ตอนที่แล้วบทที่ 10 มหาเสน่ห์ของจ้งเทียนฉี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 12 แสงจันทราสาดส่องฟ้าปะทะเครื่องประดับพื้นเมือง

บทที่ 11 น้องสาวของผมน่ะสวยที่สุด


บทที่ 11 น้องสาวของผมน่ะสวยที่สุด

จ้าวซือถึงกับหยุดชะงัก เมื่อเขาหันกลับมาดวงตาของเขาก็เต็มไปความรู้สึกซึ้งใจและโล่งใจ

แน่นอนว่าถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเพียงแค่ขอทาน จ้าวเมิ่งจะต้องแนะนำเขาในฐานะพี่ชาย

“นี่ นี่มันเป็นเรื่องจริง งั้นเหรอ?”

“จริงเหรอ? จ้าวเมิ่งนี่เธอแกล้งแหย่พวกเราเล่นป่ะเนี่ย?”

เพื่อนร่วมชั้นของจ้าวเมิ่งไม่อยากจะเชื่อ พวกเธอถอยห่างออกจากจ้าวเมิ่งในทันที สายตาของพวกเธอฉายแววรังเกียจ

แต่ทว่าพวกเธอก็ได้เห็นสายตาของจ้าวเมิ่งที่มองมาอย่างมั่นใจ “ใช่แล้วล่ะ ฉันไม่เคยมีโอกาสได้แนะนำพี่ชายของฉันให้ทุกคนได้รู้จักเลย เขาคือพี่ชายของฉันเอง จ้าวซือ”

“อุ๊ยตาย! จ้าวซือ ชื่อยังกับพวกบ้านนอกเลยนะ…” เด็กสาวค่อนข้างอวบที่อยู่ตรงกลางหัวเราะเบอร์ใหญ่

เด็กสาวที่สวมเสื้อผ้าแบรนด์เนมคนนี้ ชื่อ ซุนเหม่ยฉี เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นที่เชิญจ้าวเมิ่งมาร่วมฉลองงานวันเกิดของเธอ เธอเป็นคนค่อนข้างอวบและมีผิวขาว แค่มองแว่บเดียวก็รู้ได้ว่าเธอเป็นเด็กนิสัยเสีย แม้ว่ารูปลักษณ์ของเธอจะดูดีกว่าคนทั่วไป แต่เธอก็ยังดูเป็นรองจ้าวเมิ่งอยู่มาก

หลังจากที่ได้เห็นท่าทางไม่พอใจของจ้าวเมิ่ง เธอก็หัวเราะและกล่าวว่า "จ้าวเมิ่ง ดูเหมือนเธอจะโกรธนะ ฉันก็แค่ล้อเธอเล่นแค่นั้นเอง ไหนๆ พี่ชายของเธอก็อยู่ที่นี่ด้วยแล้ว งั้นก็เชิญพี่ชายเธอมาร่วมงานด้วยสิ!"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ จ้าวเมิ่งก็มองไปที่จ้าวซือด้วยสีหน้าที่สับสน

เธอไม่สนใจว่าคนอื่นจะคิดเช่นไร แต่สำหรับพี่ชายของเธอนั้น…

“ได้สิครับ ผมไม่มีอะไรต้องทำแล้วล่ะ และอีกอย่างก็ยังไม่ได้กินข้าวเย็นด้วย” จ้าวซือหาที่จอดรถสกู๊ตเตอร์และเดินเข้ามาหาซึ่งมันไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนคาดคิด

“ไร้ยางอายจริงๆ...” ซุนเหม่ยฉีพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่มีใครได้ยิน มีแค่รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของเธอ “เอาล่ะทุกคน อย่ามัวมาออกันอยู่ที่ประตูนี่เลย รีบเข้าไปข้างในกันเถอะ”

“ว้าว ทั้งกินทั้งดื่ม เขายังจะมีหน้ามาพูดแบบนี้ได้อีกนะ…”

“ช่างน่าอายเสียจริงๆ ถ้าฉันเป็นจ้าวเมิ่งฉันคงจะแทบเอาหน้าไปแทรกแผ่นดินอยู่”

เด็กสาวทั้งหลายที่อยู่รายล้อมซุนเหม่ยฉีต่างก็พากันกระซิบกระซาบและพูดคุยเรื่องนี้อย่างสนุกปาก

จ้าวซือเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ ข้างๆ น้องสาวของเขาและตามกลุ่มเด็กสาวพวกนั้นไป

“จ้าวเมิ่ง ถ้าเธอจะช่วยบอกพี่ชายของเธอหน่อยก็คงจะดีนะ ในเมื่อเขาเสร็จงานส่งอาหารแล้ว ทำไมเขาถึงยังใส่ชุดพนักงานส่งของอยู่อีกล่ะ? ดูคนอื่นสิ เขาพากันแต่งตัวสวยๆ หล่อๆ กันทั้งนั้น” เด็กสาวที่ค่อนข้างอวบกล่าวเสียงเรียบ

หลังจากที่กล่าวเตือนเช่นนั้น ทุกๆ คนก็สังเกตเห็นว่าทั้งจ้าวซือและน้องสาวของเขาแต่งตัวแตกต่างจากทุกคนในงานมาก

“ฮ่าฮ่า ก็เพราะว่าพวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันยังไงล่ะ ก็น่าจะเข้าใจได้นะ”

“พี่ชายของเธอก็ยังเด็กอยู่เลยแต่ต้องมาทำงานส่งอาหาร ครอบครัวของเธอน่าจะจนมากเลยนะถึงได้ไม่มีเงินซื้อชุดใหม่ๆ”

“ชู่ พูดเบาๆ หน่อยสิ…”

“ในเมื่อคุณเป็นคนเชิญให้ผมมาร่วมงานด้วย แต่จำเป็นต้องกดหัวน้องสาวของผมเพื่อทำให้ตัวคุณเองดูดีด้วยงั้นเหรอ?”

เมื่อเห็นว่าสีหน้าของจ้าวเมิ่งเริ่มแดงขึ้นเล็กน้อย สีหน้าของจ้าวซือจึงเปลี่ยนเป็นขึงขัง เขาไม่เคยคิดเลยว่าเพื่อนร่วมชั้นของจ้าวเมิ่งจะชอบโอ้อวดและใจร้ายขนาดนี้

ภายในพริบตาเดียว ทุกคนก็มาถึงห้องส่วนตัวสุดหรูขนาดใหญ่

“นี่เป็นห้องส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในโรงแรมว่านหาว ถึงแม้เธอจะมีเงินแต่ก็ไม่อาจที่จะจองได้หรอกนะ แต่แค่พ่อของฉันโทรมาแค่กริ๊งเดียวทุกอย่างก็เรียบร้อย!”

ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในห้องส่วนตัวนั้น ซุนเหม่ยฉีกล่าวอวดอ้างอย่างภาคภูมิใจ

เพื่อนร่วมชั้นที่อยู่รอบๆ ทุกคนต่างก็พากันจ้องมองเธอด้วยความอิจฉาและเริ่มประจบประแจงเธอ

“คงจะดีนะ ถ้าฉันมีพ่อแบบพ่อของเธอ”

"ว้าว น่าอิจฉาจังเลย..."

"ที่นี่มีบริกรและพนักงานเสิร์ฟเยอะมากเลยนะ คนทั่วไปคงไม่กล้าแม้แต่จะคิดที่จะใช้เงินฟุ่มเฟือยแบบนี้"

ไม่รู้ว่าจงใจหรือไม่ แต่เด็กสาวที่นั่งข้างซุนเหม่ยฉีได้เปิดปากพูดแล้วพูดว่า:

“จ้าวเมิ่ง เธอนี่โชคดีจังเลยนะ ที่วันเกิดของเธอเป็นวันเดียวกันกับวันเกิดของเหม่ยฉี ไม่อย่างนั้นชั่วชีวิตนี้เธอคงไม่มีโอกาสได้มาจัดงานฉลองวันเกิดที่นี่หรอกนะ!”

ไม่ว่าจ้าวเมิ่งจะอารมณ์ดีเพียงใด แต่เมื่อเธอได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของเธอก็ดูขุ่นมัวเล็กน้อย

“อะไรนะ? จ้าวเมิ่ง นี่เธอไม่เคยไปที่แบบนี้เลยเหรอ? เธอไม่เคยไปจริงๆ เหรอ?” ซุนเหม่ยฉีแสร้งทำเป็นกังวลแต่ในความเป็นจริง เธอกำลังแก้แค้น “อ้อ จริงสิ ฉันไม่เคยได้ยินเธอพูดถึงเรื่องนี้เลย แล้วพ่อเธอทำงานอะไรล่ะ”

สีหน้าของจ้าวเมิ่งยิ่งหม่นลงเมื่อเธอได้ยินเรื่องนี้

อุณหภูมิในห้องส่วนตัวลดลงสองสามองศาในทันที ทุกคนรู้สึกขนลุกราวกับเป็นลูกแกะที่กำลังถูกสิงโตขี้โมโหจ้องมอง

“ขอโทษด้วยนะนักเรียน ที่ฉันมาสาย!”

ในตอนนี้ ชายวัยกลางคนที่สวมแว่นตาขอบทองได้ผลักเปิดประตูให้เปิดออกแล้วเดินเข้า

“อาจารย์หวังมาแล้ว!”

"บริกร ปรับแอร์ให้ร้อนขึ้นกว่านี้อีกหน่อยสิ!"

การมาถึงของครูหวางได้ขัดจังหวะความโกรธของจ้าวซือและทำให้บรรยากาศในห้องมีชีวิตชีวาขึ้น

“นี่ เหม่ยฉี เธอบอกเองไม่ใช่เหรอว่าพ่อของเธอซื้อแสงจันทราสาดส่องฟ้าให้เป็นของขวัญวันเกิด เอาออกมาให้พวกเราดูเป็นบุญตาหน่อยสิ!” เด็กสาวคนหนึ่งเงยหน้าขึ้นแล้วกล่าวออกมา

“ใช่ ใช่ ฉันก็ได้ยินเธอพูดมาตั้งนานแล้ว!”

ทุกคนต่างก็ดีใจเพราะว่ามันเป็นเครื่องประดับสุดหรูที่มีมูลค่าหลายแสนเหรียญ มันถูกนำมาโฆษณาทางโทรทัศน์นับครั้งไม่ถ้วน และมันเป็นลิมิเต็ดคอลเล็กชั่นที่มีแค่เงินก็อาจจะซื้อหาไม่ได้

“เรื่องนี้ คือว่า…” ซุนเหม่ยฉีรู้สึกว่าทุกคนได้พุ่งความสนใจมาที่เธอ เธอจึงหน้าแดงระเรื่อขึ้นเล็กน้อย “แน่นอนสิ ฉันได้แสงจันทราสาดส่องฟ้ามาแล้ว แต่ว่ามันยังไม่ถึงเวลา อ้อใช่สิ อย่าลืมไปสิว่าเจ้าของวันเกิดคนสำคัญอีกคนก็อยู่ตรงนี้ด้วย”

ขณะที่เธอพูดเช่นนั้น ซุนเหม่ยฉีก็เหลือบตาไปมองจ้าวเมิ่ง

สายตาของทุกคนแฝงไปด้วยความรู้สึกเหยียดหยัน

คนสำคัญอีกคนที่ซุนเหม่ยฉีพูดถึงไม่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นตัวประกอบ

แม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าจ้าวเมิ่งนั้นเป็นเพียงแค่ตัวละครเสริมที่ไม่จำเป็นในงานเลี้ยงวันเกิดในวันนี้ ในสายตาของบางคน เธอก็เป็นแค่ตัวตลก!

“จ้าวเมิ่ง เมื่อกี้พี่ชายของเธอเอากล่องอะไรบางอย่างให้เธอไม่ใช่เหรอ? ทำไมเธอไม่เอาของขวัญวันเกิดที่พี่ชายเธอเตรียมมาให้ออกมาอวดให้เพื่อนๆ ดูบ้างล่ะ?” ซุนเหม่ยฉีมองดูท่าทางที่ไม่สบายใจของจ้าวเมิ่งและความสุขที่อธิบายไม่ได้ก็ผุดขึ้นมาในใจเธอ

จ้าวเมิ่งก้มศีรษะลงเล็กน้อย "มันก็ไม่ใช่ของแพงอะไรหรอก"

ของขวัญที่พี่ชายมอบให้ แม้ว่ามันจะเป็นแค่ก้อนหินเธอก็ยังมีความสุขมาก แต่ถ้าความรู้สึกของจ้าวซือต้องมาถูกล้อเลียนต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนี้…

จ้าวซือกล่าวเบาๆ โดยที่ไม่รอให้คนอื่นได้พูด “ไม่เป็นไรหรอก ถ้าพวกเขาอยากจะเห็น เธอเอาออกมาให้พวกเขาดูก็ได้”

“ว้าว ช่างมั่นใจอะไรขนาดนี้?”

“ฉันอยากจะอ้วก พนักงานส่งของนี่เสแสร้งเก่งจริงๆ นะ!”

“พี่ชายของจ้าวเมิ่งน่ะ เขาเหมาะสมที่จะมานั่งอยู่ที่นี่งั้นเหรอ?”

เสียงซุบซิบดังขึ้นท่ามกลางคนเหล่านั้นที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ

ซุนเหม่ยฉีเบ้ปากอีกครั้ง การปรากฏตัวของจ้าวซือมันก็แค่เรื่องบังเอิญ แต่ผลพลอยได้นั้นเกินความคาดหมายของเธอและทำให้เธอพึงพอใจเป็นอย่างมาก

"ค่ะ!" หลังจากจ้าวซือกล่าวจบแล้ว จ้าวเมิ่งก็พยักหน้าหงึกหงัก

เธอวางกล่องของขวัญลงบนโต๊ะและเริ่มแกะกล่องอย่างระมัดระวัง

“นี่มันอะไรกัน? นี่เธอคิดว่ามันเป็นแสงจันทราสาดส่องฟ้างั้นเหรอ? ถึงได้ประณีตบรรจงนักหนา”

"กระดาษห่อนี่มันก็แค่ของถูกๆ นี่นา? แค่ฉีกๆ ออกมันก็เสร็จแล้วนะ?"

“ตลกดีนะ ฉันจะเอาโทรศัพท์อัดวิดีโอไว้”

กระดาษห่อถูกแกะออกทีละชั้นๆ เมื่อของที่อยู่ด้านในเผยออกมา ทุกคนต่างก็พากันนิ่งเงียบ

มันคือสร้อยคอนั่นเอง และถึงแม้จะยังแกะออกไม่เสร็จ แต่ทุกคนก็ยังรู้สึกได้ถึงมูลค่าและความพิเศษของมัน

ไหล่ของจ้าวเมิ่งสั่นเทิ้มเล็กน้อย ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เธอหยิบสร้อยคอเส้นนั้นขึ้นมาอย่างระมัดระวังและดวงตาของเธอก็ส่องประกายระยิบระยับ

"สวยมากจริงๆ" มีคนกล่าวชื่นชมอย่างจริงใจ

ภายใต้แสงที่สวยงาม สร้อยคอที่อยู่ในมือของจ้าวเมิ่งนั้นเปล่งประกายด้วยแสงระยิบระยับ หยกที่ประดับอยู่นั้นช่างใสบริสุทธิ์และประณีต มันเป็นกรอบทรงเดียวกันกับใบหน้าที่สวยงามของจ้าวเมิ่ง มันเป็นเหมือนผลงานชิ้นเอกที่ไม่มีใครเทียบได้

“สร้อยคอที่พี่ชายเลือกเหมาะสมที่สุด!”

แม้แต่จ้าวซือเองก็ยังต้องตกตะลึงเช่นกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด