บทที่ 9 การพนันประลองรถของพี่จื้ออิง
บทที่ 9 การพนันประลองรถของพี่จื้ออิง
เยว่หยูเฉิงนั่งลงและพูดตรงเข้าประเด็น “สำหรับสร้อยคอนั่นคุณต้องการราคาสักเท่าไรค่ะ?”
“หนึ่งล้านหยวน” จ้าวซือตอบอย่างไม่ลังเลใจ
เยว่หยูเฉิงถึงกับหยุดชะงัก เธอแทบจะไม่เชื่อหูตัวเอง “นี่คุณแน่ใจเหรอคะ?”
สร้อยคอทองคำหยกแท้นั้นมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งล้านหยวนอย่างแน่นอน สมบัติอันล้ำค่าเช่นนี้ไม่อาจที่จะประเมินค่าเป็นเงินได้ด้วยซ้ำ แต่นี่เขากลับเรียกเพียงแค่หนึ่งล้านหยวน!
“วันนี้คุณช่วยผมเอาไว้ ถือว่าเพื่อมิตรภาพของพวกเราก็แล้วกัน” จ้าวซือยิ้ม
เยว่หยูเฉิงไม่ได้พูดจาไร้สาระอะไรอีกต่อไปเมื่อเธอได้ฟังสิ่งที่เขาพูด หลังจากที่วางสายโทรศัพท์ เงินหนึ่งล้านหยวนก็ถูกโอนเข้าบัญชีของจ้าวซืออย่างรวดเร็ว
เมื่อทั้งสองคนเสร็จสิ้นภาระกิจแล้วก็แยกย้ายกันไปแต่ก็ยังไม่ลืมที่จะทิ้งที่อยู่ติดต่อให้แก่กันไว้
“ถ้าคุณมีเครื่องประดับแบบนี้อีกล่ะก็ ได้โปรดติดต่อฉันมานะคะ ฉันจะเสนอราคาที่คุณพอใจอย่างแน่นอนค่ะ” ก่อนที่จะแยกย้ายกันไป เยว่หยูเฉิงกล่าวอย่างจริงจัง
จ้าวซือพยักหน้าแบบขอไปที จากนั้นก็ไปทำงานส่งเดลิเวอรี่ของเขาตามปกติและกลับเข้าบ้านในตอนเย็น
หลังจากที่กินอาหารเย็นกับน้องสาวเสร็จแล้ว ทั้งสองคนก็นั่งอยู่ที่โซฟาขนาดเล็กและนั่งดูทีวีอยู่ด้วยกัน
“นี่พี่ แสงจันทราสาดส่องฟ้านี่มันช่างสวยจริงๆ เลยนะ ฉันได้ยินมาว่าดีไซเนอร์คนนี้อายุแค่ 19 ปีเท่านั้นเอง อายุมากกว่าฉันแค่ปีเดียวเอง พอเปรียบเทียบแล้วมันน่าโมโหจริงๆ”
จ้าวเมิ่งหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาและอวดให้จ้าวซือดู
ปรากฏว่าแสงจันทราสาดส่องฟ้าที่จ้าวเมิ่งพูดถึงนั่นเป็นชื่อของเครื่องประดับสุดหรูนั่นเอง
ดีไซเนอร์ที่มีชื่อเสียงคนนั้นก็คือ หยูเฉิง
หรือว่าจะเป็นเธอคนนั้น?
จ้าวซืออดคิดถึงเยว่หยูเฉิงคนที่นั่งดื่มกาแฟกับเขาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ เมื่อเขาได้เห็นแสงจันทราสาดส่องฟ้าซึ่งเป็นเครื่องประดับภายใต้แบรนด์ของฮวาหลงอินเตอร์เนชั่นแนล เขาก็ยิ่งรู้สึกมั่นใจ
“ทำไมอยู่ๆ เธอถึงได้สนใจข้าวของหรูหราแบบนี้ล่ะ?” จ้าวซือรู้สึกแปลกใจ
ปกติแล้วจ้าวเมิ่งดูไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย
“เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งคอยขี้โม้เรื่องฟุ่มเฟือยพวกนี้ให้พวกเราฟัง? เธอยังบอกอีกว่าพ่อของเธอจะซื้อแสงจันทราสาดส่องฟ้าให้เป็นของขวัญวันเกิด นี่มันเป็นรุ่นลิมิตเต็ดเลยนะ แค่แหวนวงนี้วงเดียวก็ราคามากกว่า 600,000 หยวนแล้ว!
ปากของจ้าวเมิ่งยังไม่ยอมหยุดพูด จนในที่สุดเธอหยุดพูดไปชั่วขณะ ราวกับว่าเธอเพิ่งจะนึกอะไรได้
“ใช่แล้ว วันเกิดของเธอวันเดียวกับฉันเลย เธอชวนฉันไปงานวันเกิดด้วยนะ พี่ชาย บอกฉันที ฉันควรจะไปไหม?”
จ้าวซือตอบว่า “ก็ตามใจเธอสิ”
จ้าวเมิ่งหน้ามุ่ยและรู้สึกผิด “ฉันบอกเธอไปแล้วว่าฉันไม่ไป แต่เธอเชิญฉันต่อหน้าเพื่อนร่วมชั้นตั้งมากมาย มันไม่ดีเลย แต่ถ้าไปก็เหมือนแค่ไปเพื่อประดับบารมีให้เธอ ฉันไม่ดีใจเลยแม้แต่น้อย!”
“ไร้สาระน่า น้องสาวของพี่เป็นดาวที่สว่างที่สุดและเฉิดฉายที่สุดในทุกๆ ที่ที่เธอไป ทำไมเธอถึงจะต้องไปประดับบารมีให้คนอื่นกันล่ะ?” ในที่สุดจ้าวซือก็เข้าใจในสิ่งที่น้องสาวต้องการที่จะสื่อ ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกไม่พอใจนิดหน่อยที่เเพื่อนร่วมชั้นที่ทำให้จ้าวเมิ่งรู้สึกอึดอัด
หลังจากที่ได้ยินดังนั้นจ้าวเมิ่งก็ยิ้มหวาน “พี่ชาย พี่เก่งที่สุดเลย”
จ้าวซือยิ้มและไม่ได้พูดอะไรอีก อย่างไรก็ตามเขาได้ตัดสินใจแล้วที่จะทำให้จ้าวเมิ่งประหลาดใจ
วันรุ่งขึ้นขณะที่จ้าวซือกำลังขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าเพื่อไปส่งของ เสียของระบบก็ดังขึ้นข้างๆ หูของเขา
“บี๊บ! มีออเดอร์จากฝากรักมากับดาว (My Lucky Star) จ้งเทียนฉีที่เพิ่งจะเสร็จสิ้นการเดิมพันชีวิตในการแข่งประลองรถ แต่ร่างกายของเขานั้นหิวโหยมาก เขาต้องการการจัดส่งอย่างเร่งด่วนเพื่อเติมความแข็งแกร่งของเขา คุณจะยอมรับออเดอร์นี้หรือไม่?”
ฝากรักมากับดาว? การเดิมพันชีวิตในการแข่งประลองรถ?
เศษเสี้ยวความทรงจำเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องนี้ปรากฏในจิตใจของจ้าวซือ
ถ้าเขาจำไม่ผิด ในฝากรักมากับดาว จ้งเทียนฉีไม่ลังเลใจเลยที่จะเดิมพันชีวิตและแขนข้างหนึ่งของเขาเองเพื่อช่วยคนหลายแสนคนโดยการเข้าร่วมการแข่งประลองรถในครั้งนี้!
“จ้งเทียนฉีที่เป็นตำนานอมตะคนนั้น เขาเป็นเศรษฐีรูปหล่ออย่างแท้จริง และฝีมือการแข่งรถของเขาก็ดีมากเช่นกัน...”
หลังจากที่ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งจ้าวซือก็เลือกที่จะยอมรับ
"บี๊บ! บี๊บ! คำสั่งซื้อได้รับการตอบรับแล้ว! I แกะย่างเตาถ่านได้ถูกสร้างขึ้นโดยอัตโนมัติในกล่องเดลิเวอรี่ของโฮสต์แล้ว!"
"บี๊บ! บี๊บ! อุโมงค์อนันตภพกำลังจะเปิดในสิบวินาทีนี้ โฮสต์โปรดเตรียมตัว... "
จ้าวซือนั้นคุ้นเคยกับสิ่งนี้แล้ว เขาจึงบิดคันเร่งและรีบพุ่งไปที่อุโมงค์อนันตภพที่เปิดอยู่ทางด้านหลัง
เมื่อผ่านอุโมงค์ที่ดูเหมือนภาพสามมิติที่ว่างเปล่า จ้าวซือรู้สึกว่าที่ก้นของวงล้อนั้นว่างเปล่า และฉากตรงหน้าเขาก็ได้เปลี่ยนไป
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืน สภาพแวดล้อมโดยรอบดูเหมือนถนนบนภูเขา ที่นั่นมีรถหรูสีขาวจอดอยู่ที่ด้านข้างเชิงเขา ดูราวกับว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้น
จ้าวซือรู้ได้ทันทีว่าจ้งเทียนฉีอยู่ข้างในรถคันนั้น ดังนั้นเขาจึงยิ่งบิดคันเร่งและวิ่งไปข้างหน้า
“เฮ้ย นี่คุณเป็นใคร?”
จ้งเทียนฉีที่อยู่ภายในรถกำลังเหงื่อแตกและดูหงุดหงิดมาก
“ผมเป็นคนส่งอาหารเดลิเวอรี่จากอนันตภพ ผมมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ต้องการมัน จ้งเทียนฉี คุณคงจะหิวมากเลยสินะตอนนี้”
ขณะที่เขาพูดจ้าวซือก็หยิบเนื้อแกะถ่านย่างออกมาแล้วส่งให้จ้งเทียนฉี
“ไม่นะ ฉันไม่มีอารมณ์จะกินอะไรตอนนี้หรอก! ถ้าฉันแพ้การแข่งขันเดิมพันชีวิตครั้งนี้ ท่านฟาคงจะหักมือข้างหนึ่งของฉันแน่ๆ! ยังเหลือคนอีกเป็นแสน ตั้งหนึ่งแสนคนเลยนะที่ฉันจะช่วยได้ ฉันยังสงสัยอยู่ว่าท่านฟาจะคืนคำไหม!”
สภาพในตอนนี้ของจ้งเทียนฉีแย่มาก และเขาก็เกือบจะทำอาหารที่จ้าวซือส่งให้กับมือร่วงลงไปเสียแล้ว
เมื่อเห็นดังนั้นจ้าวซือก็ต้องขมวดคิ้ว
ตามโครงเรื่องที่คาดไว้ ในเมื่อจ้งเทียนฉีจบการแข่งประลองรถเดิมพันชีวิตแล้วในตอนนี้เขาควรจะเป็นฝ่ายแพ้
หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง จ้าวซือก็พูดขึ้นมาว่า "จ้งเทียนฉี คุณฟังนะ ผมเป็นคนส่งอาหารเดลิเวอรี่จากอนันตภพ ตราบใดที่คุณกินอาหารที่ผมนำมาให้นี้ ผมก็จะสามารถช่วยคุณแก้ปัญหาเหล่านี้ได้"
"จริงเหรอ?" เมื่อจ้งเทียนฉีมาอยู่ในจุดที่หมดสิ้นปัญญา ชายลึกลับที่อยู่ตรงหน้านี้คือฟางเส้นสุดท้ายที่ขะช่วยชีวิตของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
เมื่อพูดถึงตรงนี้จ้งเทียนฉีก็รู้สึกหิวมาก เมื่อเขาเปิดกล่องเดลิเวอรี่ออก เขาก็หยิบเนื้อแกะย่างถ่านออกมาแล้วเริ่มเคี้ยว เขาดูไม่เหมือนคุณชายรองของบริษัทเครื่องประดับเอาเสียเลย
“แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น พี่หลินจื้ออิงก็หล่อมากเลยนะ...” จ้าวซืออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ความหล่อนั่นหมายความว่าเขาจะทำอะไรก็ได้ที่เขาต้องการ
จ้งเทียนฉีกินเนื้อแกะไปได้เพียงครึ่งเดียวเขาก็ต้องหยุดกินอย่างกะทันหัน “พวกมันกำลังมา พวกมันกำลังมาทางนี้แล้ว!”
"ไม่ต้องกลัว" จ้าวซือมองไปที่เงาทะมึนของกลุ่มคนในระยะไกล แต่เขาไม่มีอาการตื่นตระหนกบนใบหน้าเลย
ห้วหน้านักเลงฟาผู้ยิ่งใหญ่ที่มีสีหน้าเหี้ยมโหดเดินนำมาภายใต้การคุ้มครองของเหล่าสมุนของเขา “จ้งเทียนฉีแกแพ้แล้ว ตามข้อตกลง ฉันจะหักมือข้างหนึ่งของแกซะ! แล้วแกก็จงออกไปจากที่นี่!”
“ตอนนี้เขากำลังกินอยู่ อย่าเพิ่งรบกวนเขาเลยครับ” จ้าวซือก้าวไปข้างหน้า
ท่านฟาจ้องมาที่จ้าวซือถึงสองครั้ง เขาหยิบไม้เบสบอลมาจากสมุนของเขาแล้วพูดอย่างดุดันว่า “แกคิดว่าตัวเองเป็นใคร หลบไปให้พ้น! ไม่งั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่เตือน!”
“ผมเป็นคนส่งอาหารเดลิเวอรี่จากอนันตภพ ผมก็แค่ข้ามผ่านอนันตภพมาเพื่อช่วยผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ จ้งเทียนฉีเป็นลูกค้าของผม ถ้าคุณอยากจะหักมือเขาล่ะก็ ผมไม่เห็นด้วยนะ” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"แกรนหาที่ตายสินะ!" ท่านฟาจะสามารถทนการยั่วยุแบบนี้ได้อย่างไร? เขาขว้างไม้เบสบอลใส่หัวของจ้าวซือในทันที
อย่างไรก็ตามมันกลับไม่ได้เป็นไปตามที่เขาคาดไว้ ไม้เบสบอลของท่านฟากลับปาไม่โดนอะไรเลย ก่อนที่เขาจะหายตกใจเขาก็เพิ่งรู้สึกว่าตัวเขาได้ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้ว
จ้าวซือคว้าคอเสื้อของเขาเอาไว้ด้วยมือข้างหนึ่งและมองมาที่เขาอย่างเย็นชา
“เร็วเข้า ไปช่วยพี่ใหญ่สิ!”
เหล่าสมุนของท่านฟาได้ล้อมเขาไว้และเมื่อเห็นว่าจ้าวซือเหวี่ยงร่างท่านฟากลับมาทางพวกเขาจึงเป็นเหตุให้พวกเขาพากันกองลงไปกับพื้น
ทุกคนต่างพากันตกตะลึง ตั้งแต่วินาทีที่เขาเอาชนะท่านฟาได้จนถึงวินาทีที่ถูกบังคับให้ล่าถอยด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ซึ่งมันเกิดขึ้นในชั่วพริบตา
“ท่านฟา พวกเรามาพูดถึงสถานการณ์ความเป็นและความตายระหว่างคุณกับจ้งเทียนฉีกันดีกว่า”