ตอนที่แล้ว80Y-ตอนที่ 39 ไปเยือนเจียงหนาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป80Y-ตอนที่ 41 เทพมนุษย์ปรากฏตัวขึ้น

80Y-ตอนที่ 40 ภาพวาดของชายหนุ่มที่กำลังฝึกฝน


เจียงหนาน ภูเขาเส้าฉี!

ภูเขานี้มีชื่อเสียงอย่างมากในภูมิภาคเจียงหนาน

เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธ

หลายพันปีก่อนมีเพียงวัดเส้าหลินนิกายเดียวในมณฑลเจียงหนาน

หลังจากความแตกแยกในอุดมคติ วัดต้าหลิน ก็ปรากฏตัวขึ้น

หลังจากเหตุการณ์ความไส่สงบอย่างต่อเนื่อง-วัดซวนคงก็ปรากฏขึ้น

นิกายชาวพุทธแบ่งออกเป็นสามนิกาย โดยแต่ละนิกายคล้ายกับสถานที่รวมตัวของผู้บำเพ็ญเพียรทางธรรมมากกว่านิกายทางโลก

วัดต้าหลินเอางานเขียนของพระพุทธเจ้าไป วัดซวนคงเอาไม้เท้าของพระพุทธเจ้าไป และ วัดเส้าหลินเก็บพระธาตุของพระพุทธเจ้าเอาไว้

ทั้งสามฝ่ายต่างปฏิเสธที่จะประนีประนอมกันและกัน

ทำให้สถานการณ์ของพวกเขายืดเยื้อมาจนถึงตอนนี้

ทั้งสามกลุ่มต้องพัฒนาอิทธิพลของพวกเขาเป็นอย่างดี

มันเป็นความฝันของพวกเขาหนึ่งในนั้นคือการรวมนิกายพุทธเป็นที่แห่งเดียวกัน

ในอดีต ภูเขาเส้าฉี ต่างถูกห้อมล้อมไปด้วยเหล่าผู้ศรัทธาที่เดินเข้ามาราวกับสายธารไร้สิ้นสุด เพื่อสวดมนตร์และถวายเครื่องหอม

แต่วันนี้ ภูเขาเส้าฉี กลับไม่ได้มีเหล่าชาวบ้านธรรมดาเลยสักคน

พวกเขาอนุญาติให้เฉพาะผู้บ่มเพาะพลังจากกลุ่มอิทธิพลใหญ่มาที่นี่เท่านั้น

ดังนั้น ผู้คนจำนวนมากต่างรอคอยที่จะได้เห็นจักรพรรดิหมิงอับอายขายหน้าอย่างไร หลังจากที่วัดเส้าหลินปฏิเสธที่จะรับราชโองการของจักรพรรดิที่ถูกส่งโดยมาผู้ส่งสาร

เมื่อ เป่ยไห่ เดินขึ้นบันไดวัดเส้าหลินไป สายตานับไม่ถ้วนก็จับจ้องมองไปที่เขา

เขารู้สึกไม่สบายใจและกังวลใจมาก

แม้ว่าเขาจะเป็นปราชญ์การต่อสู้ ก็ยังไม่มั่นใจกับการเผชิญหน้ากับสถานการณ์นี้

แต่หลังจากที่สัมผัสได้ถึงภาพวาดในอ้อมแขนของเขา

ทันใดนั้นเขาก็มีความมั่นใจขึ้นมา

ด้วยภาพวาดของผู้อาวุโส เขาไม่มีอะไรที่จะต้องกลัว

เขาเดินขึ้นไปถึงศาลาหลักของวัดเส้าหลินด้วยความมั่นใจสูงสุด

เขาได้ยืนท่ามกลางกลุ่มของเหล่านักบวชจำนวนมาก

พวกเขาต่างรายล้อมและเฝ้ามองไปด้วยความหวัง

พวกเขาทั้งหมดต่างจับจ้องมองไปที่ เป่ยไห่

ความรู้สึกของการกดขี่ได้ถูกส่งออกมาอย่างท่วมท้น

เป่ยไห่ คล้ายกับแกะท่ามกลางฝูงหมาป่าขณะที่มีดวงตาที่น่าสะพรึงกลัวจับจ้องมองเขาอยู่นับไม่ถ้วน

เป่ยไห่ ได้สั่นศีรษะและวางความรู้สึกของเขาไว้ข้างหลัง

เขาไม่ได้มองไปที่อื่นและจ้องมองไปที่เจ้าอาวาสวัดเส้าหลินเท่านั้น

นักบวชวัยกลางคนที่มีการบ่มเพาะพลังที่ทรงพลังเขาค่อนข้างทะนงตัวและมองไปที่เป่ยไห่

สายตาของเขาเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม เขากล่าวพูดด้วยท่าทีจริงจัง“ประสก ท่านมาทำอะไรที่วัดเส้าหลิน?”

เห็นได้ชัดว่าเขารู้!

แต่ เป่ยไห่ คาดเดาได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการรับราชโองการของจักรพรรดิ

เขาได้ถือราชโองการในมือแน่นและกล่าวออกมา“เจ้าอาวาสวัดเส้าหลิน ท่านจะรับราชโองการเองหรือจะให้ข้าอ่านให้ฟัง”

เจ้าอาวาสวัดเส้าหลิน ได้เอื้อมมือออกไปราชโองการก็บินไปอยู่ในมือของเขา

จากนั้นเขาก็เปิดอ่านมันทันที

การแสดงออกของเจ้าอาวาสได้เปลี่ยนไปในทันที

ใบหน้าของเขาแข็งค้าง

คำที่เขียนในราชโองการเต็มไปด้วยการคุกคามอย่างไม่ต้องสงสัย

ประการแรก,เป็นการประณามนิกายพุทธสำหรับความผิดพลาดที่พวกเขาก่อเอาไว้-หลอกลวงประชาชน,ให้ที่พักพิงแก่นักโทษ,ละเมิดศรัทธาอันลึกซึ้งของพระพุทธเจ้า และกล่าวหาว่าพวกเขาเป็นนักบวชจอมปลอม

ในที่สุด หลินเทียนหยวน ก็สั่งให้ วัดเส้าหลิน สั่งรื้อถอนวัดและอารามภายใต้บัญชาทั้งหมดภายใน 3 เดือนโดยคงเหลือวัดหลักเพียงเท่านั้น

นอกจากนี้ยังต้องขับไล่นักบวชหลายล้านคนที่เป็นนักโทษในหมายจับและส่งให้กับทางการทันที

ไม่เช่นนั้นผลร้ายที่ตามมายากจะคาดเดา!

หลินเทียนหยวน มีความสุขมากเมื่อเขาเขียนมัน

เมื่อเจ้าอาวาสได้อ่านราชโองการนี้…

การแสดงออกของเขาดูน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม

เขารู้สึกโกรธมาก

“นิกายชาวพุทธไม่ได้ต้องการเป็นปรปักษ์กับทางราชสำนัก แต่เหตุใดทางราชสำนักถึงต้องเข้ามาแทรกแซงเรื่องของพวกเรา?”หลังจากอ่านราชโองการจบแล้ว เจ้าอาวาสก็กล่าวพูดอย่างเย็นชา

“วันนี้ประสกจักรพรรดิหมิงแห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา กลับเขียนราชโองการเหล่านี้ขึ้นมา ตั้งใจทำให้วัดเส้าหลินของอาตมาขายขี้หน้าหรือไม่? นี่เป็นการดูหมิ่นพระพุทธเจ้าอย่างใหญ่หลวง”

“ในวันนี้ประสกจะต้องถูกจับตัวเอาไว้…”

“ทางด้านวัดเส้าหลินจะไปเยือนประสกจักรพรรดิหมิงด้วยตัวเอง”เจ้าอาวาสรู้สึกโกรธมาก

เขาได้ชี้นิ้วและมองไปที่อีกฝ่ายอย่างก้าวร้าว

เขาต้องการจับเป่ยไห่และเทศนาคำสอนของพระพุทธศาสนาให้แก่อีกฝ่ายเพื่อทำให้ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาประสบความสูญเส่ยครั้งใหญ่

คนรอบข้างดูไม่แปลกใจกับผลลัพธ์นี้

ท้ายที่สุด วัดเส้าหลิน ก็ไม่ได้ง่ายที่จะจัดการ

“ท่านต้องการให้ข้าอยู่ที่นี่?เกรงว่าท่านจะไม่สามารถทำอย่างนั้นได้”เป่ยไห่ได้สั่นศีรษะ

“18 นักบวชอรหันต์อยู่นี่แล้ว ใครมันกล้ามาทำตัวอวดดีในวัดเส้าหลินของพวกเรา”ทันใดนั้น เสียง 18 สายก็ดังขึ้นอย่างรวดเร็ว

18 นักบวชอรหันต์ได้ปรากฏตัวขึ้นทีละคน พวกเขาล้วนเป็นปราชญ์การต่อสู้ที่แข็งแกร่ง

พวกเขาได้ล้อมรอบเป่ยไห่เอาไว้

“เส้นหลินมี นักบวชอรหันต์มีทั้งหมด 18 คน นี่เพียงพอแล้วที่จะปราบปรามประสก”

เจ้าอาวาสวัดเส้าหลินได้กล่าวอย่างเย็นชา

“ข้าไม่คิดอย่างนั้น!”เป่ยไห่ ไม่ได้หวาดกลัว

“ประสกเป็นเพียงปราชญ์การต่อสู้เพียงคนเดียวจะต่อต้านพวกอาตมาอย่างไร?”

เจ้าอาวาสยิ้มเยาะออกมา

เหล่าผู้ชมจากกลุ่มใหญ่และเหล่าผู้ชมจากทางวัดเส้าหลินได้สั่นศีรษะพร้อมกัน

พวกเขาคิดว่าจักรพรรดิหมิงประเมินตัวเองสูงเกินไป ถึงกับปล่อยให้ปราชญ์การต่อสู้เพียงคนเดียวมาที่วัดเส้าหลิน

ไม่ใช่ว่าจักรพรรดิหมิงส่งพวกเขามาตายหรอกเหรอ?

พวกเขามองไปที่ ปราชญ์การต่อสู้ 18 คน ขณะที่คร่ำครวญความสามารถของรากฐานอันล้ำลึกของวัดเส้าหลิน

แต่เป่ยไห่ ได้กล่าวออกมา“ขณะที่ข้าเดินทางออกจากเมืองหลวง ข้าก็นำภาพวาดที่ผู้อาวุโสผู้นั้นวาดติดตัวมาด้วย”

ทุกคนต่างมองหน้ากัน

เป่ยไห่ กำลังพูดอะไรอยู่?

“ภาพวาดอยู่ที่นี่แล้ว”เป่ยไห่ได้ยื่นภาพวาดที่ม้วนไว้ออกมา

ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองข้ามไป

ธรรมดา!

นี่เป็นแค่กระดาษธรรมดาที่ม้วนเอาไว้

มันจะช่วยเป่ยไห่ได้อย่างไร?

เจ้าอาวาสกล่าวเยาะเย้ยในทันที“ประสาบ้าไปแล้วงั้นหรือหรือเป็นเพราะกลัวเกินไป?”

“นี่คือขยะที่ประสกพูดถึง?”เจ้าอาวาสค่อนข้างรังเกียจ

เป่ยไห่ได้สั่นศีรษะและตอบกลับ“ข้าเคยอาศัยอยู่ในเมืองหลวงราชวงศ์เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ข้าเห็นกระบี่นั่นด้วยตาตัวเอง 10 ปีต่อมา นี่เป็นภาพวาดที่ผู้อาวุโสผู้นั้นเป็นคนวาดขึ้น ข้าเชื่อในตัวของเขา ดังนั้น ข้าแค่อยากจะบอกท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้”

“ยอดฝีมือลึกลับคนนั้นในเมืองหลวงราชวงศ์อาจจะแข็งแกร่ง แต่นั่นมันก็เมื่อ 10 กว่าปีก่อน หลังฝนแห่งยุคสมัยผ่านพ้นไป ปราชญ์การต่อสู้ ก็ปรากฏตัวขึ้นทุกหนแห่ง ในตอนนี้เขาตัวคนเดียวจะทำอะไรได้?”

เจ้าอาวาสมองไปที่ เป่ยไห่อย่างเฉยเมย ราวกับว่ากำลังดูถูกสมองของเขา

บุคคลผู้นั้นวาดภาพและมอบให้กับเป่ยไห่เป็นทางเลือกสุดท้าย

จากนั้นเป่ยไห่ ก็วางใจและรีบมาที่วัดเส้าหลินอย่างกระตือรือร้น

ตอนนี้เขาพยายามเปิดภาพวาดเพื่อให้วัดเส้าหลินยอมจำนน

นี่เป็นเรื่องตลกที่ร้ายแรง

วัดเส้าหลิน คิดว่าอีกฝ่ายดูถูกตัวเอง

เหล่าคนกลุ่มใหญ่ก็ไม่เชื่อในเรื่องนี้

กระดาษแผ่นเดียวจะมีพลังอะไรได้?

เป่ยไห่ ได้ถูกรายล้อมไปด้วยทุกคน

เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่เชื่อในคำพูดของเขา เขาจึงสูดลมหายใจเข้าลึกและเปิดภาพวาดโดยตรง

ทุกคนได้มองไปที่อีกฝ่ายอย่างแปลก ๆ ขณะที่หัวเราะเยาะอีกฝ่ายออกมา

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เป่ยไห่เปิดภาพวาด…

บูม!

ทั่วทั้งภูเขาเส้าฉีก็สั่นสะท้าน

หลุมดำขนาดใหญ่ 6 แห่งได้ปรากฏขึ้นในอากาศอย่างกระทันหันขณะที่มันหมุนวนอย่างรวดเร็ว

พวกมันราวกับขุมนรกทั้ง 6 และ พลังมหาศาลก็ถูกปลดปล่อยออกมา

ตึง! ตึง! ตึง!

ความรู้สึกกดขี่ที่ทรงพลังได้ส่งตรงไปที่พวกเขาทันที

เข่าของแต่ละคนได้อ่อนแรงลงและคุกเข่าลงพร้อมกัน

ไม่ว่าจะเป็น เจ้าอาวาส 18 อรหันต์ หรือ คนจากกลุ่มใหญ่ต่าง ๆ และ ผู้อาวุโสวัดเส้าหลิน…

พวกเขาทั้งหมดต่างคุกเข่าลง

คนเดียวที่ยืนอยู่คือเป่ยไห่

ปากของเขาอ้าปากโดยแทบจะไม่สามารถหุบลงได้เลย

สีหน้าที่ดูไร้ชีวิตชีวาของเขาก่อนหน้านี้ ทันใดนั้นก็พลันรู้สึกตื่นเต้น

เขารู้สึกตื่นเต้นจนตัวสั่นและไม่สามารถอธิบายความรู้สึกของเขาในขณะนี้ได้

“มันคืออะไร?”

“นี่คือภาพวาดที่ผู้อาวุโสมอบให้ข้า”

“มีเด็กคนหนึ่งกำลังฝึกฝนการเคลื่อนไหวของเขาในภาพวาด เขากำลังฝึก...ทักษะที่น่ากลัวเหล่านี้?”

“ภาพวาดแห่งชีวิต!”

เป่ยไห่มองดูด้วยความตื่นเต้น

ทันทีที่เขาคลี่ภาพวาดออกมา-มันก็กลายเป็นภาพร่างของชายหนุ่มที่กำลังฝึกฝนการเคลื่อนไหวของเขา

ในเวลานี้ ภาพร่างชายหนุ่มค่อนข้างมีชีวิตชีวาอย่างมาก

เขากำลังฝึกการเคลื่อนไหวบางอย่าง!

กระบวนท่าที่เขาฝึกคือ ทักษะกำปั้นหกวิถีแห่งการจุติ!

และชายหนุ่มคนนี้ก็คือ จิตสำนึกทางวิญญาณของ หลินจิ่วเฟิง

ขณะนี้ เขากำลังเคลื่อนไหวด้วยกระบวนท่าของ กำปั้นหกวิถีแห่งการจุติ และ ปลดปล่อยพลังปราบปรามไปทั่วทั้งวัดเส้าหลิน

เจ้าอาวาสวัดเส้าหลิน ตัวสั่นเมื่อเห็นมัน“เกิดอะไรขึ้น?”

เขาได้คุกเข่าลงอย่างรุนแรง

กระทั่งไม่สามารถลุกขึ้นได้

แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวได้รั้งเขาเอาไว้

ถ้าไม่ใช่เพราะนี่ไม่มีเจตนาฆ่าที่รุนแรง เจ้าอาวาสคิดว่าเขาคงจะตายไปแล้ว

ทุกคนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยความตกใจ

หลุมดำขนาดใหญ่กำลังหมุนวนอย่างรวดเร็วบนท้องฟ้า

มันบังคับให้พวกเขาคุกเข่าลงด้านหน้าเป่ยไห่

ในวัดเส้าหลิน ปราชญ์การต่อสู้ อาวุโส คนนึงได้เงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจและอุทานออกมา

“นี่คือ...พลังของเทพมนุษย์!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด