ตอนที่แล้วChapter 8
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 10

Chapter 9


I’m Not Interested In The Main Characters (แปลไทย)

Chapter 9

หลังการนัดหมายของทั้งเจ้าชายและดยุคเอสเตบัน บรรยากาศในภายคฤหาสถ์ก็ดูวุ่นวาย

เอลิเซียได้ยินแต่คำพูดว่า เธอจะถูกใจใคร ใครจะเข้ากับนายหญิงได้ดีกว่า ใครจะเหมาะสมกับนายหญิงมากกว่า

หากเธอเป็นมนุษย์ปกติ เธอคงไม่ได้ยินคำพูดเหล่านี้

เอลิเซียแอบชำเลืองมองแคสเซียน เธอสงสัยว่าเขาจะได้ยินด้วยหรือไม่

ไว้มีโอกาส ฉันจะลองถามคุณดู

ข้ารับใช้เริ่มทยอยเสิร์ฟอาหาร

แคสเซียนนั่งอยู่ตรงกันข้ามกับเอลิเซีย

“ทุกคนออกไปได้แล้วค่ะ”

“หากต้องการอะไรเพิ่มเติม เรียกเรานะคะ”

พวกเขาดูแปลกใจเล็กน้อย แต่ไม่นานพวกเขาก็โค้งคำนับและเดินออกไป เป็นเรื่องปกติที่ข้ารับใช้จะออกไปหลังจากเสิร์ฟอาหารเสร็จเรียบร้อย

เพราะไม่รู้ว่าแคสเซียนจะเผลอพูดอะไรบ้าง การให้พวกเขาออกไปก่อนย่อมดีที่สุด

สายตาของแคสเซียนดูทะเล้นขึ้นทันที เขาจ้องมองที่เอลิเซีย

“คุณทานอันนี้ไม่ใช่เหรอ? ไม่ใช่อันนั้นนี่”

แคสเซียนใช้นิ้วชี้ไปที่อาหารและต้นคอของเขาสลับกัน

เอลิเซียหัวเราะกับคำพูดของเขา

“คุณคิดว่าฉันเป็นตัวอะไร สัตว์ประหลาดงั้นหรือไง?”

“ไม่นี่ ไม่มีสัตว์ประหลาดที่ไหนสวยเท่านี้หรอก”

เอลิเซียมองจ้องไปที่เขา

“คุณไม่ได้ตั้งใจให้ฉันทำแบบนั้นจริงๆ หรอกน่า”

แคสเซียนเอ่ยปากอีกครั้ง

“ฝั่งนี้เหรอ? หรือฝั่งนี้ดีล่ะ?”

เขาชี้ไปที่ทั้งสองฝั่งของท้ายทอยตัวเอง

เอลิเซียพยายามไม่สนใจ เธอเปิดฝาครอบจานของตัวเองที่อยู่ตรงหน้า พบว่ามันคือสเต็กย่างแบบแรร์

เขาอยู่ตรงหน้าตอนนี้แท้ๆ การกินเจ้านี่มันจะมีประโยชน์อะไรกัน เฮ้อ!

เอลิเซียชำเลืองมองเขาที่เริ่มกินอาหารอย่างเงียบๆ

สายตาของเธอเลื่อนไปที่มือของเขาที่กำลังถือมีดหั่นสเต็กอยู่

เส้นเลือดที่หลังมือนั่น ทำให้เธอน้ำลายไหล เอลิเซียเผลอดูดปลายส้อมไม่รู้ตัว

แคสเซียนรู้สึกได้ถึงการมองจ้อง เขาพยายามทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

เพราะเขาคิดว่าเธอต้องโกรธแน่ๆ ถ้าเขาเผลอหลุดหัวเราะออกไป

สายตาของนักล่าที่จ้องมองเหยื่อ มันอาจดูอันตราย

แต่สำหรับแคสเซียน เขาไม่คิดเช่นนั้น เขากลับคิดว่ามันน่ารักและมันทำให้เขาจดจ่อกับการกินได้ยาก

การได้เห็นเธอกินเนื้อเป็นภาพที่ไม่คุ้นตาเอาเสียเลย

เอลิเซียรีบตัดสเต็กอย่างรวดเร็วราวกับถลกหนังของแกะ

วันนี้เธอได้กลิ่นของเขานานเกินไปแล้ว เธอเริ่มอับอายกับคำสาปแวมไพร์ที่วนเวียนอยู่ตอนนี้

หลังมื้ออาหาร แคสเซียนชื่นชมกับพ่อครัวว่าเป็นมื้อที่ดีมาก

เอลิเซียส่ายหัวให้กับมารยาของเขา

มื้ออาหารจบแล้ว เธอควรเดินไปส่งเขาและกลับไปพักผ่อน แต่เธอยังมีบางอย่างที่อยากพูดอยู่

“ไปเดินเล่นกันเถอะค่ะ”

เอลิเซียคว้าข้อมือของเขาและเดินนำไป

เสียงกระซิบของเอลิเซียถูกมองว่าเธอเป็นสาวขี้อายในสายตาของเหล่าข้ารับใช้

แม้ว่าเธอจะไม่ได้บอกให้พวกเขาเดินออกไปห่างๆ แต่พวกเขาก็รู้หน้าที่

“คุณแทบจะไม่ได้กินเลย แบบนี้มันโอเคเหรอ?”

“ฉันแค่ไม่อยากอาหารค่ะ”

“ดูเหมือนคุณน่าจะกำลังอยากกินผมอยู่นะ”

ฉันควรบอกคุณไหมว่า กลิ่นของคุณมันยั่วยวนใจฉันมาก

เอลิเซียถอนหายใจเฮือกใหญ่

สิ่งที่เธอสงสัยแล่นเข้ามาในหัว เธอจึงเอ่ยปาก

“ฉันอยากรู้เหตุผลที่เราจะต้องเจอกันแบบนี้ต่อไป? มันดูไม่มีความหมายเลย”

“มีสิ และตอนนี้คุณก็ต้องการการช่วยเหลือจากผม ถูกไหม?”

เอลิเซียกัดปาก

นั่นเป็นคำพูดที่ถูกต้อง

เรื่องมกุฎราชกุมาร

แค่แกล้งทำเป็นคู่รักมันยังไม่พอหรือไง? ยังไงสุดท้ายต่างคนก็ต้องต่างแยกย้ายกันไปอยู่ดี

โชคร้ายที่ตัวละครหลักในความสัมพันธ์นี้คือ เธอ

หากเป็นเมื่อก่อนเธอคงทำไม่ได้ เพราะเอลิเซียคนเดิมรักเรวอส แต่ตอนนี้เธอไม่มีความรู้สึกกับเขาอีกต่อไปแล้ว เธอเลยไม่มีอะไรจะต้องเกี่ยวข้องอีก

หากดยุคโลเวลล์หันหลังให้กับเขา เหล่าขุนนางก็อาจจะทำเช่นนั้นตาม เรวอสต้องมีปัญหาแน่นอน

“ฉันจะให้ความร่วมมือกับการคอยจับตาดูของคุณ ดังนั้น คุณควรร่วมมือกับฉันด้วย”

“แล้วถ้าเกิดผมบอกว่าไม่ล่ะ?”

“เอ๊ะ! ก็คุณบอกว่าคุณจะช่วยฉันนี่นา?”

เอลิเซียหันมามองเขา

เหมือนเขากำลังคิดว่าเธอพูดเรื่องอื่นในตอนนี้

“คุณประกาศออกไปว่าคุณตกหลุมรักผมตั้งแต่แรกเห็นใช่ไหม?”

แคสเซียนเข้าใกล้เอลิเซียมากขึ้น

เธอถอยหลัง พยายามทิ้งระยะห่างให้เท่าเดิม

ปลายนิ้วของเธอเริ่มสั่นจากการจ้องมองของเขา

“ไม่ว่ายังไงก็ตาม เราก็ต้องเจอกันต่อไป ดังนั้น วิธีนี้จะเป็นวิธีที่ดีและสะดวกที่สุดกับเราทั้งคู่”

แคสเซียนจะตีพิมพ์ข่าวทุกครั้งที่พบกัน หากข่าวเผยแพร่ออกไป ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาก็คงไม่คิดที่จะวิ่งหนีไปซักพัก เขาหัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจ

‘เขาอยู่ใกล้เกินไปแล้ว’

เธอต้องให้เขาไปก่อนที่เธอจะควบคุมตัวเองไม่อยู่

“ฉันคิดว่า ถึงเวลาที่คุณควรกลับได้แล้วค่ะ ดยุค”

“คุณใจร้ายกับผมจังนะ”

“ขณะที่กุมจุดอ่อนฉันอยู่แบบนี้ คุณคงมีสิ่งที่อยากแกล้งฉันเต็มไปหมดสินะคะ”

แคสเซียนเอียงใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา

“คุณจะดูเจ้าอารมณ์ ตอนที่คุณรู้สึกว่ากำลังอ่อนแออยู่งั้นเหรอ? ผมชอบแบบนี้จัง”

เอลิเซียขมวดคิ้ว

“รสนิยมของคุณนี่เพี้ยนจริงๆ!”

***

เมื่อคืนเอลิเซียตกลงจะเปิดตัวว่าเธอเป็นคนรักของแคสเซียนอย่างเป็นทางการ

แต่วันนี้กลับไม่มีข่าวอะไรออกมา

‘มันเป็นไปได้ยังไงนะ?’

เป็นไปไม่ได้ที่แคสเซียนจะเปลี่ยนใจ

มันไม่ใช่แค่ฝั่งของดยุคเอสเตบันเท่านั้นที่ตัดสินใจปล่อยข่าว

ฝั่งเธอเองก็พร้อมที่จะปล่อยข่าวเช่นกัน แต่เธอเองก็ยังไม่ได้เช็คเรื่องนี้ให้แน่ชัด

สาเหตุที่เอลิเซียวิตกกังวลชัดเจนขึ้นหลังมื้อกลางวัน

“สวัสดีเลดี้โลเวลล์ ผมฮานส์จากพระราชวังกลาง”

“…พระราชวังกลาง?”

ในจังหวะนั้น เอลิเซียคิดว่าตัวเองได้ยินผิดไป

คนเดียวที่จะมาจากพระราชวังกลางได้คือ จักรพรรดิ

คนของพระราชวังกลางไม่ได้มาพบดยุคโลเวลล์ แต่มาพบเธอ

เอลิเซียรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างกำลังผิดปกติ

เป็นเพราะเธอจำคำพูดของเรวอสเกี่ยวกับการหมั้นของเธอกับเขา

‘เรวอสคงไม่ได้คิดแบบนั้นใช่ไหม ? มันบ้ามากนะ.....’

“เลดี้...?”

“ฉันต้องเข้าวังเมื่อไหร่คะ?”

“ตอนเช้าของในอีกสามวันข้างหน้าครับ”

“โอเคค่ะ”

“งั้นผมขอตัวครับ”

คนจากพระราชวังกลางกล่าวลาอย่างสุภาพและเดินออกจากห้องเล่นไป

เอลิเซียขบริมฝีปากของเธอ ตอนจักรพรรดิเข้าร่วมงานเลี้ยง เธอสามารถมองเห็นเขาจากระยะไกลเท่านั้น

เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าจะได้พบกับจักรพรรดิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่พ่อของเธอไม่อยู่ที่นี่

เธอได้เข้าไปพัวพันในเรื่องอื้อฉาวกับมกุฏราชกุมารแล้ว

“หรือฉันต้องหนีไปจริงๆ เหรอ?”

เอลิเซียใช้ฝ่ามือแตะหน้าผาก

ได้โปรด หวังว่านี่จะไม่ใช่อย่างที่เธอคิด

***

เสียงหัวเราะอย่างเริงร่าของจักรพรรดิก้องกังวาลในห้องโถง

เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ เหงื่อเย็นเฉียบของเอลิเซียผุดขึ้น

เขาไม่ได้บอกเหตุผลที่เรียกพบเธอในทันที เขาถามคำถามเกี่ยวกับสิ่งนั้นสิ่งนี้ทั่วไป

เอลิเซียพยายามที่จะพบแคสเซียนก่อนเข้าเฝ้าจักรพรรดิ แต่แคสเซียนพูดแค่เพียงว่า มาหาเขาหลังจากเข้าเฝ้าจักรพรรดิเสร็จแล้ว

และในท้ายที่สุด เอลิเซียนั่งอยู่ในห้องโถงโดยที่ไม่รู้ว่าทำไมจักรพรรดิถึงอยากพบเธอ

“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเคลียร์ความสัมพันธ์กับเจ้าชายแล้ว เป็นเรื่องจริงไหม?”

“...เพคะ”

“มันเกิดขึ้นได้กับคนหนุ่มสาว ดังนั้น เลดี้อย่ารู้สึกไม่สบายใจที่ไม่มีใจให้เจ้าชายแล้วเลย”

ดูเหมือนเขาไม่ได้จะขอคำตอบอะไร

จักรพรรดิกำลังใคร่ครวญอะไรบางอย่าง เขาเอามือถูคางตัวเอง

เอลิเซียอยากจะถามว่ามันคืออะไร เธอสงสัยแต่ดูเหมือนเป็นเรื่องที่เธอไม่ควรรู้

“จะว่าไป ลองมาคิดๆ ดูแล้ว หลายวันมานี้มีข่าวคึกคักมาก การยังหนุ่มยังสาวนี่มันดีจริงๆ”

“…ขออภัยเพคะ ฝ่าบาท”

“ฮ่าๆ ไม่จำเป็น ทำตัวสบายๆ เถอะ นั่นเป็นเหตุผลที่ข้าเรียกเจ้ามาพบวันนี้”

จักรพรรดิทำราวกับเขากำลังระแคะระคายอะไรบางอย่างในตัวเธอ

เอลิเซียยิ้มกว้างให้กับความกังวลที่กำลังจะเกิดขึ้น

เห็นได้ชัดว่าเขากำลังพูดถึงข่าวอื้อฉาวรักสามเส้า

“ประเทศนี้ช่างปิดกั้นความต้องการของเลดี้เสียจริง”

“นั่นหมายถึง.... อะไรนะเพคะ?”

“เจ้าชายบอกว่าเขาต้องการแต่งงานกับเลดี้”

เธอต้องหาวิธีเก็บสีหน้าของเธอโดยด่วน

เธอบอกเขาว่า เธอเป็นคนรักของแคสเซียน แต่เธอเดาว่าเขาไม่ได้จะรับรู้อะไรแม้แต่นิดเดียว

‘หรือฉันต้องเข้าหอคอย ไปใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อศึกษาเวทมนตร์แทนดีไหม?’

เอลิเซียลูบแขนตัวเอง ทั้งการแต่งงานกับเจ้าชาย ทั้งการเข้าหอคอย แค่จินตนาการถึงก็รู้สึกแย่สุดๆ

การสมรสที่มาจากราชวงศ์จักรีไม่สามารถปฏิเสธได้ง่ายๆ

มันต้องมีเหตุผลที่ดีมากพอที่จะปฏิเสธหรือเหตุผลที่ไม่สามารถแต่งงานได้เลยตลอดชีวิต

นอกนั้นก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะสามารถยอมรับการปฏิเสธได้

“ข้าเรียกเลดี้มาเอง เพราะตอนนี้ดยุคโลเวลล์ไม่อยู่ หากดยุคอยู่ที่นี่ เขาต้องพยายามหาทุกวิธีที่จะหยุดเรื่องนี้โดยบอกว่าเลดี้ไม่ได้ต้องการ”

พ่อของเธอ ดยุคโลเวลล์และจักรพรรดิเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยเด็ก

มันจึงมีเหตุผลที่เรียกเอลิเซียมาเข้าเฝ้าก่อนเพื่อให้เธอตกลงและให้คำสัญญาก่อนล่วงหน้า

จักรพรรดิกำลังพยายามให้โอกาสเธอกลับตัวกลับใจ

“ฝ่าบาท หากหม่อมฉันสามารถทูลได้ หม่อมฉันอยากทูลว่า มกุฏราชกุมารต้องการตระกูลอื่นมากกว่าตระกูลของหม่อมฉันเพคะ”

ตระกูลของเธอสนับสนุนเรวอสมาตลอดและจักรพรรดิเองก็รู้ว่าแม้เธอเลิกกับเขา ยังไงตระกูลเธอก็ยังอยู่ข้างเรวอสอยู่ดี

แต่ทุกสิ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากกองกำลังของมกุฎราชกุมารและองค์ชายรองต้องเผชิญหน้ากันซึ่ง ๆ หน้า ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เรวอสก็ต้องหาผู้สนับสนุนตัวเองให้เยอะยิ่งกว่าเดิม อย่างเช่นครอบครัวของนางเอก ดยุคบลัง เขาสามารถดึงเอาตระกูลที่เป็นแกนนำของเหล่าขุนนางออกมาได้

“ใช่ แต่ถ้าหากเจ้าชายยังยืนกรานเช่นนั้น ข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยืนเคียงข้างเขา”

“โปรดทรงให้เวลาหม่อมฉันหน่อยเพคะ”

“ข้ารอได้ไม่นาน อย่าทำให้ข้าผิดหวังล่ะ”

“ขอบพระทัยเพคะฝ่าบาท”

“เวลา 10 วันเพียงพอหรือไม่?”

“เพียงพอเพคะ”

ซะที่ไหนกันเล่า ! มันไม่พอที่จะทำอะไรทั้งนั้นแหละ

ต่อให้พ่อของเธอจะกลับมาที่จักรวรรดิในเวลานี้ แต่ก็ต้องใช้เวลาถึง 2 สัปดาห์กว่าจะมาถึง

ตอนนี้มีเวลาเพียงสัปดาห์เดียวที่จะจบเรื่องนี้โดยเร็ว

เพื่อหยุดความวุ่นวายนี้ให้ได้ไวที่สุด เธอจะต้องเปลี่ยนใจเรวอสให้ได้หรือทำอะไรบางอย่างที่เรวอสจะไม่สามารถเรียกร้องกับจักรพรรดิได้อีก

ตอนนี้เอลิเซียรู้สึกอยากจะคว้าคอเสื้อของเรวอสขึ้นมา แล้วเขย่าให้เขาได้สติ

*****

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด