ตอนที่แล้วผมได้รับพลังแห่งลิชมาพิชิตสาวงาม ตอนที่ 5
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปผมได้รับพลังแห่งลิชมาพิชิตสาวงาม ตอนที่ 7

ผมได้รับพลังแห่งลิชมาพิชิตสาวงาม ตอนที่ 6


ผมได้รับพลังแห่งลิชมาพิชิตสาวงาม ตอนที่ 6

วันต่อมา เซี่ยเยี่ยนนอนขลุกอยู่บนเตียงตลอดทั้งช่วงเช้า กระทั่งข้าวปลาก็ยังไม่แตะ เมื่อคืนนี้เขาใช้งานร่างกายอย่างหนักหน่วง ทั้งการใช้คำสาปกระหายเลือดและคาถากักวิญญาณ หลังผลของคำสาปกระหายเลือดสิ้นสุดลง เซี่ยเยี่ยนก็รู้สึกปวดปวดเมื่อยไปทั่วทั้งร่างราวกับเพิ่งไปแข่งวิ่งมาราธอนมา

จ้าวเฉียงและฉินเจี้ยนเองก็เข้ามาถามอาการ หลังจากได้รับคำตอบว่าสบายดี พวกเขาก็ออกไปข้างนอก มหาวิทยาลัยเริ่มเปิดภาคเรียนแล้ว ดังนั้นต่างคนจึงต่างมีเรื่องที่ต้องไปทำ

หลังจากนอนยิงยาวยันบ่าย เซี่ยเยี่ยนก็ตื่นขึ้นมา ตอนนี้อากาศภายในห้องคงสักประมาณสามสิบแปดสามสิบเก้าองศา แต่ถึงแบบนั้นร่างกายของเขากลับไม่มีเหงื่อออกเลยสักนิด นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าร่างกายของเขากำลังอยู่ในสภาวะอ่อนแอ

"ใช้คำสาปโดยไม่มีฮอร์ครักซ์นี่โครตเหนื่อยเลย ตอนนี้มานาของฉันยังมีน้อยเกินไป ร่างกายแบกรับไม่ไหว ดังนั้นฉันจะต้องสร้างฮอร์ครักซ์ให้ได้โดยเร็ว!"

เซี่ยเยี่ยนสวมชุดและเดินไปเปิดตู้เก็บของ เขาหยิบมีดแกะสลักและหินสำหรับแกะสลักออกมาสองก้อน จากนั้นจึงหาถุงผ้ามาใส่พวกมันไว้ เขาหยิบมือถือและกระเป๋าตังค์ยัดใส่กระเป๋ากางเกง เมื่อตรวจดูว่าไม่ลืมอะไรแล้วก็ล็อคห้องและออกจากหอไป

ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ร้อนอบอ้าวที่สุดของวัน หลังจากเดินไปได้สักพัก เซี่ยเยี่ยนก็รู้สึกว่าร่างกายร้อนขึ้น เขาอดตัดพ้อต่อโชคของตนไม่ได้ ทั้งๆที่เขาไปช่วยคนมาแท้ๆ ทำไมถึงไม่มีเรื่องดีๆเกิดขึ้นกับเขาบ้าง

'เอาเถอะ ก็ใครใช้ให้ฉันจิตใจดีงามล้ำเลิศแบบนี้กันเล่า....แต่จะว่าไป สาวๆพวกนั้นก็หุ่นดีจริงๆแฮะ โดยเฉพาะอันเสี่ยวหรู...เอื๊อก....'

เมื่อนึกถึงอันเสี่ยวหรูที่ท่อนบนเปลือยเปล่าและสวมเพียงจีสติงตัวจิ๋วแล้ว เซี่ยเยี่ยนก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้ลงแรงโดยเสียเปล่า

เขามาถึงโรงอาหารขณะปล่อยให้จิตใจล่องลอยไป เซี่ยเยี่ยนสั่งบะหมี่ต้มยำมาชามหนึ่ง เขายังขอให้เจ้าของร้านใส่น้ำมันพริกเพิ่มลงไปอีกสองช้อน

เซี่ยเยี่ยนหาโต๊ะว่างนั่งลงก่อนจะเริ่มโซ้ยบะหมี่ รสชาติอันเผ็ดร้อนทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย

มีคนกลุ่มหนึ่งเดินมานั่งโต๊ะที่ด้านหลัง แต่เซี่ยเยี่ยนก็เพลิดเพลินอยู่กับการกินโดยไม่ได้สนใจ แต่เมื่อกลิ่นหอมอ่อนๆคล้ายแชมพูลอยมาเตะจมูก เขาก็เดาว่านักศึกษากลุ่มนี้คงเป็นผู้หญิง

"นี่อันนา เมื่อคืนเธอเห็นอะไรเหรอ?" เสียงเล็กๆดังมาจากทางด้านหลังของเขา มือที่ถือตะเกียบของเซี่ยเยี่ยนพลันชะงักกึก ใบหูของเขากระดิกเบาๆอย่างตั้งใจฟังก่อนจะสรุปได้ว่าเจ้าของเสียงก็คือหญิงสาวหน้าตาธรรมดาที่พบเมื่อคืน

'เฮ้อ โลกมันช่างกลมจริงๆ ดันมาเจอศัตรูในทางคับแคบซะได้!'

"ใช่ๆ พี่อันนา ที่ฉันเห็นเมื่อคืนนั่นของจริงมั้ย? คงไม่ใช่ความฝันใช่มั้ย?" เสียงอันน่ารักของเสี่ยวหวี่ดังขึ้น

"เสี่ยวหวี่ ยัยเซ่อ หรือเธอจะบอกว่าเรื่องเมื่อคืนมันแค่ความฝัน?" อันเสี่ยวหรูพูดเสียงดุ

ได้ยินเสียงของอันเสี่ยวหรู ในหัวก็อดนึกไปถึงฉากอันวาบวามที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ได้

"เธอแน่ใจเหรอว่าอยากฟังจริงๆ?" อันนาลดเสียงถาม

"อยาก!" สามสาวตอบอย่างพร้อมเพรียง

"โถ่เอ๊ย ฉันดันลืมพกบัตรอาหารมาซะได้!" อันนาพลันอุทานออกมา

"รูดบัตรฉัน!" อันเสี่ยวหรูกัดฟันกรอด

"เดี๋ยวหนูไปยกอาหารให้!" เสี่ยวหวี่เสนอตัว

"เดี๋ยวฉันไปช่วยด้วย" หญิงสาวหน้าตาธรรมดาพูดเสริม

"นี่เป็นพวกเธอพูดเองนะ!" อันนาหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์ จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า "เสี่ยวหรู จำไว้ว่าขออาหารดีๆล่ะ อ้อใช่! เค้กกับโค้กด้วย!"

"ยัยตะกละเอ๊ย!" อันเสี่ยวหรูจ้องหน้าอันนาอย่างอาฆาต

จากนั้นไม่นาน เสี่ยวหวี่และสาวหน้าตาธรรมดาก็วิ่งไปกลับถึงสองรอบถึงจะขนอาหารมาได้ทั้งหมด

"ตอนนี้เปิดปากได้แล้วสินะ?" อันเสี่ยวหรูจ้องมองอย่างดุร้าย

"งั้นฉันจะเล่าล่ะนะ!" อันนาจิบโค้กคำโตเพื่อให้ชุ่มคอ จากนั้นจึงพูดด้วยเสียงอันเบา "เมื่อคืนนี้ เสี่ยวหรูถูกผีที่เรียกมาจากผีถ้วยแก้วเข้าสิง!"

สามสาวกลายเป็นนิ่งไป ผ่านไปครู่หนึ่ง อันเสี่ยวหรูที่แสร้งเป็นเยือกเย็นก็พูดขึ้น "ใครจะไปเชื่อ! อันนา อย่ากุเรื่องสิ!"

"เสี่ยวหรู บางที....ที่พี่อันนาพูดอาจจะเป็นเรื่องจริง!" เสี่ยวหวี่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว "ฉันจำสิ่งที่เห็นได้ก่อนจะสลบไป ดวงตาของเธอ ฉันจำได้...ดวงตาของเธอมันดำสนิท ไม่มีสีขาวเลย!"

"ใช่ๆ ฉันก็จำได้!" สาวหน้าตาธรรมดาเริ่มพูดขึ้นบ้าง "ฉันตั้งใจจะวิ่งหนี แต่เสี่ยวหรู เธอจับข้อเท้าของฉันไว้ มือเธอเย็นมาก หลังจากนั้นฉันก็สลบไป เมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้า ที่รอบข้อเท้าของฉันยังเหลือรอยฝ่ามือสีดำอยู่เลย มันพึ่งหายไปเพราะโดนแดดเมื่อไม่นานนี้เอง น่าขนลุกมาก!"

"ไม่มีทาง! พวกเธอต้องรวมหัวกันกุเรื่องขึ้นมาหลอกฉันแน่ๆ!" อันเสี่ยวหรูโพล่งออกไปอย่างไม่มั่นใจนัก

"นี่เธอจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ?" อันนาถามอย่างงุนงง

"ที่จริงก็...ก็พอจำได้นิดหน่อย" อันเสี่ยวหรูลังเลก่อนจะพูดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง

"ฉันคิดว่ามันแค่ความฝัน แต่พอพวกเธอพูดแบบนี้มันก็คงเป็นเรื่องจริง"

"ก็จริงน่ะสิ!" อีกสามสาวพูดขึ้นพร้อมกัน

"เธอจำอะไรได้บ้าง?" อันนาถาม

"ฉันจำได้แค่ว่ารู้สึกมีบางอย่างหลุดออกจากร่างกายไป หลังจากนั้นฉันก็อ่อนแรงและกำลังจะล้ม แต่มีคนมากอดฉันไว้และบีบก้นสองสามครั้ง....และจากนั้น....ฉันก็ได้ยินเสียงผู้ชายกำลังคุยกับอันนาก่อนจะสลบไป"