ตอนที่แล้ว1111-1112
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป1115-1116

1113-1114


9/10

Ep.1113

สัตว์ร้ายขอบเขตเทพเจ้า ทั้งสองตนถูกซูเฉินฆ่าตายในกระบวนท่าเดียว?

ได้เป็นสักขีพยานของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  รอบด้านบังเกิดความเงียบงันไม่มีแม้เสียงหายใจ

เหล่าอสูรร้ายขอบเขตเทพเจ้า ต่างอ้าปากค้างจนกรามแทบหลุด

หวูซางตกใจยิ่งกว่าแต่ไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวได้ เผยอปากเล็กน้อย สีหน้าท่าทีเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

เขาก็พอเดาได้อยู่หรอกว่ากำลังรบของซูเฉินคงเพิ่มขึ้นอย่างมากถึงกล้าเข้ามา แต่ไอ้เรื่องถึงขั้นสังหารขอบเขตเทพเจ้าได้นี่ เขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลย

“มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? ทำไมเขาถึงแข็งแกร่งได้ขนาดนี้?”

ใบหน้าของนักพรตเทียนซ่านซีดเผือด สั่นเทิ้มไปทั่งร่าง

เดิมที เขานึกว่าเมื่อผู้ใดก็ตามที่สามารถยกระดับสู่ขอบเขตเทพเจ้า จักกลายเป็นผู้คงกระพัน แต่ใครจะทันคาดคิดกัน ว่ากำลังรบของซูเฉินมันจะเหนือล้ำกว่าจินตนาการเขา

เพียงกระบวนท่าเดียวสังหารสองขอบเขตเทพเจ้า กำลังรบที่ทรงพลังถึงเพียงนี้ มันน่าเหลือเชื่อจริงๆ!

ฉีชิงเฉวียนและเสิ่นหยวนที่อยู่ภายใน [รถศึกอัจฉริยะ] ตะลึงงันไปชั่วขณะ เมื่อได้สติพลันรู้สึกตื่นเต้นจนอธิบายไม่ถูก

ตอนแรก เมื่อซูเฉินเอ่ยปากว่าต้องการไปสังหารผู้แข็งแกร่งใน ขอบเขตเทพเจ้า พวกเขาคิดว่าซูเฉินกำลังคุยโว

แต่หลังจากได้เห็นฉากนี้ ทั้งสองถึงค่อยเข้าใจ ว่าคำพูดของซูเฉินมิได้โอ้อวดใดๆแม้เพียงครึ่งคำ

--เขาทรงพลังพอที่จะทำแบบนี้จริงๆ

...

หลังจากซูเฉินสังหารขอบเขตเทพเจ้าไปสองตน เขาก็หันมามองนักพรตเทียนซ่าน กล่าวหยอกเย้า “คราวนี้ก็ถึงเวลาของแกแล้ว!”

“อย่าฆ่าข้า!” นักพรตเทียนซ่านจิตวิญญาณแทบหลุดลอย ร้องตะโกนไปทางกลุ่มอสูรร้าย “นายท่านอสูรร้าย! ได้โปรดช่วยข้าด้วย!”

เจ้าตัวกระจ่างแจ้งแก่ใจ ว่าซูเฉินไม่มีทางปล่อยเขาไป ดังนั้นหากอยากมีชีวิตรอด วิธีเดียวคืออ้อนวอนขอความช่วยเหลือจากเหล่าอสูรร้ายเท่านั้น

“มนุษย์! อย่าอาละวาดให้มันเกินไปนัก!”

เหล่าอสูรร้ายตะโกนด่าทอ ปรี่เข้าสังหารซูเฉิน

แม้กำลังรบของซูเฉินจะทำให้พวกเขาตกใจมาก อย่างไรก็ตาม พวกเขามีพรรคพวกอยู่ถึงเกือบสิบคน หากทั้งหมดรวมพลังกัน พวกเขามั่นใจเต็มเปี่ยมว่าจะปิดล้อมสังหารซูเฉินได้

“ไอ้พวกฝูงมดไม่รู้จักที่ตาย!” ซูเฉินยิ้มดูแคลน ซัดหมัดเดียวระเบิดหัวนักพรตเทียนซ่าน

จากนั้นเหลียวมองไปยังฝูงอสูรร้ายขอบเขตเทพเจ้าที่กำลังตรงเข้ามา แล้วโบกมือวผูบ

ในพริบตา สายฟ้าสีม่วงฟาดผ่าลงมาจากเบื้องบน เสี้ยววินาทีเดียวตกลงใจกลางฝูงอสูรร้าย

หนึ่งในอสูรร้ายหลบไม่ทัน ถูกผ่าเปรี้ยง!ตรงๆ ปรากฏควันดำพวยพุ่งจากทั่วร่างกาย อย่างไรก็ตาม สายฟ้าสีม่วงนี้ไม่อาจเอาชีวิตเขาได้ เพียงทำให้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น

“ที่แท้ก็แค่สายฟ้าผ่า ลูกเล่นของเจ้าก็แค่แสร้งทำเป็นพระเจ้าจอมปลอมเท่านั้น!”

ฝูงอสูรร้ายร้องตะโกน

“ถ้าคิดได้แค่นี้ พวกแกมันก็แค่ตัวซื่อบื้อดีๆนี่เอง” มุมปากของซูเฉินยกโค้งเป็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

ครืนนนนนนน!

แทบจะในทันทีหลังจากนั้น เสียงฟ้าร้องดังกึกก้องไปทั่วชั้นอวกาศ

วินาทีถัดมา สายฟ้าหลากสีที่แต่ละเส้นมีหนาเท่าโอ่งมังกรใหญ่ฟาดผ่าลงมาจากเบื้องบน

เริ่มจากสายฟ้าเส้นเดียว เพิ่มเป็นสอง ... สิบ ... ร้อย ... พัน .. และหมื่นสาย!

อวกาศโดยรอบถูกปกคลุมไปด้วยสายฟ้าอย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจุดที่ อสูรร้ายขอบเขตเทพเจ้าทั้งหมดยืนอยู่ ตรงจุดนั้นหนาแน่นเป็นพิเศษ ผ่าติดๆกันจนสว่างจ้า ไม่เหลือพื้นที่ให้มองเห็นได้อีกต่อไป

“เป็นอย่างที่คิด ของดีจริงๆ” มุมปากของซูเฉินค่อยๆยกยิ้ม

สิ่งที่เขาใช้คือ พลังศักดิ์สิทธิ์ [ค่ายกลอเวจีสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ห้าธาตุ]

เฝ้ารับชมมันจนถึงตอนนี้ เพียงพอแล้วที่จะสรุปว่าอำนาจของมันสามารถทลายชั้นฟ้า ถล่มปฐพี เขาค่อนข้างพอใจมาก

“ซูเฉินมีกระบวนท่าสังหารเช่นนี้ด้วยหรือ?”

หวูซางกลืนน้ำลายเต็มปาก เหม่อมองซูเฉินด้วยสีหน้าอึ้งงัน

แม้เขาจะมีความรู้และประสบการณ์มากมาย แต่ก็ยังไม่เคยเห็นกระบวนท่าสังหารที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อนเลย

บัดนี้จึงตื่นตระหนกตกใจมาก

ฉีชิงเฉวียนและเสิ่นหยวนยิ่งย่ำแย่เข้าไปใหญ่ ทั้งสองกลายเป็นโง่งม ทั้งคนทั้งร่างแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ ลืมกระทั่งว่าต้องหายใจ

เปรี้ยง! เปรี้ยงง! เปรี้ยงงง!

สายฟ้ายังคงผ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง เสียงสายฟ้าฟาดดังกึกก้องไปทั่วอวกาศ ไม่ทราบเหมือนกันว่าผ่านไปนานแค่ไหน  เมื่อสายฟ้าทั้งหมดหายไป ในอวกาศก็ไม่เหลือร่องรอยของอสูรร้ายขอบเขตเทพเจ้าทั้งสิบตัวอีกเลย

สามารถคาดการณ์ได้เลยว่า อีกฝ่ายคงถูกระเบิดไม่เหลือเศษซากเป็นที่เรียบร้อย

10/10

Ep.1114

ซูเฉินหรี่ตาและกวาดมองไปในอวกาศที่ว่างเปล่า เห็นแค่เพียงท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยเศษชิ้นส่วนทอประกายวาววับ

ประมาณการคร่าวๆ คาดว่าเกินหนึ่งล้านชิ้น!

แม้ปกติแล้วซูเฉินจะสงบเยือกเย็น แต่เวลานี้เขายอมรับว่าตัวเองยังรู้สึกเป๋ไปเล็กน้อย ได้แต่ถอนหายใจออกมา “เห็นแบบนี้แล้ว​ ฉันว่าฉันชักเสพติดการฆ่าศัตรูระดับขอบเขตเทพเจ้าซะแล้วสิ”

ต่อมา ซูเฉินพยายามสงบสติอารมณ์ลง รวบรวมชิ้นส่วน แล้วเดินไปหาหวูซาง กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “ผู้อาวุโส ท่านไม่เป็นไรนะ?”

หวูซางในขณะนี้ สีหน้าท่าทียังคงแข็งค้าง เห็นได้ชัดว่ายังไม่หายจากอาการช็อค

“ข้าไม่เป็นไร สบายดี ... สบายมาก!” ได้ยินซูเฉินพูดกับตัวเอง หวูซางสะดุ้งโหยง ตอบกลับโดยไม่รู้ตัว

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” ซูเฉินยิ้ม จากนั้นเชิญหวูซางเข้าไปข้างใน [รถศึกอัจฉริยะ]

“ผู้อาวุโสหวูซาง ผู้น้อยฉีชิงเฉวียนจากตระกูลฉีแห่งป้อมปราการมิติ”

เมื่อหวูซางก้าวขึ้นมา ฉีชิงเฉวียนประสานมือคารวะอย่างนอบน้อม

เพราะอย่างไรหวูซางถือเป็นขอบเขตเทพเจ้าคนเดียวทางฝั่งหมื่นเผ่าพันธุ์ และเขาได้เฝ้าปกป้องหมื่นตระกูลมานับหลายพันปี ควรค่าแก่การได้รับความเคารพนับถือ

หวูซางพยักหน้า จากนั้นเบนสายตาไป ตกลงบนร่างของผู้ทรงเกียรติเสิ่นหยวน

เมื่อเห็นใบหน้าของเสิ่นหยวน ฝีเท้าเขาพลันชะงักไป กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ผู้อาวุโสเสิ่นหยวน นี่ท่านยังมีชีวิตอยู่?”

มหาศึกเมื่อหมื่นปีก่อน หวูซางเองก็เข้าร่วมด้วย ยังไงก็ตาม ในเวลานั้นเขาเป็นเพียง ระดับเทวะขั้น 10 เท่านั้น ขณะที่ ผู้ทรงเกียรติเสิ่นหยวนคือผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเทพเจ้าอย่างแท้จริง ดังนั้นยามพบเจอ การเรียกขานเสิ่นหยวนว่าผู้อาวุโส จึงไม่ใช่เรื่องเกินเลย

เสิ่นหยวนหัวเราะและกล่าวว่า “สหายเต๋าหวูซาง ได้กลายเป็นผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเทพเจ้าแล้ว แต่ข้าเป็นเพียงเศษเสี้ยวจิตวิญญาณ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องสุภาพอะไร”

เศษเสี้ยวจิตวิญญาณ?

สีหน้าของหวูซางหมองลง  เดิมเขาคิดว่าเสิ่นหยวนยังมีชีวิตอยู่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ผู้ทรงเกียรติเสิ่นหยวน ได้ล่วงลับในมหาศึกเมื่อหมื่นปีก่อนแล้วจริงๆ

ย้อนนึกไปถึงเมื่อหมื่นปีก่อน เหล่าผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเทพเจ้าต่างร่วมมือกันสู้สุดกำลัง สุดท้ายเกือบทั้งหมดสิ้นชีวิตลง

หวูซางถอนหายใจ แต่ยังคงเคารพผู้ทรงเกียรติเสิ่นหยวนดังเดิม

“ผู้อาวุโสเสิ่นหยวน เหตุใดท่านมาอยู่กับซูเฉินได้?”

หวูซางค่อยๆผ่อนลมหายใจลงอย่างช้าๆ เอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

แล้วเสิ่นหยวนก็เริ่มเล่าเรื่องที่เขากับซูเฉินเจอกันในสถานที่สาบสูญให้ฟัง

“โชคดีที่ผู้อาวุโสได้ช่วยเหลือซูเฉิน มิฉะนั้นผลที่ตามมาคงเลวร้ายอย่างคาดไม่ถึง”

หวูซางกล่าวขอบพระคุณ ผู้ทรงเกียรติเสิ่นหยวนอีกครั้ง

หากไม่ใช่เพราะเขตแดนลับที่เสิ่นหยวนทิ้งเอาไว้ เกรงว่าซูเฉินคงไม่สามารถเติบใหญ่ถึงเพียงนี้ได้ในระยะเวลาสั้นๆ

เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เกรงว่าหมื่นเผ่าพันธุ์คงตกอยู่ในอันตรายจริงๆ

“ทั้งหมดที่ข้าทำได้คือช่วยสนับสนุนเพียงเล็กน้อย ผู้ช่วยเหลือที่แท้จริงคือซูเฉินต่างหาก! ถ้าไม่มีซูเฉิน เกรงว่าไม่ช้าก็เร็วทุกเผ่าพันธุ์อาจถูกทำลายโดยเหล่าอสูรร้าย!” ผู้ทรงเกียรติ เสิ่นหยวน กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

หากมิใช่เพราะพรสวรรค์อันโดดเด่นของซูเฉิน แล้วเปลี่ยนเป็นคนอื่น ต่อให้ได้รับการช่วยเหลือมากกว่านี้ และมีทรัพยากรที่ใช้ฝึกฝนมากกว่านี้ ก็ไม่มีทางแข็งแกร่งได้เท่าซูเฉินอย่างแน่นอน

หากจะให้พูดว่า กระทั่งเหล่าอัจฉริยะในยุคหมื่นปีที่แล้ว ไม่มีใครเทียบซูเฉินได้ ก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริง

ลองจินตนาการเอาเถิด ว่าในโลกหล้ายังมีผู้ใดอีก ที่อยู่เพียงระดับเทวะขั้น 10 แต่กลับสามารถสังหาร ขอบเขตเทพเจ้านับสิบคนได้ในพริบตาเดียว?

อาศัยเพียงข้อนี้ข้อเดียว ก็มากพอแล้วที่จะกล่าวขวัญว่าซูเฉินคืออัจฉริยะอันดับหนึ่งของหมื่นเผ่าพันธุ์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน หรือให้พูดว่าเขาคือยอดฝีมืออันดับหนึ่งก็ไม่ใช่เรื่องเกินเลย

“ผู้อาวุโสยกย่องกันเกินไปแล้ว” ซูเฉินถ่อมตัว

ณ ตอนนี้ หวูซางเหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ เอ่ยเตือนว่า “ซูเฉิน พวกเราต้องรีบผนึกอุโมงค์ทางผ่านที่เชื่อมต่อกับเขตแดนของพวกอสูรร้าย”

ช่องว่างเขตแดนไม่ได้ปิดหนึ่งวัน ก็เท่ากับมีอสูรร้ายบุกเข้ามาเพิ่มอีกวัน

ซึ่งสำหรับทุกเผ่าพันธุ์แล้ว นี่ถือเป็นหายนะครั้งยิ่งใหญ่

“ผู้อาวุโส อสูรร้ายยังมีตัวตนระดับขอบเขตเทพเจ้าหลงเหลืออยู่อีกหรือ?” เขาเพิ่งสังหาร อสูรร้ายขอบเขตเทพเจ้าไปสิบตัว จึงตั้งข้อสันนิษฐานว่าฝั่งนั้นน่าจะไม่เหลือขอบเขตเทพเจ้าอีกแล้ว

ซึ่งหากไม่มี ขอบเขตเทพเจ้า อุโมงค์ทางผ่านก็ไม่จำเป็นต้องถูกปิดผนึกอีกต่อไป เนื่องจากซูเฉินวางแผนว่าจะบุกเข้าไป--

--แล้วเปิดฉากละเลงเลือดพวกมัน!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด