ตอนที่แล้วจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 458
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 460

จอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ บทที่ 459


บทที่ 459: ขอให้เจ้าสมปราถนา

ก็ท่านขายให้ข้า!

เมื่อได้ยินประโยคนี้ นักวิศวกรรมก็อบลินก็ได้น้ำตาแตกในทันที เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ตลอดเวลา เพราะมันคือสาเหตุที่เขาได้สูญเสียสูตรการสร้างระเบิดไป!

เขามีโอกาสที่จะกลายเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและจะได้กลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในหมู่ก็อบลิน เขากำลังจะร่ำรวยแล้ว ...

แต่เขากลับขายสิ่งที่จะให้เขาได้เป็นอย่างนั้นแค่ 3 เหรียญทอง

"ท่านขายให้ข้าไป 3 เหรียญทอง" ลูหลี่ได้พูดย้ำอีกครั้ง เขาไม่รู้เลยว่า คำๆนี้เสียดแทงใจของอะคาเร่ผู้น่าสงสารไปมากเสียแค่ไหน

บอสนักวิศวกรรมก็อบลินระดับ 60 จ้องมองไปที่เขาอย่างหน้ามืด ไม่มีใครที่ช่วยเขาเลย แม้แต่ยามที่ปกติจะเป็นมิตรกับเขา ตอนนี้ก็ยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

พวกเขาคงเห็นว่าผู้เล่นพวกนี้ไม่ได้มาโจมตีเมืองหวาย แค่มาจัดการปัญหาส่วนตัวกระมั้ง

ในฐานะผู้พิทักษ์เมืองแล้ว มันเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้

สำหรับเผ่าที่แปลกประหลาดอย่างก็อบลินแล้ว มิตรแท้ก็คือถุงเงิน ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ที่เรื่องทั้งหมดจะลงเอยเป็นแบบนี้

ลูหลี่รู้ดีว่าตอนนี้เขานั้นปลอดภัยแล้ว เขาไม่ต้องห่วงเรื่อง NPC ในเมืองหวายอีกต่อไป เพราะเขาได้นำกลุ่มคนมาขู่และยังติดสินบนก็อบลิน NPC อีกด้วย

มีคนตั้งมากมายอยู่ที่นี้ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าข้าถูกทำร้ายกัน? มันจะน่ากลัวขนาดไหนกันนะ

แต่หากข้าได้เงินหนึ่งเหรียญทองจากพวกผู้เล่นพวกนี้แต่ละคน ข้าก็จะรวย!

สำหรับอะคาเร่แล้ว ในตอนนี้ เขาได้เข้าใจแล้วว่าลูหลี่มาที่ร้านเขาทำไม ลูหลี่ได้เอาระเบิดฟูลบอมมาให้เขาสองลูกและยังให้สูตรกลับคืนมาให้เขาอีก แต่เขาไม่ได้สนใจมันแล้ว

ในตอนนั้น เขาได้ทำการแลกเปลี่ยนมันกับเหรียญทองจำนวนหนึ่งไปแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตั้งใจขายมันไป แต่ผลลัพธ์ยังไงก็คือ ลูหลี่ไม่ได้ขโมยของจากเขาไป

ซึ่งทุกเผ่าพันธุ์ล้วนแล้วแต่ต้องเคารพต่อการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน

ตอนที่ลูหลี่ได้ชดเชยของให้กับตัวเขา อะคาเร่ก็ไม่ได้พอใจเท่าไหร่นัก ซึ่งเขาก็ได้แต่พูดอย่างไม่เต็มใจว่าจะไม่เอาเรื่องอีก

ส่วนในเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างลูหลี่ เขาเกลียดซะยิ่งกว่าเกลียดซะอีก ในอนาคต ไม่มีทางเลยที่เขาจะขายของหรือให้เควสกับลูหลี่อย่างแน่นอน

ซึ่งเมื่อปัญหาทั้งหมดได้ถูกแก้ไขไปแล้ว ลูหลี่ก็ได้ขอบคุณทุกคนและสัญญาว่าจะให้แต้มสมาคมกับทุกคนที่มาช่วยเขา

สมาชิกสมาคมมีความสุขมาก เพราะพวกเขาไม่ได้ทำอะไรมากนัก พวกเขาใช้เวลาไปแค่ 10 นาทีเท่านั้น ซึ่งส่วนสำคัญนอกเหนือจากนั้นคือ การได้ช่วยเหลือมหาเทพลูหลี่ มีผู้เล่นมากหน้าหลายตาที่นับถือตัวของลูหลี่ พวกเขานั้นต้องการที่จะช่วยเหลือลูหลี่มาก แม้ว่าจะไม่ได้อะไรเลยก็ตาม

ด้วยความที่เขามีตำแหน่งสูงที่สุดในสมาคม ลูหลี่จึงสามารถให้แต้มกับคนในสมาคมได้ ซึ่งสมาคมระดับสูงส่วนใหญ่ก็มักจะทำแบบนี้กัน เพราะมันจะทำให้สมาชิกในสมาคมได้รับทรัพยากรมากยิ่งขึ้น

เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างได้ผ่านพ้นไปแล้ว ความเงียบสงบก็ได้กลับคืนมาสู่เมืองหวายอีกครั้ง พร้อมๆกับเรือที่ได้เข้ามาเทียบท่าเมืองหวาย

กะลาสีเรือเองก็ได้วิ่งไปมารอบๆพร้อมกับปฏิบัติตามคำสั่งของกัปตันของพวกเขาอย่างเคร่งครัด พวกเขาต่างก็พูดคุยกันด้วยความพอใจในขณะที่พวกเขาได้มาถึงจุดหมายปลายทาง

นกนางนวลสีขาวจำนวนหนึ่งก็ได้บินไปเหนือท้องฟ้าด้วยความตกใจ

เบ็คกี้ที่เห็นแบบนั้นก็ได้กระโดดขึ้นลงไปมา เพื่อที่จะพยายามมองเหล่ากะลาสี แต่เธอนั้นเตี้ยจนเกินไป หากมองจากสายตาของเธอ เธอคงจะเห็นเพียงแค่หมวกสีขาวๆที่เกาะกลุ่มกันเท่านั้น ลูหลี่ที่เห็นแบบนั้น ก็ได้อุ้มเธอขึ้นมาบนบ่า ดังนั้นแล้ว เธอจึงสามารถมองเห็นกะลาสีเรือได้

ซึ่งมันดูเป็นการพยายามที่เสียเปล่าเลยทีเดียว

เมื่อเรือได้ขนส่งสินค้าลงไปทั้งหมดแล้ว กะลาสีเรือก็ได้เดินทางไปยังโรงแรมหรือโรงเตี๊ยมกัน แต่เบ็คกี้ก็ยังไม่ได้เห็นพ่อของเธอแล้ว

"พ่อของหนูจะกลับมาเหมือนกันใช่มั้ยคะ?"เด็กสาวตัวน้อยๆถามลูหลี่

"ใช่ ตราบเท่าที่เจ้าใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เขาก็จะแล่นเรือกลับมาในสักวัน บางทีเขาอาจจะนำของอร่อยๆและเสื้อผ้าสวยๆกลับมาก็ได้นะ"ลูหลี่กล่าว

"หนูได้แต่หวังว่าพ่อจะกลับบ้านมาในวันพรุ่งนี้" เด็กกำพร้าตัวเล็กบ่น

"มีอะไรอีกไหมที่เจ้าอยากกิน หรือมีที่ไหนอีกไหมที่เจ้าอยากจะไป? บอกข้ามาได้เลย ลุงคนนี้จะพาตัวเจ้าไปเอง "ลูหลี่กล่าวขณะที่มองเวลา เพราะเขาไม่สามารถที่จะเสียเวลาไปมากกว่านี้ได้แล้ว

"คุณลุงค่ะ ถ้าลุงทำให้ความปรารถนาทั้งหมดของหนูเป็นจริง คุณลุงจะจากหนูไปไหมคะ?"

เด็กกำพร้าดูเหมือนจะอ่อนไหวมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าเธอจะอายุเพียง 5 ขวบ แต่เธอก็รู้ดีว่าลูหลี่กำลังคิดอะไรอยู่

"มันก็ช่วยไม่ได้หรอกนะ แต่ข้าก็จะมาหาเจ้าเสมอในตอนที่ข้าว่าง" ลูหลี่ไม่อยากที่จะมองไปที่ใบหน้าของเธอเลย เพราะใบหน้าที่แสนจะโศกเศร้าของเธอ มันก็ทำให้เขารู้สึกเศร้าใจด้วย

มีหลายสิ่งหลายอย่างบนโลกนี้ที่ไม่เป็นไปตามหวัง ไม่มีใครที่มีชีวิตสุขใจจริงๆหรอกนะ พวกเขาแต่ละคนบนโลกนี้ล้วนแล้วแต่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เด็กสาวคนนี้ได้เสียพ่อกับแม่ไป ในตอนที่เธออายุได้ห้าขวบ แน่นอนว่าเรื่องราวของเธอนั้นดูน่าสงสารเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ลูหลี่ไม่ใช่คนที่มีความเมตตามากนัก

เขาเตือนตัวเองเสมอว่านี่เป็นแค่ NPC เท่านั้น

สำหรับความคิดที่จะไปเยี่ยมเธอในอนาคต มันเป็นแค่เรื่องโกหกเท่านั้น เขาไม่คิดที่จะเสียเวลาเอามาสนใจในตัวของเด็กคนนี้หรอกนะ

เบ็คกี้คงจะเข้าใจในวันหนึ่ง ว่าลุงคนนี้ไม่ได้ดีไปตลอดไปหรอกนะ

"ในวันหนึ่ง เมื่อตอนที่ผู้พิทักษ์ของหนูได้พาหนูไปเล่นข้างนอก หนูได้เห็นพวกโนมกำลังผลักรถที่เต็มไปด้วยของเล่น มันมีทั้งตุ๊กตา รถทองเหลือง ลูกบอลและว่าว "เธอพูดออกมาอย่างเงียบๆ

"แล้วไงต่อล่ะ?"ลูหลี่ถอนหายใจ

"เมื่อตอนที่คุณแม่ยังอยู่ แม่มักจะพาหนูไปเล่นว่าวกันตลอด หนูอยากจะได้ว่าวอันเล็กๆนะ แต่คุณลุงผู้พิทักษ์เคยบอกว่า หนูจำเป็นที่จะต้องใช้เงินเพื่อชื้อว่าว "เด็กสาวตัวเล็กๆกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกเศร้าสร้อย"หนูไม่มีเงินเลย แต่หนูจะโตขึ้นกว่านี้ จากนั้นหนูก็จะไปหาเงิน ... "

"งั้นลุงจะเป็นคนชื้อให้เจ้าเอง เจ้าเลือกได้เลยว่าอยากได้แบบไหน"ลูหลี่กล่าวออกมาพร้อมกับพาเธอไปยังร้านค้า

ร้านค้าส่วนมากมักจะมีของเบ็ดเตล็ดอยู่แล้ว ซึ่งว่าวเองก็เป็นที่นิยมมาก ดังนั้นแล้ว ลูหลี่จึงสามารถชื้อมันได้อย่างง่ายๆเลย

ว่าวที่เขาชื้อมามีทั้งแบบ แมลงปอ มังกรและผีเสื้อ

"ขอบคุณคุณลุงมากเลยค่ะ" เบคกี้กล่าวขอบคุณลูหลี่ในขณะที่เธอถือว่าวที่ลูหลี่ชื้อมาให้

"เบ็คกี้ เมื่อเจ้าโตขึ้น ทุกๆอย่างก็จะดีไปเอง" ลูหลี่พูดปลอบโยนเธอในขณะที่ลูบศีรษะของเธอ จากนั้นเขาก็ถอนหายใจออกมา

มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาเคยได้ยินคำพูดหนุ่งในภาพยนต์:

Q: ชีวิตมักจะเจ็บปวดเสมอ หรือจะเป็นเฉพาะตอนที่นายยังเป็นเด็กกันนะ?"

A: ไม่หรอก มันจะเป็นแบบนั้นไปตลอดแหละ

บางทีคำๆนี้ก็พูดถูกแล้ว เมื่อตอนที่ลูหลี่ได้ดูหนังเรื่องนี้ หัวใจของเขาหนักอึ้งมาก แต่เขาก็ปฏิเสธที่จะเชื่อคำๆนี้ เขาต้องการที่จะเชื่อว่าเมื่อเขาโตขึ้น ความเจ็บปวดจะหายไป มันเหมือนกับแสงสว่างเล็กๆสำหรับเขาเลยทีเดียวในตอนนั้น

ซึ่งเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความหวังเล็กๆน้อยนี้จะช่วยอะไร NPC ตัวน้อยคนนี้ได้หรือเปล่า

จากนั้นเอง ลูหลี่ก็ได้พาเบ็คกี้กลับไปยังบ้านเด็กกำพร้า

บ้านเด็กกำพร้าตั้งอยู่ในโบสถ์และที่นั่นก็เต็มไปด้วยเสียงเด็กร้องไห้

ลูหลี่มองไปที่เบ็คกี้เดินลับไปสุดสายตา ซึ่งความหวังภายในตาของเธอดูจะมอดดับลงไป ระบบมันสมจริงเกินไปแล้วนะ

"ครั้งหน้าข้าจะขอมาเยี่ยมเธอ?"ลูหลี่ถามผู้พิทักษ์บ้านเด็กกำพร้า

ผู้พิทักษ์พยักหน้ากล่าวมีความสุขว่า "แน่นอนว่าท่านสามารถมาได้ สถานที่แห่งนี้ยินดีต้อนรับนักผจญภัยอย่างท่านเสมอ มั่นใจได้เลยว่าเราจะดูแลเบ็คกี้เป็นอย่างดี"

ลูหลี่หยุดคิดชั่วครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหยิบสิบเหรียญทองออกมาจากกระเป๋าเอาไปใส่ไว้บนมือของเธอ

ถึงแม้ว่าลูหลี่จะเป็นคนตระหนี่ แต่เพราะความเอื้อเฟื้อของลูหลี่ มันจึงทำให้เขากับอาเซอร์ซีบรีสและคนอื่นๆสนิทกันมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การที่ให้เงินแบบนี้โดยไม่หวังอะไรเป็นเรื่องที่หายากมากสำหรับลูหลี่ ถ้าทุกคนรู้เรื่องนี้ พวกเขาคงจะตกใจมากเลยทีเดียว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด