ตอนที่แล้ว80Y-ตอนที่ 40 ภาพวาดของชายหนุ่มที่กำลังฝึกฝน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป80Y-ตอนที่ 42 เทพในสายตามนุษย์

80Y-ตอนที่ 41 เทพมนุษย์ปรากฏตัวขึ้น


ภูเขาเส้าฉี ลานจัตุรัสด้านหน้าศาลาหลัก

ทุกคนได้คุกเข่าลงกับพื้น

ในหมู่พวกเขามี - นักพรตเต๋า ผู้หญิง คนชรา และ เด็ก…

คนเหล่านี้เป็นกลุ่มคนที่มารวมตัวกันที่นี่เพื่อดูการแสดง พวกเขาต้องการดูความขัดแย้งระหว่างวัดเส้าหลินและราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา

แต่ใครจะไปคิดว่ามันจะเกิดผลลัพ์เช่นนี้?

เหล่าผู้คนหลายพันคนได้ถูกบังคับให้คุกเข่าลงจนไม่อาจขยับได้

ยิ่งพวกเขาดิ้นรนเท่าไหร่ ความรู้สึกไม่สบายตัวก็หนักขึ้นมาเท่านั้น

แรงกดดันจากพลังกำปั้นเหล่านี้รุนแรงมากมันคล้ายกับเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ

มันทำให้พวกเขารู้สึกว่าตนเองกำลังลุกไหม้

มันช่างน่าอึดอัดจริง ๆ

นี่เป็นฉากที่น่าตกใจ

ทันทีที่เป่ยไห่หยิบภาพวาดออกมา เขาก็สามารถปราบปรามวัดเส้าหลินได้ในทันที กระทั่งผู้คนที่มาชมการแสดงในวัดเส้าหลินก็ถูกระงับเช่นเดียวกัน

พวกเขารู้สึกแย่มาก

ถ้าพวกเขารู้แต่แรกว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้น พวกเขาคงไม่มาที่นี่เพื่อชมการแสดง นี่ถือเป็นหายนะสำหรับพวกเขาอย่างแท้จริง

นักบวชของวัดเส้าหลินยังคงดิ้นรนต่อไป

พวกเขาทั้งหมดโกรธเคืองและอับอาย

อย่างไรก็ตาม เมื่อ นักบวชอาวุโส พูดขึ้น ทุกคนก็เงียบ

เจ้าอาวาสวัดเส้าหลินได้สั่นศีรษะอย่างไม่เชื่อ

ดวงตาของเขาแดงก่ำและมองไปที่นักบวชอาวโส“เมื่อครู่ท่านพูดว่าอะไรนะ?”

นักบวชอาวุโสกล่าวด้วยท่าทีอย่างลำบาก“อาตมาบอกว่านี่อาจจะเป็นพลังของเทพมนุษย์!”

“เป็นไปไม่ได้!”เจ้าอาวาสปฏิเสธอย่างฉุนเฉียว เขาได้สั่นศีรษะอย่างบ้าคลั่ง แม้ว่าเขาจะยังคุกเข่าอยู่แต่สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

“หลังจากการร่วงหล่นของเทพมนุษย์คนสุดท้ายก็คือ 1,500 ปีที่แล้ว ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยมีเทพมนุษย์คนใหม่ปรากฏตัวขึ้น!”

“นี่อาจจะเป็นแรงกดดันที่ทรงพลังแต่เป็นไปไม่ได้ที่มันจะมาจากเทพมนุษย์ผู้นึง!”

เจ้าอาวาสได้หาข้อแก้ตัวให้ตัวเอง

เขาปฏิเสธที่จะเชื่อว่าพลังอันไร้ขอบเขตนี้เป็นของเทพมนุษย์

หากเป็นเรื่องจริง วัดเส้าหลิน ก็คงพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิงและไม่สามารถต่อกรได้

วัดและอารามนับไม่ถ้วนที่วัดเส้าหลินได้สั่งสมมาตลอดหลายร้อยปี เหล่าผู้ศรัทธาและสมบัติจำนวนมากของพวกเขา ก็จะถูกพรากไป

ดังนั้นเขาไม่ต้องการยอมรับตัวตนของเทพมนุษย์!

แต่ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้

คำพูดของนักบวชอาวุโสทำให้ทุกคนล้วนตกใจ

รวมทั้งเป่ยไห่ด้วย

เขาประหวาดใจกับเรื่องนี้

เขาตัวสั่นขณะที่ถือภาพอยู่ในมือ

เขารู้สึกตื่นเต้น!

เขาเป็นเพียงคนเดียวที่รู้สึกอิ่มเอมใจในขณะนี้

เทพมนุษย์!

ผู้อาวุโสลึกลับคนนั้นแท้จริงแล้วเป็นเทพมนุษย์…

นี่มันน่าเหลือเชื่ออย่างมาก

“ไม่แปลกใจที่จักรพรรดิหมิงปล่อยให้ ฉางซาน และ ข้ามาที่นี่เพียงลำพัง”เป่ยไห่ รู้สึกตื่นเต้นและอดไม่ได้ที่จะชื่นชมจักรพรรดิหมิง หลินเทียนหยวน

เมื่อเทียบกับความตื่นเต้นของเป่ยไห่แล้ว-คนอื่น ๆ ได้กลายเป็นหวาดกลัว

พวกเขาตัวสั่นท่ามกลางความตกใจและไม่เชื่อต่าง ๆ

เมื่ออารมณ์เหล่านี้ผุดขึ้นในใจของพวกเขา ความรู้สึกกลัวก็ทับซ้อนในไม่ช้า

“ไม่มีทาง เทพมนุษย์ ไม่ควรจะปรากฏตัวขึ้น!”มีคนได้ร้องอุทานออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

การแสดงออกของเขาทั้งอิจฉาและหวาดกลัว

พวกเขารู้สึกภูมิใจที่ได้ทะลวงผ่านขั้นปราชญ์การต่อสู้ด้วยความช่วยเหลือจากสายฝนในครั้งนั้น

พวกเขาคิดย้อนกลับไปว่าพวกเขาได้มาถึงจุดสูงสุดของการฝึกฝนแล้ว

ท้ายที่สุด พวกเขาก็ได้เป็นปราชญ์การต่อสู้

ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะได้เป็นปราชญ์การต่อสู้ช่วงที่ 2 3 หรือว่า 4

พวกเขาก็ยังเป็นปราชญ์การต่อสู้ในท้ายที่สุด

บรรดาผู้ที่เข้าสู่ช่วงที่ 1 ของปราชญ์การต่อสู้ ก็นับเป็น ปราชญ์การต่อสู้ด้วย

หากปราชญ์การต่อสู้ที่มีระดับการบ่มเพาะพลังอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นปราชญ์การต่อสู้ พวกเขาก็จะถือตัวเองว่าอยู่บนเส้นทางสูงสุดของการฝึกฝน จากนั้นผู้ที่ได้รับการพิจารณาว่าเป็นปราชญ์การต่อสู้ก็จะเป็นตัวแทนของผู้บ่มเพาะพลังระดับสูงทั้งหมด

แต่ตอนนี้ เพียงแค่ภาพวาดถูกเปิดออกมา พวกเขาก็ถูกแรงกดดันอันไร้ขอบเขตกดทับจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

แม้แต่ปราชญ์การต่อสู้ที่ทรงพลังก็ยังต้องคุกเข่าต่อหน้าพลังนี้

ขั้นปราชญ์การต่อสู้ไม่ใช่จุดสูงสุดของการฝึกฝนขอบเขตมนุษย์อีกต่อไป

เป็นเพราะ-เทพมนุษย์ได้ปรากฏตัวขึ้น

นักบวชอาวุโสได้ไอออกมาและพูดอย่างตะกุกตะกัก“กระดาษนี้ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ หมึกก็เช่นเดียวกัน ภาพวาดนี้คล้ายกับภาพวาดที่ไม่ได้มีค่าอะไรเลย”

“เพียงแต่…”

“ผู้ที่วาดภาพนี้คือเทพมนุษย์ รัศมีพลังและจิตวิญญาณของเขา ไม่ใช่สิ่งที่เราจะสามารถต้านทานได้”

“ในพระคัมภีร์ได้บอกเอาไว้ว่า เทพมนุษย์ เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด การดำรงอยู่ของพวกเขาเป็นการดำรงอยู่ของจิตวิญญาณของจิตวิญญาณ ดังนั้นพวกเขาจะไม่ตายแม้ว่าร่างกายจะถูกทำลาย”นักบวชอาวุโสได้กล่าวออกมาด้วยความสิ้นหวัง

คำพูดของเขาทำให้ เจ้าอาวาสวัดเส้าหลินหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง

ในที่สุดทุกคนก็เชื่อเขาในเวลานี้

มีมนุษย์ที่สามารถบรรลุขั้นเทพมนุษย์ได้ในเวลานี้

“ไม่แปลกใจที่จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวากล้าที่จะท้าทายนิกายพุทธ”

“วัดเส้าหลินและวัดซวนคงกำลังประสบหายนะครั้งใหญ่!”

“ใช่แล้วที่เป็นหายนะอย่างแท้จริง แต่มันเป็นโชคดีของพวกเราดูเหมือนว่าเทพมนุษย์ผู้นี้ไม่ได้วางแผนจะเริ่มการสังหารหมู่ มิฉะนั้น จะต้องมีสารธารโลหิตหลั่งไหลอยู่ด้านหน้าศาลาหลักของวัดเส้าหลินอย่างแน่นอน”

“ยอมจำนนเถอะ พวกเราไม่สามารถต่อต้านเทพมนุษย์ผู้นี้ได้”

“ใช่แล้ว...ตอนแรกเราคิดว่าหลังฝนตก ทางราชสำนักจะไม่เป็นภัยคุกคามอีกต่อไป แต่ตอนนี้…”

“พวกเราจะต้องดูแล้วว่าท่านเจ้าอาวาสจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร”

เจ้าอาวาสวัดเส้าหลินได้ยินการสนทนาของเหล่าผู้ชม

เขาอยู่ในความสับสน

นักบวชอาวุโสที่สิ้นลมหายใจก่อนหน้านี้ได้ปรากฏขึ้นด้านหน้าของเขา

พระองค์ท่าน!

ก่อนสิ้นพระชนม์ พระองค์ตรัสเอาไว้ว่าจะมีภัยพิบัติครั้งใหญ่เกิดขึ้นที่วัดเส้าหลิน

เขาได้พึมพัมในใจ ‘อย่าบอกนะว่า…’

เขานึกถึงคำพูดสุดท้าย ‘อย่า’

อย่าในที่นี้สำหรับเขาก็คือ ‘อย่าได้หวาดกลัว’

แต่ในความเป็นจริงมันคือ ‘อย่าได้คิดต่อต้าน’

“พระองค์ท่าน ในที่สุดข้าก็เข้าใจ…”

เจ้าอาวาสวัดเส้าหลินได้ถอนหายใจออกมาและมองขึ้นไปที่เป่ยไห่

จากนั้น…

“วัดเส้าหลินน้อมรับราชโองการ!”

ฝูงชนต่างเงียบงัน

เจ้าอาวาสได้ยอมจำนนแล้ว

ความจริงก็คือเขาหวาดกลัว

เขาไม่กล้าที่จะต่อต้านราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา ไม่กล้าที่จะทนต่อความโกรธของเทพมนุษย์

นักบวชวัดเส้าหลินต่างก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเขาต่อต้าน

ผลของการต่อต้านอย่างดื้อรั้นจะนำมาซึ่งจุดจบอย่างแท้จริง

โชคดีที่ทางราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา ได้เหลือทางรอดให้แก่พวกเขา

เป่ยไห่มองไปที่ เจ้าอาวาส ที่ยังคงถือราชโองการด้วยความเคารพ

เห็นสิ่งนี้ เป่ยไห่ได้ม้วนภาพวาดเก็บไปด้วยความพึงพอใจ

แรงกดดันได้หายไปในทันที

เหล่าผู้คนนับไม่ถ้วนต่างถอนหายใจออกมาอย่างผ่อนคลาย

ฉากก่อนหน้านี้ราวกับฉากชวนฝัน มันคล้ายกับฝันสำหรับทุกคน

แต่พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงแผ่นหลังที่เปียกโชกเปื้อนเสื้อผ้าของพวกเขา พวกเขาอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันและกันด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น

เทพมนุษย์น่ากลัวเกินไป…

นี่ขนาดเป็นแค่ภาพวาดของเทพมนุษย์ผู้นั้น

มันไม่ได้แฝงเจตนาฆ่าหรือการโจมตีใด ๆ ก็สามารถปราบปรามพวกเขาได้แล้ว

จะเกิดอะไรขึ้นหากเทพมนุษย์ผู้นั้นลงมือเอง?

พวกเขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย

เป่ยไห่ ที่เก็บภาพวาดเสร็จแล้วเขาได้เตรียมออกจากวาดเส้าหลิน

“ภายในสามเดือน ให้รื้อถอนวัดและอารามทั้งหมดนอกเหนือจากที่อยู่บนเขานี้ นักบสชทุกคนที่เคยก่ออาชญากรรมร้ายแรง จะต้องลาศึกออกไป นิกายพุทธไม่ใช่สถานที่สำหรับซ่องสุมความชั่วร้าย นักบสชเหล่านี้จะต้องถูกจับและนำส่งให้กับเจ้าหน้าที่ทางการ ไม่อนุญาติให้มีการล่าช้า ใด ๆ เกิดขึ้น”

เจ้าอาวาสวัดเส้าหลินไม่สามารถหยิ่งผยองได้อีกต่อไป

เขาได้โค้งตัวเล็กน้อยและตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“อาตมา...เข้าใจแล้ว!”

หัวใจของเขารู้สึกเจ็บปวด

“อย่างไรก็ตาม วัดส่วนใหญ่ยังคงเป้นของวัดซวนคง พวกเราไม่มีสิทธิ์รื้อถอน”เจ้าอาวาสได้ถอนหายใจออกมาขณะที่อธิบาย

“พวกท่านไม่ต้องกังวลไป ทางวัดซวนคงเองก็กำลังเผชิญหน้าชะตากรรมเดียวกัน”

เป่ยไห่ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเมื่อเขานึกถึงฉางซานที่กำลังถือภาพวาดคล้ายกันกับเขา

เจ้าอาวาสและคนอื่น ๆ ตัวสั่นเมื่อนึกถึงฉากสยองที่กำลังเกิดขึ้น

พวกเขาไม่อยากจะสัมผัสถึงความรู้สึกนั้นอีกเลย

วัดซวนคง!

ที่นี่เดิมเต็มไปด้วยชีวิตชีวา

วัดซวนคงล้วนแล้วแต่มีเหล่าคนที่เย่อหยิ่ง

กระทั่งนักบวชของพวกเขาก็เช่นเดียวกัน

แต่ในขณะนี้ นักบวชหลายคนได้คุกเข่าลงกับพื้นพวกเขาตัวสั่นและหายใจไม่ออก

ฉางซาน ได้เปิดภาพวาดที่เขาได้รับมอบหมายมาให้ดำเนินการ ภาพของสวนได้ปรากฏขึ้นรอบ ๆ ตัวเขา

หญ้าสีเขียว,ลำธาร,ต้นไม้ และ ภูเขาอันไห่างไกล เนินเขาลาดเอียง หมู่บ้าน…

ภาพที่สดใสเหล่านี้ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาของทุกคน

มันค่อนข้างสงบและลึ้กซึ้ง

เพียงแต่หญ้าสีเขียวเหล่านี้กลับเปล่งรัศมีปราณกระบี่อันน่าสะพรึงกลัวออกมา

กลิ่นอายพลังนี้ได้ปราบปรามไปทั้งวัดซวนคง

“ท่านจะยอมรับราชโองการหรือไม่?”ฉางซานได้หยิบราชโองการออกมาและมองไปที่เจ้าอาวาสของวัดซวนคง

เจ้าอาวาสวัดซวนคงได้เผยสีหน้าที่พ่ายแพ้ออกมา เขาที่คุกเข่าอยู่บนพื้นได้กล่าวพูดอย่างขมขื่น“อาตมาน้อมรับราชโองการ!”

เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าหากเทพมนุษย์ผู้นี้ลงมือเองจะเกิดอะไรขึ้น?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด