ตอนที่แล้วบทที่ 133 การรวมตัวของเหล่าวายร้าย2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 135 เริ่มต้นการประลอง 2

บทที่ 134 เริ่มต้นการประลอง 1


กำลังโหลดไฟล์

“นั้นพี่ชายหนิงพวกเราเป็นคู่แรก ช่างโชคดีอะไรเช่นนี้ การลงประลองเป็นคู่แรกมันหมายถึงว่าพวกเราจะได้มีเวลาพักมากที่สุด”จินเหล่าต้ากล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม

หนิงเทียนส่ายหน้า“เห๊อ? เจ้าไปมีบุญคุณอะไรกับตระกูลมู่ พวกมันถึงให้โอกาสดีๆเช่นนี้แก่เรา เห็นได้ชัดว่ามันมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างแน่นอน

และถ้าเป็นอย่างที่ข้าคิดไว้ละก็ เจ้าได้ยืดเส้นยืดสายจนสาแก่ใจแน่ ไปเถอะมันเรียกพวกเราแล้ว”

สิ้นคำกล่าวหนิงเทียนลุกยืนจากเก้าอี้ จากนั้นมันกล่าวทิ้งท้ายด้วยรอยยิ้มแก่หลวนคุน

“ผู้อาวุโสหลวน ข้าสามารถเดิมพันฝ่ายตัวเองได้หรือไม่??”

“ฮ่า ฮาๆ แน่นอนว่าไม่” หลวนคุนหัวเราะพร้อมกล่าวตอบ ไม่มีทางที่มันจะยินยอมให้หนิงเทียนเดิมพันข้างตัวเองเด็ดขาด เพราะในครั้งนี้ ม้าที่จะทำเงินให้แก่มันได้มากที่สุดก็คือม้าที่ติดป้ายชื่อตระกูลซือหม่านั้นเอง

“ไป” เสียงดังออกมาจากที่นั่งของตระกูลจ้าว พร้อมการขยับตัวของบุคคลทั้งสาม จ้าวหลี่หง จ้าวเทียนไห่ และบุรุษหน้าหยกอีกผู้หนึ่งกำลังก้าวเดินขึ้นมาบนเวที

ใบหน้าของพวกมันทั้งสามนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ ตระกูลซือหม่านั้นแม้จะแสดงความร่ำรวยออกมาครั้งงานประมูลคราวก่อน

แต่พวกมันก็ไม่ได้มีพละกำลังอะไรที่จะมาเทียบเท่ากับตระกูลจ้าว ตระกูลที่คงอยู่คู่เมืองฉางผิงมาตลอดหลายร้อยปี

“ตระกูลจ้าวแข็งแกร่งที่สุด”

“ตระกูลจ้าวเป็นที่หนึ่ง”

“ผู้นำหลี่หง ฆ่าเจ้าพวกตระกูลชั้นต่ำให้หมดสิ้น ฆ่ามันนนน!!!” เสียงโห่ร้องของผู้คนในตระกูลจ้าวดังขึ้นมาอย่างหนาหู

ภายในที่นั่งของราชวงศ์ไห่ แห่งเมืองไห่หนาน

“เจ้าคิดว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะ?”บุรุษในชุดคลุมสีทองกล่าวออกแก่นักรบที่ยืนอยู่ข้างกาย

“เรียนท่านอ๋อง ข้าคิดว่าตระกูลของเด็กหนุ่มคนนั้นน่าจะเป็นฝ่ายชนะ จ้าวหลี่หงแม้จะแข็งแกร่งแต่มันไม่สามารถเทียบได้กับพยัคฆ์แดงจั่วจิงหนาน มันเป็นคนที่พวกเราต้องระวังไว้ให้ดี” ทหารในชุดเกราะสีดำกล่าวตอบออกไป

“พระบิดาเหตุใดเราต้องไปสนใจการต่อสู้ของพวกอ่อนแอด้วย ผู้ที่เราควรจะให้ความสนใจคือนิกายหอกโลหิตมากกว่าใช่หรือ” บุรุษหนุ่มผู้มีใบหน้าคมคายกล่าวออก

“เทียนตี้ในเรื่องนี้เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป พ่อมีวิธีรับมือกับ ถงจื่อโหยว”

“พระบิดา ลูกไม่ได้เป็นกังวลอันใด ลูกมั่นใจในตัวพระบิดาและแม่ทัพหวงอยู่แล้ว”บุรุษหนุ่มที่กำลังกล่าวอยู่นี้คือไห่เทียนตี้ บุตรชายคนเดียวของเจ้าเมืองไห่หนาน

...

ขณะเดียวกันฮันซินที่ยืนอยู่บนเวทีประลองมองไปยังหนิงเทียนด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว มันกล่าวย้ำออกอย่างหงุดหงิด

“เจ้าหนุ่ม เหตุใดถึงไม่เรียกคนติดตามของเจ้าขึ้นมาสักที ถ้าเจ้ายังชักช้าอยู่ข้าจะปรับให้เจ้าเป็นฝ่ายแพ้ทันที”สิ้นคำกล่าวฮันซินมันปลายสายตามองไปยังจั่วจิงหนานด้วยความหงุดหงิด

“เจ้าตาถั่วหรือไง ไม่เห็นหรือว่าพวกข้าขึ้นมาครบทั้งสามคนแล้ว” จินเหล่าต้าเปิดปากออกมาอย่างไม่เกรงกลัว

ด้วยคำพูดของจินเหล่าต้านั้นสร้างความตกตะลึงในแก่ทุกคนเป็นอย่างมาก พวกมันทุกคนล้วนคิดว่า พยัคฆ์แดงจั่วจิงหนาน คือไพ่ตายที่ตระกูลซือหม่าจะใช้มันในวันนี้

แต่แล้วพวกมันกลับคิดผิด ตระกูลซือหม่ากลับเลือกที่จะใช้เด็กหนุ่มและเด็กสาวที่มีอายุรวมกันสามคนไม่ถึง50ปีด้วยซ้ำในการเข้าร่วมประลองแบบกลุ่ม

“เจ้าเด็กนั้นบ้าไปแล้ว มันต้องสติไม่ดีแน่นอนที่ให้พยัคฆ์แดงเป็นเพียงผู้ชม”

“น่าผิดหวังจริงๆ ข้าคิดว่าจะได้เห็นการต่อสู้ของหัวหน้ากลุ่มสามอสูรที่เคยสร้างชื่อในอดีตเสียอีก”

“ฮ่าๆๆ เจ้าเด็กหนิงเทียนนั้นคิดว่านี้เป็นการประลองของผู้เยาว์หรืออย่างไร ช่างโง่เง่ายิ่งนัก” ฮุยเหยียนฟางกล่าวออกมาเสียงดัง

“เด็กหนุ่มผู้นี้น่ะหรือที่สามารถประมูลคฤหาสน์ซื่อจิ้งได้ ดูๆไปมันก็ไม่ได้มีสมองสักเท่าไรเลย”นักพรตเต๋าแห่งหมู่ตึกลมดำกล่าวออกมา

หลวนคุนได้ยินเช่นนั้นมันแสยะยิ้มและส่งเสียงออกด้วยลมปราณ“ทุกๆท่านสำหรับการประลองในทุกรอบ สมาคมการค้าจ้าวสมุทรเราจะเปิดให้เดิมพันเสี่ยงโชค

โดยคู่แรกท่านที่สนใจจะร่วมเดิมพันสามารถวางเงินเดิมพันได้ที่โต๊ะทางทิศเหนือและใต้โดยอัตราต่อรองของทั้งสองตระกูล คือ1ต่อ1เท่านั้น”

"หนึ่งต่อหนึ่งหรือ ข้าคิดว่าการวางเดิมพันฝ่ายตระกูลจ้าวจะได้รับผลตอบแทนน้อยกว่านี้เสียอีก ดีล่ะพวกเราไปเดิมพันกันเถอะ"

ได้ยินเช่นนั้นหนิงเทียนอดที่จะส่ายหน้าไม่ได้ "หลวนคุนผู้นี้กล้าที่จะใช้ข้าเป็นม้าในการหาเงินเข้าสมาคม ช่างเจ้าเล่ห์จริงๆ"

จากนั้นตัวมันได้ยืนมือไปแตะที่ไหล่ของเสี่ยวซวงและเดินลงจากเวทีไปรอที่ด้านล่าง ทิ้งไว้เพียงแต่จินเหล่าต้าที่กำลังยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางเวที

“แดนแห่งปราชญ์ขั้น4 น่าขันจริงๆ แม้เจ้าเด็กนี้จะเป็นอัจฉริยะแต่เวลาของมันยังน้อยเกินไป จ้าวหมิงเจี่ยข้ามอบเจ้าเด็กตระกูลจินให้เจ้า

ด้วยระดับความต่างของพลังถึงสี่ขั้น หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง”จ้าวหลี่หงกล่าวออกแก่บุรุษที่ยืนด้านข้างพร้อมกับเดินลงไป

บัดนี้บนเวทีประลองเหลือกันอยู่เพียงสามคน นั้นก็คือฮันซินผู้เป็นกรรมการ จ้าวหมิงเจี่ยตัวแทนตระกูลเจ้า และจินเหล่าต้า ตัวแทนตระกูลซือหม่า

“เริ่มประลองได้”

สิ้นเสียงของฮันซิน จ้าวหมิงเจี่ยสะบัดมือเรียกดาบของมันออกมา ใบหน้าของจ้าวหมิงเจี่ยนั้นเต็มไปด้วยความหยิ่งยโส “เสเพลอันดับหนึ่ง อัจฉริยะอันดับสองของฉางผิง จินเหล่าต้าหรือ?”

“ใช่แล้วเป็นข้าเอง จ้าวหมิงเจี่ย…ข้าเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว วันนี้ถ้าได้เตะก้นเจ้าลงไปจากเวที ชื่อเสียงของข้าจะต้องดังกระฉ่อนอย่างแน่นอน”จินเหล่าต้ากล่าวออกพร้อมโบกแขนเสื้อเรียกปลอกแขนตัดอากาศออกมาสวมใส

“ถ้าเจ้ามีปัญญาละน่ะ”สิ้นเสียงของจ้าวหมิงเจี่ย ดาบของมันลอยออกจากมือและพุ่งออกเป็นแนวตรง

จินเหล่าต้าคว้าไปที่ปลายดาบก่อนจะย่อตัวลง แม้ระดับพลังของพวกมันจะต่างกันถึงสี่ขั้นแต่จินเหล่าต้าหาได้เกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย ด้วยปลอกแขนตัดอากาศอาวุธลมปราณในระดับวีรชน

ทำให้จินเหล่าต้าสามารถตั้งรับดาบของจ้าวหมิงเจี่ยได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

“จินเหล่าต้า เจ้าคิดจริงๆหรือว่าปลอกแขนตัดอากาศจะสามารถช่วยให้เจ้าชนะข้าได้ ตอนนี้ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นถึงพลังของลมปราณเบญจมาศม่วง”

จ้าวหมิงเจี่ยบังคับฝ่ามือ มันใช้ออกด้วยลมปราณเบญจมาศม่วงในการดึงดาบของมันกลับคืนมา จากนั้นมันพุ่งร่างตรงไปพร้อมกับฟันดาบไปยังใบหน้าของจินเหล่าต้าอย่างรวดเร็ว

“วูบบบ!!!” เสียงดาบที่พุ่งตัดอากาศดังออกมาอย่างน่าหวาดกลัวพร้อมกันนั้นร่างของจินเหล่าต้าหายวูบไปจากสนามประลองราวกับมันไม่เคยมีตัวตนมาก่อน

“หะ...หายไปไหนแล้ว”

“พะ...พวกเจ้ารู้กันหรือไม่ ท่าเท้าอันใดที่นายน้อยจินใช้ออก เหตุใดมันถึงรวดเร็วเช่นนี้” เสียงของผู้ชมดังขึ้นอย่างตื่นตระหนกเมื่อเห็นจินเหล่าต้าหายตัวไป

หนิงเทียนส่ายหัว ก่อนจะบ่นออกมา “เจ้าเด็กนั้นไม่แม้แต่จะพยามต่อสู้ด้วยกำลังของตัวเอง”

การหายไปของจินเหล่าต้านั้นสร้างความงุนงงให้แก่ผู้ชมเป็นอย่างมาก ฮันซินที่ทำหน้าที่เป็นกรรมการเองก็ได้แต่หรี่ตาแคบลง แต่นั้นก็เป็นเพียงเสี้ยวลมหายใจเท่านั้น จากนั้นมุมปากของมันยกยิ้มขึ้นราวกับว่ากำลังกั้นหัวเราะออกมา

“หายไปไหน มันหายไปไหน” จ้าวหมิงเจี่ยกล่าวออกพร้อมกับหันซ้ายหันขวาและหมุนตัวไปรอบ มันก็ไม่พบตัวจินเหล่าต้าแม้แต่เงา

“หมิงเจี่ย จิตสัมผัส ใช้จิตสัมผัสค้นหาร่างของมัน เจ้าเด็กนั้นไม่ได้....” ยังไม่ทันที่จ้าวหลี่หงจะได้กล่าวเตือนคนของมันจนสิ้นความ

เสียงของจินเหล่าต้าได้ดังขึ้นมา “สายไปแล้วละ” สิ้นเสียงนั้นปลอกแขนตัดอากาศที่ถูกเสริมส่งด้วยทักษะจิตอัคคี พุ่งเข้าซัดไปยังกลางหลังของจ้าวหมิงเจี่ย

แม้การโจมตีของจินเหล่าต้าที่อยู่ในระดับต่ำกว่าถึงสี่ขั้นจะไม่ได้ทำให้จ้าวหมิงเจี่ยบาดเจ็บสาหัสก็ตาม แต่ด้วยการโจมตีในขณะที่จิตใจของจ้าวหมิงเจี่ยกำลังสับสนนับว่าได้ผลเป็นอย่างดี

ร่างของมันถูกปลอกแขนตัดอากาศส่งให้ลอยออกมานอกเวที

ถ้านี้เป็นการต่อสู้เป็นตายแน่นอนว่าจ้าวหมิงเจี่ยจะไม่มีทางแพ้ แต่ด้วยกฎที่ถูกกำหนดว่าผู้ใดออกนอกเวทีจะเป็นฝ่ายแพ้ จึงทำให้จินเหล่าต้าเอาชนะไปได้อย่างสวยงาม

"เฮ้ เฮ้" เสียงของผู้ชมที่เลือกเดิมพันข้างนายน้อยแห่งหมู่ตึกตระกูลจินดังขึ้น

“ในคู่แรกจินเหล่าต้าเป็นฝ่ายชนะจ้าวหมิงเจี่ย ตระกูลซือหม่านำไปก่อนหนึ่งแต้ม”ฮันซินประกาศออกเสียงดังจากนั้นมันหันไปกล่าวออกแก่หนิงเทียน

“ตระกูลซือหม่าสามารถเปลี่ยนตัวผู้ประลองได้และไม่ต้องห่วงคุณชายจินจะยังไม่เสียสิทธิ์ในการลงประลอง”

หนิงเทียนกล่าวตอบอย่างเย็นชา“ไม่จำเป็น จินเหล่าต้าเจ้าสู้ต่อไป”

จินเหล่าต้าได้ยินเช่นนั้นมันระบายลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่จากนั้นมันบ่นพึมพำกับตัวเอง

“เฮ้อออ พี่ชายหนิงท่านช่างโหดร้ายจริงๆ ตระกูลจ้าวนั้นเหลือจ้าวเทียนไห่และจ้าวหลี่หงสองคน พวกมันทั้งคู่ล้วนอยู่ในแดนวีรชนแล้วข้าที่เป็นเพียงปราชญ์ขั้นกลางจะเอาอะไรไปสู้กับพวกมันได้ละ”

ด้วยคำกล่าวของหนิงเทียนนั้น สร้างความประหลาดใจให้แก่คนอื่นๆเป็นอย่างยิ่ง

“เจ้าเด็กนี้เป็นบ้าไปแล้ว แดนแห่งปราชญ์จะสามารถเอาชนะผู้ฝึกตนในดินแดนวีรชนได้อย่างไรกัน” ฮุยเหยียนฟางกล่าวออกมาเสียงดัง และคนส่วนใหญ่ก็พยักหน้าเห็นด้วยให้คำกล่าวของมัน

การประลองรอบแรกในคู่ที่สอง จินเหล่าต้า จากตระกูลซือหม่าพบกับ ตระกูลจ้าว จ้าวเทียนไห่

ในการต่อสู้ครั้งนี้ใครๆก็ลงความเห็นว่า จินเหล่าต้านั้นไม่สามารถที่จะยืนต่อหน้าจ้าวเทียนไห่ได้ถึงร้อยลมหายใจอย่างแน่นอนเพราะการต่อสู้รอบนี้มันเป็นการต่อสู้ข้ามรุ่น อายุของพวกมันทั้งสองนั้นห่างกันเกือบถึงหนึ่งร้อยปี

“นายน้อยจินข้าจะให้โอกาสท่านเดินลงไปอย่างไม่เจ็บตัวเพื่อเป็นการไว้ไมตรีต่อหมู่ตึกตระกูลจิน เชิญ”จ้าวเทียนไห่กล่าวออกด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

ที่มันกล่าวออกเช่นนี้ไม่ใช่ว่ามันมีมารยาทอันดีหรืออย่างไรแต่เป็นเพราะการต่อสู้กับผู้เยาว์คนหนึ่งนับว่าเป็นการเสื่อมเสียเกรียติของตัวเองเป็นอย่างมาก

“เห็นทีข้าจะทำอย่างที่ท่านอาต้องการไม่ได้ ลงมือเถอะ”สิ้นเสียงของจินเหล่าต้า มันหายวับไปในทันที ร่างของมันหายไปจากมโนภาพของทุกคนโดยรอบเหมือนเช่นการต่อสู้กับจ้าวหมิงเจี่ยในรอบที่แล้ว

“คุณชายจินอย่าคิดใช้ลูกไม้ตื้นๆกับข้า” สิ้นคำกล่าวจ้าวเทียนไห่โคจรพลังปราณออกมา ภาพด้านหลังของมันค่อยๆปรากฏเป็นรูปกลีบดอกเบญจมาศส่องแสงสีม่วง

จากนั้นจ้าวเทียนไห่เพียงแค่สะบัดมือช้าๆ ทันใดนั้นเองกลีบของเบญจมาศได้ร่วงหลุดออกมาและพุ่งตรงไปยังพื้นที่ว่างเปล่า

“แย่แล้ว!!?? ข้านึกว่าเสื้อคลุมที่ประดิษฐ์ด้วยอาคมล่องหนจะสามารถใช้ประโยชน์ได้มากกว่านี้เสียอีก”จินเหล่าต้ากล่าวจบมันกัดฟันแน่นพร้อมยกปลอกแขนตัดอากาศขึ้นมาป้องกัน

ปัง!!!! ทันทีที่มันสัมผัสได้ถึงพลังปราณเบญจมาศม่วง ร่างของจินเหล่าต้ากระเด็นออกไปถึงแปดเก้า มันไปหยุดร่างอยู่ที่ขอบเวทีพอดี

ถ้าไม่เป็นเพราะความแข็งแกร่งของอาวุธลมปราณระดับวีรชนเกรงร่างของจินเหล่าต้าคงจะลอยออกไปนอกเวทีแล้ว เพียงแค่การสะบัดมือครั้งเดียวก็เกือบที่จะตัดสินผลแพ้ชนะได้แล้ว ความแต่งต่างของพวกมันห่างไกลกันเกินไป

เพียงแค่การปะทะกันครั้งเดียว จินเหล่าต้าก็รับรู้ถึงความอันตรายที่มันกำลังจะพบเจอได้อย่างเต็มอก

“แย่แน่ๆ” ไม่มีเวลาให้มันได้คิดมากนัก จ้าวเทียนไห่ก้าวเข้ามาใกล้ ทั่วทั้งร่างของมันปกคลุมด้วยพลังปราณสีม่วง จากนั้นมันซัดฝ่ามือใส่จินเหล่าต้าอีกครั้ง

เมื่อคำนวณจากระดับพลังของมันและจ้าวเทียนไห่แล้ว จินเหล่าต้าไม่สามารถที่จะป้องกันฝ่ามือนั้นได้เลย หัตถ์เบญจมาศม่วงของจ้าวเทียนไห่นั้นรวดเร็วและไกลเกินกว่าการคาดเดาของจินเหล่าต้าไปมากนัก

มันจึงไม่ลังเลที่จะกลิ้งตัวลงกับพื้นเพื่อม้วนหลบฝ่ามือที่พุ่งเข้ามา

“ปัง!!!!” ฝ่ามือของจ้าวเทียนไห่ซัดเข้าไปยังจุดที่จินเหล้าต้าเคยยืน ความแข็งแกร่งอันมหาศาลของฝ่ามือทำให้เกิดรอยร้าวทรุดลงไปในพื้นเวที

“ถ้าคิดว่าหนีได้เจ้าก็จงหนีไป” ขณะที่มันกำลังพุ่งตัวตามไปนั้น เปลวไฟสีแดงสามจุดได้พุ่งตรงมาที่มัน “เจ้าเด็กน้อยกล้าที่จะโจมตีใส่ข้า”จ้าวเทียนไห่ส่งเสียงขึ้นจมูกด้วยความโมโห

มันเพียงแค่สะบัดแขนเสื้อลมปราณสีม่วงกระจายออกไปปกคลุมเปลวไฟสีแดงจนมอดดับลง พร้อมๆกันนั้นเท้าของจ้าวเทียนไห่เตะออกไปยังหน้าอกของจินเหล่าต้า

ความแข็งแกร่งของพวกมันต่างกันมากพอที่จะทำให้จินเหล่าต้าสลบด้วยแรงเตะครั้งนี้

ร่างของจินเหล่าต้ากระเด็นออกมันพยามที่จะฝืนกลืนโลหิตที่กำลังพุ่งขึ้นสู่ลำคอกลับคืนไป ปลอกแขนตัดอากาศถูกใช้กีดไปยังข้อแขนของตัวเองเพื่อดึงสติไม่ให้หลับไป

จากนั้นมันใช้สองขาครูดครืดไปกับพื้นเพื่อไม่ให้ร่างของตัวเองลอยตกไปนอกเวที

“ไอ้แก่ ไม่ละอายบ้างหรือไรที่รังแกเด็กอย่างข้า”จินเหล่าต้าสบถออกด้วยความโกรธ พร้อมกันนั้นมันโบกสะบัดแขนเสื้อ นำเตาโอสถเทพแมงป่องออกมาจากแหวนมิติ ทันทีที่เตาโอสถนั้นปรากฏมันส่งกลิ่นเหม็นของตัวยาคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ

“อาวุธลมปราณระดับวีรชน ถึงสองชิ้น นายน้อยจินช่างเป็นผู้ร่ำรวยจริงๆ”จ้าวเทียนไห่กล่าวล้อเลียนด้วยรอยยิ้ม แม้มันจะเห็นจินเหล่าต้างัดอาวุธในระดับวีรชนออกมาถึงสองชิ้น สีหน้าของมันก็ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย

ทันใดนั้นจินเหล่าต้าเร่งพลังปราณของมันออกมาและส่งผ่านไปยังเตาโอสถเทพแมงป่องลูกไฟนับสิบลูกถูกยิงออกมาจากปากของเตาโอสถ จุดหมายของเปลวไฟนั้นมีเพียงแต่ร่างของจ้าวเทียนไห่เท่านั้น

ปัง! ปัง!! ปังง ปัง!! ปังงงง... ร่างของจ้าวเทียนไห่ถูกระดมยิงด้วยเปลวไฟนับสิบๆลูก การโจมตีครั้งนี้ของจินเหล่าต้า มันใช้ทักษะจิตวิญญาณอัคคีของตระกูลผสมผสานกับอาวุธในระดับวีรชนได้ลงตัวจนน่าหวาดกลัว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด