ตอนที่แล้วSTBI : ตอนที่ 24 ตลาดกลางคืนหลินเจียง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSTBI : ตอนที่ 26 เรือฉางเหลียน

STBI : ตอนที่ 25 หินวิญญาณ


“สหาย ช่วยบอกชื่อรายการสินค้าที่เจ้าขายหน่อยได้รึไม่?”

ไป๋ตงหลิน นั่งยอง ๆ อยู่หน้าแผงลอย เขาได้กลิ่นเหม็นจากขวดและกระป๋องที่อยู่ตรงนี้ บางทีนี่อาจเป็นสิ่งที่เขาต้องการ

นักพรตเต๋าวัยกลางคน ที่มีใบหน้าสละสลวย พอเห็นว่าลูกค้ามา เขารีบกล่าวด้วยความกระตือรือร้นในทันที

“แน่นอน ไม่มีปัญหา เชิญสหายเต๋าท่านนี้ชมดูก่อน ขวดนี้เป็นพิษจากอสรพิษแหวนดำ พิษนี้ร้ายกาจมาก ผู้ที่ถูกพิษนี้ จะถูกฆ่าตายในคราวเดียว ภายในระยะเวลา 1-2 ชั่วยาม!”

“นี่คือผงพิษที่ทำมาจากต่อมพิษของตะขาบสี่ปีก…”

“สิ่งนี้น่าทึ่งยิ่งกว่า มันคือพิษจากซากศพของซอมบี้ผมดำ!”

“นี่คือหญ้าสลายวิญญาณ วัตถุดิบหลักในการปรุงโอสถสลายวิญญาณ!”

เจ้าของร้านดูกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก สิ่งเหล่านี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยมและขายได้ยาก หลังจากมีลูกค้าที่มีท่าทีสนใจ แน่นอนว่าเขาก็ต้องการขายสิ่งนี้โดยเร็ว

ไป๋ตงหลิน พยักหน้าอย่างพึงพอใจ สิ่งเหล่านี้เป็นพิษเหนือสามัญ พวกมันแต่ละอย่างล้วนมีกลิ่นอายในลักษณะพิเศษ

“เจ้าของร้าน ข้าต้องการสิ่งเหล่านี้ มาตกลงราคากันเถอะ!”

ดวงตาของเจ้าของร้านได้ลุกเป็นไฟ เขาได้ถูมือไปมาและยิ้มเล็กน้อย :

“สหายเต๋า ข้าจะให้ราคาพิเศษแก่ท่าน หินวิญญาณ 10 ก้อนเป็นอย่างไร?”

หินวิญญาณ ในที่นี่หมายถึงหินวิญญาณคุณภาพต่ำ ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่ควบแน่นจากพลังงานฟ้าดิน พวกมันมีประโยชน์เป็นอย่างมากและเป็นสกุลเงินหลักในโลกแห่งการบ่มเพาะพลัง

หินวิญญาณนี้แบ่งออกเป็น : ระดับต่ำ กลาง และ สูง อัตราแลกเปลี่ยนสำหรับหินวิญญาณในระดับต่างกันก็คือ 1 : 100 โดยมีเพียงน้อยคนเท่านั้นที่ใช้หินวิญญาณระดับสูงเป็นสกุลเงิน เพราะ ยิ่งมีระดับสูงมากเท่าไหร่ มูลค่าก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น

โดยทั่วไปแล้ว หินวิญญาณ จะถูกตัดแบ่งเป็นรูปสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ อย่างสม่ำเสมอ และ มีขนาดสองลูกบาศก์เซนติเมตร

“หินวิญญาณ 5 ก้อน!”

ไป๋ตงหลิน ได้เริ่มต่อรองราคา โดยตัดครึ่งก่อน

“หินวิญญาณ 5 ก้อน! สหายเต๋านี่ก็ถูกมากแล้วนะ!”

“หินวิญญาณ 6 ก้อน!”

“8! 8! ลดมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว!”

“7 ก้อน!”

หลังจากพูดจบ เขาก็หยิบ หินวิญญาณระดับต่ำ 7 ก้อนออกมาจากแหวนมิติ ซึ่งมันมีขนาดเท่ากันทั้งหมด หินวิญญาณเหล่านี้มีสีใสราวกับคริสตัลและเรืองแสงเล็กน้อยทำให้มันดูงดงามเป็นอย่างมาก

เจ้าของร้านที่เห็นหินวิญญาณดวงตาของเขาได้เป็นประกายในทันที และ ในขณะเดียวกัน เขาก็ต้องตกใจที่ชายหนุ่มตรงหน้าของเขามีแหวนมิติด้วย

แม้ว่าเขาจะไม่ทราบขนาด แต่แหวนมิติที่ถูกที่สุดก็มีราคาเท่ากับหินวิญญาณระดับต่ำนับพัน!

“ก็ได้ 7 ก็ 7!”

เจ้าของร้าน รับเอาหินวิญญาณมา พร้อมกับ บรรจุสิ่งของให้กับ ไป๋ตงหลิน สีหน้าของเขาดูเจ็บปวดอย่างมาก แต่ถึงอย่างไร เขาก็ยังสามารถทำเงิน จากของที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมได้

อย่ามองว่าเขาพูดเกินจริงเรื่องพิษ เพียงแต่ว่าพิษนี้ก็มีวิธีใช้งานที่หลากหลายกันไป

โดยเฉพาะ นักปรุงยา ที่มีประสบการณ์ นักปรุงยา นั้น เป็นอาชีพที่หาได้ยาก นับประสาอะไรกับพิษที่ไม่เป็นที่นิยมและมีราคาที่แตกต่าง

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าวัสดุเหล่านี้มีราคาที่ถูกมาก ถ้ามันดีต่อร่างกายราคาก็จะแตกต่างกันออกไป เพราะว่าแม้จะไม่ใช่นักปรุงยา ก็สามารถใช้งานสิ่งเหล่านี้ได้

ถึงแม้ว่าผลกระทบจะแย่ลง แต่มันก็มีค่ากว่าพวกพิษที่ไม่สามารถใช้งานเองได้โดยตรง

หลังจากเก็บบรรจุภัณฑ์ใส่แหวนมิติ ไป๋ตงหลิน ก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

พี่รองของเขาได้มอบหินวิญญาณระดับต่ำจำนวน 500 ก้อน และ หินวิญญาณระดับกลาง 10 ก้อนให้แก่เขา โดยเขาต้องการเก็บหินวิญญาณระดับกลาง 10 ก้อนนี้เป็นค่าใช้จ่ายในการข้ามผ่านประตูมิติ

ประตูมิติจะยอมรับเฉพาะหินวิญญาณที่มีระดับสูงกว่าระดับกลางเท่านั้น และ ปริมาณที่แตกต่างก็จะถูกชาร์จเพิ่มขึ้นตามระยะทาง ดังนั้น หินวิญญาณระดับกลางทั้ง 10 ก้อนนี้เขาจึงไม่สามารถใช้งานมันได้

หินวิญญาณเหล่านี้เดิมก็มีมูลค่ามหาศาล แม้แต่เขายังสงสัยเลยว่าบางทีพี่รองของเขาอาจจะมอบหินวิญญาณทั้งหมดบนร่างกายให้กับเขา

ถ้าประหยัดได้ก็ประหยัด จะใช้สิ้นเปลืองไม่ได้ เพราะนี่คือน้ำใจที่พี่รองมอบให้เขามา

ไป๋ตงหลิน กำลังมองหาพิษร้ายแรงอย่างเอาเป็นเอาตาย จนในที่สุด เขาก็มาพบเจอตลาดแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงต้องการมองโอกาสซื้อของเพิ่ม เพราะไม่รู้ว่าตนเองจะได้มาที่แบบนี้อีกนานแค่ไหน

ดังนั้น เขาจึงเริ่มเดินซื้อของคนเดียวอีกครั้ง ส่วน ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งสอง ก็ไม่รู้ว่าหายไปไหนเช่นเดียวกัน ทันทีที่ทั้งสามเข้าไปในลานจัตุรัส พวกเขาก็แยกย้ายกันไปเพื่อที่จะมองหา ‘โอกาส’ ของตนเอง

ไป๋ตงหลิน เห็นคนขายยาพิษและราคาก็ค่อนข้างสมเหตุสมผล อีกอย่างเขายังนึกถึงข้อเท็จจริงที่ว่ามีแม้จะมีสินค้าจำนวนมากวางขายอยู่ในตลาดแห่งนี้ แต่ยาพิษเหล่านี้ก็ยังเป็นสิ่งที่คุ้มค่ามากที่สุดสำหรับเขา

สิ่งนี้ไม่ใช่ยาพิษ แต่มันคือโอสถเสริมแกร่งที่น่ารักสำหรับเขา

ไป๋ตงหลิน ใช้เวลาไม่นานในการเดินเล่นรอบลานจัตุรัส เขาได้โกยวัสดุที่มีพิษทั้งหมดเก็บเข้าไปในแหวนมิติ แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยม และ เขาได้ใช้หินวิญญาณไปมากกว่า 200 ก้อนเท่านั้น

หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว เขาก็กำลังจะขอให้ หลิวต้าฟู่ และ คนอื่น ๆ อกไปด้วยกัน แต่เขาก็เห็นทั้งสองคนยืนอยู่หน้าแผงลอยโดยไม่ขยับเขยื้อนไปไหน

แผงลอยนี้ดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก มันมีสามชั้นด้านในและสามชั้นด้านนอก

ไป๋ตงหลิน ได้เดินไปดูและพบว่า นี่มันการพนันหินสมัยเก่ามิใช่หรือ?

ไม่คิดเลยว่าที่นี่ก็มีการพนันแบบนี้ด้วย?

แน่นอนว่าถึงแม้ว่าโลกจะเปลี่ยนไป แต่ธาตุแท้ของมนุษย์ก็ยังชื่นชอบการพนัน!

ชาติก่อนเขาได้ยินคำพูดที่น่าสนใจกล่าวว่า บรรพบุรุษของมนุษย์เลือกลิงตัวแรกที่อาศัยอยู่บนต้นไม้แทนพื้นดิน เจ้าลิงตัวนี้ลังเลที่จะลงจากต้นไม้ ดังนั้น จึงได้เกิดการพนันขึ้นในตอนนั้น ที่ว่า หากลิงลงจากต้นไม้ เจ้าสิ่งนี้จะมีชีวิตรอดอยู่ได้นานเท่าใด

ไป๋ตงหลิน สั่นศีรษะ เขาไม่มีความสนใจในการเล่นพนัน เขาชอบความรู้สึกที่จะควบคุมทุกสิ่ง การมอบทุกสิ่งให้กับโอกาสแบบนี้ ก็เท่ากับการปล่อยให้ผู้อื่นกุมชะตากรรมของตนเอง

นี่ไม่สอดคล้องกับหัวใจเต๋าของเขา ชะตากรรมของเขา เขาจะต้องควบคุมมันด้วยตนเองเท่านั้น

ขณะเดียวกันเขาก็พบว่า หลิวต้าฟู่ และ ศิษย์น้องของเขา กำลังเฝ้าดูด้วยความตื่นเต้น พวกเขาไม่ได้ลงเล่นพนัน แต่พวกเขากำลังให้ความสนใจกับเหล่าคนที่กำลังลงเล่นการพนัน

แน่นอนว่าการพนันเหล่านี้ก็มีความน่าตื่นเต้นมิใช่น้อย แต่ทั้งสองเพียงแค่เฝ้าดูเพียงอย่างเดียว

ในเวลานี้ ไป๋ตงหลิน ได้เดินไปขอให้ทั้งสองคนออกจากตลาดกลางคืนด้วยกัน หลังจากนัดหมายกันแล้ว ทั้งสามคนก็แยกจากกัน

บนถนนที่รกร้างของเมืองหลินเจียง เขาได้กลับไปที่ลานเล็ก ๆ ด้านหลังร้านอาหาร

เขาไม่รีบร้อนที่ฝึกฝน เพราะตอนนี้เป็นเวลาพักผ่อนของเขา เขารู้สึกเหนื่อยล้าจากการเดินทางตลอดทั้งเดือน และ ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย

เมื่อ ไป๋ตงหลิน กำลังจะผล็อยหลับไป ในดินแดนรกร้างนอกเมือง นักพรตเต๋าไม่กี่คนได้มารวมตัวและพูดคุยกัน

“เจ้าสาม เจ้าตรวจสอบมาอย่างชัดเจนแล้วใช่มั้ยว่าเจ้าเด็กนั่นอาศัยอยู่ด้านหลังร้านอาหารเพียงลำพัง?”

คนที่กำลังพูดนั้นเป็นชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าที่ดูดุร้ายและดวงตาที่ดูน่ากลัว เขามีรอยแผลเป็นจากขมับจนถึงคาง เพียงแค่มองครั้งแรก แม้แต่เด็กก็ยังต้องร้องไห้

“อย่ากังวลไปเลยพี่ใหญ่ ข้าได้ไปที่ร้านอาหารและสอบถามเรื่องนี้มาแล้ว เจ้าเด็กนั่นและคนจากนิกายจื่อฟู เพิ่งเจอกันวันนี้ และ อาจจะไม่ใช่สหายด้วยซ้ำ ในวันนี้ หลังจากออกมาจากตลาดกลางคืนทั้งสามคนก็แยกทางกัน”

ชายหนุ่มผู้น่าสงสาร ได้ยิ้มออกมาอย่างมีชัยแล้วพูดขึ้น :

“พี่ใหญ่ เจ้านี่เป็นแกะอ้วนไม่ผิดแน่ พี่ใหญ่ พี่รอง และ น้องสี่ พวกท่านทุกคนก็น่าจะรู้ว่าข้า มีเทคนิคลับพิเศษที่ไวต่อพวกกลิ่นอายพลังปราณเป็นอย่างมาก”

“แต่ทว่าข้ากลับไม่รู้สึกถึงร่องรอยของพลังปราณจากเด็กคนนั้น และ กระทั่งไม่มีร่องรอยความผันผวนของพลังปราณยามใช้แหวนมิติ เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นแหวนมิติที่ใช้แก่นโลหิตในการกระตุ้นการใช้งาน”

“รับรองได้เลยว่าเขาไม่ใช่นักพรตเต๋าอย่างแน่นอน! แม้แต่นักพรตเต๋าที่ฝึกฝนร่างกาย ก็ไม่ควรไม่สามารถตรวจพบพลังปราณได้เช่นนี้!”

อีกสามคนที่เหลือได้พยักหน้าเมื่อได้ยิน ดูเหมือนว่า เจ้าสามจะวิเคราะห์ได้เป็นอย่างดี

“เจ้าแน่ใจนะว่าเจ้านั่นยังอยู่ที่ร้าน?”พี่ใหญ่ได้กล่าวถามอีกครั้ง

“อย่ากังวลไปเลย พี่ใหญ่ ข้าได้ใส่ผงน้ำหอมลับไว้บนตัวเขาแล้ว เขาไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้!”

“ตกลง! พวกเราจะเคลื่อนไหวและลงมืออย่างรวดเร็วที่สุด ที่สำคัญก็คือพยายามไม่สร้างปัญหาภายในเมืองหลินเจียงมากเกินไป”

“ขอรับ!”

หลังจากพูดจบทั้ง 4 คน ก็ใช้เทคนิคอำพรางร่างกายของพวกเขาและมุ่งหน้าไปที่เมืองหลินเจียง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด