ตอนที่แล้วเกิดใหม่อีกครั้งกับการแย่ง ตอนที่ 131 เรื่องที่ดี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเกิดใหม่อีกครั้งกับการแย่ง ตอนที่ 133 การเจรจากับเอเดน

เกิดใหม่อีกครั้งกับการแย่ง ตอนที่ 132 ขาดหาย


ตอนที่ 132 ขาดหาย

3 เดือนต่อมา

ณ ค่ายทหารของเฮเลอร์ที่ล้อมรอบเมืองหลวงเอาไว้

ตอนนี้ผมกำลังยืนมองเมืองหลวงด้านหน้าอยู่พร้อมกับกำลังทหารที่ด้านหลังตั้งค่ายขนาดใหญ่เอาไว้ หลังจากที่เริ่มเดินทางบุกมาทางผมก็สามารถบุกเข้ามาได้แบบเรื่อยๆ จนสามารถบุกเข้ามาถึงตรงนี้ได้ไม่ยากอะไร และคาดว่าอีกไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ต้องสามารถยึดเมืองหลวงได้แน่นอน

แต่ว่า

มันแปลกเกินไปที่เรื่องทั้งหมดมันเป็นแบบนี้

“ท่านไมล์ทางราชาเอเดนส่งทูตมาครับ”

ชไนน์เดอร์เดินเข้ามาพูดที่ด้านหลังของผม

“ส่งมาอีกแล้วเหรอ ปฏิเสธมันกลับไปเลยเพราะทางข้าไม่เจรจาเด็ดขาด”

ไม่รู้ว่ามันจะส่งมาทำอะไรนักหนา ทั้งๆที่โดนเราปฏิเสธไปหลายครั้งแล้วมันคงไม่ได้มีความคิดที่จะยอมแพ้แล้วโดยปล่อยตัวไปหรอกนะ เหอะ!

แต่เมื่อตอบไปทางชไนน์เดอร์ก็ยังไม่เดินกลับไป ทำให้ผมต้องถามไปอีกครั้งว่า “มีเรื่องอะไรทำไมยังไม่ไปอีก?”

“คือว่า… รอบนี้ทูตไม่ได้มาเจรจาเองครับ”

“แบบไหน?”

“ทางนั้นบอกว่าราชาเอเดนต้องการคุยกับท่านโดยตรง แล้วก็มองว่ามีข่าวกับอาณาเขตทางเหนือมาบอกด้วย”

ข่าวงั้นเหรอ?

มันก็จริงอยู่ที่ตอนนี้เราขาดการติดต่อกับอาณาเขตทางเหนือมาเป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว แต่ทางเราก็ส่งทหารไปตรวจสอบดูแล้วเหมือนกัน มันคงกำลังใช้เป็นเหยื่อล้อเพื่อให้เราไปเจรจาเท่านั้นแหละแต่ถึงจะรู้อยู่แล้วมันก็น่าสนใจ เพราะในการเจรจาครั้งนี้มันเสนอตัวออกมาเจรจาเองเลย หึหึ!

เล่นกับมันหน่อยก็แล้วกัน!

“ถ้างั้นก็ตอบตกลงไป ข้าจะไปเจรจากับมันเอง”

“ครับ”

เมื่อคุยกับชไนน์เดอร์จบผมก็เดินกลับเต็นท์ของตัวเองทันทีเพื่อไปเตรียมตัวการเจรจากับเอเดน แต่หลังจากเดินเข้ามาในเต็นท์ก็เจอกับวอเตอร์กำลังยืนอยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก เกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกละหน้าตาแบบนั้นต้องเกิดอะไรแน่นอน

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

ผมเริ่มถาม เพราะสีหน้าท่าทางของมันที่แสดงออกมาว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ดีแน่นอน

“เกี่ยวกับอาณาเขตทางเหนือและทหารหนึ่งหมื่นคนที่ทางเราส่งไปตรวจสอบครับ เพราะตอนนี้เราก็ขาดการติดต่อกับพวกนั้นอีกแล้ว”

อีกแล้วเหรอ! เรื่องแบบนี้มันไม่ปกติแล้วนะตอนแรกคิดว่าข้อความเดินทางไปไม่ถึงเพราะอาจจะโดนคนของเอเดนดักโจมตีระหว่างทางก็เลยไม่ได้สนใจอะไรมาก  แต่การที่ทหารหนึ่งหมื่นคนขาดการติดต่อแบบนี้ไม่ปกติแล้ว

มันเกิดอะไรขึ้นที่นั่นกันแน่!

“ตรวจสอบแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าไม่สามารถติดต่อได้?”

“ครับ ทางข้าพยามตรวจสอบแล้วแต่ก็ไร้การตอบกลับ”

รู้สึกไม่ดีเลยแหะ

เรื่องเป็นแบบนี้ผมก็อยากที่จะรีบเดินทางกลับไปเพื่อตรวจสอบดูด้วยตัวเองอยู่หรอกแต่อีกนิดเดียวก็สามารถชนะเอเดนได้แล้วถ้ากลับไปตอนนี้มันจะเสียเวลาโดยป่าวประโยชน์ อีกอย่างการที่กลับไปต้องเอาทหารกลับไปด้วยอย่างน้อยก็ครึ่งแสน

อืม… …. ….

ไม่ได้! ยังไงตอนนี้ก็ยึดเมืองก่อนแล้วค่อยเดินทางกลับไปตรวจสอบดูแล้วกัน การแบ่งทหารออกไปอีกหมื่นคนมันก็แทบจะไม่เกิดประโยชน์อะไร ถึงแม้ว่าตอนนี้จะติดต่อทหารที่ส่งไปใหม่ไม่ได้ก็ไม่ได้หมายความว่าเกิดปัญหาเพราะตัวของคนส่งข้อความอาจโดนดักทำร้ายระหว่างทางแบบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เพราะงั้นตอนนี้ต้องจัดการเอเดนก่อนเรื่องตรวจสอบเอาไว้ทีหลัง

เมื่อผมติดสินใจได้ก็เริ่มพูดไปว่า “ถ้างั้นเข้าก็หาทางติดต่อเรื่อยๆ ข้าจะไม่ส่งทหารเพิ่มแล้ว”

“ท่านแน่ใจเหรอครับ ข้าคิดว่าเรื่องครั้งนี้มันไม่ปกติแล้วนะ”

“ข้าเองก็มีความคิดที่ไม่ได้ต่างอะไรจากเจ้าหรอก แต่ทำยังไงได้ ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาคิดเล็กคิดน้อยแบบนั้นเจ้าเองก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรือไงว่าครั้งนี้อาจเป็นแผนของเอเดนที่ล้อให้เราเดินทางกลับก็ได้”

“ระ เรื่องนั้นก็ใช่ครับแต่…”

“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงเอมิเลีย แต่ทางข้าเองก็เป็นห่วงอาเลียเหมือนกัน เพราะงั้นการที่พวกเรายึดเมืองหลวงคืนจากเอเดนได้เร็วเท่าไหร่มันก็ยิ่งเป็นผลดีเท่านั้นเวลาแบบนี้เราต้องโฟกัสที่เรื่องจัดการเอเดนก่อน”

“โฟกัส???”

วอเตอร์ถามกลับด้วยหน้าตาสงสัย

ลืมตัวไปใช้คำพูดจากโลกเก่าคุยกับมันสะได้ เหอะๆ

“ก็หมายความว่าพุ่งเป้าไปที่การจัดการกับเอเดนก่อนอะไรประมาณนั้นนะแหละ แต่ทางเจ้าก็พยามติดต่อเรื่อยๆ โดยครั้งนี้ส่งข้อความออกไปสักสิบข้อความเอาให้มากที่สุดเพื่อจะสามารถติดต่อได้”

“ครับ”

หลังจากที่คุยกับวอเตอร์จบมันก็เดินออกไปจากห้องทันที ส่วนทางผมก็เริ่มสวมเกราะสีท้องที่ตั้งเอาไว้อยู่ในเต็นท์เพราะจะออกไปเจรจาความปลอดภัยต้องมาก่อน ถึงแม้จะเป็นการเจรจาด้านนอกเมืองหลวงก็ตามแต่ทางเอเดนมันก็คงไม่ได้ขอเจรจากับผมทั้งๆ ที่ยังไม่มีไม้เด็ดหรือแผนอะไรหรอก!

#############

ณ ด้านนอกค่ายทหารของเฮเลอร์

ทหารที่กำลังเดินรอบค่ายแบบเป็นกลุ่มตอนนี้ต่างก็กำลังกระจายตัวออกเพื่อล้อมบุคคลปริศนาเอาไว้ ซึ่งบุคคลปริศนาตอนนี้ก็คือผู้หญิงรางเล็กปิดร่างกายเอาไว้ด้วยผ้าคลุมสีดำจนมองไม่เห็นใบหน้าแล้วกำลังชูดาบขึ้นมาหันไปทางพวกทหารที่ล้อมเธอเอาไว้อยู่ ตัวดาบเป็นดาบอย่างดีของพวกขุนนางพวกทหารของเฮเลอร์ที่รู้ถึงข้อนี้ดีก็เลยยังไม่มีใครกล้าทำอะไร

จนกระทั่งผ่านไปสักพัก

“ได้โปรดวางอาวุธลงด้วย ทางด้านหน้าเป็นค่ายขององค์ชายเฮเลอร์ท่านไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าไป”

หนึ่งในทหารพยามบอกให้เธอวางอาวุธ แต่ถึงทหารจะพูดออกมาเธอก็ไม่มีท่าทีวางจะวางอาวุธเลยแม้แต่น้อย ท่าทางของเธอตอนนี้เหมือนกับว่าระวังตัวตลอดเวลาและกวาดสายตามองพวกทหารที่ยืนโดยรอบไปมา

“ข้าต้องการพบกับดยุควอเตอร์”

“ดะ ได้ งั้นข้าจะไปตามท่านดยุคมาให้”

เมื่อเธอเรียกร้องความต้องการออกมาทหารก็ตอบรับทันทีตามความต้องการของเธอ และที่ทหารตอบรับแบบนี้เองก็เป็นเพราะคำสั่งของวอเตอร์ที่ได้สั่งเอาไว้ว่าถ้ามีใครมาหาตนให้คิดว่าไม่ใช่ศัตรูเพราะอาจจะมีข่าวเกี่ยวกับอาณาเขตทางเหนือมาบอกทหารเลยตอบรับแบบนี้

…..

…….

ในเวลาต่อมา

วอเตอร์ก็ได้เดินมาถึงจุดที่พวกทหารกำลังล้อมหญิงลึกลับอยู่ แต่เมื่อวอเตอร์เดินมาถึงและเห็นดาบที่เธอถืออยู่ก็ตะโกนด้วยน้ำเสียงอารมณ์เสียว่า “ทุกคนเอาดาบลงกันเดี๋ยวนี้!!!”

ทหารเมื่อได้ยินก็เกิดความลังเลเล็กน้อยแต่ก็เอาดาบมากันหมด ตัวของวอเตอร์ก็วิ่งตรงไปยังจุดที่หญิงลึกลับกำลังยืนอยู่แบบไม่ได้กลัวดาบที่เธอถืออยู่เลย

“มะ มันเกิดอะไรขึ้นเอมิเลียทำไมเจ้าถึงอยู่ในสภาพแบบนั้น”

“เอ่ะ!” “เอ่ะ!” “เอ่ะ!” เสียงของพวกทหารพากันร้องออกมาด้วยความตกใจ หลังจากที่วอเตอร์พูดชื่อเอมิเลียกับหญิงลึกลับด้านหน้า จากนั้นเธอก็เปิดผ้าคลุมออกแล้วคนที่อยู่ใต้ผ้าคลุมก็คือเอมิเลียจริงๆ

“แย่แล้วคะท่านพ่อ!!!”

เอมิเลียเริ่มพูดต่อหลังจากที่เปิดหน้าออกมา ทางด้านของวอเตอร์ก็เกิดคำถามขึ้นในใจทันทีหลังจากที่ได้ยินเอมิเลียพูดมา เพราะใบหน้าของเธอตอนนี้ไม่เหมือนกับเอมิเลียปกติ ‘นี่มันหมายความว่ายังไงทำไมเธอมาอยู่นี่ได้ แล้วไหนจะยังคำพูดเมื่อครู่อีก???’

วอเตอร์เกิดคำถามมากมายกับสถานการณ์ตอนนี้

จากนั้นอาเลียก็พูดต่ออีกว่า “ข้าต้องเจอองค์ชายให้เร็วที่สุดท่านช่วยพาข้าไปพบองค์ชายด้วยคะ!”

“ไม่ได้หรอก”

วอเตอร์ปฏิเสธโดยส่ายหัวไปมาช้าๆ

“ทำไมละคะ???”

“ตอนนี้องค์ชายออกไปเจรจาอยู่ อีกอย่างเจ้าต้องบอกข้าก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ถึงได้มาอยู่นี่ แล้วอาณาเขตทางเหนือเป็นอะไรไปทำไมถึงขาดการติดต่อ”

“คะ ค่ะ แต่ข้าของคุยกับท่านเพียงสองคนเท่านั้น”

ระหว่างพูดสายตาของเอมิเลียก็เบนไปทางทหารที่ยืนอยู่เล็กน้อย ตัวของวอเตอร์ที่เห็นท่าทางเธอก็พรางคิดในใจอีกว่า ‘พูดแบบนี้แปลว่าไม่ไว้ใจพวกทหารสินะ แบบนี้ก็พอเข้าใจแล้วทำไมเธอถึงปิดหน้าเอาไว้ก่อนที่เราจะมาถึง ใครมันกล้าทำอะไรกับลูกของเราแบบนี้’

ถึงแม้ว่าตอนนี้วอเตอร์จะยังทำตัวเป็นแบบปกติก็ตาม แต่ทว่าเมื่อเห็นแผลบนใบหน้าและตามร่างกายของเอมิเลียก็เริ่มมีความรู้สึกอารมณ์เสียแบบไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันก็เลยต้องควบคุมอารมณ์เอาไว้

“ตกลงเจ้าตามพ่อมาได้เลย พวกเราจะไปคุยกันในจุดที่ไม่มีใครได้ยิน”

“ค่ะ”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด