ตอนที่แล้ว1109-1110
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป1113-1114

1111-1112


7/10

Ep.1111

พอเข้าใจแล้ว ซูเฉินถามต่อว่า “ผู้อาวุโส ชายชุดคลุมสีเทาพวกนั้นคืออสูรร้ายใช่ไหม?”

ในหมื่นเผ่พันธุ์และสัตว์ร้ายมิติไม่ได้มีขอบเขตเทพเจ้าอยู่เยอะขนาดนั้น จึงมีความเป็นไปได้สูงที่พวกมันจะเป็นอสูรร้าย

อย่างไรก็ตาม เขาแค่คาดเดาเท่านั้น ยังไม่มั่นใจ 100%

ผู้ทรงเกียรติเสิ่นหยวนอธิบาย “พวกมันคืออสูรร้ายจริงๆ เพราะอสูรร้ายเมื่อไปถึงขอบเขตเทพเจ้าแล้ว พวกมันจะสามารถจำแลงกายเป็นมนุษย์ได้”

ซูเฉินพยักหน้า กล่าวต่อไปว่า “ผู้อาวุโส ท่านรออยู่ที่นี่ ผมจะออกไปฆ่าพวกขอบเขตเทพเจ้าให้หมด!”

“ว่ากระไร!?”

ผู้ทรงเกียรติเสิ่นหยวนกรีดร้องตื่นตระหนก เกือบคิดว่าตนหูฝาดไป

อีกฝ่ายคือขอบเขตเทพเจ้านับสิบคน แต่ซูเฉินซึ่งเป็นเพียงระดับเทวะขั้น 10 กลับเอ่ยปากว่าจะฆ่าทิ้งทั้งหมด นี่ออกจากคุยโวไปหน่อยกระมัง?

ก็จริงอยู่ที่ซูเฉินมีกำลังรบทัดเทียมกับขอบเขตเทพเจ้า  แต่ถึงอย่างไรเขายังไม่ก้าวสู่ขอบเขตเทพเจ้าเต็มตัว ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย อาจนำมาซึ่งการเสียชีวิตได้

นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไม เขาถึงไม่เชื่อว่าซูเฉินจะสู้กับขอบเขตเทพเจ้ามากกว่า 10 คนได้ในคราเดียว

ทั้งยังพาลคิดไปว่า ก้าวแรกที่ซูเฉินลงไป คงได้ตายคาที่

“ซูเฉิน ระมัดระวังตัวด้วย” ฉีชิงเฉวียนช่วยย้ำเตือน

แม้ว่า  ซูเฉินจะสามารถเลื่อนขั้นเป็นขอบเขตเทพเจ้าด้วยวิชาแปลงร่าง ทั้งยังมีฉายาว่าอยู่ยงคงกระพันขั้นเดียวกัน แต่นั่นมันคนละกรณี ง่ายๆก็คือหากรับมือกับขอบเขตเทพเจ้าสองสามคน เขาคงไม่กังวลอะไร

แต่คู่ต่อสู้ขอบเขตเทพเจ้าเป็นสิบคนที่มันเยอะเกินไป! มีโอกาสสูงว่าจะถูกปิดล้อมและสังหารเอาได้

“ไว้ใจได้เลย ก็แค่มดปลวกมากกว่าปกติก็เท่านั้น”

ซูเฉินยิ้มบาง ภายใต้สายตาของผู้ทรงเกียรติเสิ่นหยวนและฉีชิงเฉวียน เขาเปิดประตูรถ บินไปยังเกาะซิงหยวนอย่างรวดเร็ว

วาจานี้ เขาไม่ได้คุยโวแม้แต่น้อย ด้วยไพ่ตายสองใบอย่าง [หมื่นกระบี่คืนสู่หนึ่ง] และ [พายุกาแลคซี] ในมือ เขารู้สึกว่าต่อให้ไม่ใช้ [เทคนิคปลุกศูนย์รวมวิญญาณสวรรค์] ก็มีโอกาสสูงที่จะสามารถโค่นคู่ต่อสู้ได้

“ซูเฉินมั่นใจขนาดนั้นเชียว?”

ผู้ทรงเกียรติเสิ่นหยวนและฉีชิงเฉวียนต่างตกตะลึง

ผู้แข็งแกร่งระดับขอบเขตเทพเจ้ามีอำนาจมากพอจะทำลายสวรรค์ถล่มปฐพี แต่ในสายตาของซูเฉิน พวกเขากลับเป็นได้แค่มดปลวก?

ใช่วาจาใหญ่โตเกินไป? หรือเป็นเขาที่มีความมั่นใจว่ากำลังรบของตน ไม่อาจหาผู้ใดเทียมเทียบจริงๆ--

--คนบน [รถศึกอัจฉริยะ] คิดไม่ตกว่าเป็นข้อไหน

...

อีกด้านหนึ่ง

ซูเฉินดั่งดาราพรั่งพราว เคลื่อนไหววูบวาบดั่งดาวตก เพียงสิบอึดใจก็มาถึงเกาะซิงหยวน สุดท้ายก็มาถึงกลางอากาศที่หวูซางและคนอื่นๆกำลังรวมตัวกันอยู่

จู่ๆก็มีผู้ฝึกตนจากหมื่นเผ่าพันธุ์ปรากฏตัวขึ้น เรื่องนี้ทำให้เหล่าขอบเขตเทพเจ้าตกใจเล็กน้อย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสัมผัสได้ว่าซูเฉินมีฐานฝึกตนเพียงระดับเทวะขั้น 10 เท่านั้น พวกเขาก็ยิ่งสับสน

ต้องรู้นะว่า ทุกคนในที่นี้ล้วนอยู่ในขอบเขตเทพเจ้า เพียงกระดิกนิ้วเดียวก็สามารถบี้ ระดับเทวะขั้น 10 นับสิบคนให้ตายในคราวเดียว แล้วไฉนมนุษย์คนเดียวถึงกล้ามาเสนอหน้าที่นี่? ใช่รีบร้อนอยากไปเยี่ยมยมบาล เบื่อชีวิตแล้วหรือไม่?

ขณะที่เหล่าขอบเขตเทพเจ้ากำลังสงสัย ซูเฉินได้หันไปพูดกับหวูซางว่า “ผู้อาวุโส ลำบากท่านแล้ว!”

ได้ยินแบบนั้น ดวงตาที่ปิดสนิทของหวูซางเปิดขึ้นทันใด

เมื่อเห็นว่าคนที่พูดกับตนคือซูเฉิน  ประกายวาววับสะท้อนออกมาจากดวงตาเขา กล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า  “ซูเฉิน! ในที่สุดเจ้าก็มา!”

แม้จะอยู่ภายใต้อานุภาพของกงล้อดาราหมื่นปีแสง แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรขอบเขตเทพเจ้านับสิบคนได้ เวลานี้ไม่ต่างจากตะเกียงที่น้ำมันใกล้จะหมดลง โชคดีที่ซูเฉินมาทันเวลา

แม้เขาจะไม่ได้สนทนากับซูเฉินมากมายอะไรนัก แต่เขารู้จักอุปนิสัยของซูเฉินเป็นอย่างดี ว่าหากซูเฉินไม่โคตรมั่นใจ จะไม่มีทางปรากฏตัวขึ้นอย่างแน่นอน

และตอนนี้การที่ซูเฉินโผล่มาต่อหน้าเขา นั่นหมายความว่าอีกฝ่ายมั่นใจว่าสามารถจัดการกับขอบเขตเทพเจ้าทั้งสิบคนได้

“ซูเฉิน! เราผู้เฒ่าตามหาเจ้ามานานแล้ว ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะมาเคาะประตูถึงที่ซะเอง! ทางไปสวรรค์มีไม่ไป ดันเลือกแง้มประตูนรก! คราวนี้มาดูกันว่าเจ้าจะติดปีกหนีไปได้อย่างไร!!”

ระหว่างนั้นเอง ผู้ฝึกตนในขอบเขตเทพเจ้าจากหมื่นเผ่าพันธุ์หัวเราะอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง

ชายผู้นี้มิใช่ใครอื่น เป็นนักพรตเทียนซ่านที่เพิ่งได้รับการเลื่อนขั้นเป็นขอบเขตเทพเจ้า

8/10

Ep.1112

“‘งั้นแกคงเป็นนักพรตเทียนซ่านสินะ?”

ซูเฉินหรี่ตาลง กล่าวอย่างเฉยเมย

“ถูกต้องแล้ว เป็นเราเทพเจ้าเอง!”

นักพรตเทียนซ่านกล่าวด้วยใบหน้าภาคภูมิใจ ประกาศว่าตนได้ยกระดับสู่ขอบเขตเทพเจ้าแล้ว อีกทั้งเวลานี้ยังมีผู้แข็งแกร่งในขอบเขตเทพเจ้าเป็นสิบคนคอยช่วยเหลือ ดังนั้นไม่เห็นซูเฉินอยู่ในสายตา

“แกรวมหัวกับพวกอสูรร้าย ละทิ้งหมื่นเผ่าพันธุ์ วันนี้ฉันในฐานะตัวแทนของหมื่นเผ่าพันธุ์ ขอขจัดพิษร้าย กุดหัวแกแทนพวกเขาเอง!!”

ซูเฉินหรี่ตามองนักพรตเทียนซ่าน กล่าวอย่างเย็นชา

“อาศัยเพียงเจ้าน่ะหรือ?” นักพรตเทียนซ่านสีหน้าเต็มไปด้วยความดูแคลน

“ซูเฉิน เจ้าคิดว่าตัวเองไร้เทียมทานรึไง? รู้หรือไม่ว่าตัวตนระดับขอบเขตเทพเจ้าทรงพลังเพียงใด?” สัตว์ร้ายมิติขอบเขตเทพเจ้าสองตนเริ่มพากันเยาะเย้ย ขณะที่อสูรร้ายขอบเขตเทพเจ้าที่เหลือต่างมองซูเฉินด้วยสายตาดูถูก

เป็นแค่ผู้ฝึกตนระดับเทวะขั้น 10 แต่ดันกล้าขู่ว่าจะกุดหัวพวกเขาเหล่าขอบเขตเทพเจ้า ช่างไร้สาระสิ้นดี!

ทั้งหมดพาลคิดไปว่าสมองซูเฉินคงถูกกระทบกระเทือนจนเป็นบ้าไปแล้ว ไม่อย่างนั้น คงไม่กล้าบ้าบิ่น เอ่ยวาจาใหญ่โตเช่นนี้

“เชื่อไหมว่าฉันสามารถฆ่าพวกแกได้ในดาบเดียว!” ดวงตาของซูเฉินทอประกายเย็นยะเยือก พริบตานั้นระเบิดพลังแห่งจิตวิญญาณออกมา โถมไปยังร่างของนักพรตเทียนซ่าน

“ซูเฉิน! หยุดบ้าเสียที! มีขอบเขตเทพเจ้ามากมายอยู่ที่นี่ เจ้าไม่มีทางแตะต้องข้าได้แม้แต่เส้นผม ... ”

นักพรตเทียนซ่านกล่าวถึงคำนี้ ก็ชะงักไปอย่างกะทันหัน การแสดงออกทางสีหน้าเขากลายเป็นแข็งค้าง

ระหว่างนี้ เทียนซ่านรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงพลังที่มองไม่เห็น แต่มหาศาลราวกับทะเลดวงดาวโถมกลืนร่างเขา สูญสิ้นความสามารถในการเคลื่อนไหว

ทั้งๆที่ตนมีพลังในขอบเขตเทพเจ้า ก็ยังไม่อาจสลัดหลุดได้

“ทำไมพลังจิตของเจ้าถึงได้ทรงพลังขนาดนี้!” นักพรตเทียนซ่านเบิกตากว้าง หากมองลึกเข้าไปจะเห็นว่ามันเต็มไปด้วยความตกใจ อ้าปากกรีดร้องออกมา

ต่อให้ผ่าสมองเขาแล้วแหวกดู ยังไงก็คงไม่เจอความคิดที่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นนี้อยู่ดี

ซูเฉินยังไม่ก้าวสู่ขอบเขตเทพเจ้าด้วยซ้ำ แต่พลังจิตกลับติดปีกทะยานขึ้นมาเหนือกว่าเสียแล้ว!

“ยังมีอีกหลายเรื่องที่แกยังไม่รู้” ซูเฉินแสยะยิ้มเย็น ควบคุมพลังจิตดึงนักพรตเทียนซ่านลอยมาหาเขา

“ช่วยข้าด้วย!”

นักพรตเทียนซ่านหวาดกลัวจนลำไส้บิดเบี้ยว ร้องโวยวายอย่างบ้าคลั่ง

ตัวเขาในตอนนี้ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ หากถูกดึงเข้าไปใกล้ซูเฉิน คงมิแคล้วถูกกุดหัวอย่างง่ายดาย

สัตว์ร้ายมิติขอบเขตเทพเจ้า สองตนได้สติกลับมา บินเข้าหาซูเฉินอย่างรวดเร็ว

พวกเขากับนักพรตเทียนซ่านมีสถานะดั่งยืนอยู่คนละฝั่งของไม้กระดานแผ่นหนึ่ง หากนักพรตเทียนซ่านถูกสังหาร แล้วสมดุลไม้กระดานพังลง พวกเขาคงไม่อาจมีชีวิตที่ดีได้เช่นกัน

“ไสหัวไป!”

ซูเฉินคำรามลั่น เสียงเขาเสมือนฟ้าร้อง สั่นสะเทือนในชั้นอวกาศ

หนังศีรษะของสัตว์ร้ายมิติในขอบเขตเทพเจ้าสั่นสะเทือนจนด้านชา แต่ก็ไม่คิดถอยหนี กัดฟันพุ่งเข้าหาซูเฉิน

“ในเมื่อพวกแกรนหาที่ตายเอง งั้นก็ไปที่ชอบที่ชอบก่อนใครเพื่อนเลยแล้วกัน!”

ทั่วร่างของซูเฉินก่อตัวเป็นชั้นของกลิ่นอายสังหาร ตัวเขาเวลานี้ราวกับอสูรกายดุร้าย กุมดาบสงครามสีดำสนิทในมือ ฟาดฟันไปทาง สัตว์ร้ายขอบเขตเทพเจ้าทั้งสองตัวจากระยะไกล

ในชั่วพริบตาเดียว กระแสคลื่นสามสีกระเพื่อมไปเบื้องหน้า

ในเวลาเดียวกัน มหาเพลิงเอกลักษณ์สามดวงที่เลื่อนขั้นเป็นระดับเทวะขั้น 10 ก็พากันกระโจนเข้าไปผสมโรง หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับมัน

ซี่ ซี่ ซี่ ..!

ในคราเดียว อวกาศโดยรอบคล้ายแตกเป็นเสี่ยงๆ กระแสพลังสามสายปลดปล่อยคลื่นความผันผวนของพลังเวทย์อันน่าสยดสยองถึงขีดสุดออกมา

ทุกแห่งหนที่มันกวาดผ่าน จะบังเกิดเสียงของการพังทลาย

“นี่มันกระบวนท่าสังหารอะไรกัน!!”

เสียงอุทานดังขึ้นรอบด้าน อสูรร้ายขอบเขตเทพเจ้าซึ่งเดิมดูแคลนซูเฉิน แต่ละตนตื่นตะลึง ในดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ

สัตว์ร้ายขอบเขตเทพเจ้าสองตนหวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ ทุ่มสุดกำลัง เพื่อปกป้องชีวิตตัวเองเอาไว้

บรึ้ม! บรึ้มม!

ตามมาด้วยเสียงระเบิดสะเทิ้นฟ้าสะเทือนดินสองครั้งติด สัตว์ร้ายขอบเขตเทพเจ้า ทั้งสองถูกกระแสพลังสามสายเข้ากลืนกิน ระเบิดตัวแตกตาย จบชีวิตคาที่ ศพหายไปไม่เหลือแม้แต่กระดูก!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด