ตอนที่แล้วบทที่ 11 น้องสาวของผมน่ะสวยที่สุด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 13 บทเรียนการแข่งรถของสาวน้อย

บทที่ 12 แสงจันทราสาดส่องฟ้าปะทะเครื่องประดับพื้นเมือง


บทที่ 12 แสงจันทราสาดส่องฟ้าปะทะเครื่องประดับพื้นเมือง

“เชอะ นี่มันอะไรกัน? ของจากแผงข้างทางแบบนี้จะมาสู้อะไรกับแสงจันทราสาดส่องฟ้าได้! นั่นน่ะถูกออกแบบโดยเยว่หยูเฉิงแห่งฮวาหลงอินเตอร์เนชั่นแนลเลยนะ…”

ในตอนนี้สภาพจิตใจของซุนเหม่ยฉีเปลี่ยนไปนิดหน่อย แต่เธอก็ยังคงเชื่อมั่นว่าทันทีที่เธอนำเอาแสงจันทราสาดส่องฟ้าออกมา สร้อยคอที่อยู่ในมือของจ้าวเมิ่งเส้นนี้ก็จะต้องถูกบดบังไปอย่างแน่นอน!

“มองแค่แว่บเดียวก็คงจะเป็นแบบนั้นล่ะ แต่ถ้ามองดูดีๆ แล้วล่ะก็สร้อยนี่ทำมาจากอะคลีริก นั่นเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมมันถึงได้มีพื้นผิวแบบนี้ พูดกันตรงๆ ก็คือนี่มันพลาสติก!”

“ใช่แล้วล่ะ มันต้องเป็นแบบนั้นแหละ พี่ชายของจ้าวเมิ่งเป็นแค่พนักงานส่งอาหาร แล้วเขาจะมีปัญญาซื้อของราคาแพงได้ยังไงกัน?

เพื่อนๆ ของซุนเหม่ยฉีเริ่มกระซิบกระซาบกันอีกครั้ง แต่เสียงกระซิบที่เบาลงแต่จงใจนั้นช่างบาดหูเสียเหลือเกิน

จ้าวเมิ่งที่มัวแต่ประหลาดใจกับของขวัญวันเกิดที่พี่ชายของเธอมอบให้ เธอหันหน้ามาหาจ้าวซือและพูดว่า “พี่ชาย มันสวยมากจริงๆ เลยค่ะ”

“ใช่ มันเข้ากับเธอมากเลยนะ” จ้าวซือเหลือบมองสาวๆ และช่วย จ้าวเมิ่งสวมสร้อยคอเส้นนั้นอย่างอ่อนโยน

เมื่อเห็นเช่นนี้ เสียงซุบซิบก็เบาลงเรื่อยๆ

ซุนเหม่ยฉีกัดฟันและให้สัญญาณพนักงานเสิร์ฟที่รออยู่ด้านข้าง

เดิมทีแล้ว แสงจันทราสาดส่องฟ้าควรจะเป็นตอนจบที่สำคัญ แต่ของขวัญวันเกิดของจ้าวเมิ่งน่าทึ่งมากจนเธอต้องตอบโต้

“คุณซุนเหม่ยฉี เค้กวันเกิดที่คุณพ่อของคุณทำเองพร้อมแล้วครับ”

บริกรผลักรถเข็นอาหารเข้ามาและบางคนก็มาช่วยด้วย พวกเขานำกล่องเค้กอันวิจิตรงดงามออกมาแล้ววางลงที่กลางโต๊ะอาหาร

“ว้าว ช่างเป็นเค้กที่ก้อนโตอะไรขนาดนี้!”

“แม่งเอ้ย แค่กล่องเค้กก็แพงหูฉี่แล้ว”

“ฮ่าฮ่า แค่กล่องก็ชนะขาดลอยแล้ว…”

ทันทีที่เค้กวันเกิดปรากฏออกมาก็ทำให้เกิดความโกลาหลขึ้น ทุกคนหันกลับมามองซุนเหม่ยฉีอีกครั้ง

ซุนเหม่ยฉียิ้มที่มุมปากอย่างภาคภูมิใจ ด้วยความช่วยเหลือจากพนักงานเสิร์ฟ เธอจึงได้เปิดกล่องเค้กสุดหรูออก

เค้กหลายชั้นที่หรูหราหาที่เปรียบมิได้เสมือนป้อมปราการหลายชั้น และกล่องเครื่องประดับอันวิจิตรที่มีแสงจันทราสาดส่องฟ้าอยู่นั้นเปรียบเสมือนดวงจันทร์ที่สว่างไสว ฝังอยู่ที่ด้านบนของเค้กก้อนนั้น

“พระเจ้า นั่นมันแสงจันทราสาดส่องฟ้านี่นา!”

“โอ้พระเจ้า การออกแบบนี้ยอดเยี่ยมมากเลย! เขาเอาแสงจันทราสาดส่องฟ้าไปรวมเข้ากับเค้ก! สมบูรณ์แบบมาก!”

"ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน นี่สิถึงจะถือได้ว่าเป็นของขวัญวันเกิดที่แท้จริง!"

ทุกคนอุทานด้วยความชื่นชม ในขณะเดียวกันก็มีการเยาะเย้ยไม่มากก็น้อย

ดวงตาของจ้าวเมิ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกไม่พอใจ แม้ว่าเธอจะรู้ซุนเหม่ยฉีร่ำรวยแค่ไหน แต่เธอก็ไม่ต้องการให้ของขวัญที่จ้าวซือมอบให้ถูกนำไปเปรียบเทียบกับของสิ่งนี้

ภายใต้เสียงเชียร์ของทุกคน ซุนเหม่ยฉีสวมแสงจันทราสาดส่องฟ้าที่คอของเธอและมองดูจ้าวเมิ่งด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ การแสดงออกเช่นนั้นดูเหมือนเธอต้องการจะพูดว่า “ฉันเป็นตัวเอกของค่ำคืนนี้ ไม่ใช่เธอ!

"มันทำให้ฉันไม่มีความสุขเลยจริงๆ" จ้าวซือเริ่มเสียใจที่เขาเตรียมมาน้อยเกินไป รังสีความร้ายกาจที่มีต่อจ้าวเมิ่งนั้นมีมากกว่าที่เขาคิด

“คุณพี่ชายของจ้าวเมิ่ง สร้อยคอเส้นนี้ที่คุณให้จ้าวเมิ่งมา คุณซื้มาจากแผงไหนคะ? ฉันอยากจะไปซื้อบ้าง เอามาเป็นของประดับก็คงจะไม่เลว”

เด็กสาวตาสามเหลี่ยมที่อยู่ใกล้กับซุนเหม่ยฉีที่สุดกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

จ้าวซือสังเกตเห็นความรู้สึกไม่พอใจในดวงตาของจ้าวเมิ่งที่ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

เขาจึงโต้กลับอย่างเย็นชาและแข็งกร้าวว่า “คุณหาซื้อไม่ได้หรอก”

"คุณพูดว่าอะไรนะ?!" เด็กสาวกรีดร้องราวกับจิ้งจอกที่ถูกเหยียบหาง "คุณมันก็แค่พนักงานส่งอาหารที่ไร้ประโยชน์ คุณมีสิทธิ์อะไรมาพูดกับฉันแบบนี้!"

โดยต้องไม่รอให้จ้าวซือและจ้าวเมิ่งได้ตอบโต้ ซุนเม่ยฉีก็กล่าวออกมาอย่างหน้าไหว้หลังหลอกว่า “จางลี่หรง นี่เป็นความผิดของเธอนะ แล้วถ้าฉันบอกว่าสร้อยคอนั้นเป็นของจริงล่ะ?”

เธอจงใจเน้นย้ำถึงสองครั้ง ทุกคนสามารถเข้าใจได้ถึงความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของเธอ

จางหลี่หรงรู้สึกรำคาญจ้าวซือ และในเวลานี้เธอก็ยิ่งพูดออกมาอย่างทื่อๆ ว่า "ถึงแม้ว่าสร้อยคอนี้จะเป็นของจริง แต่ก็คงจะไม่ใช่ของพวกเขาอย่างแน่นอน ต้องเป็นพี่ชายของเธอที่เก็บได้ตามถนน หรือไม่ก็ขโมยมันมา!"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ บางคนในที่นั้นถึงกับหัวเราะคิกคัก บางคนถึงกับอุทานออกมา

“ฉันไม่ยอมให้พวกเธอมาใส่ร้ายพี่ชายของฉันนะ!” จ้าวเมิ่งที่อดทนอยู่เงียบๆ ในที่สุดก็ไม่สามารถที่จะทนฟังได้อีกต่อไป “จะบอกว่าเราสกปรกและดูถูกของขวัญที่พี่ชายมอบให้ฉันก็ได้ ฉันทนได้ทุกเรื่อง แต่เธอมีสิทธิ์อะไรมาใส่ร้ายพี่ชายฉัน!”

รอยยิ้มของผู้คนเหล่านั้นถึงกับชะงัก และบรรยากาศก็กลายเป็นที่น่าอึดอัดใจอย่างยิ่ง พวกเธอไม่เคยคาดคิดว่าจ้าวเมิ่งที่เคยสงบปากสงบคำและเชื่อฟังมาโดยตลอด จะระเบิดต่อหน้าทุกคนแบบนี้

ซุนเหม่ยฉีอดไม่ได้ที่อมยิ้มที่มุมปาก ฉากแบบนี้คือสิ่งที่เธออยากเห็นมากที่สุด ยิ่งจ้าวเมิ่งสูญเสียการควบคุมอารมณ์ของตัวเองมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งพอใจมากขึ้นเท่านั้น

“แล้วไงล่ะมันจะทำให้เธอดูดีขึ้นงั้นเหรอ? ถ้าเธอไม่ได้เหยียบย่ำฉัน ซุนเหม่ยฉี!”

ในทันใดนั้นเอง ประตูห้องส่วนตัวก็ถูกเปิดออกเสียงดังเอี๊ยด และคนที่เดินเข้ามาก็ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด

“เยว่หยูเฉิง!”

ซุนเหม่ยฉีเป็นคนแรกที่อุทานออกมา ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจขณะที่เธอวิ่งไปข้างหน้าและคว้ามือของเยว่หยูเฉิงเอาไว้

“เยว่หยูเฉิง เป็นคุณจริงๆด้วย! ฉันเป็นแฟนของคุณนะคะ ดูนี่สิ นี่คือแสงจันทราสาดส่องฟ้าที่คุณออกแบบไงคะ! นอกจากนี้ยังมีลายเซ็นของคุณอยู่บนนั้นด้วย...”

“เข้าใจแล้ว! พ่อชวนคุณมาร่วมฉลองวันเกิดใช่ไหมคะ!” ซุนเหม่ยฉีตื่นเต้นจนหน้าแดง

ลูกสาวของผู้อำนวยการฮวาหลงอินเตอร์เนชั่นแนล ดีไซเนอร์เครื่องประดับรุ่นเยาว์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก เยว่หยูเฉิงมาปรากฏตัวที่นี่ เธอคิดถึงความเป็นไปได้ได้เพียงเท่านี้

แต่ทว่า…

เยว่หยูเฉิงกลับไม่ได้สนใจซุนเหม่ยฉีเลย สายตาของเธอมองข้ามซุนเหม่ยฉีไปและไม่สนใจแสงจันทราสาดส่องฟ้าที่เธอออกแบบด้วยตัวเองนั่นเลย และในที่สุด...สายตาของเธอนั้นก็มองไปที่จ้าวซือ!

“คุณอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย!” เยว่หยูเฉิงทำท่าเหมือนเห็นเพื่อนเก่าที่คุ้นเคย เธอเดินผ่านซุนเหม่ยฉีไปและเดินไปหาจ้าวซืออย่างรวดเร็ว

จ้าวซือเองก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือจะร้องไห้ดี "เจอกันอีกแล้วนะ"

ทั้งตกตะลึง ทั้งอับอาย และสิ้นหวัง... ทั้งหมดนี้ได้ปรากฎบนใบหน้าของซุนเหม่ยฉีอย่างชัดเจน ทันทีที่เธอรู้สึกตัว เธอก็รู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า!

ทุกคนในตอนนั้นต่างก็มองหน้ากันอย่างตกตะลึง เยว่หยูเฉิงคนนี้ดูสนอกสนใจพี่ชายของจ้าวเมิ่งมากจริงๆ!

“หือ? สร้อยคอนี่มัน...”

เยว่หยูเฉิงสังเกตเห็นสร้อยคอที่คอของจ้าวเมิ่งและประคองมันเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้างราวกับว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่า ใครๆ ต่างก็เห็นความปิติยินดีในดวงตาของเธอ

ทุกคนตกตะลึงจนพูดไม่ออก สร้อยคอที่สงสัยว่าซื้อมาจากแผงลอยริมถนนนั้น ถูกเยว่หยูเฉิงชื่นชมมากอย่างนั้นเหรอ?

“เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้!” ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทำให้ดวงตาของซุนเหม่ยฉีเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ โดยเฉพาะความคลั่งไคล้ของเยว่หยูเฉิงที่มีต่อสร้อยคอของจ้าวเมิ่งนั้นก็ยิ่งทำให้เธอยอมรับได้ยาก "ของตามแผงลอยแบบนั้น เธอไปคลั่งไคล้ได้ยังไงกัน!"

เมื่อได้ยินคำพูดของซุนเหม่ยฉี สีหน้าของเยว่หยูเฉิงก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา"แผงลอยข้างทางงั้นเหรอ? เธอจะบอกว่าสร้อยคอนี้เหมือนของแผงลอยข้างทางงั้นเหรอ? หรือเธอจะหมายถึงว่าของทุกชิ้นที่ฉัน เยว่หยูเฉิง ออกแบบเทียบไม่ได้กับของแผงลอยงั้นเหรอ?!"

ดวงตาของซุนเหม่ยฉีเป็นสีแดงก่ำและร่างกายของเธอก็สั่นสะท้าน คำพูดดังกล่าวพรั่งพรูออกมาจากปากของเยว่หยูเฉิง ซึ่งทำให้เธอเกินจะต้าน

คนอื่นๆ ตกใจมากจนอ้าปากค้าง ความหมายของคำเหล่านี้ชัดเจนว่า เยว่หยูเฉิงยอมรับเป็นการส่วนตัวว่าการออกแบบทั้งหมดของเธอไม่ดีเท่าสร้อยคอที่อยู่บนคอของจ้าวเมิ่งเลย!

“เดี๋ยวก่อน! อาจารย์เยว่หยูเฉิง นี่คุณหมายความว่าแม้แต่แสงจันทราสาดส่องฟ้าก็ยังไม่อาจที่จะเทียบกับสร้อยคอเส้นนี้ได้ยังงั้นเหรอ!?” แม้แต่จางหลี่หรงก็ยังคิดว่ามันยากที่จะยอมรับความจริงข้อนี้

ดวงตาของเยว่หยูเฉิงดูเหมือนจะมองไปที่คนงี่เง่าพวกนั้น "แสงจันทราสาดส่องฟ้าเป็นแค่โมเดลคร่าวๆ ของฉันก็เท่านั้น จะเอาไปเปรียบเทียบกับสร้อยคอเส้นนี้ได้อย่างไรกัน!"

เมื่อคำพูดเหล่านี้พรั่งพรูออกมา ซุนเหม่ยฉีก็อดกลั้นความอับอายไว้ไม่ได้อีกต่อไป เธออดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา เธอวิ่งออกไปขณะที่ยกมือปิดหน้าร้องไห้ไปด้วย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด