ตอนที่แล้วบทที่ 45 วันพิเศษ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 47 อาชญากรแซ่เจี่ยหลบหนี!

บทที่ 46 บริษัทหมาป่า


กำลังโหลดไฟล์

บทที่ 46 บริษัทหมาป่า

พอเห็นว่าเฉินฉียังไม่มีการตอบสนอง หลินถงซูจึงถามซ้ำอีกครั้ง “วันนี้เป็นวันพิเศษยังไง? เพื่อนคนหนึ่งของคุณเสียชีวิตวันนี้เหรอ?”

“เรื่องนั้นผมขอเก็บเป็นความลับก็แล้วกัน” เฉินฉีกลับมาแสดงท่าทางยียวนกวนประสาทเหมือนเดิม

ต่างคนต่างเงียบกันไป สายตาจดจ่ออยู่กับรายการวาไรตี้ในโทรทัศน์อยู่พักหนึ่งก่อนที่หลินถงซูจะพูดขึ้น “จริงสิ คุณเคยได้ยินเรื่องของซ่งหลางไหม?”

เฉินฉีที่กำลังกัดแอปเปิลเข้าปากชะงักไปเล็กน้อย “ใคร? แฟนเก่าคุณเหรอ?”

“จะบ้าเหรอ!? คนที่ฉันพูดถึงเขามีฉายาว่าเป็นอัจฉริยะยอดนักสืบ ได้ยินมาว่าเขาเก่งมาก ตราบใดที่แฟ้มคดีอยู่ในมือเขา ไม่มีคดีไหนที่เขาไขไม่ได้ ฉันแค่คิดว่าในเมื่อคุณเป็นคนหลงอันก็ควรได้ยินชื่อเสียงของเขามาบ้าง”

“ไม่เลย ผมเพิ่งย้ายมาที่นี่เมื่อประมาณสองปีก่อน”

“อ้าวเหรอ? ฟังจากสำเนียงของคุณแล้วไม่ยักรู้เลยว่าคุณเป็นคนต่างถิ่น”

“ทักษะการเรียนรู้ผมค่อนข้างรวดเร็ว พอได้คุยกับผู้โดยสารหลายคนเข้าสำเนียงก็เริ่มเปลี่ยน ทำไมจู่ ๆ คุณถามผมแบบนี้ล่ะ?”

“เปล่า ไม่กี่วันที่ผ่านมาฉันเพิ่งได้ยินเรื่องนี้มาจากพี่ชายของฉัน เลยคิดว่าบางทีคุณอาจจะรู้จักเขา”

รายการในโทรทัศน์ถึงช่วงพักโฆษณาพอดี หลินถงซูลุกขึ้นเพื่อนำชามจามไปเก็บในครัว ในใจเกิดความลังเลเล็กน้อย ‘ฉันควรไล่เขาให้กลับไปดีไหมเนี่ย?’ แต่พอเหลือบมองท่าทางเขาอีกครั้งแล้ว เขาก็ดูไม่มีพิษภัยอะไรแอบแฝง คงแค่อยากอยู่ที่นี่ต่ออีกสักพัก

หลังจากลังเลอยู่นาน ในที่สุดเธอจึงพูดขึ้น “ฉันว่าจะอาบน้ำ”

“โอ้! ตามสบายเลย” เฉินฉีตอบขณะที่ตายังจดจ่ออยู่กับโทรทัศน์

หลินถงซูหงุดหงิดมาก ‘ผู้ชายคนนี้แกล้งโง่รึไง?! ดูไม่ออกเหรอว่าฉันกำลังไล่คุณทางอ้อม?’

เธอเดินเข้าห้องน้ำไปพร้อมล็อกประตูไว้อย่างแน่นหนา คอยเงี่ยหูฟังเสียงความเคลื่อนไหวด้านนอกตลอดเวลาด้วยความไม่สบายใจนัก ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังนั่งบื้ออยู่ในห้องของเธอตอนนี้

ขณะนั้นเอง เธอได้ยินเสียงจานชามกระทบกัน ตามด้วยเสียงน้ำไหล

เธอรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมาก อยากแง้มประตูออกไปแอบส่องเหลือเกินว่าผู้ชายคนนั้นกำลังทำอะไรอยู่ แต่ก็ยับยั้งชั่งใจเอาไว้เสียก่อน

หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว พอเปิดประตูออกมาหลินถงซูก็พบว่าเขาไม่อยู่ในห้องอีกต่อไป จานในห้องครัวที่เธอตั้งใจกองทิ้งไว้ถูกล้างเรียบร้อยและคว่ำแทรกอยู่บนชั้นวาง โทรทัศน์ในห้องนั่งเล่นยังเปิดทิ้งไว้อย่างนั้น บนโต๊ะมีจานแอปเปิลที่หั่นและปอกเปลือกเรียบร้อยวางอยู่ ถัดมาเป็นกระดาษโน้ตที่เขาเขียนทิ้งไว้ “ผมกลับก่อน ได้เวลาพักผ่อนแล้ว พรุ่งนี้เจอกัน”

หลินถงซูอ่านไปยิ้มไปพลางหยิบแอปเปิลเข้าปาก

เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งสามคนนัดพบกันที่สถานีตำรวจเช่นเคย เฉินฉีกลับมามีชีวิตชีวาตามวิสัยปกติ วันนี้เขาถือถุงใส่กล่องอาหารเช้าติดมือมาด้วย สวีเสี่ยวตงทักทาย “เฮ้ วันนี้พี่เฉินเลี้ยงอาหารเช้าพวกเราเหรอเนี่ย?”

“ขอโทษที แต่นี่ไม่ใช่ของพวกคุณ”

“คุณคงไม่ได้ซื้อมาฝากหัวหน้าเผิงอีกแล้วใช่ไหม?” หลินถงซูพูดขึ้น

“ถ้าผมต้องการข้อมูลจากใคร ผมก็ต้องหาอะไรมาตอบแทนน้ำใจเขาเป็นธรรมดา”

“แหม คุณซื้อให้เขาแค่คนเดียวหรอกน่า กับพวกเราแล้วไม่เคยเห็นคุณจะซื้ออะไรให้เลยสักครั้ง ยังไงเราสองคนก็เป็นพันธมิตรร่วมงานกับคุณนะ” หลินถงซูพูดอย่างไม่สบอารมณ์

“โอเค ๆ ผมจะเลี้ยงพวกคุณทีหลังก็แล้วกัน”

เฉินฉีเดินเข้าไปที่แผนกนิติเวช ทันทีที่เข้าไปในห้องก็เห็นทีมแพทย์ชันสูตรและผู้ช่วยหลายคนกำลังนอนฟุบโต๊ะบ้าง เอนหลังกับเก้าอี้บ้าง แต่ละคนหลับสนิทจนได้ยินเสียงกรน ตะกร้าขยะข้างปลายเท้าเผิงซื่อจวี๋เต็มไปด้วยถ้วยกาแฟกระดาษที่ใช้แล้ว ดูเหมือนเมื่อคืนนี้พวกเขาก็อยู่โยงทำงานกันทั้งคืนตามเคย หลินถงซูอดคิดไม่ได้ว่าหัวหน้าเผิงชักจะแข็งแกร่งเกินไปแล้วที่สามารถดึงยาวสองคืนติดต่อกันได้

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า เผิงซือจวี๋ก็หันเก้าอี้กลับมา ขอบรอบดวงตาของเขาเป็นรอยคล้ำลึกลงไป ใบหน้าซีดเซียวกว่าปกติ เขาทักทาย “พวกคุณนี่เทียวไปเทียวมาบ่อยจริง ๆ”

“ผมมาขอความช่วยเหลืออะไรนิดหน่อย ผมอยากยืมใช้อุปกรณ์อะไรบางอย่าง” เฉินฉีพูดพร้อมวางกล่องอาหารเช้าลงบนโต๊ะ

เผิงซื่อจวี๋เหลือบมองกล่องในถุงพลาสติกแวบหนึ่งแล้วยิ้มเยาะ “ผมรู้อยู่แล้วว่าถ้าคุณไม่ต้องการอะไรคงไม่มาเที่ยวเล่นให้เสียเวลาหรอก หวังใช้งานอะไรสักหน่อยก็แกล้งมีน้ำใจไปอย่างนั้น”

“คุณปรามาสผมเกินไปแล้ว หรือจะให้ผมซื้ออาหารเช้าให้คุณทุกวันดีล่ะ? ผมขับรถผ่านหน้าร้านนี้ทุกเช้าเลยนะ”

“ประหยัดเงินไว้ใช้เองบ้างเถอะ อย่ามัวเอาอกเอาใจผมเลย... วันนี้คุณอยากจะยืมอะไรล่ะ?”

“ผมอยากได้ชุดอุปกรณ์สำหรับตรวจสอบคราบเลือด”

คราวนี้เผิงซื่อจวี๋ยอมรับคำขออย่างน่าประหลาดใจ เขายืนขึ้นและเดินไปที่ห้องด้านหลังก่อนกลับมาพร้อมกับกล่องชุดตรวจสอบทางนิติเวชสีขาวเงิน เขาถามว่า “คุณรู้วิธีใช้ไหม?”

“คุณสอนผมใช้หน่อยสิ!” เฉินฉียิ้ม

“เสี่ยวตงน่าจะใช้เป็น ขอให้เขาสอนคุณแล้วกัน ทำงานเสร็จแล้วกรุณานำกลับมาคืนในสภาพที่สมบูรณ์ด้วย”

“ขอบคุณมาก!”

เฉินฉีหยิบกล่องชุดตรวจไปพร้อมล่ำลาอีกฝ่าย ระหว่างทางหลินถงซูแซวเขา “ตอนนี้ดูเหมือนมิตรภาพของคุณกับหัวหน้าเผิงค่อนข้างไปได้สวยเลย”

“ภาพลักษณ์ภายนอกของเขาแค่ลวงตาให้คุณรู้สึกเกรงกลัวเท่านั้นเอง คนแบบนี้จัดการง่ายมาก ง่ายกว่าพี่ชายของคุณเยอะ”

“นี่ ทำไมต้องพูดพาดพิงถึงพี่ชายฉันด้วย?!”

“ผมไม่ได้พูดพาดพิงถึงเขาซะหน่อย แค่บอกว่าพี่ชายของคุณผูกมิตรด้วยค่อนข้างยาก”

เฉินฉีทำตามสัญญาโดยพาหลินถงซูและสวีเสี่ยวตงไปเลี้ยงอาหารเช้า จากนั้นพวกเขาจึงขับรถไปที่บริษัทคังซิงอิเล็กทรอนิกส์ ระหว่างวนหาที่จอดเขาขับรถวนแปลก ๆ ก่อนไปจอดอยู่ข้างรถยนต์คันหนึ่ง คนที่อยู่ในรถเป็นชายร่างอ้วนหัวล้าน ทันทีที่เห็นเฉินฉีเขาก็บ่นอุบ “ทำไมนายมาช้าจังล่ะ? ฉันต้องกดยกเลิกลูกค้าไปตั้งสามคนเชียวนะ”

“ขอโทษที ไว้ฉันเลี้ยงเหล้านายทีหลังนะ”

“นั่นแหละคือสิ่งที่ฉันต้องการ”

ชายหัวล้านยื่นถุงกระดาษใบหนึ่งให้เขาก่อนขับรถออกไป หลินถงซูชะโงกคอดูของด้านในอย่างอยากรู้อยากเห็น “มันคืออะไรเหรอ?”

“อาวุธลับ!” เฉินฉียิ้มกรุ้มกริ่ม

พวกเขาเข้าไปในบริษัทคังซิงอิเล็กทรอนิกส์และยืนรั้งรออยู่ตรงเชิงบันไดหน้าอาคาร เฉินฉีหันไปสั่งสวีเสี่ยวตง “เสี่ยวตง ผมมีภารกิจให้คุณทำ คุณตั้งโทรศัพท์ของตัวเองให้เปิดระบบสั่นไว้ ถ้าผมส่งสัญญาณเมื่อไหร่ให้คุณรีบออกไปทันที ระหว่างทางพยายามอย่าให้ใครเห็นคุณ แล้วตรงไปยังแผนกรักษาความปลอดภัยของบริษัทซะ ทำยังไงก็ได้เพื่อดึงดูดความสนใจของพวกเขาไว้ก่อน”

“อย่าบอกนะว่าเรากำลังจะทำอะไรไม่ดีไม่งาม?” สวีเสี่ยวตงยิ้มเจื่อน

“คิดมากน่า เราแค่ต้องการหลักฐาน เมื่อวานนี้ผมสังเกตอยู่ว่าตามทางเดินในบริษัทมีกล้องวงจรปิดติดอยู่ เพราะงั้นถ้าถูกกล้องจับภาพได้คงไม่ดีนักหรอก คุณช่วยดึงความสนใจพวกรปภ.ให้หน่อยจนกว่าผมจะโทรหา แค่นี้คุณก็เลิกงานได้แล้ว”

“รับทราบครับ!” สวีเสี่ยวตงยืนตรงโค้งคำนับ

ทั้งสามคนเดินเข้าไปในบริษัทและพบว่าแผนกต้อนรับไม่มีใครอยู่ ในห้องประชุมด้านข้างทางเดินมีเสียงพูดสลับสูงต่ำดังเล็ดลอดออกมา แม้พวกเขาไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด แต่ฟังจากน้ำเสียงแล้วไม่ต่างอะไรจากอาจารย์ใหญ่ที่กำลังดุด่าเด็กนักเรียน”

“เพอร์เฟกต์มาก! เรามาถึงตอนที่พวกเขาเข้าประชุมตอนเช้ากันอยู่พอดี!” เฉินฉีพูดต่อ “ตอนนี้แหละเสี่ยวตง!”

เสี่ยวตงเข้าใจและรีบวิ่งตรงไปยังแผนกรักษาความปลอดภัยทันที

เฉินฉีและหลินถงซูค่อย ๆ สืบเท้าเข้าไปใกล้กับห้องประชุมนั้น ประตูห้องถูกเปิดแง้มเอาไว้ เฉินฉีผลักมันอย่างเบามือให้เปิดกว้างขึ้นเล็กน้อย เห็นพนักงานกำลังยืนเรียงแถวโดยที่ยกมือขึ้นไพล่หลัง ผู้จัดการร่วงอ้วนที่เขาเจอเมื่อวานเดินวนไปรอบ ๆ พลางพูดสุนทรพจน์อันน่าสะอิดสะเอียน

“อย่าเอาแต่หวังว่าบริษัทจะให้อะไรพวกคุณได้บ้าง แต่พวกคุณควรคิดว่าสามารถให้อะไรกับบริษัทได้บ้าง?! คุณทุกคนล้วนเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท ควรมีความรู้สึกของเกียรติยศร่วมกัน ทำงานอย่างสามัคคีและเป็นทีม ใครเอาแต่คิดถึงผลประโยชน์ที่อยู่ตรงหน้านับว่าสายตามืดบอดมาก! พวกคุณมาอยู่ที่นี่ก็เพื่อทำธุรกิจ เข้าใจไหม?!”

“พูดพล่ามอะไรไร้ประโยชน์” หลินถงซูบ่นพึมพำ

หลังจากการพูดสั่งสอนล้างสมองที่ยาวนานของผู้จัดการสิ้นสุดลง เหล่าพนักงานได้ตะเบ็งเสียงท่องประโยคการเสนอขายสินค้าโดยพร้อมเพรียงกัน ฉากตรงหน้าดูไปแล้วไม่ต่างอะไรจากการฝึกทหารโหดแบบล้างสมองแล้วเรียบร้อย

จากนั้นผู้จัดการจึงพูดขึ้น “โอเค การประชุมตอนเช้าวันนี้จบแล้ว”

“ไปกันเถอะ” หลินถงซูดึงแขนเสื้อเฉินฉี

“เดี๋ยวก่อน”

พนักงานไม่ได้เดินออกจากห้องในทันที แต่พวกพนักงานหญิงได้เปลี่ยนมายืนต่อแถวเรียงหนึ่ง สีหน้าของพวกเธอเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน ส่วนบางคนมีสีหน้าเย็นชา

พนักงานหญิงเดินผ่านโดยผู้จัดการเจ้าไขมันทีละคนเพื่อยื่นหน้าไปจูบเขา! หลินถงซูตกใจถึงขั้นยกมือขึ้นปิดปาก ‘นี่มันธรรมเนียมบ้าบออะไรกัน!?’

ผู้จัดการคนนี้ดูเหมือนจะสนุกกับกระบวนการทักทายหลังจบประชุมมาก ทุกครั้งที่เขาจูบพนักงานหญิงและผละออกเขาจะพยักหน้าอย่างพึงพอใจ พอพนักงานหญิงคนดังกล่าวมีทรวดทรงองค์เอวและใบหน้าที่สะสวย นอกจากจูบแล้วยังไม่พอ เขายังเอื้อมมือไปบีบก้นของพวกเธออีกด้วย

ถ้าพนักงานหญิงคนไหนรีบทำรีบเดินผ่านให้จบ ๆ ไป เขาจะดึงตัวเธอกลับมาและบังคับให้ทำ ‘ธรรมเนียมทักทาย’ แบบเมื่อกี้อีกครั้ง

พนักงานชายที่ยืนเรียงแถวหน้ากระดานอยู่ถัดไปต่างก้มหน้างุด ดูเหมือนพวกเขาก็ไม่เต็มใจจะมองฉากอุจาดตาตรงหน้าเท่าไหร่นัก

“ช่างเป็นศูนย์รวมของวัฒนธรรมหมาป่าที่อุบาทว์สิ้นดี! ทำเหมือนบริษัทเป็นอาณาจักรเล็ก ๆ ที่ตัวเองมีอำนาจสูงสุดแล้วปฏิบัติต่อพนักงานในองค์กรเยี่ยงทาส!” เฉินฉียิ้มเยาะด้วยความรู้สึกขมขื่น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด