ตอนที่แล้ว80Y-ตอนที่ 28 จักรพรรดิหมิงเสด็จมาเยี่ยม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป80Y-ตอนที่ 30 ทักษะกระบี่22เล่มกระบวนท่าสุดท้าย!

80Y-ตอนที่ 29 จักรพรรดิหมิงต้องการความช่วยเหลือ


แมวขาวที่กระแทกลงกับพื้น มันได้ลุกขึ้นเขย่าศีรษะ เพื่อปัดฝุ่นออกจากตัว

มันร้องออกมาด้วยความโกรธ

กรงเล็บของมันได้กางออกทั้งหมด มันดูเฉียบคมยิ่งกว่าอาวุธวิเศษ

แต่เมื่อนึกถึงการเคลื่อนไหวที่เข้าใจได้ยากของ หลินจิ่วเฟิง มันก็หดกรงเล็บกลับเข้าไปและก้มหน้าลง จากนั้นมันก็กระโดดขึ้นไปบนกำแพงล้านบ้านและเฝ้ามอง หลินจิ่วเฟิง กับ หลินเทียนหยวน จากระยะไกล

เมื่อเห็นฉากนี้ หลินเทียนหยวน กล่าวถามด้วยความสงสัย“ท่านลุง นี่เป็นสัตว์เลี้ยงของท่านงั้นหรือ?”

หลินจิ่วเฟิง ได้สั่นศีรษะและตอบกลับ”ก็แค่แมวจรที่มีที่มาที่ไปไม่รู้จัก มันค่อนข้างอารมณ์ร้าย ถ้าไม่ใช่เพราะมันดูน่าสมเพช ข้าคงไล่มันออกไปนานแล้ว เอาล่ะ ช่างมัน ปล่อยให้มันอยู่ตรงนั้นไปเถอะ.

เจ้าแมวขาวที่ได้ยิน มันพลันโกรธมากกรงเล็บของมันได้เกาผนังจนเกือบจะเป็นรู

หลินจิ่วเฟิง ได้เพิกเฉยและกล่าวถาม หลินเทียนหยวน“เจ้าได้ขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิแล้ว ด้วยงานราชกิจจำนวนมากที่ต้องจัดการในทุกวัน เจ้ามีเวลามาหาข้าได้อย่างไร?”

อาจกล่าวได้ว่า หลินจิ่วเฟิง คอยเฝ้ามองดู หลินเทียนหยวน เติบโตขึ้น

อีกฝ่ายเป็นผู้สืบทอดปณิธานของจักรพรรดิหยวนและทุ่มเทการทำงานให้กับชาติบ้านเมืองอย่างเต็มที่

หลินจิ่วเฟิง รู้สึกพึงพอใจกับสิ่งนี้มาก

มันพิสูจน์แล้วว่าน้องชายของเขาไม่ได้เลือกผู้สืบทอดผิด

ในการต่อสู้แย่งชิงระหว่างเหล่าองค์ชายด้วยกันเอง อีกฝ่ายกลับเลือก หลินเทียนหยวน อย่างเด็ดขาด

“ท่านลุง ข้าต้องการฝากของบางสิ่ง”

หลินเทียนหยวน ที่โตเต็มวัยแล้วเขาได้ยิ้มออกมา

เขาเติบโตอย่างรวดเร็วหลังจากใช้ชีวิต 5 ปี ในฐานะองค์จักรพรรดิ

ดังนั้นตอนนี้ถือได้ว่าเขาเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว

แต่อย่างไรก็ตามสำหรับเขา หลินจิ่วเฟิง ก็ยังเป็นผู้ที่ควรค่าแก่การเคารพอยู่ดี

“ฝากของงั้นเหรอ?”หลินจิ่วเฟิง กล่าวถามด้วยความสงสัย“มันคืออะไร?”

หลินเทียนหยวน ได้นำหนังสือบางอย่างออกมาจากหน้าอก

เขายื่นให้กับ หลินจิ่วเฟิง ด้วยความเคารพ

หลินจิ่วเฟิง ได้หยิบมันขึ้นมาแล้วเปิดอ่านดู

[หนังสือปีศาจโบราณ]

“นี่คือต้นเหตุที่ทำให้พ่อของเจ้าตาย?”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถาม

ถ้าจักรพรรดิหยวนไม่ฝึกฝนทักษะบ่มเพาะพลังนี้เมื่อ 5 ปีก่อน เกรงว่า หลินจิ่วเฟิง คงจะช่วยเหลืออีกฝ่ายได้ แม้ว่าเขาจะผลาญพลังชีวิตส่วนใหญ่ไปแล้วก็ตาม

“ถูกต้อง มันเป็นทักษะบ่มเพาะพลังนอกรีต”หลินเทียนหยวน ได้พยักหน้า

“เจ้าไม่ได้คิดจะทำลายมัน?”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถาม

“ท่านลุง ข้าไม่อาจตัดใจทำมันได้”หลินเทียนหยวน ได้ถอนหายใจออกมา

เขาต้องการทำลายทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจก่อนหน้านี้ แต่พอยามราตรีอันเงียบสงบมาเยือน หลังจากพิจารณาทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจที่อยู่ในมือ เขาก็ตัดสินใจที่จะเก็บมันเอาไว้

เขาทนไม่ได้ที่ทำลายมัน

“เจ้าฝึกฝนมันงั้นหรือไม่?”หลินจิ่วเฟิง ได้มองไปที่  หลินเทียนหยวน ด้วยสายตาเฉียบคม

ทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจนี้ได้ฆ่าจักรพรรดิไปแล้วถึง 2 คน

หลินจิ่วเฟิง ไม่ต้องการเห็น หลินเทียนหยวน ตายด้วยสิ่งนี้

หลินเทียนหยวน ได้สั่นศีรษะและตอบกลับ“ข้าไม่ได้ฝึกฝนมัน”

อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มของเขากลับบิดเบี้ยว

“เพียงแต่ข้ามักจะถูกล่อลวงจากมันทุกครั้งในยามราตรี ความอดทนอดกลั้นของข้าเริ่มลดน้อยลงเรื่อย ๆ สิ่งที่มันปลดปล่อยออกมาราวกับกำลังดึงดูดความสนใจของข้า และ มันทำให้ข้ายากที่จะควบคุมตัวเองไม่ให้ฝึกฝนมัน”

หลินเทียนหยวน ค่อนข้างซื่อสัตย์

เขาได้บอกเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันปกติ

นับวันทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจมันก็ยิ่งล่อลวงเขามากขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งนี้มันสามารถมอบพลังที่แข็งแกร่งให้กับเขาได้ ดังนั้นมันจึงสิ่งกลิ่นอายเย้ายวนออกมาในทุกคืน

“เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ข้ารู้สึกเกียจชังทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจนี้ แต่พอพักหลัง เมื่อข้านำมันออกมา ข้าอดไม่ได้ที่จะอ่านมันในตอนกลางคืน และ ข้าเริ่มถลำลงไปเรื่อย ๆ”หลินเทียนหยวน ได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น

“ท่านลุง ข้าไม่ได้มีความอดทนอดกลั้นที่มากขนาดนั้น”หลินเทียนหยวน ได้กล่าวอย่างเศร้าใจ

หลินจิ่วเฟิง มองไปที่ หลินเทียนหยวน และตอบกลับ“ดังนั้นเจ้าจึงฝากทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจไว้ที่ข้า เพราะต้องการยุติความคิดชั่ววูบเหล่านั้นโดยสมบูรณ์?”

หลินเทียนหยวน ได้พยักหน้าและตอบกลับ“ถูกต้อง ข้ารู้ว่าท่านรู้เป็นคนที่มีความมุ่งมั่นมาก ท่านสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเรียบง่ายภายในตำหนักเย็นนี้เป็นระยะเวลาหลาย 10 ปี โดยพื้นฐานแล้ว ทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจนี้ย่อมไม่มีอิทธิพลต่อท่านอย่างแน่นอน ดังนั้นข้าจึงต้องการฝากให้ท่านลุงเป็นคนดูแลมัน”

หลินจิ่วเฟิง ได้ตรวจสอบทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจนี้

ดูเหมือนว่าหนังสือเล่มนี้จะถูกสร้างมาจากแผ่นหนังที่แช่ในน้ำมันสัตว์ชนิดพิเศษมันมีความยืดหยุ่นอย่างมากและช่วยไม่ให้บุบสลายหรือเกิดความเสียหาย

“ให้ข้าจัดการเอง ว่าแต่ มีทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจนี้ในพระราชวังอีกหรือไม่?”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถาม

“ไม่มีแล้ว”หลินเทียนหยวน ได้สั่นศีรษะ

“การปฏิรูปราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา เป็นความปราถนาของพ่อเจ้า ดังนั้นเจ้าควรมุ่งมั่นกับงานให้มาก ข้ารู้ว่าสิ่งนี้มันอาจจะยากเกินไปสำหรับเจ้า แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีใครสนับสนุนเจ้า!”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับอย่างจริงจัง

“แม้ว่าข้าจะไม่ต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับโลกภายนอก แต่ข้าก็มีความผูกพันใกล้ชิดกับพ่อของเจ้า ดังนั้น ความปราถนาของเขาก็เป็นความปราถนาของข้าเช่นเดียวกัน”

“หากเจ้าประสบปัญหาที่ไม่สามารถรับมือได้ในอนาคต เพียงแค่มาหาข้าและข้าจะช่วยเหลือเจ้าเอง”

“ข้าขอเพียงแค่เจ้าไม่ลดละความพยายามในการปฏิรูป อย่าปล่อยให้คนธรรมดาทั่วไปเหล่านั้นต้องขาดที่พึ่งพิง เพราะเจ้าคือความหวังสูงสุดของพวกเขา”

“สำหรับขุมกำลังใดก็ตามที่มันกล้าที่จะหยุดเจ้า พวกมันจะต้องถามหากระบี่ในมือของข้าก่อนว่าเห็นด้วยหรือไม่!”

หลินจิ่วเฟิง ได้ให้การรับประกันแก่ หลินเทียนหยวน

เพราะ หลินจิ่วเฟิง รู้ว่า หลินเทียนหยวน ค่อนข้างตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมากจากการปฏิรูปต่าง ๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งที่เขาได้รับมาก็คือความปราถนาที่ยังไม่สำเร็จของจักรพรรดิหยวน

ดังนั้น หลินจิ่วเฟิง จึงให้สัญญาว่าจะช่วยเหลือเขา

หลินเทียนหยวน มองไปที่ หลินจิ่วเฟิง พลางคำนับ

เขารู้สึกดีใจอย่างมากและตอบกลับในทันที“ขอบคุณท่านลุงมาก เพียงแต่เกรงว่าข้าคงต้องขอให้ท่านลุงช่วยเร็ว ๆ นี้”

หลินจิ่วเฟิง รู้สึกแปลกใจ

การแสดงออกของ หลินเทียนหยวน แสดงว่าเขาจะต้องเจอปัญหาใหญ่มาแน่นอน

มิฉะนั้นเขาคงไม่คิดที่จะศึกษาทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจนี้

“เกิดอะไรขึ้น?”หลินจิ่วเฟิง ได้พา หลินเทียนหยวน ไปที่ลานที่พักของเขาและนั่งลง

นอกจากโต๊ะหินแล้ว ส่วนที่เหลือของลานที่พักยังเต็มไปด้วยกระบี่กระดูก

เป็นเวลากว่า 5 ปีแล้วที่กระบี่กระดูกเหล่านี้ปักอยู่ในพื้นที่นี่ หลินจิ่วเฟิง ไม่เคยใช้งานมันแม้แต่ครั้งเดียว

“มีปราชญ์การต่อสู้ที่ทรงพลังปรากฏตัวขึ้นบนที่ราบทางตะวันตกเฉียงเหนือ เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก…”

“เขาพยายามรวบรวมอิทธิพลในเซียนเป่ย ที่กระจัดกระจายไป มาอยู่ภายใต้อาณัติของเขา ระบบข่าวกรองของข้าได้รับรายงานมาว่า การรวมตัวกันครั้งนี้จะเกิดขึ้นตอนฤดูหนาว หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาจะบุกชายแดนด้วยกองทัพนับล้านและขับไล่กองทัพของเราออกไป”หลินเทียนหยวน ได้กล่าวออกมา

หลินจิ่วเฟิง ได้ขมวดคิ้วแน่น

เซียนเป่ย เป็นดินแดนทางตะวันตกเฉียงเหนือที่มีประชากรอยู่จำนวนมาก

แต่กลุ่มคนเหล่านี้ได้แยกตัวออกไปซึ่งประกอบไปด้วยเผ่าต่าง ๆ กว่า 800 เผ่า ที่มีขนาดต่างกัน นอกจากนี้ พวกเขาไม่ค่อยชอบพอกันสักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่เคยคิดที่จะบุกโจมตีชายแดนของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา

แต่ทว่า จู่ ๆ ยอดฝีมือลึกลับก็ปรากฏตัวขึ้น เขาต้องการรวบรวมอิทธิพลในเซียนเป่ย ให้มาอยู่ภายใต้ร่มธงของเขา

นอกจากนี้ เขายังคิดที่จะรุกล้ำชายแดนของราชวงศ์และคิดจะขับไล่ทหารของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาไปอีก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาหวังจะปล้นชิงดินแดนไปเป็นของพวกเขา

สายตาของ หลินจิ่วเฟิง ได้กลายเป็นเย็นชา

“ชื่อของ ปราชญ์การต่อสู้ที่จะรวบรวมอิทธิพลในเซียนเป่ย มีนามว่าอะไร?”หลินจิ่วเฟิงได้กล่าวถาม

“ทูเหมิน เขาเป็นนักบวชจากอารามเซียนเป่ย ว่ากันว่าเขาได้รับพระหรรษทานจากเทพเจ้าแห่งที่ราบและบุกทะลวงสู่ขั้นปราชญ์การต่อสู้ในคราวเดียว”

“เป็นเพราะที่นั่นไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขาทำให้เขาค่อนข้างหยิ่งผยอง”หลินเทียนหยวน ได้ตอบกลับ

“ท่านลุงฤดูหนาวใกล้มาถึงแล้ว”

“ฤดูหนาวนี้ค่อนข้างเย็นเกินไปส่งผลให้…”

“การส่งทหารออกไปล่าช้ามาก นอกจากนี้ การป้องกันพื้นที่ที่มีพรมแดนนับล้านตารางไมล์ก็ค่อนข้างยากเมื่อเทียบกับการบุกโจมตี”

“ถ้าเขาทำสำเร็จ ผู้คนนับล้านจะต้องพลัดถิ่นจากบ้านเกิด”

“นอกจากนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตจากความหนาวเย็นและความอดยากก็คงจะมีมากขึ้นในเวลานั้น”หลินเทียนหยวน กล่าวด้วยความเจ็บปวด

“ดังนั้น เจ้าต้องการให้ข้าไปฆ่า ทูเหมิน ปราชญ์การต่อสู้คนนั้น?”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถามอย่างใจเย็น

“ท่านลุงโปรดดำเนินการ!”หลินเทียนหยวน ได้ลุกขึ้นยืนและเอามือทั้งสองข้างแนบลำตัวและโค้งคำนับ

“กลับไปรอฟังข่าวดีเถอะ ข้าจะไปฆ่าทูเหมินเอง”หลินจิ่วเฟิง ได้โบกมือ

คราวนี้เขาคิดจะลงมือก็เพื่อผู้คนนับล้านที่อาศัยอยู่ใกล้ชายแดนเหล่านั้น

หลินเทียนหยวน ได้จากไป

เนื่องจากท่านลุงของเขาตกลง เขาก็เชื่อมั่นว่า ทูเหมิน จะต้องตายอย่างแน่นอน

ดังนั้นเขาจึงกลับไปเตรียมแผนการสำหรับอนาคต

เมื่อ หลินเทียนหยวน จากไป เจ้าแมวขาวก็กระโดดลงมาจากกำแพงลานที่พักและเขียนสองสามคำด้านหน้า หลินจิ่วเฟิง

มันยังคงเป็นตัวอักษรที่คดเคี้ยวเหมือนเดิม ยากที่จะอ่านว่ามันสะกดว่าอะไร

จะว่ามันเป็นลักษณะเฉพาะของเจ้าแมวขาวก็ได้

“กำลังจะออกไป?”

หลินจิ่วเฟิง ได้พยักหน้า

“ไปหาข้อมูลเพิ่มเติม!”

หลินจิ่วเฟิง ได้สั่นศีรษะและตอบกลับ“ไว้ข้าจะทำเรื่องนี้หลังจากที่ข้ากลับมา”

“จะไปนานแค่ไหน?”

หลินจิ่วเฟิง ยิ้มเล็กน้อย

ลมฤดูใบไม้ผลิได้พัดผ่านใบหน้าของเขาขณะที่เขาพูดด้วยความมั่นใจ

“เพื่อสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้…”

“3 วันก็พอ!”

สองในสามวันนี้คือระยะเวลาเดินทางไปกลับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด