80Y-ตอนที่ 29 จักรพรรดิหมิงต้องการความช่วยเหลือ
แมวขาวที่กระแทกลงกับพื้น มันได้ลุกขึ้นเขย่าศีรษะ เพื่อปัดฝุ่นออกจากตัว
มันร้องออกมาด้วยความโกรธ
กรงเล็บของมันได้กางออกทั้งหมด มันดูเฉียบคมยิ่งกว่าอาวุธวิเศษ
แต่เมื่อนึกถึงการเคลื่อนไหวที่เข้าใจได้ยากของ หลินจิ่วเฟิง มันก็หดกรงเล็บกลับเข้าไปและก้มหน้าลง จากนั้นมันก็กระโดดขึ้นไปบนกำแพงล้านบ้านและเฝ้ามอง หลินจิ่วเฟิง กับ หลินเทียนหยวน จากระยะไกล
เมื่อเห็นฉากนี้ หลินเทียนหยวน กล่าวถามด้วยความสงสัย“ท่านลุง นี่เป็นสัตว์เลี้ยงของท่านงั้นหรือ?”
หลินจิ่วเฟิง ได้สั่นศีรษะและตอบกลับ”ก็แค่แมวจรที่มีที่มาที่ไปไม่รู้จัก มันค่อนข้างอารมณ์ร้าย ถ้าไม่ใช่เพราะมันดูน่าสมเพช ข้าคงไล่มันออกไปนานแล้ว เอาล่ะ ช่างมัน ปล่อยให้มันอยู่ตรงนั้นไปเถอะ.
เจ้าแมวขาวที่ได้ยิน มันพลันโกรธมากกรงเล็บของมันได้เกาผนังจนเกือบจะเป็นรู
หลินจิ่วเฟิง ได้เพิกเฉยและกล่าวถาม หลินเทียนหยวน“เจ้าได้ขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิแล้ว ด้วยงานราชกิจจำนวนมากที่ต้องจัดการในทุกวัน เจ้ามีเวลามาหาข้าได้อย่างไร?”
อาจกล่าวได้ว่า หลินจิ่วเฟิง คอยเฝ้ามองดู หลินเทียนหยวน เติบโตขึ้น
อีกฝ่ายเป็นผู้สืบทอดปณิธานของจักรพรรดิหยวนและทุ่มเทการทำงานให้กับชาติบ้านเมืองอย่างเต็มที่
หลินจิ่วเฟิง รู้สึกพึงพอใจกับสิ่งนี้มาก
มันพิสูจน์แล้วว่าน้องชายของเขาไม่ได้เลือกผู้สืบทอดผิด
ในการต่อสู้แย่งชิงระหว่างเหล่าองค์ชายด้วยกันเอง อีกฝ่ายกลับเลือก หลินเทียนหยวน อย่างเด็ดขาด
“ท่านลุง ข้าต้องการฝากของบางสิ่ง”
หลินเทียนหยวน ที่โตเต็มวัยแล้วเขาได้ยิ้มออกมา
เขาเติบโตอย่างรวดเร็วหลังจากใช้ชีวิต 5 ปี ในฐานะองค์จักรพรรดิ
ดังนั้นตอนนี้ถือได้ว่าเขาเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้ว
แต่อย่างไรก็ตามสำหรับเขา หลินจิ่วเฟิง ก็ยังเป็นผู้ที่ควรค่าแก่การเคารพอยู่ดี
“ฝากของงั้นเหรอ?”หลินจิ่วเฟิง กล่าวถามด้วยความสงสัย“มันคืออะไร?”
หลินเทียนหยวน ได้นำหนังสือบางอย่างออกมาจากหน้าอก
เขายื่นให้กับ หลินจิ่วเฟิง ด้วยความเคารพ
หลินจิ่วเฟิง ได้หยิบมันขึ้นมาแล้วเปิดอ่านดู
[หนังสือปีศาจโบราณ]
“นี่คือต้นเหตุที่ทำให้พ่อของเจ้าตาย?”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถาม
ถ้าจักรพรรดิหยวนไม่ฝึกฝนทักษะบ่มเพาะพลังนี้เมื่อ 5 ปีก่อน เกรงว่า หลินจิ่วเฟิง คงจะช่วยเหลืออีกฝ่ายได้ แม้ว่าเขาจะผลาญพลังชีวิตส่วนใหญ่ไปแล้วก็ตาม
“ถูกต้อง มันเป็นทักษะบ่มเพาะพลังนอกรีต”หลินเทียนหยวน ได้พยักหน้า
“เจ้าไม่ได้คิดจะทำลายมัน?”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถาม
“ท่านลุง ข้าไม่อาจตัดใจทำมันได้”หลินเทียนหยวน ได้ถอนหายใจออกมา
เขาต้องการทำลายทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจก่อนหน้านี้ แต่พอยามราตรีอันเงียบสงบมาเยือน หลังจากพิจารณาทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจที่อยู่ในมือ เขาก็ตัดสินใจที่จะเก็บมันเอาไว้
เขาทนไม่ได้ที่ทำลายมัน
“เจ้าฝึกฝนมันงั้นหรือไม่?”หลินจิ่วเฟิง ได้มองไปที่ หลินเทียนหยวน ด้วยสายตาเฉียบคม
ทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจนี้ได้ฆ่าจักรพรรดิไปแล้วถึง 2 คน
หลินจิ่วเฟิง ไม่ต้องการเห็น หลินเทียนหยวน ตายด้วยสิ่งนี้
หลินเทียนหยวน ได้สั่นศีรษะและตอบกลับ“ข้าไม่ได้ฝึกฝนมัน”
อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มของเขากลับบิดเบี้ยว
“เพียงแต่ข้ามักจะถูกล่อลวงจากมันทุกครั้งในยามราตรี ความอดทนอดกลั้นของข้าเริ่มลดน้อยลงเรื่อย ๆ สิ่งที่มันปลดปล่อยออกมาราวกับกำลังดึงดูดความสนใจของข้า และ มันทำให้ข้ายากที่จะควบคุมตัวเองไม่ให้ฝึกฝนมัน”
หลินเทียนหยวน ค่อนข้างซื่อสัตย์
เขาได้บอกเล่าเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันปกติ
นับวันทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจมันก็ยิ่งล่อลวงเขามากขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งนี้มันสามารถมอบพลังที่แข็งแกร่งให้กับเขาได้ ดังนั้นมันจึงสิ่งกลิ่นอายเย้ายวนออกมาในทุกคืน
“เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ข้ารู้สึกเกียจชังทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจนี้ แต่พอพักหลัง เมื่อข้านำมันออกมา ข้าอดไม่ได้ที่จะอ่านมันในตอนกลางคืน และ ข้าเริ่มถลำลงไปเรื่อย ๆ”หลินเทียนหยวน ได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น
“ท่านลุง ข้าไม่ได้มีความอดทนอดกลั้นที่มากขนาดนั้น”หลินเทียนหยวน ได้กล่าวอย่างเศร้าใจ
หลินจิ่วเฟิง มองไปที่ หลินเทียนหยวน และตอบกลับ“ดังนั้นเจ้าจึงฝากทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจไว้ที่ข้า เพราะต้องการยุติความคิดชั่ววูบเหล่านั้นโดยสมบูรณ์?”
หลินเทียนหยวน ได้พยักหน้าและตอบกลับ“ถูกต้อง ข้ารู้ว่าท่านรู้เป็นคนที่มีความมุ่งมั่นมาก ท่านสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเรียบง่ายภายในตำหนักเย็นนี้เป็นระยะเวลาหลาย 10 ปี โดยพื้นฐานแล้ว ทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจนี้ย่อมไม่มีอิทธิพลต่อท่านอย่างแน่นอน ดังนั้นข้าจึงต้องการฝากให้ท่านลุงเป็นคนดูแลมัน”
หลินจิ่วเฟิง ได้ตรวจสอบทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจนี้
ดูเหมือนว่าหนังสือเล่มนี้จะถูกสร้างมาจากแผ่นหนังที่แช่ในน้ำมันสัตว์ชนิดพิเศษมันมีความยืดหยุ่นอย่างมากและช่วยไม่ให้บุบสลายหรือเกิดความเสียหาย
“ให้ข้าจัดการเอง ว่าแต่ มีทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจนี้ในพระราชวังอีกหรือไม่?”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถาม
“ไม่มีแล้ว”หลินเทียนหยวน ได้สั่นศีรษะ
“การปฏิรูปราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา เป็นความปราถนาของพ่อเจ้า ดังนั้นเจ้าควรมุ่งมั่นกับงานให้มาก ข้ารู้ว่าสิ่งนี้มันอาจจะยากเกินไปสำหรับเจ้า แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีใครสนับสนุนเจ้า!”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับอย่างจริงจัง
“แม้ว่าข้าจะไม่ต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับโลกภายนอก แต่ข้าก็มีความผูกพันใกล้ชิดกับพ่อของเจ้า ดังนั้น ความปราถนาของเขาก็เป็นความปราถนาของข้าเช่นเดียวกัน”
“หากเจ้าประสบปัญหาที่ไม่สามารถรับมือได้ในอนาคต เพียงแค่มาหาข้าและข้าจะช่วยเหลือเจ้าเอง”
“ข้าขอเพียงแค่เจ้าไม่ลดละความพยายามในการปฏิรูป อย่าปล่อยให้คนธรรมดาทั่วไปเหล่านั้นต้องขาดที่พึ่งพิง เพราะเจ้าคือความหวังสูงสุดของพวกเขา”
“สำหรับขุมกำลังใดก็ตามที่มันกล้าที่จะหยุดเจ้า พวกมันจะต้องถามหากระบี่ในมือของข้าก่อนว่าเห็นด้วยหรือไม่!”
หลินจิ่วเฟิง ได้ให้การรับประกันแก่ หลินเทียนหยวน
เพราะ หลินจิ่วเฟิง รู้ว่า หลินเทียนหยวน ค่อนข้างตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างมากจากการปฏิรูปต่าง ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งที่เขาได้รับมาก็คือความปราถนาที่ยังไม่สำเร็จของจักรพรรดิหยวน
ดังนั้น หลินจิ่วเฟิง จึงให้สัญญาว่าจะช่วยเหลือเขา
หลินเทียนหยวน มองไปที่ หลินจิ่วเฟิง พลางคำนับ
เขารู้สึกดีใจอย่างมากและตอบกลับในทันที“ขอบคุณท่านลุงมาก เพียงแต่เกรงว่าข้าคงต้องขอให้ท่านลุงช่วยเร็ว ๆ นี้”
หลินจิ่วเฟิง รู้สึกแปลกใจ
การแสดงออกของ หลินเทียนหยวน แสดงว่าเขาจะต้องเจอปัญหาใหญ่มาแน่นอน
มิฉะนั้นเขาคงไม่คิดที่จะศึกษาทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจนี้
“เกิดอะไรขึ้น?”หลินจิ่วเฟิง ได้พา หลินเทียนหยวน ไปที่ลานที่พักของเขาและนั่งลง
นอกจากโต๊ะหินแล้ว ส่วนที่เหลือของลานที่พักยังเต็มไปด้วยกระบี่กระดูก
เป็นเวลากว่า 5 ปีแล้วที่กระบี่กระดูกเหล่านี้ปักอยู่ในพื้นที่นี่ หลินจิ่วเฟิง ไม่เคยใช้งานมันแม้แต่ครั้งเดียว
“มีปราชญ์การต่อสู้ที่ทรงพลังปรากฏตัวขึ้นบนที่ราบทางตะวันตกเฉียงเหนือ เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก…”
“เขาพยายามรวบรวมอิทธิพลในเซียนเป่ย ที่กระจัดกระจายไป มาอยู่ภายใต้อาณัติของเขา ระบบข่าวกรองของข้าได้รับรายงานมาว่า การรวมตัวกันครั้งนี้จะเกิดขึ้นตอนฤดูหนาว หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาจะบุกชายแดนด้วยกองทัพนับล้านและขับไล่กองทัพของเราออกไป”หลินเทียนหยวน ได้กล่าวออกมา
หลินจิ่วเฟิง ได้ขมวดคิ้วแน่น
เซียนเป่ย เป็นดินแดนทางตะวันตกเฉียงเหนือที่มีประชากรอยู่จำนวนมาก
แต่กลุ่มคนเหล่านี้ได้แยกตัวออกไปซึ่งประกอบไปด้วยเผ่าต่าง ๆ กว่า 800 เผ่า ที่มีขนาดต่างกัน นอกจากนี้ พวกเขาไม่ค่อยชอบพอกันสักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่เคยคิดที่จะบุกโจมตีชายแดนของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา
แต่ทว่า จู่ ๆ ยอดฝีมือลึกลับก็ปรากฏตัวขึ้น เขาต้องการรวบรวมอิทธิพลในเซียนเป่ย ให้มาอยู่ภายใต้ร่มธงของเขา
นอกจากนี้ เขายังคิดที่จะรุกล้ำชายแดนของราชวงศ์และคิดจะขับไล่ทหารของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาไปอีก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาหวังจะปล้นชิงดินแดนไปเป็นของพวกเขา
สายตาของ หลินจิ่วเฟิง ได้กลายเป็นเย็นชา
“ชื่อของ ปราชญ์การต่อสู้ที่จะรวบรวมอิทธิพลในเซียนเป่ย มีนามว่าอะไร?”หลินจิ่วเฟิงได้กล่าวถาม
“ทูเหมิน เขาเป็นนักบวชจากอารามเซียนเป่ย ว่ากันว่าเขาได้รับพระหรรษทานจากเทพเจ้าแห่งที่ราบและบุกทะลวงสู่ขั้นปราชญ์การต่อสู้ในคราวเดียว”
“เป็นเพราะที่นั่นไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเขาทำให้เขาค่อนข้างหยิ่งผยอง”หลินเทียนหยวน ได้ตอบกลับ
“ท่านลุงฤดูหนาวใกล้มาถึงแล้ว”
“ฤดูหนาวนี้ค่อนข้างเย็นเกินไปส่งผลให้…”
“การส่งทหารออกไปล่าช้ามาก นอกจากนี้ การป้องกันพื้นที่ที่มีพรมแดนนับล้านตารางไมล์ก็ค่อนข้างยากเมื่อเทียบกับการบุกโจมตี”
“ถ้าเขาทำสำเร็จ ผู้คนนับล้านจะต้องพลัดถิ่นจากบ้านเกิด”
“นอกจากนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตจากความหนาวเย็นและความอดยากก็คงจะมีมากขึ้นในเวลานั้น”หลินเทียนหยวน กล่าวด้วยความเจ็บปวด
“ดังนั้น เจ้าต้องการให้ข้าไปฆ่า ทูเหมิน ปราชญ์การต่อสู้คนนั้น?”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถามอย่างใจเย็น
“ท่านลุงโปรดดำเนินการ!”หลินเทียนหยวน ได้ลุกขึ้นยืนและเอามือทั้งสองข้างแนบลำตัวและโค้งคำนับ
“กลับไปรอฟังข่าวดีเถอะ ข้าจะไปฆ่าทูเหมินเอง”หลินจิ่วเฟิง ได้โบกมือ
คราวนี้เขาคิดจะลงมือก็เพื่อผู้คนนับล้านที่อาศัยอยู่ใกล้ชายแดนเหล่านั้น
หลินเทียนหยวน ได้จากไป
เนื่องจากท่านลุงของเขาตกลง เขาก็เชื่อมั่นว่า ทูเหมิน จะต้องตายอย่างแน่นอน
ดังนั้นเขาจึงกลับไปเตรียมแผนการสำหรับอนาคต
เมื่อ หลินเทียนหยวน จากไป เจ้าแมวขาวก็กระโดดลงมาจากกำแพงลานที่พักและเขียนสองสามคำด้านหน้า หลินจิ่วเฟิง
มันยังคงเป็นตัวอักษรที่คดเคี้ยวเหมือนเดิม ยากที่จะอ่านว่ามันสะกดว่าอะไร
จะว่ามันเป็นลักษณะเฉพาะของเจ้าแมวขาวก็ได้
“กำลังจะออกไป?”
หลินจิ่วเฟิง ได้พยักหน้า
“ไปหาข้อมูลเพิ่มเติม!”
หลินจิ่วเฟิง ได้สั่นศีรษะและตอบกลับ“ไว้ข้าจะทำเรื่องนี้หลังจากที่ข้ากลับมา”
“จะไปนานแค่ไหน?”
หลินจิ่วเฟิง ยิ้มเล็กน้อย
ลมฤดูใบไม้ผลิได้พัดผ่านใบหน้าของเขาขณะที่เขาพูดด้วยความมั่นใจ
“เพื่อสังหารผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้…”
“3 วันก็พอ!”
สองในสามวันนี้คือระยะเวลาเดินทางไปกลับ