ตอนที่แล้วตอนที่ 38 ออกเดินทางเพื่อเติบโต(อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 40 ตัวละครรอง “จอมเวทย์”(อ่านฟรี)

ตอนที่ 39 รุ่งอรุณ(อ่านฟรี)


ตอนที่ 39 รุ่งอรุณ

ลูอิสนั่งอยู่ที่ห้อง ขณะที่กำลังใช้ความคิดอยู่ ตั้งแต่มาที่เมืองเอลดิลจนถึงตอนนี้ลูอิสคิดจะเริ่มหาวิธีทำเงิน แต่เพราะในตอนแรกพลังของเขานั้นไม่มากพอ และยังต้องอยู่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ อยู่ จึงยังไม่มีโอกาสได้ทำตามแผนที่วางไว้

แต่สถานการณ์ตอนนี้ต่างออกไปแล้ว พลังที่ลูอิสมีอยู่ในมือตอนนี้เทียบเท่ากับผู้ครองพลังระดับ 1 ดาวเกือบสามคนเลยทีเดียว ต่อให้เป็นพวกที่คิดจะล่าคนไปส่งเพื่อเอาค่าหัว ถ้าคิดลงมือก็มีแต่จะตายไปเงียบ ๆ และฝั่งไว้ท้ายเขตชุมชนผู้อพยพเท่านั้น

‘คงได้เวลาเริ่มแผนหาเงินแล้ว’ ลูอิสเผยรอยยิ้มมุมปาก

...

แผนการของลูอิสนั้นคือ เขาคิดจะเปิดบาร์ที่บริการเฉพาะเครื่องดื่มเท่านั้น แน่นอนว่าไม่ใช่เครื่องดื่มธรรมดา เพราะในเครื่องดื่มพวกนั้นจะมีโพชั่นพลังงานเป็นส่วนผสมลงไปด้วย เพราะขนาดน้ำเปล่าพอผสมโพชั่นลงไปแล้วพวกมันยังมีรสชาติที่ดีมากและนี่จะเป็นเครื่องดื่มที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านอย่างแน่นอน

‘แถมฉันคิดจะสร้างทีมนักล่าของตัวเองด้วย การมีร้านบาร์เหล้าเป็นฐานบัญชาการมันราวกับหลุดจากโลกแฟนตาซีไม่มีผิดเลยไม่ใช่หรือไง’ ทารกน้อยลูอิสคิดในใจอย่างตื่นเต้น

ลูอิสเหล่าแผนการเปิดร้านของเขาให้อาร์มันโด้ฟัง เพราะเขาอยู่ที่เขตอพยพมาหลายปี ดังนั้นจึงรู้เรื่องราวต่าง ๆ มากมาย

“เปิดร้านบาร์อย่างนั้นเหรอ แต่ต้องใช้เงินจำนวนมาก เหล้าเองถ้าไม่อร่อยถูกปากพวกผู้คนก็คงไม่เข้ามาใช้บริการด้วย ผมไม่มีความรู้ด้านเหล้าเลย” อาร์มันโด้พูดอย่างลังเล

“เรื่องนั้นนายไม่ต้องห่วง แค่เอาเจ้านี่ไปขายก็พอ” ลูอิสหยิบไอเทมบางอย่างออกมาจากช่องเก็บของผู้เล่น

“นี่มันสร้อยอย่างนั้นเหรอ สวยมาก” อาร์มันโด้พูดด้วยความตกใจและตื่นเต้น

สร้อยเส้นเล็กสีเงินแวววาวที่ตัวสร้อยมีอัญมณีขนาดเท้านิ้วโป้งติดอยู่ เวลามันโดนแสงจะมีลักษณะคล้ายเกล็ดหิมะสีขาวอมฟ้าอ่อน อาร์มันโด้ไม่ต้องเป็นพวกพ่อค้าอัญมณีก็บอกได้เลยว่าสร้อยเส้นนี้ราคาไม่ถูกอย่างแน่นอน

“นายรู้วิธีเอามันไปขายใช่หรือเปล่า” ลูอิสถาม

“ท่านลูอิสจะให้ขายจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ” อาร์มันโด้ถามเพื่อยืนยัน

“แน่นอน” ลูอิสพยักหน้ายืนยัน

สร้อยในมือของเขานี้คือสร้อยเวทมนตร์ระดับต่ำ ที่ซื้อมาจากร้านค้าระบบ ซึ่งมีผลในการเพิ่มความเสียหายธาตุน้ำแข็ง 5% ฟื้นฟูพลังงานเพิ่มขึ้น 5% มันราคาแค่ที่ 2,000 พลังงานศรัทธาเท่านั้น เขาจึงไม่ได้เสียดายมากนัก ถ้าจะขายมัน

“ตอนขายก็อย่าลืมบอกคนซื้อว่า สร้อยเส้นนี้เวลาสัมผัสมันจะแผ่ความเย็นออกมาด้วย ซึ่งน่าจะช่วยให้ราคาของมันแพงขึ้นไปอีก”

“แผ่ความเย็น สร้อยเส้นนี้ทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ”

“แน่นอน ไม่เชื่อก็ลองจับดูสิ” ลูอิสส่งให้สร้อยให้กับอาร์มันโด้

อาร์มันโด้รับมา ก่อนจะตกใจเล็กน้อย เพราะสร้อยเส้นนี้แผ่ความเย็นออกมาแบบที่ลูอิสบอกจริง ๆ

“ท่านลูอิสนี่มันเหลือเชื่อมาก ถ้าเอาไปประมูลขายคงได้ราคาสูงแน่นอน”

“ประมูลขาย?” ลูอิสถามอย่างสงสัย

“ประมูลขายจะจัดขึ้นทุก ๆ 3 เดือน ส่วนใหญ่จะเป็นพวกพ่อค้าที่เดินทางไปตามเมืองต่าง ๆ ก็จะเวะเข้ามาดูว่าพวกนักล่าไปหาของในซากเมืองเก่า ๆ แล้วได้อะไรดี ๆ มาบ้าง ซึ่งพวกพ่อค้าจะรวมตัวกันให้นักล่าเอาของมาประมูลขายกัน” อาร์มันโด้อธิบายให้ลูอิสฟัง

“ถ้าอย่างนั้นในตอนนี้ก็ยังไม่มีการประมูลของพ่อค้าใช่ไหม แบบนั้นนานเกินไป เอาเป็นว่าไปขายให้พวกร้านค้าใหญ่ๆ ในเมืองเอลดิลที่รับซื้อของแบบนี้ก็ได้ แค่ได้ราคาที่ไม่ต่ำเกินไปก็พอแล้ว”

ลูอิสไม่อยากรอนาน เพราะเขายังมีหลายอย่างให้ทำ ซึ่งจากแผนของเขาลูอิสเชื่อว่าต้องทำเงินได้หลายเท่าจากเงินทุนของสร้อยเส้นนี้แล้วถ้ารอจนถึงเวลาประมูล

“เออ...ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ผมจะเอาออกไปขายเลย” พูดจบอาร์มันโด้ก็เอาสร้อยคอเวทมนตร์ระดับต่ำวิ่งออกไปจากบ้าน ส่วนลูอิสนั้นก็รออยู่ที่บ้านของอาร์มันโด้

ผ่านไปราว ๆ หนึ่งชั่วโมงอาร์มันโด้ก็กลับเข้ามาที่บ้านพร้อมกับถือบางอย่างมาอย่างระวังตัวสุด ๆ ซึ่งในของที่ถือมาก็คือเงินที่ขายได้จากการขายสร้อยคอเวทมนตร์ระดับต่ำ

“ท่านลูอิส สร้อยที่ให้ไปขายได้สูงถึง 6,000 เบลเลยทีเดียว” อาร์มันโด้วางเงินด้านหน้าลูอิส

“เจียน่าเก็บไว้ 500 เบล ที่เหลือพวกเราจะเอาไปซื้อร้าน” ลูอิสบอกกับเจียน่า เพราะเขาทั้งสองควรจะมีเงินติดตัวไว้บ้าง ดีกว่าไปขอเงินของหมอเทรย์เวอร์ซื้อของบ่อย ๆ

เจียน่ายิ้มออกมารีบเข้าไปเก็บเงินมา 500 เบล ที่เหลืออีก 5500 เบลจึงวางอยู่ตรงหน้าพวกเขา

“ต่อไปก็เป็นเรื่องของร้านบาร์ที่จะเปิดคงต้องฝากนายไปหาซื้อร้านมาสักแห่ง แต่ต้องเป็นร้านที่อยู่ในเขตชุมชนผู้อพยพ” ในตอนนี้พวกเขาทุกคนนั้นยังมีสถานะเป็นผู้อพยพอยู่ การจะเปิดร้านค้าขายในเมืองเอลดิลนั้นทำไม่ได้ แต่ก็ยังมีข้อยกเว้นอยู่ นั้นก็คือคนที่มีสถานะเป็นนักล่าจะสามารถเปิดร้านหรือทำธุรกิจได้และได้แค่ภายในเขตของผู้อพยพเท่านั้นอีกด้วย

ข้อจำกัดเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อไม่ใช้การเพิ่มขึ้นของผู้อพยพแย่งงานของพลเมืองเอลดิล แถมยังเป็นการควบคุมพวกผู้อพยพอย่างหนึ่งด้วย

“อีกอย่าง ถ้าให้เบลล่าขอให้มาเป็นผู้จัดการร้าน...” ลูอิสยังไม่ทันพูดจบ เบลล่าก็เดินเข้ามาก่อนจะตอบตกลงในทันที “ได้แน่นอนค่ะ ฉันจะเป็นผู้จัดการร้านให้เอง”

ลูอิสได้ยินก็ยินดีเป็นอย่างมาก ถ้าจะโยนหน้าที่ดูแลร้านที่อาร์มันโด้ไม่ถนัดให้เขาลูอิสก็ไม่ค่อยจะไว้ใจสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นเบลล่าลูอิสเชื่อว่าด้วยความละเอียดรอบครอบของเธอนั้นคงไม่มีปัญหาในการจัดการร้าน

สองวันต่อมาอาร์มันโด้และเบลล่าก็ช่วยกันหาร้านจนไปเจอบาร์แห่งหนึ่งที่เจ้าของเก่านั้นตายและกำลังถูกทางเขตของผู้อพยพขายในราคาถูก พอลูอิสได้ยินก็เข้าไปสำรวจและตัดสินใจซื้อมาในที่สุด

ร้านบาร์แห่งนี้เป็นแบบอาคารสองชั้น ด้านบนนั้นมีหลายห้องแยก ซึ่งสามารถให้เป็นที่พักได้ ส่วนด้านล่างนั้นแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ โซนหน้าร้านและโซนหลังร้านที่มีห้องเก็บเหล้าและส่วนของครัวแยกออกมาข้าง

หลังจากจ่ายเงินในราคา 5000 เบลแล้วพวกเขาทุกคนก็เริ่มลงมือทำความสะอาดร้านบาร์แห่งนี้ในทันที

แม้แต่พ่อบ้านเฟรดลูอิสก็ลากมาช่วยงานด้วย

สุดท้ายทั้งอาร์มันโด้ เบลล่า เจียน่าและพ่อบ้านเฟรดก็เข้ามาช่วยกันทำความสะอาดหมด ส่วนลูอิสนั้นเขาเข้ามาดูในส่วนของถังหมักเหล้า

‘เหล้ากลั่นสองถังกับเบียร์อีกสามถังที่แถมมากับร้านสินะ เปิดและเทตรงนี้ใช่หรือเปล่า’ ลูอิสจัดการทดลองเทเหล้ากลั่นและเบียร์แยกออกมา ก่อนจะทดลองผสมโพชั่นลงไปและปรับอัตราส่วนดู

...

“เสร็จแล้ว” อาร์มันโด้ทิ้งตัวลงหอบหายใจ คนอื่น ๆ ก็รู้สึกเหนื่อยไม่ต่างกัน การทำความสะอาดอาคารใหญ่ขนาดนี้ทั้งหลังทำเอาพวกเขาเหนื่อยมาก

“เดียวก่อนแล้วตอนนี้นายน้อยลูอิสไปไหน” พ่อบ้านเฟรดมองหาลูอิส

“อยู่นี่” ลูอิสเดินต้วมเตี้ยมมาจากทางหลังร้านพร้อมกับถือเอาเหยือกที่มาด้วยสองใบ เจียน่าที่เห็นก็รีบวิ่งไปรับมาและเอามาวางบนโต๊ะ

“ท่านลูอิสนี่คืออะไรคะ” เบลล่าถามอย่างสงสัย

“มันคือของที่เราจะขายกันลองดื่มดูสิ” ลูอิสยิ้มออกมาอย่างภูมิใจ หลังจากใช้เวลาอยู่นานในที่สุดก็หาอัตราส่วนผสมลงไปจนเจอ

“ฉันขอก่อนเลยแล้วกัน” อาร์มันโด้ที่ทำงานมาจนรู้สึกกระหายสุด ๆ คว้าแก้วใบใหญ่มาก่อนจะเทเบียร์ในเหยือกลงไปจนเต็ม เขามองเบียร์สีเหลืองทองที่มีฟองไม่มากในแก้ว ก่อนจะกลืนน้ำลายไม่รู้ตัวเพราะมันยั่วมาก

อาร์มันโด้กระดกเข้าไปจนหมดแก้วในครั้งเดียวขณะที่คนอื่น ๆ ก็รอดูว่ารสชาติเป็นยังไง

“พระเจ้า! สุดยอดมาก!!! ยิ่งดื่มยิ่งรู้สึกสดชื่น แล้วเจ้านี่ละเป็นยังไง” อาร์มันโด้อดใจไม่ไหวจึงจัดการเทเหล่ากลั่นที่อยู่ในอีกเหยือก พอเขายกขึ้นมาใกล้จมูกก็ได้กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ลอยขึ้นมาแตะจมูกจนแอบกลืนน้ำลายอีกครั้ง

ในครั้งนี้อาร์มันโด้ไม่ได้กระดกทีเดียว แต่ค่อย ๆ ดื่ม เพราะเหล้ากลั่นนั้นขึ้นชื่อเรื่องความร้อนแรงมากอยู่แล้ว

“อ้า...นี่มันเหลือเชื่อจริง ๆ” อาร์มันโด้ไม่ได้อธิบายอะไรอีก เขาเพียงแต่นั่งลงและก็ตั้งใจดื่มอย่างผ่อนคลาย

คนที่เหลือมองหน้ากัน ก่อนจะเริ่มดื่มตาม พ่อบ้านเฟรดนั้นเป็นชายแก่ที่ชอบดื่มเหล้ากลั่นมากกว่า หลังจากลองแล้วเขาก็ต้องชมออกมาอย่างพอใจเช่นกัน ส่วนเบลล่านั้นเธอดูเหมือนจะชอบเบียร์และสุดท้ายก็ครองทั้งเหยือกเพียงคนเดียว

เจียน่านั้นถือเพียงแก้วที่มีเหล้ากลั่นและจิบพอให้รู้รสชาติเท่านั้น ลูอิสเคยได้ยินเจียน่าเหล่าให้ฟังว่าพวกผู้อพยพมักจะเก็บเหล้าแรง ๆ ไว้กับตัวเพื่อดื่มคลายหนาวเวลาอยู่ด้านนอก แน่นอนว่าเหล่าที่พวกผู้อพยพได้มานั้นก็มาจากซากเมืองเก่า พ่อของเธอเคยแบ่งให้เธอดื่มด้วยในวันที่สภาพอากาศหนาวมาก ๆ

“เจียน่าเป็นยังไงบ้าง” ลูอิสถาม

“แรงไปหน่อย แต่รสชาติดีกว่าเหล้าที่พ่อของฉันเคยเจอด้านนอกมาก” เจียน่าตอบลูอิส ก่อนจะวางแก้วลง

‘เธอคงชอบพวกเหล้าผลไม้หรือไม่ก็ไวน์มากกว่าละมั้ง’ ลูอิสคิดในใจ

“ท่านลูอิส ท่านทำให้เหล้าพวกนี้มีรสชาติแบบนี้ใช่หรือเปล่า ถ้าเหล้ารสชาติแบบนี้จริง ๆ ละก็อย่าว่าแต่พวกนักล่าในเขตผู้อพยพเลย แม้แต่พวกชาวเมืองเอลดิลก็คงต้องมาลองดื่มมันแน่นอน” อาร์มันโด้พูดอย่างมั่นใจ

“อืม...ข้าเห็นด้วย นายน้อยสุดยอดจริง ๆ” พ่อบ้านเฟรดวางแก้วลงและรินใหม่

“ท่าลูอิสตั้งชื่อให้เหล้ากับเบียร์พวกนี้หรือยัง” เบลล่าที่หน้าแดงถามขึ้นมาด้วยความกระตือรือร้น

“ชื่อมีแน่นอน” ทารกน้อยลูอิสยิ้มก่อนจะพูดต่อว่า “เหล้านั้นคือ ลมหายใจมังกร เพราะความร้อนแรงของมันราวกับลมหายใจของมังกรไฟ ส่วนเบียร์ก็คือ เบียร์แสงตะวันก็แล้วกัน เพราะสีของมันราวกับแสงของดวงอาทิตย์”

“เป็นชื่อที่ดี ลมหายใจมังกรและแสงตะวัน” พ่อบ้านชรากล่าวชื่นชมลูอิส

ในตอนนั้นก็มีการแจ้งเตือนจากระบบว่าพลังงานศรัทธาของพ่อบ้านเฟรดเพิ่มขึ้นมาอีก 2 แต้ม

‘เออ...พ่อบ้านเฟรดเพิ่มพลังงานศรัทธาเพราะเหล้าเนี่ยนะ’ ดูเหมือนลูอิสอิสจะดูถูกความชื่นชอบในเหล้าของพ่อบ้านเฟรดไปหน่อย

“ท่านลูอิสเราจะเปิดร้านตอนไหน” พอเบลล่าถาม ทุกคนก็หยุดดื่มในทันที

ลูอิสยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะยกมือชูสองนิ้วให้พวกเขา “อีกสองวัน เราจะเปิดร้านกัน ส่วนชื่อร้านก็เป็น ‘รุ่งอรุณ’ ผู้คนจะได้จดจำเราได้ง่าย”

ทุกคนได้ยินก็พึมพำชื่อ “รุ่งอรุณ” ออกมา

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด