ตอนที่ 45 ความซื่อสัตย์ของจูล่ง
ตอนที่ 45 ความซื่อสัตย์ของจูล่ง
“จ้าวอวิ๋น?”
กองซุนจ้านขมวดคิ้วและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
เขาจำได้เลือนลางว่ามีคนแบบนี้
อย่างไรก็ตาม กองทหารม้าขาวของเขาเองก็เต็มไปด้วยคนมีความสามารถ
จ้าวอวิ๋นมีความกล้าหาญและแข็งแกร่งก็จริงในบรรดาทหารม้าขาว แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้พิเศษมากนัก!
ทหารเช่นนี้คุ้มกับคำขอของเฉิงชงหรือไม่?
เขางุนงงเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเฉิงชง
เฉิงชงเข้าใจสิ่งที่เขาลังเล ดังนั้นจึงพยายามหาเหตุผลเสริม
“พี่ปอกุ้ยคงไม่ทราบ!”
“บรรพบุรุษของข้าและจ้าวอวิ๋นนั้นรู้จักกัน ดังนั้นก่อนที่จะตาย ท่านพ่อได้บอกให้ข้าไปหาจ้าวอวิ๋น และดูแลเขาให้ดี”
“นี่เป็นความปรารถนาสุดท้ายของท่านพ่อ และข้าหวังว่าปอกุ้ยจะช่วยให้สำเร็จ!”
กองซุนจ้านพยักหน้าหลายครั้ง
“ดูเหมือนน้องอู๋ฮวยจะเป็นคนดีและยังกตัญญูอีกด้วย!”
“เนื่องจากเป็นความปรารถนาสุดท้ายของบิดาท่าน เช่นนั้นข้าย่อมต้องช่วยอย่างสุดความสามารถ!”
“ข้าจะให้จ้าวอวิ๋นมารายงานตัวเมื่อข้ากลับไป!”
เขาตกลงทันที
ในความเห็นของเขา จูล่งเป็นเพียงม้าขาวตัวหนึ่งที่มีความสามารถ แต่ไม่ใช่แม่ทัพใหญ่อะไร
การมอบให้เฉิงชงย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่
กลับกัน เขาจะได้รับความโปรดปรานจากเฉิงชง อีกทั้งม้าศึกสีขาวหลายร้อยตัว
นี่ไม่ใช่การสูญเสียเลย แต่กลับดูคุ้มค่าเกินไปด้วยซ้ำ!
“ถ้าเช่นนั้นก็ขอบคุณพี่ปอกุ้ย!”
เฉิงชงคำนับเล็กน้อยพร้อมเผยรอยยิ้มบาง ๆ ตรงมุมปาก
กองซุนจ้านไม่ได้ขาดทุน และเขาเองก็ไม่ได้ขาดทุน!
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว เฉิงชงอยากจะเห็นมันกับตาตัวเอง
ในอนาคตเมื่อจูล่งกลายเป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงระดับโลก กองซุนจ้านจะเสียใจกับการตัดสินใจนี้หรือไม่!
“เฟิ่งเซียน ท่านมีหน้าที่ส่งม้าขาวให้พี่ปอกุ้ย”
เฉิงชงสั่งอย่างไม่เป็นทางการ
ลิโป้พยักหน้าโดยไม่ลังเล
“ไม่ต้องเป็นห่วงนายท่าน! ปล่อยให้ข้าจัดการเรื่องนี้เอง!”
กองซุนจ้านเดินไปกับลิโป้ด้วยใบหน้าสดใส
ขณะมองด้านหลังของทั้งสองที่เดินจากไป เตียวเลี้ยวได้เอ่ยถาม
“นายท่าน! เหตุใดถึงขอแค่จ้าวอวิ๋นจูล่งคนนั้นโดยเฉพาะ เขามีอดีตกับท่านจริงหรือ?”
เฉิงชงยิ้มเบา ๆ
“แน่นอนว่าไม่”
“แล้วนั่นเป็นเพราะเหตุใด?”
ดวงตาของเฉิงชงเปล่งประกาย
“เวิ่นหยวน จูล่งเป็นทหารม้าที่ไม่ด้อยไปกว่าท่านและเฟิ่งเซียน ในอนาคตเขาจะมีชื่อเสียงไปทั่วโลกเหมือนพวกท่านทั้งสอง!”
เตียวเลี้ยวเกาศีรษะด้วยความสงสัยและตื่นเต้นเล็กน้อย เขาตั้งหน้าตั้งตารอการมาถึงของจูล่ง
เขาทราบดีว่าเจ้านายของตนไม่พูดล้อเล่น ทุกอย่างมักจะมีนัยแฝงอยู่อย่างน่ากลัว!
ทั้งตัวเขา ลิโป้ จิวฉอง และโกซุ่นต่างก็มีพรสวรรค์ที่โดดเด่น
ลองคิดดูแล้ว จ้าวอวิ๋นจูล่งคนนี้คงจะไม่เลวร้ายเช่นกัน!
......
การจัดการของกองซุนจ้าผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เพียงไม่นานก็แจกจ่ายเสร็จ
ม้าศึกสีขาวสี่ร้อยตัวถูกส่งไปในค่ายของกองซุนจ้าน
และม้าศึกคุณภาพสูงจำนวนเท่ากัน เงิน และจ้าวอวิ๋นถูกส่งมาในค่ายของเฉิงชง
“จ้าวอวิ๋น จ้าวจูล่งมาตามคำสั่งของท่านกองซุนจ้านเพื่อรับใช้แม่ทัพเฉิงชง!”
จ้าวอวิ๋นโค้งคำนับพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงลึกล้ำ
เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าเฉิงชง เขาค่อนข้างประหม่า
อันที่จริงเขายังงุนงงอยู่
เพราะไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้
เดิมทีเขากำลังฝึกหอกอยู่ในกองทัพ แต่กองซุนจ้านได้เรียกเขาไปที่กระโจมอย่างกะทันหัน
กองซุนจ้านแสร้งทำเป็นให้กำลังใจก่อนจะส่งตัวเขามาให้เฉิงชง
จากนี้ต่อไปเฉิงชงจะเป็นเจ้านายคนใหม่ของเรางั้นหรือ?
ญาติผู้ใหญ่ว่าอย่างไร?
พ่อของเขาไม่เคยพูดถึงว่ารู้จักกับคนตระกูลเฉิงมาก่อน!
“ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดจูล่งก็มา!”
เฉิงชงก้าวไปข้างหน้าเพื่อพยุงจูล่งขึ้นและมองเขาอย่างละเอียด
ผ้าคลุมสีขาว ชุดเกราะสีเงิน ใบหน้าหล่อเหลาและถือหอกยาว
เช่นเดียวกับในตำนานกล่าวไว้ นอกจากมีวิทยายุทธ์ที่สูงส่ง รูปลักษณ์ยังหล่ออย่างมากอีกด้วย
จูล่งกล่าวเบา ๆ
“แม่ทัพเฉิง พ่อของข้าและของท่าน...”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ เฉิงชงได้หัวเราะขึ้นดัง
“เรื่องไร้สาระพวกนั้นก็แค่ฉากที่ใช้จัดการกองซุนจ้าน!”
“เหตุผลที่ข้าขอจูล่งมาอยู่ด้วยไม่ใช่เพราะเหตุผลไร้สาระเหล่านั้นเลย”
“แท้จริงแล้วเพราะข้าเห็นความสามารถที่แท้จริงของท่าน!”
จ้าวอวิ๋นยังคงสับสนเล็กน้อย
เฉิงชงยกนิ้วของเขาไปด้านข้างและกล่าวเบา ๆ
“จูล่ง ท่านคิดอย่างไรกับกองทหารม้าเพลิงอัสนีของข้า?”
จ้าวอวิ๋นตอบอย่างไม่ลังเล
“จากมุมมองของข้า กองทหารม้าเพลิงอัสนีนั้นไม่น้อยหน้ากองทหารม้าขาวของแม่ทัพกองซุนจ้าน!”
“ในการต่อสู้กลางแม่น้ำฉวี้ก่อนหน้านี้ ทหารม้าเพลิงอัสนีไล่ตามไปในสนามรบเพื่อสังหารพวกกบฏโพกผ้าเหลืองอย่างสง่างามและทรงพลัง!”
“ข้าเฝ้ามองแต่ไกล แม้จะไม่ได้เข้าร่วม แต่ก็ปรารถนาจะทำเช่นนั้น!”
เฉิงชงพยักหน้าพร้อมกล่าว “เมื่อเป็นเช่นนี้ข้าจะให้ท่านทำหน้าที่เป็นรองแม่ทัพกองทหารม้าเพลิงอัสนีดีหรือไม่?”
จูล่งตกใจเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ดวงตาของเขาเบิกกว้างราวกับไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
ภายใต้คำสั่งของกองซุนจ้านเขาเป็นเพียงทหารม้าธรรมดา
เหตุใดจู่ ๆ ถึงกลายเป็นรองแม่ทัพของกองทหารม้าชั้นยอดได้?
นี่มันยิ่งกว่าการเลื่อนยศธรรมดาเสียอีก!
มันรวดเร็วเกินไป!
เขารีบโค้งคำนับอย่างเร่งรีบ “แม่ทัพเฉิง ข้าน้อยเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก และยังไม่มีผลงานอะไร ท่านจะให้ข้าอยู่ตำแหน่งสูงเช่นนั้นคงไม่ดี!”
“ยิ่งกว่านั้น รองแม่ทัพสำหรับกองทหารม้าเพลิงอัสนีไม่ใช่เรื่องธรรมดา มันเกี่ยวข้องกับชีวิตทหารม้าทั้งสองพันคน คงยากไปสำหรับข้าตอนนี้!”
เฉิงชงยิ้มและไม่กล่าวสิ่งใด
ด้านข้างเตียวเลี้ยวได้หัวเราะออกมาก่อนจะกล่าว
“จูล่ง เจ้าทราบหรือไม่ว่าม้าชั้นดีนั้นปรากฏตัวบ่อยครั้ง! แต่โป๋เล่อนั้นไม่ได้มีบ่อย ๆ !”
*โป๋เล่อคือชื่อเรียกของคนดูโหงวเฮ้งม้า หรือคนดูลักษณะของม้าที่เก่ง ๆ
“ตอนนี้เจ้าเป็นม้าชั้นดี และนายท่านคือโป๋เล่อ”
“สายตาของนายท่านไม่มีพลาด ในเมื่อเขาเลือกเจ้า เช่นนั้นก็แสดงว่าเจ้ามีบางอย่างที่พิเศษจริง ๆ !”
“ดูข้าสิ แต่เดิมข้าเป็นเพียงนายกองในอำเภอหม่าอี้ แต่นายท่านยังดึงข้ามามาเป็นรองแม่ทัพในสนามรบ!”
ลิโป้เองก็กล่าวเบา ๆ
“ถูกต้อง จูล่ง ถึงแม้เจ้าจะไม่เชื่อมั่นในตัวเอง แต่จงเชื่อมั่นในสายตาของนายท่าน!”
“เวิ่นหยวนเคยเป็นแค่นายกองเล็ก ๆ ข้าเองก็เป็นแม่ทัพของอำเภอจิ่วหยวนเท่านั้น”
“นอกจากนั้นยังมีโกซุ่นป้อผิงที่เคยเป็นแค่ทหารธรรมดา ตอนนี้เขาได้รับมอบหมายให้ฝึกกองทหารชั้นยอดอย่างเต็มที่ จิวฉองหยวนฟู่ที่เคยเป็นกบฏโพกผ้าเหลืองมาก่อนก็ได้เป็นองครักษ์ส่วนตัวของนายท่าน!”
“ดังนั้นพรสวรรค์ของคนที่นายท่านเล็งเห็นนั้นย่อมมีสิ่งพิเศษ และพรสวรรค์ไม่ได้จำกัดแค่รูปแบบเดียว! จูล่ง เจ้าสามารถมั่นใจได้อย่างแน่นอน!”
หลังจากได้ยินคำกล่าวของเตียวเลี้ยวและลิโป้ จ้าวอวิ๋นก็มองไปยังเฉิงชงที่กำลังเผยรอยยิ้ม
จ้าวอวิ๋นไม่มีข้อสงสัยใด ๆ ในใจอีกต่อไป
เขาเข้าใจแล้วว่าตนได้พบกับโป๋เล่อตัวจริง!
นี่คือของขวัญที่หายากที่สุดจากสวรรค์!
ในเวลานี้จ้าวอวิ๋นได้โค้งคำนับและกล่าวเสียงดัง
“เมื่อเป็นเช่นนี้ จ้าวอวิ๋นขอขอบคุณนายท่านที่ให้ความไว้วางใจ!”
“ในอนาคตต่อให้ต้องบุกภูเขาดาบและทะเลเพลิง แม้ต้องตาย ข้าก็จะฝ่ามันไปให้ได้!”