ตอนที่แล้วSTBI : ตอนที่ 25 หินวิญญาณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปฺSTBI : ตอนที่ 27 กล่องทองแดงลึกลับ

STBI : ตอนที่ 26 เรือฉางเหลียน


ร้านอาหารตอนกลางคืน

เหล่านักพรตเต๋าทั้ง 4 คนได้ร่อนลงมาอย่างเงียบ ๆ ด้านนอกลานเล็ก ๆ ของ ไป๋ตงหลิน

“รูปแบบก่อตัว!”

นักพรตเต๋าทั้ง 4 ได้เอาธงสีดำเล็ก ๆ ออกมาแล้วสะบัดออกไปยังพื้นที่โดยรอบลานเล็ก ๆ

หมอกสีดำได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากธงและห่อหุ้มลานเล็ก ๆ แห่งนี้เอาไว้

หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนนี้ ทั้ง 4 คนก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ตราบใดที่พวกเขาไม่สร้างปัญหามากเกินไปในเมืองหลินเจียง ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะในเมืองหลินเจียง มีนักพรตเต๋าจากนิกายใหญ่จำนวนมาก เหล่า นักพรตเต๋าพเนจรอย่างพวกเขาไม่กล้าไปยั่วยุตัวตนเหล่านั้น

หลังจากติดตั้งรูปแบบก่อตัวเสร็จ พวกเขาทั้ง 4 ก็ก้าวเข้าไปในสนามทีละคน

ทันทีที่ทั้ง 4 คนก้าวเข้าไปในสนาม ไป๋ตงหลิน ที่นอนหลับอยู่ก็ลืมตาตื่นขึ้น ดวงตาของเขาได้กลายเป็นเคร่งขรึมในทันที

น้องสามของกลุ่มนักพรตเต๋าพเนจร ได้เปิดประตูอย่างระวัง จากนั้นเขาก็หันไปกล่าวพูดกับอีกสามคน :

“ดูเหมือนว่าเจ้าเด็กนี่ไม่ใช่นักพรตเต๋า เขาไม่แม้แต่จะเตรียมคาถาพื้นฐานที่สุดด้วยซ้ำ!”

หลังจากพูดไปแล้ว เขาก็นึกขึ้นในใจ ถ้าเกิดเขามาที่นี่คนเดียว ไม่ใช่ว่าผลประโยชน์ทั้งหมดจะตกเป็นของเขาหรอกเหรอ?

“พี่ใหญ่ ให้ข้า…”

ทันทีที่คำพูดของเขาออกมาจากปากยังไม่ทันจบ แขนที่ส่องประกายราวกับหยกคริสตัลก็พุ่งทะลุประตูไม้ออกมาและแทงทะลุศีรษะของเขา

สิ่งนี้คล้ายกับคมมีดที่หั่นลงไปบนเต้าหู้ พลังอันแข็งแกรร่งได้ทำให้โลหิตภายในสมองของเขาระเบิดออกมาโดยทันที

“อะไรกัน?!”

“น้องสาม!”

อีกสามคนรู้สึกตกตะลึง น้องสามของเขา ผู้บ่มเพาะพลังดินแดนปราณแท้จริง กลับถูกฆ่าตายในทันที!

ในเวลานี้ เป็นพี่ใหญ่ของกลุ่มที่ตอบสนองได้รวดเร็วที่สุด เขาได้บีบลูกไฟที่มีอุณหภูมิสูงขึ้นบนมือและกระแทกเข้าใส่ประตู จนมันได้ระเบิดอย่างรุนแรง

ทว่าท่ามกลางเปลวไฟที่ลุกไหม้ ไป๋ตงหลิน ได้ก้าวเดินออกมา ผิวหนังและร่างกายของเขาที่ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดได้ฟื้นฟูกลับมาโดยทันที ยกเว้นเสื้อผ้าที่ถูกไฟคลอกใส่ ส่วนอื่น ๆ ของเขาล้วนหายเป็นปลิดทิ้ง

“มัวยืนอึ้งอะไรกันอยู่ รีบฆ่ามันซะ!”

เมื่อมองไปที่ น้องรอง และ น้องสี่ ของเขาที่กำลังตะลึงงัน เขากล่าวสาปแช่งออกมาด้วยความโกรธ

หลังจากพูดจบเขาก็หยิบยันต์สองอันมาติดไว้บนตัว นี่เป็นยันต์ที่ช่วยเพิ่มพลังป้องกัน และ ความเร็ว

อีกสองคนที่กลับมาได้สติพวกเขาได้หยิบ อุปกรณ์วิเศษออกมา โดยเฉพาะน้องรอง เขาได้หยิบกระดิ่งทองเหลือง หลังจากอัดพลังปราณเข้าไป มันก็สั่นสะเทือนเบา ๆ ไปยังพื้นที่โดยรอบของ ไป๋ตงหลิน

ส่วนอาวุธิวิเศษของน้องสี่ก็คือ ดาบขนาดใหญ่ที่มีรูปหัวกะโหลก ตัวดาบของมันถูกปกคลุมไปด้วยอักขระพลังบางอย่าง ทำให้มันปลดปล่อยพลังงานมืดออกมา

เมื่อเห็นเช่นนี้ ดวงตาของ ไป๋ตงหลิน ได้เบิกกว้าง หลังจากโดนเสียงกระดิ่งบางอย่างเล่นงาน ดวงตาของเขาก็กลายเป็นพร่ามัว จากนั้นเขาก็ถูกดาบขนาดใหญ่ซัดเข้าไปที่ศีรษะเข้าอย่างจัง

เพียงแต่ดาบขนาดใหญ่ที่ฟันไปที่ ศีรษะของ ไป๋ตงหลิน ภายใต้สายตาของน้องสี่ เสียง ‘เพร้ง’ ได้ปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว คล้ายกับว่าดาบของเขาได้ฟาดไปที่ของแข็งบางอย่าง

ไป๋ตงหลิน ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดแม้แต่น้อย กลับกันเขาได้แสดงออกมาด้วยท่าทีที่พึงพอใจ หมัดเจ็ดหนองน้ำ ได้ถูกร่ายขึ้นในเวลานี้ พลังอันน่าสะพรึงกลัวได้พุ่งผ่านอากาศออกไปในทันที

ด้วยรัศมีพลังที่รุนแรง หมัดที่ใสราวกับคริสตัลได้ระเบิดใส่ น้องสี่ ที่ยังคงลอยอยู่บนอากาศ โดยไม่มีที่ให้หลบซ่อน ร่างกายท่อนบนของเขาได้ถูกทุบตีอย่างรุนแรง และ ร่างกายส่วนร่างก็กลายเป็นไม่สมบูรณ์คล้ายกับตุ๊กเศษผ้าที่ถูกตัดขาด

ไป๋ตงหลิน ที่เปลือยท่อนบนได้ยืนนิ่ง หมัดของเขายังคงปล่อยควันสีขาวออกมา อันเนื่องมาจากแรงกดันอากาศที่สูงและอุณหภูมิที่สูงจากการเสียดสีทางอากาศ

มองเห็นเช่นนี้ พี่ใหญ่ และ น้องรอง ที่ยังคงสั่นกระดิ่งอยู่ รู้สึกหวาดกลัวจนหน้าซีด

นี่มันสัตว์ประหลาดชนิดใดกัน!

อีกฝ่ายมีพลังป้องกันที่น่าสะพรึงกลัว และ พลังทำลายที่รุนแรง นี่ยังใช่มนุษย์อยู่อีกงั้นหรือไม่?

เขาแทบจะอดใจกรนด่าน้องสามที่เพิ่งตายไปไม่ได้ อีกฝ่ายพาพวกเขามาเจอสัตว์ประหลาดชนิดใดกัน

ทั้งสองคนได้กลายเป็นดูน่าสงสาร

พี่ใหญ่ของกลุ่ม ได้หยิบยันต์บางอย่างออกมาอย่างลับ ๆ และเผาไหม้มัน ทันใดนั้น พื้นดินใต้เท้าของ ไป๋ตงหลิน ก็กลิ้งไปมา รากไม้อันหนาทึบได้ผุดขึ้นมาและพยายามจะรัดคอของเขา ร่างของ ไป๋ตงหลิน ได้แกว่งไปมาเล็กน้อย ทว่า เขาใช้พละกำลังในร่างกาย เพื่อสลัดรากไม้เหล่านี้ออกมาโดยทันที

“ไม่ดีแล้ว!”หลังจากเห็นสิ่งนี้ พี่ใหญ่ ก็ก้าวถอยหลังออกไปเพื่อเตรียมป้องกัน

ทว่า ร่างของ ไป๋ตงหลิน ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าของ น้องรอง มือขวาของเขาได้วางลงบนศีรษะของชายคนนี้ จากนั้นเขาก็ออกแรงบีบเล็กน้อยในทันที

ศีรษะของ ชายคนนี้ ได้ระเบิดออกอย่างรวดเร็ว

มองเห็นฉากนี้ พี่ใหญ่ของกลุ่ม รู้สึกหวาดกลัว เขาต้องการที่จะหลบหนีในเวลานี้

ทว่าร่างของ ไป๋ตงหลิน ก็หายไปจากตำแหน่งเดิม เขาได้ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหน้าของ พี่ใหญ่คนนี้พร้อมกับยกมือขึ้นเพื่อบีบคอของอีกฝ่าย

“ข้า…”

ไป๋ตงหลิน ได้ออกแรงบีบที่มือเล็กน้อย เพื่อจบชีวิตของอีกฝ่าย

เขาไม่ใช่คนกระหายเลือด แต่ทว่า เขาก็ไม่คิดปล่อยให้ศัตรูที่ต้องการเอาชีวิตของตนเองหลุดรอดไป

ถ้าจะโทษก็ต้องโทษโจรทั้ง 4 คนนี้ที่โชคร้ายเท่านั้น

ในเมื่อคิดจะทำเรื่องชั่ว ก็ต้องยอมรับผลกรรมที่จะตามมาภายหลังด้วย

ไป๋ตงหลิน ได้ทำความสะอาดที่เกิดเหตุและหยิบถุงเก็บของทั้ง 4 บนพื้น

ถุงเก็บของเหล่านี้ เป็นอุปกรณ์เก็บของระดับต่ำสุด ซึ่งมีพื้นที่ขนาดเล็ก และ ไม่เสถียร มันไม่สามารถจดจำเจ้าของได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นใครก็สามารถใช้ได้ ข้อดีเพียงอย่างเดียวของมันก็คือ มันมีราคาที่ถูก

เขาเทสิ่งของทั้งหมดลงมา มีหินวิญญาณระดับต่ำมากกว่า 100 ก้อน วัสดุระดับต่ำ และ ยันต์ระดับต่ำ

ยันต์ระดับต่ำเหล่านี้ไม่มีประโยชน์สำหรับเขา ทว่าเขาสามารถขายสิ่งนี้ที่ร้านขายของในตลาดได้

นักพรตเต๋าทั้ง 4 นี้ค่อนข้างยากจนอย่างแท้จริง เมื่อรวมอุปกรณ์และสิ่งของทั้งหมดของพวกเขาก็มีมูลค่าเพียงแค่ 300 หินวิญญาณระดับต่ำเพียงเท่านั้น

นี่จะโทษอีกฝ่ายก็ไม่ได้ เพราะเดิมที อีกฝ่ายก็ต้องการมาปล้น ไป๋ตงหลิน แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตร ใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะตายเองและทรัพย์สินจะต้องมาถูกปล้นเช่นนี้

หลังจากถอดธงสะกดพื้นที่ออก หมอกสีดำก็หายไป ไป๋ตงหลิน ได้เรียกเจ้าของร้านมาเพื่ออธิบายสองสามคำ จากนั้นเขาก็จ่ายเงินไปจำนวนนึง และ กลับไปนอนต่อ

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ไป๋ตงหลิน กำลังรอเรือลำยักษ์ที่จะมาเทียบท่าในช่วงนี้ ในวันธรรมดา เขาไม่ได้ทำงานหนักเพื่อฝึกฝนหมัดเจ็ดหนองน้ำหรือกลืนยาพิษเพื่อเพิ่มพลังของเขา แต่ ความแข็งแกร่งของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกวัน ในปัจจุบัน เพียงแค่หมัดข้างเดียวของเขาก็มีพละกำลังมากกว่า 80,000 จิน

นอกจากการฝึกฝนเป็นครั้งคราวแล้ว พวกเขาก็ยังพบปะกับสหายเต๋าหลิวต้าฟู่ เป็นครั้งคราว ไม่ว่าจะ กิน ดื่ม และ พูดคุยกัน ยกเว้นสถานที่หลบซ่อนไม่กี่แห่งภายในเมืองหลินเจียง ทั้งสามคนต่างก็ออกไปเที่ยวเล่นด้วยกันตลอดเวลา

หลังจากคืนนั้นผ่านไป เขาก็ไม่ได้พบกับนักพรตเต๋าที่เป็นโจรย่องเบาอีกเลย

จวบจนวันนี้มันเป็นวันที่เรือใหญ่เข้ามาเทียบท่า

ในตอนเช้าตรู่ หลิวต้าฟู่ ได้พา จื่อเสี่ยวหลิง ไปหา ไป๋ตงหลิน และ ทั้งสามคน ก็เดินทางไปที่ท่าเรือหลินเจียงพร้อมกัน

“พี่ไป๋ ท่าเรือหลินเจียง มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 3,000 ปี ในตอนแรกที่ดินผืนนี้เป็นเพียงที่ดินที่แห้งแล้ง แต่ด้วยการก่อตั้งท่าเรือในตอนนั้น เมืองหลินเจียง ก็ถูกสร้างขึ้นมาด้วย และ ปัจจุบัน ที่นี่ก็กลายเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุด โดยมีเหล่านักเดินทางจากประเทศรอบข้างแวะมาเยี่ยมเยือนอยู่บ่อยครั้ง”

หลังจากที่ทั้งสามคนมาถึงท่าเรือ ในเวลาเดียวกัน หลิวต้าฟู่ ก็ได้แนะนำประวัติของท่าเรือ

ท่าเรือแห่งนี้สร้างขึ้นตามลำน้ำ ซึ่งอยู่ห่างออกไปมากกว่า 10 ไมล์ และ มีเรือขนาดใหญ่และขนาดเล็กนับไม่ถ้วน เข้าออกอย่างต่อเนื่อง รวมถึง ปริมาณการส่งสินค้าในแต่ละวันก็น่าทึ่งเป็นอย่างมาก

เมืองหลินเจียง เป็นเมืองท่าเรือ อาจกล่าวได้ว่า ประตูทางทิศเหนือทั้งหมดของเมืองหลินเจียงล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับท่าเรือทั้งหมด

“อื๊ดด—”

ในเวลานี้ มีเสียงเรือดังขึ้นบนผิวน้ำ เหล่าผู้คนบนท่าเรือต่างก็หยุดมือและมองไปทางผิวน้ำ

ในเวลานี้มีเรือลำใหญ่ที่ไม่มีใบเรือแล่นเข้ามาอย่างรวดเร็ว มันเป็นเรือที่มีสีดำสนิทและไม่รู้ว่าสร้างขึ้นจากวัสดุอะไร ทว่า แรงสั่นกระเพือมจากการเล่นเข้ามาของมันค่อนข้างรุนแรงเป็นอย่างมาก

เรือลำนี้มีความยาวกว่า 100 ฟุต และ สูง 20 ฟุต อีกทั้งใต้ท้องเรือยังมีห้องใต้หลังคาจำนวนมาก และ บนตัวเรือก็สลักอักษรอักขระพลังบางอย่างที่ซับซ้อนอยู่เต็มไปหมด

นี่เป็นเรือลำใหญ่อย่างแท้จริง ไป๋ตงหลิน อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ถึงแม้ว่ามันจะดีกว่าเรือใหญ่ในชาติก่อนของเขา แต่มันก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันมากนัก

ตามที่คาดไว้ โลกแห่งการบ่มเพาะพลังและโลกธรรมดา เปรียบเสมือนโลกคู่ขนาน ท่ามกลางภูเขาน้ำแข็งที่ปิดบัง พวกเขาสามารถปีนข้ามภูเขาน้ำแข็งเพื่อมองดูมันได้

ทั้งสามคนได้มอบหินวิญญาณจำนวนนึงเพื่อขึ้นเรือขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า ‘ฉางเหลียน’ ได้สำเร็จ โดยผู้ดูแลได้แนะนำพวกเขาไปยังห้องของแต่ละคน

ภายในห้องนั้นมีขนาดความกว้างมากกว่า 20 ตร.ม. อีกทั้งยังมีการตกแต่างที่หรูหรา และ สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน

ในขณะนี้ วงแหวนเวทย์ภายในห้องได้ทำงานและส่งเสียงคลื่นความผันผวนที่อ่อนแอออกมา :

“ยินดีต้อนรับท่านผู้โดยสารทุกท่านสู่เรือ ‘ฉางเหลียน’ ของเรา ข้ากัปตันเรือมีนามว่า หวางลู่เฟย”

“ปลายทางของเรือลำนี้ก็คือ ท่าเรือซือเป่ย”

“ระยะเวลาการเดินทางคาดว่าจะใช้เวลา 18 วัน ดังนั้นโปรดปฏิบัติตามข้อกำหนดดั่งต่อไปนี้”

“หนึ่ง ทุกท่านห้ามมีการร่ายถาคาและต่อสู้กันบนเรือ!”

“สอง…”

อื๊ดด—

เรือฉางเหลียน ได้ส่งเสียงดังไปทั่ว ในเวลานี้ มันได้แล่นออกจากท่าเรือหลินเจียง

และลงสู่แม่น้ำ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด