ตอนที่แล้ว471 - ร้อนแรง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป473 - หญิงงามที่สั่นสะเทือนจิตใจ

472 - พูดคุยกันอีกครั้ง


กำลังโหลดไฟล์

472 - พูดคุยกันอีกครั้ง

ไม่ไกลออกไปผู้อาวุโสหลี่ยี่ซุยของวังห้าธาตุแทบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือด

แค่เดิมพันของเขาคนเดียวก็มากมายมหาศาลแล้ว เขายังมอบต้นกำเนิดให้กับผู้คนมากมายหยิบยืมเพื่อมาเดิมพันกับเย่ฟ่านอีก นี่มันเป็นเหมือนกับการตบหน้าเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าเขาจะรู้สึกมีความสุขได้อย่างไร!?

"วันนี้พวกเรามาคุยเรื่องศิลปะต้นกำเนิดกันดีกว่า" องค์ชายเซี่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่ทันใดนั้นอันเหมียวอี้ก็เดินเข้ามาและกล่าวว่า

“เหมียวอี้ได้จัดเตรียมสุราอาหารไว้พอดี ไม่ทราบว่าน้องชายพอจะให้เกียรติร่วมรับประทานมื้อเที่ยงกับข้าได้หรือไม่?” อันเหมียวอี้ยิ้มและขัดจังหวะองค์ชายเซี่ย

นี่คือหญิงสาวที่งดงามที่สุดในดินแดนรกร้างตะวันออก รอยยิ้มของนางนั้นสร้างความลุ่มหลงให้กับผู้คนเป็นอย่างมาก และตอนนี้นางออกปากชวนเย่ฟ่านอย่างตรงไปตรงมา

เย่ฟ่านยังไม่ทันให้คำตอบ เจียงอี้เฟยในชุดขาวก็สอดแทรกเข้ามาทันที เจตนาของเขานั้นชัดเจนคือชักชวนเย่ฟ่านให้ร่วมรับประทานอาหารเที่ยงอีกคน

ในบริเวณใกล้เคียงนั้นยอดฝีมือรุ่นอาวุโสมากมายก็คิดจะชักชวนเย่ฟ่านรับประทานอาหารเช่นกัน กระบี่เล่มนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทุกคนปรารถนา แต่สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือศิลปะต้นกำเนิดของเย่ฟ่าน

การผูกมิตรกับปรมาจารย์ต้นกำเนิดสวรรค์นั้นย่อมมีประโยชน์มากกว่าการผูกมิตรกับปรมาจารย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน

หอคอยอมตะคือร้านอาหารที่มีชื่อเสียงมากที่สุด 1 ใน 8 แห่งของเมืองศักดิ์สิทธิ์ ค่าอาหารของที่นี่ 1 มื้อว่ากันว่าต้องใช้ต้นกำเนิดหลายพันจินเลยทีเดียว

เย่ฟ่านและหลี่เหอซุยปฏิเสธคนอื่นๆและไปกับองค์ชายของเซี่ยกับเหยาเยว่กงโดยให้เหตุผลว่าได้มีการตกลงกันไว้ก่อนแล้ว แน่นอนว่าแม่ชีตัวน้อยก็ไปกับพวกเขาโดยธรรมชาติ

ม่านหมอกสีขาวปกคลุมทั่วทุกแห่ง วังแห่งนี้ตั้งอยู่ในก้อนเมฆ แกะสลักด้วยอักขระสีทองทั่วทั้งอาคาร มันวิจิตรตระการตาราวกับตำหนักสวรรค์

“เมื่อเจ้าเห็นสิ่งก่อสร้างนี้แล้ว คำถามที่ว่ามีผู้อมตะในโลกหรือไม่ดูเหมือนจะไม่ใช่สิ่งที่น่าสงสัยอีกต่อไป” องค์ชายเซี่ยถอนหายใจด้วยอารมณ์

เย่ฟ่านก็ตกตะลึงไม่น้อย อาคารแห่งนี้วิจิตรงดงามอย่างยิ่ง ความศักดิ์สิทธิ์ของมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่จะถูกสร้างขึ้นมาจากผู้สูงสุด

“ว่ากันว่าด้วยความคิดเพียงครั้งเดียวของผู้อมตะพวกเขาก็สามารถเดินทางผ่านท้องฟ้าอันกว้างใหญ่นับหมื่นลี้ได้ในเวลาเพียงเสี้ยวลมหายใจ ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่แบบนั้นจะดีแค่ไหนกันนะ” องค์ชายเซี่ยยังคงรำพึงอยู่คนเดียว

หลี่เหอซุยยิ้มและพูดว่า: "ทุกสิ่งที่นี่เป็นของตระกูลจินแห่งที่ราบทางเหนือ พี่เยว่กง เจ้ากลัวที่จะเกิดเรื่องที่นี่หรือไม่"

“ข้ามาที่นี่ในฐานะลูกค้า หากพวกเขาไม่กลัวจะทุบทำลายป้ายยี่ห้อของตัวเองพวกเขาสามารถทำได้อย่างเต็มที่”

ความแข็งแกร่งของเหยาเยว่กงนั้นยอดเยี่ยมมาก แม้แต่ในรุ่นเดียวกันก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถต่อสู้กับเขา ไม่นานมานี้ลูกหลานของตระกูลจินมากมายถูกเขาสังหาร แต่เขาก็ยังกล้ามาที่ร้านอาหารแห่งนี้

"ขอต้อนรับผู้มีอุปการะคุณทุกท่าน"

เด็กสาวทั้งสิบหกคนทักทายพวกเขาอย่างอ่อนน้อม พวกนางมีความงดงามและมีระดับบ่มเพาะอยู่ในอาณาจักรตำหนักเต๋า

การที่สามารถทำให้ผู้ที่มีพรสวรรค์ขนาดนี้มาเป็นสาวใช้ได้ นั่นแสดงให้เห็นถึงความมั่งคั่งของตระกูลจินแล้ว

“ประตูสวรรค์ทิศใต้?”

การแสดงออกของเย่ฟ่านเปลี่ยนไป อักขระที่ถูกสลักอยู่ด้านหน้าทางเข้านั้นเป็นตัวอักษรโบราณที่ถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในเผ่าพันธุ์อสูรเมื่อหลายปีก่อน

“สิ่งนี้สร้างขึ้นตามรูปแบบของศาลสวรรค์โบราณในตำนาน” องค์ชายเซี่ยแนะนำอย่างเป็นกันเอง เห็นได้ชัดว่าเขามาที่นี่บ่อยครั้ง

“ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินสิ่งที่เรียกว่าศาลสวรรค์โบราณ” เย่ฟ่านถาม

"เมื่อหลายหมื่นปีที่แล้วจักรพรรดิครามมีดำริต้องการสร้างศาลสวรรค์ รูปแบบที่เขาคิดค้นขึ้นนั้นแพร่หลายไปทั่วดินแดนรกร้างตะวันออก

น่าเสียดายที่เขาตายไปก่อนเขาจึงไม่สามารถสร้างมันได้สำเร็จ และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ยืนยันได้ว่าตระกูลจินเป็นเผ่าพันธุ์อสูรอย่างแน่นอน"

เหยาเยว่กงอธิบาย จักรพรรดิครามผู้ยิ่งใหญ่คือบรรพบุรุษของวังอสูรสวรรค์ เอี๋ยนหรูหยูก็คือทายาทโดยตรงของเขานั่นเอง

“แล้วศาลสวรรค์มีหน้าที่อะไร ใช้ตัดสินความผิดของผู้คนในดินแดนรกร้างตะวันออก?” เย่ฟ่านรู้สึกสงสัย

“ไม่มีผู้ใดทราบ ทุกคนรู้เพียงรูปแบบอาคารที่จักรพรรดิครามคิดค้นขึ้นมาเท่านั้น” องค์ชายเซี่ยส่ายหัว

เมื่อผ่านประตูสวรรค์ทิศใต้พวกเขาก็เห็นลานด้านในที่ถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วนตามฤดูกาล

“ที่นี่…”

เย่ฟ่านประหลาดใจมาก ลานทั้ง 4 แห่งนั้นกว้างใหญ่ มิหนำซ้ำยังดูเหมือนจะมีอุณหภูมิที่ตรงตามฤดูกาลอีกด้วย มิน่าเล่าสถานที่แห่งนี้จึงสามารถดูดต้นกำเนิดของผู้คนได้มากมาย

เหยาเยว่กงกล่าวว่า “แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะเทียบไม่ได้กับโลกใบเล็กๆที่ถูกสร้างขึ้นโดยปราชญ์โบราณ แต่นี่ก็ถือว่ายิ่งใหญ่มากแล้วเมื่อมันสามารถตกทอดมาจนถึงปัจจุบันได้”

กลุ่มเด็กผู้หญิงข้างๆหัวเราะเบาๆโดยไม่ได้รู้สึกขุ่นเคืองใจที่ถูกเหยาเยว่กงกล่าวหา หนึ่งในพวกนางกระซิบเบาๆว่า

"ท่านผู้มีอุปการะคุณเชิญเลือกสถานที่"

ในที่สุดเย่ฟ่านก็เลือกฉากฤดูหนาว ตั้งแต่มาที่โลกนี้เขายังไม่เคยเห็นฤดูหิมะตกเลย

เมื่อเข้ามาข้างในลมหนาวก็พัดมาที่ใบหน้า วังนี้ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะที่ขาวโพลนดั่งขนห่าน พวกเขายืนอยู่ในสวนบ๊วยขนาดใหญ่ในขณะที่ศีรษะของพวกเขาแทบจะถูกปกคลุมด้วยหิมะไปแล้ว

กลิ่นหอมของสุราอาหารที่นี่ฟุ้งกระจาย ใต้ต้นบ๊วยขนาดใหญ่มีศาลาเล็กๆแห่งหนึ่ง พวกเขาเดินเข้าไปข้างในเพื่อดื่มสุราและชมดูดอกบ๊วยไปด้วย

หลังจากที่สุราผ่านไปหลายรอบ แม่ชีตัวน้อยก็ใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาของนางสดใสราวกับดวงดาวเต็มไปด้วยความตื่นเต้นอย่างยิ่ง

“องค์หญิง เจ้าเป็นสาวกของพุทธะเจ้าจะดื่มสุราได้อย่างไร” เย่ฟ่านเหน็บ

แม่ชีตัวน้อยย่นจมูกที่บอบบางด้วยความไม่พอใจและพึมพำเสียงต่ำว่า

"ข้าเป็นฆราวาสไม่ใช่นักบวช"

เหยาเยว่กงมีความสนใจในประเด็นนี้เขาจึงกล่าวว่า

“ข้าได้ยินมาว่าพุทธศาสนามีความสามารถอันศักดิ์สิทธิ์ทุกรูปแบบ นั่นล้วนเป็นศิลปะลี้ลับของโลก แต่พวกเราแทบจะไม่เคยได้เห็นมาก่อน”

เย่ฟ่านก็ต้องการได้ยินข่าวศากยมุนีแต่องค์ชายเซี่ยและแม่ชีน้อยที่ดูเหมือนจะเมาเล็กน้อยยังคงไม่กล่าวถึงเรื่องนี้

“ไม่ทราบว่าพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้มีนามว่าอะไร หากไม่ถือว่าละลาบละล้วงเกินไป เจ้าพอจะบอกชื่อของพระพุทธเจ้าคนก่อนได้หรือไม่?” เย่ฟ่านขอให้หลี่เหอซุยถามประโยคนี้แทนเขา

“พระพุทธเจ้ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นไม่มีชื่ออื่น” แม่ชีชุดขาวตัวน้อยกล่าวอย่างตื่นตัว

"พระพุทธเจ้านั้นใช่ศากยมุนีหรือไม่" เย่ฟ่านถามอย่างไม่ใส่ใจ

แม่ชีชุดขาวดูตกใจเป็นอย่างมาก ดวงตาของนางจับจ้องไปยังจอกสุราโดยไม่กล้าพูดอะไรอีก องค์ชายเซี่ยดูเคร่งขรึมและถอนหายใจกล่าวว่า

“อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลย นี่คือข้อห้ามในทะเลทรายตะวันตก นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าต้องการรู้เท่านั้นพวกเราก็ต้องการเช่นกัน ตอนนี้ไม่มีพระพุทธเจ้าอีกแล้ว”

"ทำไมเจ้าพูดแบบนั้น?" เย่ฟ่านถามด้วยความสงสัย

“ว่ากันว่าพระองค์ปรินิพพานไปแล้ว” หลังจากพูดเช่นนี้องค์ชายของเซี่ยก็ส่ายหัวช้าๆ แม้แต่เขาก็ไม่เชื่อเช่นนั้น

“พี่เซี่ยนี่เป็นความผิดของเจ้า” หลี่เหอซุยหยิบจอกสุราขึ้นมาดื่มเองแล้วพูดว่า: "เมื่อพูดถึงประเด็นนี้ขึ้นมามันกระตุ้นความสนใจของพวกเรา เหตุไฉนเจ้าจึงไม่เล่าต่อ"

องค์ชายของเซี่ยเรียกว่าเซี่ยอี้หมิง และแม่ชีชุดขาวตัวเล็กๆเรียกว่าเซี่ยอี้หลิน หลังจากที่รู้จักกันพวกเขาก็มีความสนิทสนมกันขึ้นเล็กน้อย

“แม้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นที่สักการะของโลก แต่ว่ากันว่าคนผู้นี้ไม่ใช่พระพุทธเจ้าเป็นเพียงผู้แอบอ้างเท่านั้น” องค์ชายเซี่ยอี้หมิงหยุดอยู่เพียงเท่านี้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่กล่าวเพิ่มเติม

เหยาเยว่กงกล่าวว่า “พี่เซี่ยท่านจะทำให้พวกเราอยากแล้วจากไปได้อย่างไร โปรดช่วยไขความกระจ่างให้พวกเราด้วย?”

“นี่เป็นความลับที่ข้าแอบได้ยินมา ข้าขอเตือนพวกเจ้าว่าอย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก ไม่เช่นนั้นจะมีหายนะร้ายแรงเกิดขึ้นกับพวกเจ้า” เซี่ยอี้หมิงมีสีหน้าซีดขาวเมื่อกล่าวถึงประโยคนี้

“ความลับอะไร ใครเล่าจะฆ่าเรา” เย่ฟ่านถาม

“หยุดพูดเรื่องนี้เถอะ มันไม่มีประโยชน์อะไรจริงๆ” องค์ชายเซี่ยอี้หมิงส่ายหัวอย่างหนักแน่น

"พี่เซี่ยยิ่งท่านพูดเช่นนี้พวกเรายิ่งอยากรู้มากขึ้นไปอีก?" เหยาเยว่กงงงงวย

“แม้ว่าพวกเราจะเลื่อมใสในพุทธศาสนา แต่พวกเราไม่สามารถยอมรับได้ว่าตัวเองนัเป็นสาวกของความเชื่อนี้” เซี่ยอี้หมิงลืมตาขึ้นและมองไปรอบๆอย่างระมัดระวังก่อนจะกล่าวว่า

"เขาพระสุเมรุไม่ใช่สถานที่ธรรมดา เมื่อพวกเจ้ามีความแข็งแกร่งมากกว่านี้บางทีข้าอาจจะเล่าบางอย่างให้พวกเจ้าฟังได้"

เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของเขาทุกคนจึงไม่อยากทำลายความสัมพันธ์โดยการซักไซ้ไล่เลียงเพิ่มเติมให้ลงลึกในรายละเอียด

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด