ตอนที่ 13 แกอย่ามาเสแสร้งดีกว่า
“ตงหมิง นี่เพื่อนนายเหรอ?”
ผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมาจากหลังเคาน์เตอร์ หุ่นของเธอนั้นเซ็กซี่อย่างมากและหากดูหน้าเธอก็จะรู้ได้ทันทีว่าเธอเป็นเน็ตไอดอล เธอยิ้มและเดินมาควงแขนของซ่งตงหมิง
ซ่งตงหมิงฮัมเพลงและแนะนำเธอให้รู้จักกับเขา “เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉันชื่อเย่เทียน เขานอนบนเตียงชั้นบนน่ะ”
“โอ้!” ผู้หญิงคนนั้นมองไปที่เย่เทียนและเห็นว่าเขาสวมเสื้อผ้าที่โทรมไม่มีแบรนด์ดังตั้งแต่หัวจรดเท้า จากสินค้าราคาถูกพวกนี้เธอจึงเลิกสนใจเขาในทันที
“เย่เทียน นายมาหางานทำเหรอ?” ซ่งตงหมิงถามและหยิบกระเป๋ารุ่นใหม่ที่มีราคา 30,000 หยวนขึ้นมา
“เปล่า แค่มาซื้อของน่ะ”
เย่เทียนพูดอย่างสบายๆ แล้วเขาก็หยิบกระเป๋าตัวอย่างขึ้นมาดู มันเป็นกระเป๋าใบเล็กๆใบนี้ที่ใส่ได้เพียงโทรศัพท์ ลิปสติกและทิชชู่ แต่ราคาของมันคือ 180,000 หยวน คนรวยพวกนี้ช่างสรรหาของมาใช้จริงๆ...
ซ่งตงหมิงยิ้มเมื่อได้ยินคำนั้นและอดไม่ได้ที่จะพูด “นายไม่เข้าใจหรอกเย่เทียน เราต่างก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นกันแล้วนายจะเสแสร้งทำไมล่ะ? ฉันรู้เรื่องฐานะครอบครัวของนายดี ของที่ถูกที่สุดอยู่ตรงหัวมุมข้างหน้าและกระเป๋าที่ถูกที่สุดคือหลักหมื่น”
“ห่อชิ้นนี้ให้ฉันด้วย” เย่เทียนโยนกระเป๋า 180,000 หยวนให้กับพนักงานอย่างไม่ใส่ใจ “ห๊ะ? เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะตงหมิง?”
แม่มันเถอะ? !
เมื่อกี้มันบอกว่าจะซื้อของราคา 180,000 งั้นเหรอ?
ไอ้คนน่าสงสารนี่มันไปถูกลอตเตอรี่มารึไง?
ซ่งตงหมิงหัวใจสลาย เขากลืนน้ำลายลงคอและก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร หญิงสาวข้างๆเขาที่ดูไม่มีความสุขอย่างมากได้เขย่าแขนเขาอย่างแรง “ตงหมิง ลองดูเขาแล้วกลับมาดูที่คุณสิ ทำไมคุณถึงขี้เหนียวแบบนี้ล่ะ? ฉันไม่เอากระเป๋าใบนี้แล้ว ฉันอยากได้แบบเขา” ซ่งตงหมิงกลอกตาอย่างเงียบๆ
180,000นะเฮ้ย!
ไม่ใช่ 18,000 !
เธอคิดว่าเงินมันปลิวมากับลมรึไง?
ในเวลานี้เย่เทียนก็สนใจแต่สินค้ารอบๆและไม่สนใจคนสองคนที่อยู่ข้างหลังเขา เขาหยิบกระเป๋าเข็มขัดและเสื้อผ้าและนำไปให้พนักงานเพื่อห่อให้
ฉินเยี่ยนที่อยู่ไม่ไกลกระซิบว่า “ดูพี่เย่สิผางเหว่ย เขารวยมากแต่เขากลับกินข้าวแบบธรรมดาและซื้อของข้างถนนอย่างหลุยส์วิตตอง แล้วลองดูนายสินายละอายใจบ้างไหม?”
ผางเหว่ยมองลงไปที่เสื้อของเขาที่ออกแบบเป็นการส่วนตัวโดยดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียง เขาค่อนข้างละอายใจ น่องไก่ย่างในมือของเขามันไม่หอมอีกต่อไปแล้ว เขากระซิบว่า “จากนี้ไปฉันจะเรียนรู้การใช้ชีวิตติดดินแบบพี่เย่”
ซ่งตงหมิงและไอดอลสาวได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด ใบหน้าของพวกเขาก็ตกตะลึงและในหัวของพวกเขาเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
หลุยส์วิตตองกลายเป็นสินค้าข้างถนนตั้งแต่เมื่อไหร่?
คิดจะเสแสร้งแล้วแต่ไม่ดูมาตรฐานของตัวเองหน่อยรึไง?
“เย่เทียน”
ซ่งตงหมิงทนไม่ไหวแล้วกับไอดอลสาวที่อยู่ข้างๆเขา เขาเดินเข้าไปหาเย่เทียนและพูด “นายอย่าทำแบบนี้เลย ถ้านายซื้อของพวกนี้ได้ฉันจะยอมยืนด้วยมือแล้วกินอึโชว์เลย”
“ถ้ามีก็คือมี ถ้าไม่มีก็คือไม่มี ฉันไม่หัวเราะนายหรอกแล้วจะเลิกเสแสร้งได้รึยังล่ะ? สองคนนั้นจ้างมาวันเท่าไหร่100หรือ200”
ซ่งตงหมิงถอนหายใจ
เขาไม่ต้องการเปิดเผยเย่เทียนแต่เพราะคนที่อยู่ข้างๆเขามันน่ารำคาญเกินไปจนทำให้เขาหาทางลงไม่ได้
เย่เทียน ???
เย่เทียน “นายหมายความว่ายังไงตงหมิง ฉันแค่มาซื้อของให้ตัวเองแล้วทำไมฉันแค่แกล้งทำด้วย?”
“ยังไม่เลิกอีก” ซ่งตงหมิงหมดหนทางจึงเอื้อมมือไปช่วยเย่เทียนปรับคอเสื้อและพูด “ฉันรู้ว่านายเกลียดฉันตอนที่อยู่ที่มหาลัยแต่เรื่องนี้ในควรจบไปได้แล้ว นายไม่ต้องมาแสดงต่อหน้าแฟน นายบอกเองว่านายเป็นคนน่าสงสารที่ได้เงินสนับสนุนเดือนล่ะหมื่นหยวน แล้วแบบนี้น่าจะกล้าซื้อของแพงแบบนี้ได้ไง นายคิดว่าคนอื่นโง่เหรอ?”
เย่เทียนเข้าใจและยิ้ม “พูดจริงรึเปล่าที่บอกว่าจะยืนด้วยมือแล้วกินอึ?”
ซ่งตงหมิง “นายเล่นใหญ่จริงๆเย่เทียน ฉันขอเตือนเลยนะถ้านายจ่ายไม่ได้แล้วนายจะขายขี้หน้า”
เย่เทียนส่ายหน้ายิ้ม
“ไอ้ค**! ไม่มีเงินแล้วยังมาแกล้งทำเป็นว่ารวยอีก”
ไอดอลหญิงรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย เธอคิดว่าเธอได้พบกับคนรวยที่ทำตัวติดดินแต่คิดไม่ถึงว่ามันจะแค่พวกแกล้งทำเป็นรวย นี่เป็นการดูถูกไอคิวของเธอชัดๆ!
“ในเมื่อนายมันไร้ยางอายนัก ก็อย่ามาโทษฉันแล้วกัน” ซ่งตงหมิงเยาะเย้ย “ฉันบอกว่า ถ้านายสามารถซื้อของที่นี่ได้ ฉันจะยืนด้วยมือแล้วกินอึแต่ถ้านายทำไม่ได้ หึหึ...”
“โอ้! นั่นประธานฉินกับประธานผาง อะไรทำให้พวกคุณมาที่นี่ล่ะ?” ขณะที่เขาพูด ชายวัยกลางคนในชุดสูทก็ได้เดินตรงเข้ามาจากข้างนอกและจับมือของฉินเยี่ยนและผางเหว่ย
“ไม่มีอะไรหรอก แค่ออกมาเดินเล่นพี่พี่ชายน่ะ แล้วเรื่องของนายล่ะ?” ผางเหว่ยพูดด้วยรอยยิ้ม
“ต้องขอบคุณพวกคุณทั้งสองคน ทุกอย่างจึงเรียบร้อยดี” ชายวัยกลางคนไม่ใช่ใครอื่น เขาคือผู้ผูกขาดการขายหลุยส์วิตตอง “คุณผาง คุณช่วยแนะนำพี่ชายของคุณให้ผมรู้จักหน่อยได้รึเปล่า?”
“นั่นไง” ผางเว่ยยกมือขึ้นและชี้ไปที่เย่เทียน “พี่เย่”
“คุณเย่!”
ชายวัยกลางจับมือเย่เทียนอย่างแน่นราวกับว่าเป็นพ่อที่แยกจากลูกชายมาหลายปี
เย่เทียน “คุณคือ?”
“เขาคือเหล่าซู” ผางเหว่ยยิ้ม “เหล่าซู คุณมีส่วนลดให้พี่เย่ของไหม?”
“ดูคุณพูดสิ จะไม่มีส่วนลดให้ได้ยังไงล่ะ!” เหล่าซูยิ้มและพูดกับพนักงานสาวที่กำลังตัวสั่น “ในอนาคต ถ้าหท่านทั้งสามคนนี้มาซื้อของที่นี่ พวกเขาจะได้รับส่วนลด40%!”
“ค่ะ! หัวหน้า!”
พรึบ!
พนักงานทุกคนโค้งคำนับ
ใบหน้าของเย่เทียนดูไม่ค่อยดีนัก เขาหรี่ตามองเหล่าซู "อย่าไปฟังพวกเขาเลยเหล่าซู ของซื้อของขายจะลดราคาได้ยังไงล่ะ? ใช้ราคาเดิมนี่แหละ!”
“เอ่อ...” เหล่าซูรู้สึกอาย
ผางเหว่ยอ้าปากค้างและพูดด้วยความเศร้า “ฉันขอโทษนะพี่เย่ที่พูดเรื่องแบบนี้ จะเป็นไปได้ยังไงที่พี่จะไปซื้อของลดราคาแบบนั้น ฉันนี่มันน่าอายจริงๆ!”
ในขณะนั้นเอง
ซ่งตงหมิงเข้าใจได้ในทันทีซึ่งแม้แต่หมูที่โง่มาเห็นก็ยังรู้ เย่เทียนนั้นเป็นคนรวยถึงขนาดที่ว่าหัวหน้าที่ผูกขาดการขายหลุยส์วิตตองยังมาหาเขาด้วยตัวเอง
ผางเหว่ยไม่ยอมปล่อยให้เขาไป เขาคว้าคอเสื้อของซ่งตงหมิงแล้วพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ “อย่าพึ่งไปสิ เรายังมีเรื่องที่ต้องทำกันอยู่นะ”
ซ่งตงหมิงกลัวมาก “จะ...จะทำอะไรน่ะ?”
ปี๊บ!
“ชำรเงินสำเร็จ”
“ยอดเงินในบัตรของคุณคือ 1,133,355 ล้าน”
เสียงผู้หญิงอิเล็กทรอนิกส์ที่ไม่มีอารมณ์ใดๆดังจากโทรศัพท์ของเย่เทียน ซึ่งทำให้ร้านเงียบลง
เย่เทียนวางโทรศัพท์เครื่องเก่าด้วยท่าทางผ่อนคลาย
ใบหน้าของซ่งตงหมิงซีดขาว
1,100ล้าน...
สิ่งนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่านี่ไม่ใช่คนรวยธรรมดาแต่เป็น โครตคนรวย!
“เงินในกระเป๋ามีมากกว่าพันล้าน...”
“พี่เย่สุดยอดจริงๆ...”
“เยี่ยม!”
ฉินเยี่ยนถอนหายใจ ตอนที่เขาเจอเย่เทียนครั้งแรกเมื่อสองวันก่อน เขามักจะรู้สึกว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกันกับเย่เทียน แต่พอดูตอนนี้แล้วเขารู้สึกได้เลยว่าตัวเองเป็นเศษเหล็กและเย่เทียนเป็นเพชร
“เย่ เย่เทียน...เมื่อกี้ฉันแค่ล้อเล่นน่ะ เห็นแก่พี่ว่าพวกเราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน นายปล่อยฉันไปเถอะนะ” ซ่งตงหมิงกลัวจริงๆ
เย่เทียนยิ้มอย่างสดใส “ฉันอยากรู้จริงๆว่านายจะยืนคว่ำกินอึได้ยังไง”
ผางเหว่ยอาสา “อึของฉันมีกลิ่น ฉันจะเอาให้เขาเอง”
“ม่ายยย...!”