ตอนที่แล้วบทที่ 7 องค์เทพเสด็จลงจากสวรรค์และบุกทะลวงข้าไปในพระราชวังหลวง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 9 การพนันประลองรถของพี่จื้ออิง

บทที่ 8 เพชรนิลจินดาของฉันมีมูลค่าหลายล้านเหรียญ


บทที่ 8 เพชรนิลจินดาของฉันมีมูลค่าหลายล้านเหรียญ

“บี๊บ! ตามความประสงค์ของโฮสต์ ฟังก์ชั่นกล่องจักรวาลแบบพกพาได้ถูกเปิดแล้ว โฮสต์สามารถที่จะติดต่อกับกล่องจักรวาลได้ตลอดเวลา เพื่อรับและฝากสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับระบบได้อย่างอิสระ!”

ขณะที่จ้าวซือกำลังคิดหาวิธีที่จะเอารางวัลที่ได้จากระบบออกจากมา ข้อความที่แจ้งนี้ก็ดูเหมือนจะมาได้ถูกเวลา

ตามที่ระบบได้แจ้งไว้ จ้าวซือจึงกลับไปที่บ้าน จากนั้นเขาก็หยิบเอาของรางวัลที่วางอยู่ในช่องลับของกล่องจักรวาลออกมา

"นี่มันเหมือนกับการรวมกันของกระเป๋าและประตูวิเศษของโดเรม่อนเลยนะเนี่ย!"

เมื่อมองไปที่กล่องขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยทองคำ เงิน และอัญมณี ชุดเกราะนักรบสีทองอร่าม และดาบตรามังกรทองคำที่งดงามหาที่เปรียบมิได้ที่อยู่ตรงหน้าเขา จ้าวซือก็รู้สึกงุนงงเล็กน้อย

หีบไม้จันทน์ที่แม้แต่ผู้ใหญ่ก็ไม่อาจที่จะยกได้นั้นเต็มไปด้วยเครื่องประดับล้ำค่านานาชนิด

สำหรับชุดเกราะนักรบสีทองและดาบตรามังกรทองคำ ทุกรายละเอียดถูกแกะสลักอย่างพิถีพิถัน ด้วยวัสดุที่มีคุณภาพสูงและสามารถเรียกได้ว่าเป็นงานศิลปะที่สมบูรณ์แบบ มูลค่าของมันจึงประเมินค่าไม่ได้

จ้าวซือลองสวมชุดเกราะนักรบสีทองและพบว่ามันสามารถสวมใส่ได้จริงๆ ร่างกายท่อนบนของเขารู้สึกเบาตัวมาก และไม่ได้เทอะทะอย่างที่คิด

จากนั้นเขาก็เอื้อมมือไปคว้าดาบตรามังกรทองคำและพบว่ามีน้ำหนักเบามาก เพียงแค่โบกเบาๆ ก็ทำให้เกิดเสียงคำรามของมังกรดังขึ้น!

"ทรงพลังมาก น่าเสียดายที่ฉันใช้ดาบไม่เป็น"

จ้าวซือรู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย แต่เขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้มากนัก

ซึ่งถ้าเขาใช้ดาบเป็นก็คงจะดูเท่มาก แต่มันคงไม่ใช่อย่างนั้นตราบใดที่เขายังมีระบบ เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องกังวลว่าเขาจะไม่ได้รับเคล็ดวิชาที่เกี่ยวข้องกับการใช้ดาบนี้ไม่ใช่หรือ?

นอกเหนือจากรางวัลที่ได้จากการชำระเงินแล้ว องค์ชายรองหยวนเจี๋ยก็ยังให้คะแนนระดับห้าดาวแก่เขาอีกด้วย ซึ่งเป็นผลให้เขามี 300 คะแนนอนันตภพเพิ่มมาในบัญชีของเขา

ในตอนนี้จ้าวซือมีคะแนนรวมทั้งหมด 600 คะแนนอนันตภพ ถ้าครั้งต่อไปเขามีโอกาสได้เจอกับร้านลึกลับในอนันตภพ เขาก็จะสามารถแลกเปลี่ยนข้าวของดีๆ บางอย่างได้

แต่ทว่าจ้าวซือก็ไม่ได้รีบร้อน สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้ก็คือการหาเงิน!

ไม่ว่าทองคำ เงิน และเครื่องประดับเหล่านี้จะมีจำนวนมากเพียงใด แต่สิ่งเหล่านั้นก็ไม่อาจที่จะรับประทานแทนอาหารได้

จ้าวซือจึงเลือกสร้อยคอทองคำและหยกชิ้นที่ค่อนข้างเล็ก และค่อนข้างที่จะดูธรรมดาอย่างระมัดระวัง

ไม่นานนักหลังจากนั้น จ้าวซือก็ตรงไปที่ร้านขายเครื่องประดับที่ใหญ่ที่สุดในอาคารพาณิชย์ที่อยู่ใกล้เคียง

ร้านจิวเวลรี่ว่านฝู เป็นร้านที่มีเครือข่ายระดับโลก ไม่เพียงแต่ร้านจะตกแต่งอย่างสวยงามเท่านั้น แม้แต่พนักงานต้อนรับสาวสวยก็แต่งกายอย่างสวยงามด้วย

เมื่อก่อนนี้จ้าวซือทำได้เพียงแค่มองจากระยะไกลเท่านั้น แต่ในตอนนี้เขามีระบบจัดส่งขั้นเทพแห่งอนันตภพ และเขามีเครื่องประดับจำนวนมาก แน่นอนว่าตอนนี้สิ่งต่างๆ ได้เปลี่ยนไปแล้ว

อย่างไรก็ตามก่อนที่จ้าวซือจะเข้าไปใกล้ร้าน พนักงานต้อนรับสาวคนหนึ่งก็ขมวดคิ้วและโบกมือไล่เขาเหมือนแมลงวัน

"พนักงานส่งเดลิเวอรี่ พวกเราไม่ได้สั่งเดลิเวอรี่นะ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คุณควรจะเข้ามา รีบออกไปซะ!"

จ้าวซือตกตะลึง ตอนนั้นเองที่เขาเพิ่งจะรู้ตัวว่าชุดพนักงานส่งของของเขาทำให้เกิดความเข้าใจผิด เขายิ้มอย่างเขินอายและพูดว่า:

“ผมไม่ได้มาส่งอาหารนะครับ”

พนักงานต้อนรับสาวเบะริมฝีปากอย่างดูถูกราวกับว่าเธอได้ยินเรื่องตลกร้าย

เมื่อเห็นดังนั้นจ้าวซือก็เข้าใจสถานการณ์ แต่ไม่ว่าสาวที่เย่อหยิ่งจะดูถูกเขาหรือไม่ เขาก็ไม่ได้สนใจ

“คุณรับซื้อสร้อยคอเส้นนี้ไหม?”

จ้าวซือก้าวเข้ามาแล้ววางสร้อยคอทองคำและหยกลงบนโต๊ะ

ดวงตาของพนักงานต้อนรับเป็นประกาย “ถ้าคุณต้องการที่จะขายสร้อยคอนี้ ทำได้แน่นอนค่ะ แต่ขอให้เราประเมินราคาก่อนนะคะ”

จ้าวซือพยักหน้า เขามั่นใจในสร้อยคอของเขามาก

พนักงานต้อนรับมองไปที่สร้อยคอครู่หนึ่งแล้วมองดูจ้าวซือตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอยิ้มและส่ายหัว “คุณคะ ต้องขอประทานโทษด้วย นี่เป็นของปลอมค่ะ”

ใบหน้าของจ้าวซือสลดลง "เป็นไปไม่ได้"

นี่เป็นรางวัลจากระบบ มันจะเป็นของปลอมไปได้อย่างไร?

“คุณคะ ไม่ต้องเป็นกังวลไปนะคะ ถึงแม้จะเป็นของปลอมแต่ฝีมือก็ไม่เลวเลย ทางเรายินดีที่จะให้ราคาสร้อยนี้ในราคาสองพัน เห็นไหมคะถ้าเป็นของจริงจะต้องไม่มีรอยแบบนี้...” พนักงานต้อนรับชี้ไปที่สร้อยคอในมือของเธออย่างจริงจัง

ขณะเดียวกันนั้น ก็มีเสียงแหลมดังขึ้น

“โย่ คนตาบอดที่ไหนถึงกล้าเอาของปลอมมาขายที่ร้านจิวเวลรี่ว่านฝู?”

จ้าวซือหันไปมองเล็กน้อย เขาเห็นผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดกำลังคล้องแขนชายวัยกลางคนที่ดูราวกับเศรษฐีใหม่ พร้อมกับเดินบิดก้นขณะที่เธอเดินเข้าไปภายในร้าน

“ท่านประธานหวัง คุณซุน พบกันอีกแล้วนะคะ! ทำไมพวกท่านไม่โทรหาดิฉันก่อนคะ ดิฉันจะได้ไปคอยต้อนรับพวกท่าน?”

พนักงานต้อนรับสาวกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก เธอดูแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

“พอได้แล้ว หยุดทำตัวสุภาพได้แล้ว พวกคุณเป็นอะไรกันไปหมด?  ทำไมถึงได้ปล่อยให้คนแบบนี้เข้ามา? ฉันจะเอาหน้าวีไอพีของฉันไปไว้ที่ไหน? รีบพาเขาออกไปจากที่นี่ได้แล้ว เร็วเข้า! ช่างน่าอายเสียจริงๆ!”

ชายที่ชื่อท่านประธานหวังมีสีหน้าไม่พอใจและน้ำเสียงของเขาก็ฟังดูยิ่งใหญ่

ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆ เขามองดูจ้าวซือด้วยความรังเกียจ

“คุณแน่ใจเหรอว่าสร้อยคอของผมเป็นของปลอม?” จ้าวซือไม่ได้โกรธ แต่เขากลับยิ้มและมองดูคนพวกนั้นอย่างเย็นชา

“ไอ้คนไร้ยางอาย ไร้ยางอายจริงๆ กล้าดียังไงมาเสนอหน้าถาม? เธอน่ะเป็นมืออาชีพอยู่แล้ว ในเมื่อเธอบอกว่าสร้อยคอของคุณเป็นของปลอม ก็ต้องปลอมสิ! ถ้าไม่ยอมรับก็หาหลักฐานมาแสดงให้ฉันเห็นสิ!”

ท่านประธานหวังชี้นิ้วไปที่จ้าวซือและตะคอกใส่เขา

พนักงานต้อนรับสาวตอบว่า “ท่านประธานหวังพูดถูก ฉันก็อุตส่าห์บอกคุณแล้วไงว่าไม่มีร้านไหนรับของปลอมของคุณหรอก ถ้ามีหน้าไหนกล้ารับซื้อก็คงจะต้องเป็นศัตรูกับร้านจิวเวลรี่ว่านฝูแล้วล่ะ!”

"ท่านประธานหวังช่างแสนดีอะไรอย่างนี้ ร้านจิวเวลรี่ว่านฝูช่างแสนดีอะไรอย่างนี้... "เด็กสาวที่แต่งตัวเหมือนเด็กนักเรียนก้าวไปข้างหน้า" พี่ชาย ขอดูสร้อยคอของคุณให้หน่อยได้ไหม?"

"ได้สิ" จ้าวซือกล่าวอย่างไม่ลังเลใจ

หญิงสาวหยิบสร้อยคอขึ้นมาดูด้วยความระมัดระวัง

“เชอะ แสดงเก่งจังเลยนะ มาดูกันว่าแกจะจัดการเรื่องนี้ยังไง” ผู้หญิงของท่านประธานหวังกล่าวดูถูก

หลังจากที่มองดูเธออยู่ครู่หนึ่ง เด็กสาวก็คลี่ยิ้มออกมา รอยยิ้มนี้ทำให้ผู้ชายทุกคนประหลาดใจเล็กน้อย

จากนั้นเธอก็ชูสร้อยคอขึ้นสูง และเปล่งเสียงที่ดังและทรงพลัง ซึ่งยิ่งทำให้ทุกคนตกใจมากขึ้นไปอีก

“สร้อยหยกทองคำเส้นนี้ฝีมือปราณีตมาก คุณภาพของหยกเป็นเลิศ ประเมินราคาอย่างน้อยๆ มันต้องมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งล้านหยวน! ของปลอมงั้นเหรอ? ฉันไม่คิดว่าคุณจะพูดแบบนั้นนะ!”

มูลค่าเป็นล้าน!

เมื่อได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของท่านประธานหวังก็ดูน่าเกลียดราวกับมีใครตบหน้าเขา

สีหน้าของพนักงานต้อนรับสาวคนนั้นก็ซีดเผือดลงเล็กน้อย เธอรู้เพียงว่าสร้อยคอเส้นนี้มีมูลค่าไม่ใช่น้อย แต่เธอไม่เคยคิดว่ามันจะมีมูลค่ามากขนาดนี้ แต่ทว่าเธอก็โต้กลับเร็วมาก:

“เชอะ... เธอมันก็แค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ มีความสามารถอะไรที่จะพิสูจน์มันได้ ใครๆ ก็พูดได้ มูลค่าเป็นล้านเลยเหรอ? งั้นเธอก็เอาไปสิ!”

ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดเห็นด้วย: "อ้อ ฉันรุ้แล้ว พวกเขาเป็นแก๊งค์กัน พวกเขาคิดที่จะมาหลอกเอาเงิน อย่าบอกนะว่าพวกแกคิดว่าทุกคนจะโง่!"

“พูดพอหรือยัง?”

เด็กสาวหยิบนามบัตรออกมาจนเกือบจะแทกหน้าพนักงานต้อนรับสาวคนนั้น

“หัวหน้าดีไซเนอร์เครื่องประดับของ ฮวาหลงอินเตอร์เนชั่นแนล! เธอคือ เยว่ หยูเฉิงงั้นเหรอ!”

พนักงานต้อนรับสาวร้องเสียงหลง และเสียงของเธอก็สั่นเครือ

“ฮวาหลงอินเตอร์เนชั่นแนลอะไรกัน? ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ต้องตกใจขนาดนั้นเลยเหรอ?” ผู้หญิงที่แต่งหน้าจัดไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่

ท่านประธานหวังกระตุกเธออย่างแรงและพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า "นังบ้า นี่เธออยากตายหรือยังไง? ฮวาหลงอินเตอร์เนชั่นแนล เป็นหนึ่งในแบรนด์เครื่องประดับชั้นนำระดับโลก ราคาเริ่มต้นที่ถูกที่สุดก็คือ 600,000 หยวน ยิ่งไปกว่านั้นบางชิ้นก็ยังไม่สามารถที่จะซื้อได้ด้วยเงิน! นังผู้หญิงโง่ เธอคงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้ล่ะสิ! แล้วที่สำคัญ เธอคนนี้ก็เป็นลูกสาวคนเดียวของประธานบริหารบริษัทฮวาหลงด้วย!"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หญิงสาวที่แต่งหน้าจัดก็ต้องอ้าปากค้างด้วยความตกใจ และพูดอะไรไม่ออกสักคำ

เธอกำลังรนหาที่ตายจริงๆ! ด้วยสถานะและตัวตนเช่นนี้ เด็กนั่นอาจจะฆ่าเธอได้เพียงแค่สะบัดนิ้ว!

เมื่อคิดถึงตรงนี้เธอมองดูจ้าวซืออย่างสยดสยอง บางทีคนๆ นี้อาจจะวางแผนการอะไรบางอย่างและแสล้งทำเป็นหมูเพื่อจะกินเสือก็เป็นได้?!

“คุณคะ ดิฉันผิดไปแล้ว... ดิฉันขอโทษคุณเยว่และคุณคนนี้นะคะ!” พนักงานต้อนรับสาวเหงื่อไหลจนชุ่มโชก

ท่าทางของท่านประธานหวังก็เปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นกัน “คุณเยว่และพี่ชายท่านนี้ ผมตาบอดเองที่จำภูเขาไท่ไม่ได้ ผมขอโทษ ผมขอโทษจริงๆ เพราะผมตาไม่ถึงแล้วยังไม่มีสมอง...”

ทุกคนในร้านถึงกับตกตะลึง ท่านประธานหวังที่เคยหยิ่งผยองมาโดยตลอด จริงๆ แล้วช่างอ่อนน้อมถ่อมตนนัก!

หัวหน้าดีไซเนอร์และลูกสาวของประธานบริหารบริษัทฮวาหลงอินเตอร์เนชั่นแนลได้มาปรากฏตัวในร้านเล็กๆ แห่งนี้จริงๆ!

อีกทั้งพนักงานส่งอาหารที่ไม่ยโสโอหังแถมยังอ่อนน้อมถ่อมตนในตอนแรก มีคนหนุนหลังที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ?!

ภายใต้การจ้องมองที่ประหลาดใจของทุกคน จ้าวซือเหลือบมองเยว่หยูเฉิงที่อยู่ข้างๆ เขา เขาต้องการที่จะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ห้ามปากตัวเองไว้

ส่วนอีกคนหนึ่งนั้นยิ้มเจ้าเล่ห์เล็กน้อย “หาที่นั่งกันก่อนไหม?”

“ได้สิ  ผมขอเลี้ยงกาแฟเจ้านายใหญ่เอง” จ้าวซือตัดสินใจที่จะฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด