโจวซิงฉือนั่นก็ค่อนข้างดีเลยทีเดียว” จ้าวซือแอบประเมินอย่างลับๆ
ทักษะการยิงปืนอาจจะได้นำมาใช้ในกรณีฉุกเฉิน และทักษะสะท้อนกลับก็สามารถที่จะเพิ่มความแข็งแกร่งในการต่อสู้โดยรวมของเขาได้ เพราะว่าเขาอาจจะได้ไปยังโลกที่มีความแข็งแกร่งในการต่อสู้ที่สูงขึ้นในอนาคตก็เป็นได้
หลังจากนั้นผ่านไปอีกหนึ่งสัปดาห์ ในที่สุดจ้าวซือก็ได้มาถึงวันลงทะเบียนเรียน
เมื่อพิจารณาว่าเขาจะต้องดูแลน้องสาวไปด้วย จ้าวซือจึงได้ลงทะเบียนเรียนในมหาวิทยาลัยในท้องถิ่นซึ่งก็ถือว่าไม่เลว โดยปกติแล้วเขาสามารถที่จะกลับบ้านหลังเลิกเรียนได้ แต่เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนเขาอาจต้องใช้เวลามากขึ้นในการเดินทางไปเรียน
เมื่อมาเขามาถึงมหาวิทยาลัยกรีนเบิร์ด เขาก็มองดูเหล่านักศึกษาใหม่ที่ถือกระเป๋าเดินทางและยังมีพ่อแม่ที่ตามมาดูแลพวกเขา จ้าวซือถอนหายใจ ไม่นานมานี้เขาเคยต้องกังวลเรื่องค่าเล่าเรียน แต่ในตอนนี้เขาเป็นเศรษฐีเงินล้านที่มีทรัพย์สินมากกว่าหนึ่งล้านเหรียญ ถ้าไม่ใช่เพราะระบบทำให้ชีวิตเขาดีขี้น... ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ในช่วงขาลงแบบไหนกัน?
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามจ้าวซือรู้ว่าในที่สุดเขาก็มีเป้าหมายที่จะสนุกกับชีวิตในมหาวิทยาลัยแล้ว
หลังจากที่ส่งเอกสารการรายงานตัวเรียบร้อยแล้ว จ้าวซือก็มาที่ห้องเรียน เขายังคงมีความคาดหวังบางอย่างเกี่ยวกับเพื่อนนักศึกษาและอาจารย์ที่เขาจะได้เจอในมหาวิทยาลัย
“พี่จ้าวซือ ทำไมพี่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?” เด็กสาวผมสีเหลืองรีบวิ่งไปที่ด้านข้างของจ้าวซือพร้อมด้วยเสียงประหลาดใจ
จ้าวซือตกตะลึง “หลี่… หลี่ซิน?”
หลี่ซินในตอนนี้ก็ยังมีผมสีเหลืองอยู่เช่นเคย แต่เธอสวมชุดที่ดูลำลองกว่าทุกวัน ใบหน้าของเธอสะอาดสะอ้าน จ้าวซือเพิ่งนึกได้ว่าเธอคนนี้มีรอยสักด้วย!
“นี่ก็หมายความว่าพี่กับฉัน พวกเราเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันและเรียนคณะเดียวกันด้วยน่ะสิ!” หลี่ซินรู้สึกตื่นเต้นมาก “ฉันเคยคิดว่าพี่เป็นหนุ่มสังคม แต่ไม่คิดว่าพี่จะเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเหมือนกัน!”
จ้าวซือหัวเราะ “คำพูดสุดท้ายของเธอฉันไม่ขอรับไว้ได้ไหม”
อย่างไรก็ตามการแปลงกายของหลี่ซินก็ทำให้จ้าวซือรู้สึกประหลาดใจมาเพราะเธอดูสวยกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก
“แต่การพูดแบบนี้ มันเหมาะสมไหมที่คุณจะเรียนแพทย์…” จ้าวซือนึกภาพไม่ออกจริงๆ ตอนที่หลี่ซินสวมเสื้อกาวน์สีขาว
หลี่ซินสูดจมูก “แล้วไงล่ะ!”
“น้องซิน ในที่สุดฉันก็เจอเธออีกแล้วแล้ว แน่นอนเลยว่าสวรรค์สร้างให้เราสองคนมาคู่กัน ดูสิ พวกเราเรียนห้องเดียวกันซะด้วย…” เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น แต่หลังจากเห็นที่จ้าวซือหันไปดูเขาก็ต้องตัวแข็งทื่อ
เป็นคู่แค้นกันเสียจริงๆ
ปฏิกิริยาแรกของจ้าวซือเมื่อเขาเห็นเฉียนเฟิงก็คือแสร้งทำเป็นไม่รู้จักเขา แต่แล้วหลี่ซินก็เป็นคนที่ทำให้เฉียนเฟิงจำเขาได้
“คุณพนักงานส่งอาหารนั่นเอง ทำไมถึงได้มาหลอกหลอนอยู่แถวนี้อย่างกับผีได้ล่ะ!” เฉียนเฟิงจดจำความแค้นในคืนนั้นได้ และดวงตาของเขาแทบจะลุกเป็นไฟด้วยความโกรธ
หลี่ซินชิงพูดก่อนว่า "นายต่างหากที่เป็นคนที่ตามหลอกหลอนฉัน นายพูดเองไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ตามรังควาญฉันถ้าหากว่านายแพ้? มามัวพล่ามเรื่องเนื้อคู่จากสวรรค์ทำไม? ฉันคิดว่านายคงจะจงใจใช้เส้นสายให้ได้มาเรียนคณะเดียวกันกับฉันสินะ ฉันจำไม่ได้เลยว่านายมีความทะเยอทะยานอยากจะเรียนแพทย์กับเขาด้วย!”
เฉียนเฟิงอึ้งไปชั่วขณะ เขาเบี่ยงประเด็นและพูดว่า "ไอ้คนส่งอาหาร แกควรจะอยู่ห่างจากน้องซินเอาไว้นะ ไม่เช่นนั้นแกจะเดือดร้อน!"
หลังจากที่พูดจบเขาก็นั่งลงอย่างแรง
แต่ถึงอย่างไรก็ตามเฉียนเฟิงก็เข้าใจผิดไปอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ว่าจ้าวซือที่ต้องการจะเข้าใกล้หลี่ซิน แต่เป็นตัวหลี่ซินเองต่างหากที่ต้องการจะเข้าใกล้เขา!
เมื่อเห็นท่าทางกระตือรือล้นที่หลี่ซินมีต่อจ้าวซือแล้ว เฉียนเฟิงก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากยิ่งขึ้น
สำหรับจ้าวซือแล้วเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับการข่มขู่ของเฉียนเฟิงอย่างจริงจังนัก ในเมื่อเขามีระบบอยู่กับตัวแล้ว เขาจะไปเกรงกลัวการข่มขู่ของมนุษย์ได้อย่างไรกัน?
นักศึกษาทะยอยเข้าห้องมาทีละคนๆ และในที่สุดคนที่เข้ามาสุดท้ายก็คืออาจารย์นั่นเอง
“ว้าว อาจารย์ท่านนี้ทั้งยังดูเด็กและสวยมาก! พวกเขาบอกว่าอาจารย์ในมหาวิทยาลัยทุกคนเป็นคนแก่หัวโล้นไม่ใช่เหรอ!?”
"ไม่นะ ฉันตกหลุมรักอาจารย์แล้วล่ะ!"
“นางฟ้าอะไรเนี่ย! วันนี้ฉันอารมณ์ดีจริงๆ!”
หลังจากที่อาจารย์ประจำชั้นมาถึง ทั้งชั้นเรียนก็เต็มไปด้วยเสียงเชียร์
จ้าวซืออดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างเจื่อนๆ เพราะอาจารย์คนที่อยู่ตรงหน้าเขานี้เป็นแพทย์หญิงที่เขาเพิ่งจะช่วยชีวิตจากเงื้อมมือคนร้ายไปเมื่อไม่กี่วันนี้เอง ฮันไป่เสวี่ย!
เมื่อฮันไป่เสวี่ยเห็นจ้าวซือ เธอก็ไม่ได้แปลกใจมากนัก เธอเพียงยิ้มให้เขาเล็กน้อยและกล่าวเปิดเรียน “นักศึกษาทุกคน ต่อจากนี้ไป ฉันจะเป็นอาจารย์ประจำชั้นของคุณ เรียกฉันว่าอาจารย์ฮันก็ได้”
ต่อไปคือการทำความคุ้นเคยกับชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย เพราะเขาสามารถที่จะกลับบ้านได้ทุกเมื่อ จ้าวซือจึงไม่เลือกที่จะอยู่หอพักที่มหาวิทยาลัย เขาจึงไม่จำเป็นต้องไปที่หอพักดังนั้นเขาจึงเดินดูรอบ ๆ และไปที่สนามกีฬา
“หยุดตามฉันได้แล้ว...” จ้าวซือปวดหัว
หลี่ซินหัวเราะ “ไม่ได้หรอก ก็ฉันบอกแล้วไงว่าต่อจากนี้ไปคุณจะเป็นพี่ใหญ่ของฉัน และแน่นอนว่าฉันจะตามพี่ใหญ่ไปทุกหนทุกแห่ง”
“ช่างเถอะ...” จ้าวซือพูดไม่ออก
ภายในสนามกีฬา เฉียนเฟิงกำลังเล่นบาสเก็ตบอลอยู่ซึ่งไม่รู้ว่าเขาได้ไปเป็นสมาชิกทีมบาสตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เมื่อเขาสังเกตเห็นการปรากฏตัวของจ้าวซือและหลี่ซิน เขาก็รู้สึกหัวเสียขึ้นมาอีกครั้ง
“เจ้าคนส่งอาหารนี่มันร่ายมนต์อะไรใส่น้องซินกันนะ? ฉันไม่เคยเห็นเธอทำตัวติดแจกับใครแบบเจ้านี่เลย! และเธอก็ไม่เคยจะใส่ใจกับคำพูดของฉันเลยด้วยซ้ำ…”
เมื่อคิดถึงตรงนี้แววตาของเฉียนเฟิงก็หม่นแสงลง เขาเลี้ยงลูกบอลไปเรื่อยๆ ปรับตำแหน่งและกระโดดขึ้นชู๊ต แต่เป้าหมายที่แท้จริงของเขาไม่ใช่ที่แป้นบาสแต่เป็นที่หัวของจ้าวซือ!
ฟิ้ววว!
เฉียนเฟิงขว้างลูกบาสด้วยความแรงและเร็วมาก และมันก็อยู่ในมุมอับที่จ้าวซือจะมองไม่เห็น ซึ่งคนธรรมดาทั่วไปจะไม่มีทางหลบหลีกได้ทัน
เฉียนเฟิงยิ้มที่มุมปากอย่างภาคภูมิใจ เขาเตรียมพร้อมที่จะดูจ้าวซือกลายเป็นตัวตลกสำหรับเขา เมื่อนึกภาพจ้าวซือนั่งยองๆ เอามือกุมศรีษะด้วยความเจ็บปวด แล้วน้องซินก็จะได้เห็นสภาพที่น่าทุเรศของเจ้านั่น
“ห๊ะ?”
เมื่อรู้สึกได้ถึงเสียงลมที่หวีดหวิวกำลังพุ่งมาหาเขาจากทางด้านหลัง จ้าวซือก็หันกลับมาอย่างฉับพลันและยกหมัดขึ้นตอบโต้
ปัง!
ลูกบาสเก็ตบอลถูกหมัดของจ้าวซือและระเบิดออก
คนที่อยู่โดยรอบต่างก็พากันตกตะลึง ดวงตาของหลี่ซินเกือบจะเปล่งประกาย "เชี่-ย พี่ชาย เท่เกินไปแล้ว! เมื่อไหร่คุณจะสอนกระบวนท่านี้ให้ฉันบ้าง?"
เฉียนเฟิงตกตะลึง เขายืนนิ่งจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่ชื่นชมของหลี่วิน เขาก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาแหลกเป็นผุยผง
"น้องใหม่ นายรู้ไหมว่าต้องชู๊ตยังไง? ถ้านายไม่รู้ก็อย่าชู๊ตสุ่มสี่สุ่มห้า ไปเลยนะ นายไปซื้อลูกบาสใหม่มาเลย!"
ไม่เพียงเท่านั้น เฉียนเฟิงจะเล่นบาสแพ้แต่เขายังต้องได้รับการวิจารณ์จากรุ่นพี่อีกด้วย
เมื่อเขากลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง จ้าวซือก็ตระหนักได้ว่าเป็นเพราะทักษะสะท้อนกลับของโจวซิงฉือที่ได้ช่วยเขาเอาไว้ ไม่เช่นนั้นเขาคงทำได้เพียงแค่รอให้ลูกบาสเก็ตบอลเข้ามาใกล้และอาศัยความเร็วในการเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อหลบหลีกลูกบาสนั่น
“เด็กนั่นเป็นใคร?”
“ฉันอยากจะเข้าไปทักและขอไลน์เขาจังเลย…”
“แต่เขามีผู้หญิงเดินอยู่ข้างๆ ด้วยนะ หรือว่าจะเป็นแฟนของเขา?”
ลูกบาสลูกนี้ที่บังเอิญลอยเข้าใส่จ้าวซือ มันทำให้จ้าวซือได้รับความประทับใจจากสาวๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมาอย่างล้นหลาม
แน่นอนว่าด้วยประสาทสัมผัสที่เฉียบแหลมของจ้าวซือ เขาจึงสังเกตเห็นเฉียนเฟิงที่อยู่ในสนามกีฬาตั้งแต่แรกแล้ว และเมื่อพิจารณาอีกเพียงเล็กน้อย เขาก็รู้ว่าใครเป็นคนทำแต่เขาก็เลือกที่จะนิ่งเฉยเสีย
ในตอนบ่ายหลี่ซินที่คอยตามติดเขา ก็ขอตัวกลับไปที่หอพักหญิง จากนั้นจ้าวซือก็ไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและเป็นเสื้อผ้าเป็นชุดพนักงานส่งอาหาร เขากำลังวางแผนที่จะออกไปจากมหาวิทยาลัยและไปทำงานพาร์ทไทม์เพื่อส่งอาหาร
ทันทีที่จ้าวซือหยิบชุดยูนิฟอร์มของเขาออกมา คนกลุ่มใหญ่ก็รีบเข้ามาดู
“ให้ตายสิ ไอ้เจ้านี่เป็นพนักงานส่งอาหารจริงๆ งั้นเหรอ?”
"เขาทำงานพาร์ทไทม์เป็นพนักงานส่งอาหาร ช่างน่าประทับใจจริงๆ!"
จ้าวซือมองดูสมาชิกทีมบาสเก็ตบอลที่กำลังล้อเลียนชุดยูนิฟอร์มพนักงานส่งอาหารของเขาด้วยสายตาที่เย็นชา เช่นเดียวกับเฉียนเฟิงที่กำลังยืนอยู่ด้านหลังคนกลุ่มนั้น