ตอนที่แล้วตอนที่63 เย่ฉางและดอกไอริส
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่65 เสวี่ยเอ๋อร์

ตอนที่64 ตำหนักองค์รัชทายาท


ตอนที่64 ตำหนักองค์รัชทายาท

“ดอกไม้ชนิดนี้หายากมาก...”

แต่นอกจากตระกูลซูและตระกูลเย่ที่โดดเด่นและเชี่ยวชาญด้านสมุนไพรแล้ว ยังมีตระกูลใดที่สรรหาของหายากปานนี้ได้?

“นางคิดร้ายกับเจ้าจริงๆ ด้วย!”

เหยาอวี้ขบกรามแน่น โชคดีโดยแท้ที่นายท่านของมันคิดเอะใจ และกลับเป็นตัวมันเสียเองที่ตาบอดเกือบหลงเชื่อเด็กสาวนางนั้นแล้ว!

“กระทั่งเด็กในตระกูลก็ถูกแนวคิดแย่ๆ กัดกินถึงความคิดแล้ว”

หลี่หวงถอนหายใจเฮือกหนึ่งพร้อมขับพิษเหล่านั้นออกจากในกายอย่างเงียบงัน

เป็นคืนราตรีที่ปราศจากฝันดีหรือร้าย….

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หลี่หวงตื่นแต่รุ่งสาง ล้างหน้าแต่งตัว พร้อมรับประทานข้าวเช้า

เมื่อเสร็จกิจทุกอย่าง หลี่หวงก็เดินทางออกจากจวนตระกูลจวิ๋น

และเดินตรงเข้าไปในวังหลวง! ก่อนหน้านี้องค์ชายสิบเคยมอบแผ่นป้ายคาดเอวไว้แก่หลี่หวง อาศัยแผ่นป้ายคาดเอวชิ้นนี้ นางสามารถเข้าออกวังหลวงได้โดยไม่ต้องปิดบังตัวตนอันใดอีก

ตามเส้นทางที่เคยจดจำไว้ หลี่หวงตรงเข้ามาถึงตำหนักขององค์ชายสิบอย่างรวดเร็ว

“ท่านคงเป็นแม่นางจวิ๋นกระมัง?”

องครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูตำหนักด้านนอกเอ่ยถามด้วยท่าทีเป็นมิตร เมื่อเห็นว่าเป็นจวิ๋นหลี่หวง

“ใช่แล้ว”

หลี่หวงพยักหน้า

“เรียนเชิญแม่นางจวิ๋น!”

องครักษ์รีบเปิดประตูให้หลี่หวงเข้าไปโดยเร็ว

จวิ๋นหลี่หวงเดินตามเส้นทางเข้าไปในเรือนพักขององค์ชายสิบเพียงลำพัง ปรากฏเป็นภาพฉากลานกว้างที่คุ้นเคย ทว่าภายในนี้กลับไม่มีใครอยู่เลย

เป็นถึงองค์ชายไฉนถึงไม่มีนางสนมมาค่อยปรนนิบัติเลย?

“หื้ม? พี่สะใภ้เก้า?! ไฉนมาเร็วปานนี้!”

หลิงเฟิงรีบเดินออกมาจากเรือยนอนพร้อมบิดตัวขี้เกียจไปยกใหญ่ หางตายังเปียกชื้นเล็กน้อยเพราะยังไม่ตื่นดี

“...เจ้าเพิ่งตื่น?”

“พี่สะใภ้เก้ารอข้าก่อน ขอไปหาข้าวปลารองท้องสักครู่”

หลิงเฟิงเกาผมเจือท่าทีแสนเกียจคร้าน ก่อนเดินกึ่งหลับกึ่งตื่นเข้าไปในเรือนฝั่งปีกซ้าย

พอหลี่หวงเดินตามเข้าไป ก็พบว่ามีบ่าวรับใช้จัดเตรียมอาหารไว้อยู่แล้ว แต่หาใช่อาหารเลิศรสหรูหรา กลับเป็นข้าวต้มทั่วไปดั่งสามัญชนรับประทานกัน

องค์ชายสิบตัวจริงดูไม่ค่อยเข้ากับตำแหน่ง อ๋องสุขสันต์ ที่ได้มาเลยแหะ

คล้อยหลังจากที่หลิงเฟิงรับประทานอาหารเสร็จด้วยความเร็วสุดขีดชนิดข้าวต้มเกือบลวกปาก เขาก็รีบพาหลี่หวงมุมตรงไปยังส่วนลึกที่สุดของวังหลวง

“เส้นทางนี้หาใช่เส้นทางดั่งที่ครั้งก่อนมา?”

หลี่หวงหันไปมององค์ชายสิบเจือแววประหลาดใจ ไฉนถึงต้องพาตนไปที่ส่วนลึกสุดของวังหลวงด้วย?

“ตำหนักของพี่ใหญ่อยู่ด้านในสุดของวังหลวง ส่วนเรือนที่ท่านเข้าไปก่อนหน้า รวมไปถึงตำหนักที่ข้าบรรทมเช้านี้ ล้วนเป็นที่พักของพวกเราในวัยเด็ก บางครั้นบางคราพวกเราก็ชอบกลับไปนอนที่นั่นให้หายคิดถึง จากนั้นก็กลับไปอยู่ตำหนักเดิมที่ด้านในสุดของวังหลวง เพราะกลัวว่าท่านจะหลงทางตอนเข้ามา เมื่อคืนข้าจึงรอนอนท่านที่นี่”

หลี่หวงพยักหน้าเข้าใจ

“ข้าบอกพี่ใหญ่ไปแล้วสำหรับเรื่องในวันนี้ ส่วนจะเป็นยังไงต่อไปเกรงว่าขึ้นอยู่กับตัวท่านแล้ว”

หลิงเฟิงขยิบตาให้ทีหนึ่งแก่หลี่หวง

“ขอบคุณมาก”

หลี่หวงเอ่ยปากขอบคุณ

“ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า เพราะวันหน้าท่านก็จะกลายมาเป็นพี่สะใภ้เก้าของข้าอย่างเต็มตัว พอถึงวันนี้ก็ช่วยบอกพี่เก้าให้เลิกแกล้งข้าก็พอ เท่านี้ก็นับเป็นบุญล้นพ้นแล้ว!”

หลิงเฟิงหัวเราะชอบใจ พี่สะใภ้ที่มั้งใจเหี้ยมและเข้มงวดอย่างหลี่หวง เขาจินตนาการออกทันทีว่า หลังจากแต่งงานกันไป พี่เก้าจะมีสภาพเป็นอย่างไร ยิ่งนึกเท่าไหร่ก็ยิ่งมีความสุข จนอดที่จะระเบิดหัวเราะออกมามิได้!

สาแก่ใจนักแล!

หลี่หวงเงียบนิ่งไม่ตอบ แต่เอะใจหนึ่งก็พลันสงสัยขึ้นมา แล้วองค์ชายอีกเจ็ดคนที่เหลือล่ะ? ไฉนมีแต่คนพูดถึงองค์ชายสิบ?

หลังจากเดินไปได้ประมาณครึ่งชั่วยาม หลี่หวงก็เดินทางมาถึงตำหนักที่องค์รัชทายาททรงประทับอยู่

ตำหนักองค์รัชทายาท

หลี่หวงยืนตระหง่านอยู่หน้าประตูตำหนักบานยักษ์ ก่อนจะหันไปจับจ้องหลิงเฟิง

หลิงเฟิงรู้สึกผิดเล็กน้อยที่โดนจ้องแบบนี้ พลันรู้สึกหวาดกลัวขึ้นภายในใจทันที

“พี่สะใภ้เก้า ถ้าไม่สะดวกใจอย่างไร...เดี๋ยวข้าเรียกเกี้ยวพากลับไปก่อนดีกว่า!”

หลิงเฟิงยอมรับผิดภายในใจ กลัวว่าหลี่หวงจะเกิดอาการประหม่าเฉียบพลัน เขาถึงขนาดยกแขนเสื้อขึ้นปากเหงื่อเล็กน้อย

หลี่หวงสีหน้ายังคงเรียบเฉยปราศจากอารมณ์ใด นางส่ายหน้าและขอให้องค์ชายสิบพาเข้าไปด้านใน

หลิงเฟิงได้แต่พยักหน้ากล้าๆ กลัวๆ และพาหลี่หวงเดินเข้าไปข้างในด้วยกัน

“นั่นมิใช่เสี่ยวเฟิงหรอกรึ? วันนี้เองก็มาหาองค์รัชทายาท?”

เมื่อตรงเข้ามาถึงด้านใน ทั้งคู่ก็พบกับพ่อบ้านประจำตำหนักองค์รัชทายาท ราวกับคนแก่ดูใจที่มีลูกหลานมาเยี่ยม พอเห็นหลิงเฟิง พ่อบ้านชราคนนี้ก็คลี่ยิ้มกว้างด้วยความดีอกดีใจ

นั่นหาใช่รอยยิ้มประจบประแจงสอพอ แต่นั่นล้วนมาจากใจจริง

และคำเอ่ยขานที่เรียกอีกฝ่าย ก็แสดงให้เห็นถึงความผูกพันระหว่างพวกเขาเช่นกัน...

“โถ่ว ลุงหลี่! ข้าบอกตั้งหลายครั้งแล้วว่าอย่าเรียกข้า เสี่ยวเฟิง! ข้าอายุสิบเจ็ดแล้ว! สิบเจ็ดเชียว!”

พ่อบ้านหลี่ผงกหัวงึกงัก พลางลูบเครายิ้มตอบไปว่า

“ข้ารู้แล้ว ข้ารู้แล้วน่าเสี่ยวเฟิง!”

หลิงเฟิงถึงกับคอตกด้วยความหดหู่ ส่วนหลี่หวงที่เห็นแบบนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้

ดูเหมือนว่าความสัมผัสระหว่างองค์ชายสิบกับองค์รัชทายาทจะค่อนข้างดีมากจริงๆ สนิทกันยันพ่อบ้าน!

“เอ๊ะ? มีสาวน้อยมาด้วยรึ? องค์ชายเสี่ยวเฟิง หรือแม่นางท่านนี้จะเป็นคนรักของท่าน?”

พ่อบ้านหลี่เอ่ยปากหยอกล้อไปคำหนึ่ง

หลิงเฟิงสะดุ้งโหย่วทันทีด้วยความตกใจราวกับโดนน้ำร้อนลวก รีบเร่งแก้ข่าวในทันใด

“ลุงหลี่! จะบ้าหรืออย่างไร! ท่านไม่ควรกล่าวเหลวไหล! แม่นางท่านนี้คือพี่สะใภ้เก้าของจ้า หากพี่เก้าได้ยินที่ท่านกล่าวไปเมื่อครู่ มีหวังข้าโดนเชือดทิ้งแน่นอน!”

พ่อบ้านหลี่มที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกตกใจอย่างมาก ก่อนจะระเบิดหัวเราะขึ้นลั่น

“ฮ่าฮ่าๆ ... เห็นเช่นนั้นองค์ชายเก้ารักท่านยิ่งกว่าอะไรดี มีหรือจะกล้าทำร้ายองค์ชายเสี่ยวเฟิง?”

จากนั้นพ่อบ้านหลี่ก็หันไปหาหลี่หวงและประสานมือกล่าวว่า

“ปรากฏว่าเป็น ว่าที่พระชายาขององค์ชายเก้านี่เอง เมื่อครู่ข้าเสียมารยาทแล้ว”

พร้อมกันนั้นเอง เขาก็โค้งคำนับหลี่หวงโดยตรง

หลี่หวงตกใจอย่างมากที่จู่ๆ มีผู้เฒ่าผู้แกโค้งคาราวะให้ นางรีบยื่นมือออกไปประคองร่างอีกฝ่ายให้หยุดและกล่าวว่า

“มิได้ มิได้! ท่านไม่ควรทำเช่นนี้!”

หลิงเฟิงจับจ้องที่หลี่หวงเจือแววชื่นชมส่องสะท้อนออกมา และหันไปกล่าวกับพ่อบ้านหลี่ด้วยรอยยิ้มว่า

“ลุงหลี่ อย่าทำให้พี่สะใภ้เก้าลำบากใจเลย นางยังเด็กอยู่มาก!”

พ่อบ้านหลี่ลุกขึ้นอย่างแช่มช้าเนื่องด้วยสังขารที่แก่เฒ่า ยังดีที่มีหลี่หวงคอยประคองขึ้นมา

ไม่รู้ว่าเหตุผลใด ทัศนคติของเขาที่มีต่อหลี่หวงคนนี้ค่อนข้างดีเยี่ยม

“ในอนาคต เมื่อท่านเติบโตจะต้องกลายมาเป็นสตรีผู้งดงามประดุจเทพธิดา องค์ชายเก้าจักต้องรักและซื่อสัตย์ต่อท่านอย่างแน่นอน!”

พอพูดจบพ่อบ้านหลี่ก็หัวเราะขึ้นอย่างมีความสุข

“ก็แหงอยู่แล้ว หากพี่เก้าไม่ชอบนาง ก็แสดงว่าตาบอดแล้ว!”

หลิงเฟิงพยายามระเบิดเสียงหัวเราะลั่น เพื่อปกปิดสายตาอันอบอุ่นที่เผลอมีต่อหลี่หวง

ทว่าภาพฉากเหล่านี้เองหลี่หวงกลับมิได้เพิกเฉยเลย นางสังเกตเห็นอย่างชัดเจนถึงสายตาที่อีกฝ่ายมีให้ แม้จะเป็นเพียงชั่วขณะหนึ่งก็ตาม พอเห็นหลิงเฟิงละสายตาเปลี่ยนเรื่องไปคุยกับพ่อบ้านหลี่ ยามนั้นนางค่อยลอบถอนหายใจอย่างเงียบๆ

แต่เพราะอะไรกันแน่? ไฉนอีกฝ่ายถึงมีสายตาเช่นนี้กับนาง?

“องค์ชายเสี่ยวเฟิง ว่าที่พระชายาเก้า โปรดตามข้ามา องค์รัชทายาทของเราเพิ่งจะฟื้นตัวขึ้นมา รออีกสักหน่อยปล่อยให้อาการดีขึ้นก่อนจึงเข้าไปพบ”

ลุงหลี่นำทางเข้าไปด้านใน ตำหนักอันใหญ่โตโอฬารขององค์รัชทายาทกลับมีผู้คนอยู่เพียงหยิบมือเท่านั้น!

“ท่านพ่อบ้านหลี่ เรียกข้าว่าหลี่หวงก็พอแล้ว”

หลี่หวงไม่ชอบให้พวกเขาเรียกนางในฐานะแบบนี้สักเท่าไหร่ ราวกับว่านางโดนพันธนาการบางอย่าง อึดอัดใจบอกไม่ถูก

“ได้! ได้! หลี่หวงใช่ไหม?”

พ่อบ้านหลี่เองก็พอเข้าใจอารมณ์ของเด็กสาวตัวน้อยนางนี้ คงยังไม่ชินและรู้สึกประหม่าพอควร

หลี่หวงที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา

อีกฝ่ายพาหลี่หวงกับหลิงเฟิงไปนั่งรอองค์รัชทายาทอยู่ที่ศาลากลางทะเลสาบด้านในตำหนักอย่างเงียบงัน

“ตำหนักองค์รัชทายาทกว้างใหญ่ดีจริงๆ”

หลี่หวงถอนหายใจเฮือกหนึ่งอย่างช่วยไม่ได้ แค่ทะเลสาบภายในสวนแห่งนี้ก็งดงามยิ่งแล้ว ทั้งยังศาลาหินอ่อนแห่งนี้มีถูกสลักสรรค์สร้างอย่างประณีต!

“นี่เป็นพื้นที่ที่พี่ใหยญ่เป็นคนเลือกเอง แม้จะเป็นส่วนลึกของวังหลวงที่เปลี่ยวร้างที่สุด แต่เพราะแบบนั้น เสด็จพ่อก็เลยยกทะเลสาบแห่งนี้ให้ไปด้วย เพื่อทดแทนข้อเสียไป”

หลิงเฟิงกล่าวอธิบาย

“เป็นสถานที่ที่งดงามนัก”

หลี่หวงมองปลาน้อยใหญ่ในทะเลสีใสบริสุทธิ์เห็นก้นบ่อ พวกมันแหวกว่ายไปมาอย่างเบิกบานใจ แค่เห็นจิตใจก็เปรียบดั่งถูกปลอบประโลม

หากได้อยู่ในสถานที่ดังกล่าวนางจะต้องมีความสุขอย่างมากเป็นแน่!

“ศาลาหูซินแห่งนี้พี่ใหญ่ใช้ความพยายามอย่างยิ่งในการสรรค์สร้างสวรรค์บนดินขึ้นมา เดิมทีเรือนที่อยู่ติดกับสวนแห่งนี้เป็นสถานที่พักฟื้นอาการป่วยเรื้อรังของพี่สะใภ้ใหญ่ แต่ต่อมาก็ได้กลายมาเป็นสถานที่พักฟื้นอาการป่วยของตัวเองไปเสียเอง”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด