ตอนที่ 64 เข้าสู่ลั่วหยาง แอบสนทนากับจักรพรรดิฮั่นหลิง (ตอนฟรี)
ตอนที่ 64 เข้าสู่ลั่วหยาง แอบสนทนากับจักรพรรดิฮั่นหลิง
เมื่อมองไปยังชายร่างใหญ่เตียนอุย โลติดก็ส่ายหัวและถอนหายใจ
“เฉิงชงอู๋ฮวย ท่านช่างน่าทึ่งเหลือเกิน!”
“เพียงแค่เดินทางผ่านเฉินหลิวก็ได้นักรบระดับสูงมาอยู่ด้วยแล้วงั้นหรือ?”
“ทั้งลิโป้ เตียวเลี้ยว จ้าวอวิ๋น และตอนนี้ยังมีเตียนอุย ผู้ซึ่งมีพละกำลังหาผู้ใดเปรียบได้ยาก แค่นี้ก็เพียงพอจะทำให้กองทัพศัตรูหวาดกลัวหัวหดกันแล้ว!”
“บอกตามตรงข้ารู้สึกอิจฉาท่านเล็กน้อย!”
เฉิงชงยิ้มเบา ๆ และไม่อธิบายอะไรมาก
เขาออกคำสั่งหาชุดเกราะและม้าศึกให้เตียนอุย
จากนั้นได้เริ่มเดินทางไปยังลั่วหยางต่อ
ระหว่างทางเขาผ่านเขตเองฉวนด้วย
เฉิงชงทราบดีว่าในเขตเองฉวนนั้นเต็มไปด้วยปราชญ์มากพรสวรรค์หลายคน
ทั้งซุนฮก ตันกุ๋ย ตังเจี๋ยว และตู้ซี พวกเขาล้วนเป็นที่ปรึกษาที่มีความสามารถ
แต่กล่าวตามตรง เฉิงชงยังไม่ต้องการใครเพิ่ม
เพราะตอนนี้เขาเองก็ทราบดีว่าถูกกีดกันโดยตระกูลขุนนางอยู่
มันเป็นการยากที่จะได้รับความจงรักภักดีจากคนเหล่านั้น
ตอนนี้เขาทำได้แค่ปล่อยให้มันเป็นไปตามกาลเวลา!
สามวันต่อมา ขบวนรถมาได้เดินทางมาถึงลั่วหยางและเข้าพักที่โรงเตี๊ยม
จูฮงกล่าวคำอำลาเฉิงชง และกลับไปที่วังเพื่อรายงานจักรพรรดิฮั่นหลิงและเตียวเหยียง
โลติดเป็นคนแถบนี้อยู่แล้วและมีสหายมากมายในลั่วหยาง ดังนั้นเขาจึงออกจากโรงเตี๊ยมทันทีเพื่อไปเยี่ยมเยียนสหาย
เฉิงชงก็รู้สึกสงบใจเมื่อรอบด้านเงียบลง
จ้าวอวิ๋นเดินเข้ามา
“นายท่าน!”
“มีคนมากมายได้ยินว่านายท่านมาที่นี่ และมีแต่คนส่งจดหมายมาหาเป็นการส่วนตัว!”
“ตอนนี้มีจดหมายมากกว่าหนึ่งโหล!”
“โอ้?”
เฉิงชงยกคิ้วขึ้นพร้อมเผยดวงตาที่เปล่งประกาย
จมูกของเหล่าขุนนางเหล่านี้ช่างดีอย่างมาก เขาเพิ่งมาถึงลั่วหยางได้ไม่นาน คนเหล่านี้ก็รีบวิ่งมาหาราวกับหมาป่าได้กลิ่นเลือด
คนเหล่านี้ไม่มีอะไรมากนอกจากคิดจะเยินยอและทำความรู้จัก
“มีใครบ้าง ลองบอกชื่อมาที”
เฉิงชงพูดอย่างเฉยเมย
จ้าวอวิ๋นกล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำ
“มีแม่ทัพโฮจิ๋น อ้วนเว่ย อ้วนเฟ็ง อ้วนเสี้ยว และหยางเปียว พวกเขาล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในลั่วหยาง”
เฉิงชงพยักหน้า
อันที่จริงคนเหล่านี้ล้วนเป็นขุนนางที่มีอำนาจในราชสำนักเช่นกัน
นอกจากโฮจิ๋นแล้ว พวกเขาล้วนเป็นตัวแทนจากตระกูลขุนนางใหญ่
จ้าวอวิ๋นกระซิบถาม “นายท่านต้องการพบใคร?”
เฉิงชงโบกมือด้วยใบหน้าสงบนิ่ง “ไม่พบใครทั้งนั้น”
จ้าวอวิ๋นขมวดคิ้วด้วยความลังเล เขาค่อนข้างกังวลเล็กน้อย
“แต่หากนายท่านทำเช่นนี้ มันจะไม่เป็นการเสียมารยาทไปหน่อยหรือ? พวกเหล่ามังกรและพยัคฆ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในลั่วหยางจะไม่ชอบเอานะขอรับ?”
เฉิงชงยิ้มเย้ยหยัน
“จูล่ง เจ้าคงไม่เข้าใจ การทำเช่นนี้อาจทำให้พวกเขาขุ่นเคืองก็จริง แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นการสร้างความมั่นใจให้จักรพรรดิด้วย!”
เขาเป็นคนชัดเจนมาก
ในกระดานของเหล่าชนชั้นสูง หากต้องการแหวกว่ายอย่างอิสระเหมือนปลา
เช่นนั้นก็มีเพียงสองวิธี
นั่นคือการตีสนิทเพื่อสานสัมพันธ์กับตระกูลขุนนาง หรือใกล้ชิดกับจักรพรรดิเพื่อเป็นคนโปรด
เฉิงชงเลือกที่จะปฏิเสธขุนนางทั้งหมด ดังนั้นนี่จึงเป็นเหมือนการส่งข้อความให้จักรพรรดิฮั่นหลิง
เขาทราบกฎเกณฑ์ดี เขาเต็มใจที่จะอยู่คนเดียวและพร้อมเป็นคมดาบ!
จ้าวอวิ๋นพยักหน้าเข้าใจ
......
เฉิงชงปิดประตูกับแขกทุกคนที่ต้องการจะเข้ามา ข่าวการปฏิเสธคำเชิญทั้งหมดแพร่กระจายไปทั่วเมืองลั่วหยางอย่างรวดเร็ว
ตระกูลใหญ่ ๆ ต่างมีความเห็นใหม่กับเฉิงชง
อ้วนเว่ยถึงกับไม่พอใจที่เฉิงชงเย่อหยิ่ง
อีกด้านหนึ่ง จูฮงได้มาที่โรงเตี๊ยมและเชิญเฉิงชงไปที่วัง
เฉิงชงตามจูฮงเข้าไปในวังเพื่อพบกับจักรพรรดิ
“ถวายบังคมฝ่าบาท!”
เฉิงชงโค้งคำนับจักรพรรดิฮั่นหลิง
“ฮิฮิ ลุกขึ้นเถอะ!”
จักรพรรดิหัวเราะและมองเฉิงชงด้วยแววตาที่เฉียบคม
“ข้าทราบว่าวันนี้คงมีคนส่งจดหมายถึงท่านเยอะแยะ แต่ท่านก็ปิดประตูไม่ให้ใครเข้าพบ ข้าสอบทัศนคตินี้มาก”
“ดูเหมือนว่าท่านจะเข้าใจดีว่าทำไมข้าถึงให้เกียรติถึงเพียงนี้ และให้เป็นเจ้าพระยาตั้งแต่ความสำเร็จครั้งแรก”
“ข้ามองคนไม่ผิด ท่านฉลาดจริง ๆ”
เฉิงชงก้มศีรษะด้วยความเคารพและยังคงสงบนิ่ง
จักรพรรดิฮั่นหลิงยิ้มเล็กน้อยพร้อมใช้นิ้วแตะโต๊ะเบา ๆ
“ตระกูลขุนนางเหล่านี้เริ่มเย่อหยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ และทัศนคติของพวกเขาทำให้ข้าไม่มีความสุขนัก อย่างไรก็ตาม ทั้งสิบสี่รัฐของราชวงศ์ฮั่นยังเป็นของตระกูลเล่าของข้า ไม่ใช่ของพวกนั้น”
“ที่ข้าแต่งตั้งท่านเพราะต้องการให้ช่วยปราบตระกูลเหล่านี้”
“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ปฏิบัติต่อเจ้าพระยาแห่งหนิงกั๋วเลวร้ายหรอก ทั้งหมดนี้ยังเป็นแค่จุดเริ่มต้น ตราบใดที่ท่านทำความดีความชอบให้ราชวงศ์ ภายในสิบปี ข้าจะทำให้ท่านสามารถยืนอย่างสง่างามภายใต้ร่มเงาของข้าแน่นอน!”
เฉิงชงก้มศีรษะอีกครั้ง
“ข้าน้อยหวังว่าจะสามารถทำให้ฝ่าบาทพอใจ!”
เฉิงชงให้เกียรติเมื่ออยู่ต่อหน้า แต่ภายในเขาเริ่มบ่นเล็กน้อย
ภายในสิบปี... จักรพรรดิฮั่นหลิงคิดง่ายเกินไป
ตอนนี้ยังเป็นปีแรกของศักราชจงผิง และในอีกสี่ปี จักรพรรดิฮั่นหลิงจะเสียชีวิตอย่างกะทันหัน
ในเวลานั้นราชวงศ์ฮั่นอันยิ่งใหญ่จะเหลือแค่เพียงชื่อ และกลายเป็นพวกขุนนางเข้าควบคุม
หากผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้ วิหคก็จะสามารถโบยบินบนนภาได้อย่างอิสระ มัจฉาก็สามารถแหวกว่ายในน้ำได้อย่างมีความสุข
จักรพรรดิฮั่นหลิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เขาโบกมือพร้อมกล่าว
“ท่านกลับไปได้แล้ว!”
“วันพรุ่งนี้ที่ห้องโถงใหญ่ ข้าจะให้รางวัลท่านด้วยตัวเอง!”
“เมื่อถึงเวลา จงสวมชุดราชวงศ์ที่ข้าเตรียมให้ จากนั้นท่านก็จะเป็นเจ้าพระยาแห่งหนิงกั๋วอย่างเป็นทางการ!”