ตอนที่แล้วChapter 7
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 9

Chapter 8


I’m Not Interested In The Main Characters (แปลไทย)

Chapter 8

ความเงียบปกคลุมไปทั่วคฤหาสถ์

เอลิเซียแสดงออกทางสีหน้าว่าเธอไม่พอใจเป็นอย่างมาก

“ฝ่าบาท ฝ่าบาทจะเสด็จมาปุบปับเช่นนี้ไม่ได้นะเพคะ”

“ทำไมละ? เป็นเพราะดยุคเอสเตบันงั้นเหรอ?”

“ฝ่าบาทพูดเช่นนั้นอีกแล้วนะ หม่อมฉันไม่รู้ว่าทำไมฝ่าบาทถึงทรงทำเช่นนี้”

เรวอสนั่งลงและพิงหัวไปที่เก้าอี้

เธอรู้สึกได้ถึงความมั่นใจจากท่าทางที่เขาเชิดคางขึ้น

“เราคิดว่า เราต้องแก้ไขความเข้าใจผิดนี้กับเลดี้”

“ฮะ ว่าไงนะเพคะ?”

ริมฝีปากของเอลิเซียเปิดออกด้วยความประหลาดใจ

เรวอสกระแอมเล็กน้อย แม้ว่าจะมีท่าทีตอบกลับเช่นนั้นมา แต่เขาก็พูดต่ออย่างใจเย็น

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่ใช่เรื่องจริง... ที่จริงแล้ว เจ้าอยากจะหมั้นกับเราใช่ไหม?”

“….ไม่เพคะ”

ถึงแม้ว่าเขาจะเข้าใจผิด แต่เขาก็ดูมั่นใจมาก

ณ จุดนี้ ดูเหมือนน่าจะมีปัญหาเรื่องการสื่อสารเสียแล้วล่ะ

เขาคิดว่า เธอกำลังพยายามเรียกร้องความสนใจจากตัวเองโดยใช้ดยุคเอสเตบันเป็นเครื่องมือ

นี่มันเรื่องไร้สาระอะไรกัน

เอลิเซียเม้มปากพยายามที่จะไม่หัวเราะ แต่เธอก็ไม่สามารถควบคุมไหล่ไม่ให้เขย่าได้

“ทำไมเจ้าถึงบอกว่าอยากเลิกกับเรา ทั้งๆ ที่เจ้ากำลังชอบเราอยู่มากๆ ล่ะ ?”

เอลิเซียหลุดหัวเราะแค่เพียงสั้น ๆ

“ฝ่าบาท คู่ของฝ่าบาทไม่ใช่หม่อมฉัน แต่เป็นลูเมียร์ต่างหากล่ะเพคะ!”

คำพูดพวกนั้น ทำให้เรวอสลุกขึ้นนั่ง เขาดูซีเรียสมาก

จากนั้นไม่นาน เอลิเซียก็ตระหนักถึงความจริงจังของสถานการณ์

“มกุฎราชกุมาร หม่อมฉันตั้งใจจะกล่าวอำลาจากใจจริง ไม่ได้ต้องการหมั้นหรือต้องการแต่งงานกับพระองค์แต่อย่างใดเพคะ”

“เจ้ายังคงพูดโกหกจนถึงที่สุด ...เอาเป็นว่า เราขอโทษที่เราไม่ได้ให้ความสนใจกับเจ้าก่อนหน้านี้ โอเคไหม”

หรือเขาไม่พอใจที่เธอเป็นฝ่ายทิ้งเขาก่อน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าเธอเคยหลงเขามาก เป็นเพราะแบบนี้หรือเปล่านะ?

ให้ตายสิ เธอไม่อยากให้การพบกันของเรวอสและลูเมียร์พังไม่เป็นท่าเพราะเธอเลย

ขณะที่เอลิเซียกำลังคิดหาวิธีกำจัดเรวอสอยู่ พ่อบ้านก็เดินเข้ามากระซิบเธอ

“นายหญิง ดยุกเอสเตบันมาถึงแล้ว ให้ผมทำยังไงดีขอรับ”

“มาแล้วงั้นเหรอ?”

เอลิเซียลุกขึ้นเดินออกไปกับพ่อบ้าน พลางหันมามองเรวอส

เธอรู้ว่า หากเขาเห็นว่าดยุคเอสเตบันมาที่นี่ เขาจะต้องเข้าใจผิดมากแน่ๆ

‘เอ๊ะ... แต่เดี๋ยวก่อน... นั่นเป็นเรื่องที่ดีนี่นา’

จะเป็นยังไง ถ้าเรวอสคิดว่าข่าวลือกับดยุคเอสเตบันไม่ใช่แผนเรียกร้องความสนใจจากเขา แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ

คำถามคือ แคสเซียนจะร่วมมือกับเธอไหม แต่การลองดูก่อนก็เป็นความคิดที่ไม่เลว

‘ถ้าเขามาถึง ฉันจะลองทำเป็นแกล้งจีบเขาเสียหน่อย’

เอลิเซียรีบหุบยิ้มก่อนที่เธอจะหลุดขำออกมา

“ฝ่าบาท อันที่จริง วันนี้หม่อมฉันมีนัดกับใครบางคนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้แขกของหม่อมฉันน่าจะมาถึงแล้วเพคะ งั้นเราให้เขาเข้ามาร่วมโต๊ะน้ำชาด้วยกันไปเลยได้ไหมเพคะ”

“ได้เลย”

เรวอสตอบรับอย่างกระตือรือร้น เขาดูพออกพอใจ

เอลิเซียรู้สึกได้ว่าเขากำลังจ้องมองเรือนร่างเธออยู่

‘จ้องจนตาจะถลนอยู่แล้ว...’

มันน่าสร้างรอยช้ำสวยๆ ไว้รอบดวงตาคู่นั้นเสียจริง!

ต่อให้เขาจะเป็นพระเอกที่หล่อแค่ไหนก็ตาม แต่ความอดทนของเอลิเซียก็มีจำกัด

ไม่นานเธอก็เห็นใครบางคนถูกนำทางมาที่นี่

คนนี้ต่างหากที่คู่ควรกับการเป็นพระเอกมากกว่าอีก....

อ๊ะ นี่ฉันกำลังมองแคสเซียนด้วยฟีลลิ่งแบบลูเมียร์ นางเอกของเรื่องงั้นเหรอ ? ไม่ ๆๆๆ

เอลิเซียมองแคสเซียน พลางกลืนน้ำลาย

แคสเซียนอาจจะได้ยินพ่อบ้านเล่าสถานการณ์มาบ้างแล้ว

แขกที่มากระทันหันโดยไม่ได้รับเชิญ คือ เรวอส ดังนั้น เขาน่าจะควรขอโทษดยุคเอสเตบัน

เพราะการนัดหมายของเธอและแคสเซียนถูกกำหนดวันไว้ก่อนแล้ว

บทสนทนาก่อนหน้า พวกเขาต่างหยิบยกจุดด้อยของอีกฝ่ายมาข่มกัน เธอคิดว่า เดี๋ยวพวกเขาก็คงทำแบบนั้นกันอีก

“กระหม่อมไม่คิดว่าจะได้พบฝ่าบาทที่นี่”

เสียงทุ้มที่ดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้เรวอสหันกลับมาอย่างประหลาดใจ

ในตอนแรกเขากำลังเดาว่าแขกของเอลิเซียจะเป็นเลดี้จากตระกูลไหน แต่เขาต้องแปลกใจเพราะเป็นเสียงทักทายเขาเป็นเสียงผู้ชาย

และเจ้าของเสียงนั้นคือ ดยุคเอสเตบัน

เอลิเซียชายมองตามองแคสเซียนด้วยสายตาหวานซึ้ง

เธอสงสัยว่าเขาจะตอบรับมันไหม

“แคสเซียน คุณมาแล้วเหรอคะ?”

เสียงของเอลิเซียที่เรียกชื่อแคสเซียน ทำให้เรวอสขมวดคิ้ว

เขามองเธอและมีหลายสิ่งที่อยากจะพูด

ทำไมเรวอสเอาแต่ตามติด คอยเฝ้าเธออยู่แบบนี้ เหมือนเธอกำลังนอกใจเขายังไงยังงั้น?

แคสเซียนคิด แต่เขาต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นเธอเรียกชื่อเขาด้วยความสนิทสนม ไม่นานเขาก็ยกมุมปากขึ้น เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ได้เห็นปฎิกิริยาของเจ้าชายแล้ว มันก็น่าสนใจดีเหมือนกัน

‘และมันตลกด้วย’

แคสเซียนก้าวเข้าไปหาเอลิเซีย

“ครับ เอลิเซีย”

เขาจูบที่หลังมือของเธอเบาๆ แล้วนั่งลงข้างๆ เธอ

เรวอสไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรจนกว่า ข้ารับใช้จะเสิร์ฟชาให้แคสเซียนและเดินออกไปจากห้อง

เอลิเซียยังคงวุ่นอยู่กับการควบคุมลมหายใจเธอเองจากกลิ่นของแคสเซียน

เมื่อไหร่ฉันจะชินกับมันสักทีเนี่ย จะมีวันนั้นไหมนะ?

เธอสงสัยว่า หรือเธอควรให้น้ำหอมเป็นของขวัญแก่แคสเซียนดีไหม แต่เธอก็ล้มเลิกความคิดนั้นอย่างรวดเร็ว เพราะเซนส์การได้กลิ่นของเธอมันไม่ใช่เรื่องที่จะรับมือได้ง่ายขนาดนั้น

“เลดี้ เราคิดว่ามันจะเป็นการหยาบคายกับดยุคนะ ถ้าดึงเขาเข้ามาในธุระ ‘ของเรา’ สองคน”

มีเพียงคนบื้อเท่านั้นที่ไม่เข้าใจสถานการณ์และสามารถพูดประโยคนั้นออกมาได้

เขาพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง?

ตอนนี้ เธอไม่คิดว่าเธอจะจัดการกับสีหน้าของตัวเองได้

เธอก้มศีรษะลงและเหลือบไปด้านข้าง เอาฝ่ามือปิดใบหน้าด้วยความอับอาย

เมื่อแคสเซียนสบตาเธอเข้า เธอจึงส่งยิ้มให้เขา

เขามองตอบเธอด้วยความยินดีและถามว่า ‘เขาควรทำอย่างไร?’

แต่ในสายตาของเรวอส ทั้งคู่ดูเหมือนกำลังส่งสายตาให้กันและกันอยู่

“เราคิดว่า วันนี้ท่านควรกลับไปก่อน เราต้องการคุยกับเลดี้เป็นการส่วนตัว”

“เกรงว่าจะไม่ได้ ฝ่าบาท หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ กระหม่อมคิดว่ากระหม่อมต้องทูลฝ่าบาทตรงๆ”

เอลิเซียลลดมือที่ปิดใบหน้าลง และมองมาที่เขา

เรวอสจ้องเอลิเซียเขม็ง

ในตอนแรก เธอแค่พยายามปล่อยให้เรื่องนี้มันผ่านๆ ไป แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะไปกันใหญ่แล้ว

เรวอสเริ่มค่อยๆ รู้สึกหมดความอดทน

“เราว่า หยุดเล่นเกมนี้กันดีกว่านะ เลดี้”

เอลิเซียเอื้อมไปจับมือแคสเซียนไว้ ราวกับคิดถึงฝ่ามือนั้นมาก

เรวอสตกตะลึง เมื่อเห็นว่า เธอกำลังลูบไล้ฝ่ามือของแคสเซียนไปมา

สีหน้าและท่าทางของเอลิเซียที่มองไปที่แคสเซียนมีบรรยากาศของความหวาบหวิว

ถ้าให้พูดเกินจริง ราวกับว่าเธออยากจะกินแคสเซียนเสียตรงนั้น

มันแสดงออกชัดเจนมาก แต่เรวอสไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน

ใบหน้าของเรวอสกำลังแดงขึ้น เอลิเซียยิ้มให้เขา

เขาเปลี่ยนผู้หญิงทุกคืน แต่การเห็นสกินชิพต่อหน้าต่อตาแบบนี้ มันน่าอับอายมาก

“นั่นเป็นเหตุผลว่า ทำไมเจ้าถึงมีนัดกับดยุคเอสเตบันงั้นเหรอ?”

“ถูกต้องเพคะ หม่อมฉันตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกเห็นที่งานเลี้ยง”

ถ้าคุณอ่านได้ข่าวพวกนั้น คุณก็น่าจะรู้นะ

เธอปวดหัวเรื่องความลับกับดยุคเอสเตบันคนเดียวก็พอแล้ว เธอไม่อยากจะวุ่นวายกับปัญหาของเรวอสอีกต่อไป

อยากจะจบๆ มันเสียตรงนี้

“ช่างไร้สาระอะไรเช่นนี้....”

“ทำไมเพคะ มันไม่สมเหตุสมผลยังไง? ฝ่าบาทกับหม่อมฉันเลิกกันแล้ว และหม่อมฉันก็เพิ่งมีคนใหม่”

การที่เรวอสไม่สามารถตอบโต้อะไรออกไป ทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก

พูดได้คำเดียวว่า เขารู้สึกเสียศักดิ์ศรีเป็นอย่างมาก

“วันนี้ เราจะปล่อยไปก่อน”

“เดี๋ยวก่อนเพคะ!”

เรวอสพูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัว เขาพูดจบแล้วลุกขึ้นเดินจากไปทันที

เอลิเซียพยายามคว้าตัวเขาอย่างรวดเร็ว แต่มือของแคสเซียนรั้งเธอไว้อยู่ เธอจึงตามเขาไปไม่ทัน

เอลิเซียหันกลับไปมองมือที่ดึงเธออยู่กำลังสั่น

แคสเซียนกลั้นเสียงหัวเราะของตัวเองไว้ มืออีกข้างของเขากำลังจับท้องตัวเองตัวสั่นงอ

เอลิเซียหรี่ตามอง

“คุณดูมีความสุขนะ ดยุค”

“มาก”

เอลิเซียคลายมือตัวเองและกำลังจะปล่อยมือ แต่แคสเซียนดึงมือของเธอกลับไปที่เขา

“ปล่อยได้แล้ว”

“คุณเพิ่งเรียกผมด้วยชื่อเมื่อกี๊นี้เอง ทำไมถึงกลับมาเรียกดยุคอีกล่ะ”

“ก็ปกติฉันเรียกคุณแบบนี้นี่”

“ผมไม่ยักรู้ตัวแฮะว่าผมมีคนรักแล้ว”

เอลิเซียหลบสายตาของเขาเพราะมันยากที่จะต่อต้าน

‘มันไม่สนุกเลย ฉันเหนื่อย’

จะเรวอสหรือแคสเซียนก็เหนื่อยและยากพอกัน

คนหนึ่งมาเพื่อมองหาแต่สิ่งที่ตัวเองคิดและพูดไร้สาระ ส่วนอีกคนก็กำลังก่อกวนจุดอ่อนของเธอ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าร่างกายของเขากำลังยั่วเขี้ยวแหลมคมของเธออยู่

เอลิเซียดึงมือเธอออกและนั่งลง

“แล้วตอนนี้คุณจะทำยังไงต่อ?”

“คุณหมายถึงยังไงคะ?”

“ผมไม่คิดว่าเขาจะยอมแพ้ง่ายๆ ให้ผมช่วยคุณไหม?”

‘เขาบอกว่า เขาจะปล่อยไปก่อนวันนี้...’

แม้ว่าเขาจะเข้าใจผิด แต่เขาก็ดูจริงจังจริงๆ เป็นเพราะไม่เคยมีผู้หญิงที่ไหนปฏิเสธเขามาก่อนหรือเปล่า?

“คุณจะช่วยฉันยังไง? เล่นเป็นคู่รักเหรอ?”

“อะไรก็ได้”

“งั้นเปลี่ยนนัดเรา เจอกันแค่เดือนละครั้ง”

“ไม่”

เอลิเซียปัดผมแบบลวกๆ แคสเซียนหันมองตาม

“เอ...แต่ดูเหมือนผมจะรับบทคู่รักปลอมๆ นี่ ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วหรือเปล่านะ?”

“แล้วทำไมคุณถึงยอมทำล่ะ?”

“ผมทำเพราะผมสนุก”

“โกหก มันเป็นเพราะคุณอยู่ฝ่ายต่อต้านมกุฎราชกุมารใช่ไหม?”

แคสเซียนดูเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ครู่หนึ่ง

เขายกมือขึ้นคลายผมที่พันกันของเอลิเซียและเริ่มเอ่ยปาก

“งั้นเหรอ ผมไม่เคยคิดแบบนั้นเลย ฟังแล้วอาจจะเป็นอย่างที่คุณว่าก็ได้”

มือของแคสเซียนสัมผัสหูเอลิเซีย เธอหลับตาลงแน่นและลืมตาขึ้น

“อย่าแตะต้องฉันแบบนี้อีก ฉันไม่เคยบอกว่าจะเล่นบทคู่รักปลอมๆ กับคุณสักหน่อย”

“ก็คุณแตะต้องผมก่อน”

“โอเค เราต่างเคยแตะต้องกันหนึ่งครั้ง งั้นตอนนี้เราหายกันค่ะ จบนะ”

เอลิเซียดันมือของเขาออกและลุกขึ้นนั่ง

ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม

ถึงเวลาที่เธอต้องคิดหาวิธีแก้ไขสิ่งที่เธอทำลงไปสักที

“วันนี้อยู่ทานมื้อเย็นด้วยกันก่อนเถอะค่ะ”

***

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด