ตอนที่แล้ว80Y-ตอนที่ 29 จักรพรรดิหมิงต้องการความช่วยเหลือ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป80Y-ตอนที่ 31 ตระหนักรู้ในชีวิตด้วยการโจมตีเพียงหนึ่งครั้ง

80Y-ตอนที่ 30 ทักษะกระบี่22เล่มกระบวนท่าสุดท้าย!


พระราชวังต้องห้าม ห้องโถงใหญ่

หลินเทียนหยวน ดูผ่อนคลายอย่างมากเมื่อเขากลับมา มันมีแม้กระทั่งรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา

เมื่อท่านลุงรับปากว่าจะลง ความตึงเครียดของเขาก็ได้หายไปในทันที

เขาอาศัยอยู่กับ หลินจิ่วเฟิง เป็นระยะเวลากว่า 10 ปี เขารู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของ หลินจิ่วเฟิง มากกว่าใคร ๆ

ในห้องโถงใหญ่ เหล่าเจ้าหน้าที่ในราชสำนักต่างโต้เถียงกันอย่างไม่มีสิ้นสุด

พวกเขากำลังถกกันเรื่องจะจัดการพวกคนถ่อยจากเซียนเป่ยอย่างไร

บางคนถึงกับเสนอให้เริ่มสงคราม บางคนได้เสนอให้ใช้วิธีสันติ

พวกเขาได้แบ่งออกเป็นสองฝ่าย และ โต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

พวกเขาได้โต้เถียงกันในเรื่องนี้ราวกับเป็นเรื่องชกต่อยระหว่างกันและกัน

แต่กุญแจสำคัญในที่นี้คือ แต่ละคนได้บอกเหตุผลในการตัดสินใจของพวกเขา

เมื่อฤดูหนาวมาเยือน ชายแดนที่หนาวเหน็บก็ยิ่งเป็นสถานที่ที่น่ากลัว

หากพวกเขาทำสงครามขึ้นมา ความสูญเสียนี้อาจทำให้การพัฒนาของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาล่าช้าไปนับ 10 ปี

นี่คือเหตุผลที่ หลินเทียนหยวน กังวลใจจนถึงขั้นจะฝึกฝนทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจ

ท้ายที่สุด จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาประสบความสำเร็จในการฝึกฝนทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจโดยไม่ส่งผลกระทบ?

แต่ตอนนี้ เขาได้เดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่อย่างสงบ

เจ้าหน้าที่ในราชสำนักต่างก็มองไปที่หลินเทียนหยวน

“ฝ่าบาทพวกเราจะจัดการกับกองทัพเซียนเป่ยอย่างไร วอนฝ่าบาทโปรดตัดสินพระทัย”หัวหน้าคณะรัฐมนตรีได้กล่าวถาม

ไม่ว่าพวกเขาจะเลือกทำสงครามหรือสร้างสันติภาพ การโต้เถียงระหว่างกันก็ไม่ได้ช่วยอะไร

เพราะพวกเขาต้องตัดสินใจโดยเร็วที่สุด

“พวกท่านไม่จำเป็นจะต้องกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในเซียนเป่ยอีกต่อไป ข้าได้ว่าจ้างยอดฝีมือไปฆ่า ทูเหมิน ปราชญ์การต่อสู้ ผู้นั้นแล้ว โทษฐานที่คิดจะบุกรุกพรมแดนราชวงศ์ของพวกเรา มีเพียงความตายสถานเดียว!”

หลินเทียนหยวน ประกาศกร้าวด้วยท่าทีอารมณ์ดี

เหล่า เจ้าหน้าที่ในราชสำนัก ต่างมองไปที่ หลินเทียนหยวน ด้วยความประหลาดใจ

“ฝ่าบาท-ยอดฝีมือลึกลับที่พระองค์ว่าจ้าง-ใช่คนเดียวกับยอดฝีมือลึกลับที่หลบซ่อนตัวในเมืองหลวงราชวงศ์ใช่หรือไม่?”หัวหน้าคณะรัฐมนตรีกล่าวถามด้วยความตื่นตระหนก

คนอื่น ๆ ได้มองอย่างคาดหวังไปที่ หลินเทียนหยวน

“ถูกต้อง!”หลินเทียนหยวน ได้พยักหน้า

“ดังนั้น ทุกท่านโปรดวางใจและรอฟังข่าวการตายของ ปราชญ์การต่อสู้ ทูเหมิน!”

หลินเทียนหยวน มั่นใจในเรื่องนี้มาก

ด้วยเหตุนี้เองเหล่าเจ้าหน้าที่ในราชสำนักต่างก็หยุดโต้เถียงกัน

พวกเขาทั้งหมดได้กลับกลายเป็นเหมือนพี่น้องร่วมสายเลือดและเริ่มยิ้มในเวลาเดียวกัน

หากไม่มีปราชญ์การต่อสู้ ทูเหมิน ปัญหาในเซียนเป่ย ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล

หลินจิ่วเฟิง ได้เตรียมพร้อมออกเดินทางในเวลานี้ เขาได้ปิดประตูของตำหนักเย็น

หน้าประตูของตำหนักเย็น ใบไม้ที่ร่วงหล่นได้ปกคลุมพื้นดิน

เมื่อลมหนาวพัดมา พวกมันก็ปลิวไปตามสายลม

หลินจิ่วเฟิง วางแผนจะเดินทางไปที่ราบทางตะวันตกเฉียงเหนือ

เขาไม่ได้พกอะไรติดตัวไปมาก

มีเพียง หนึ่งคนหนึ่งกระบี่

กระบี่ที่เขาพกก็คือกระบี่สังหารปีศาจ

แม้ว่าเขาจะมีกระบี่กระดูก

แต่พวกมันก็มีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับศัตรูจำนวนมาก แต่เมื่อต่อสู้กับเป้าหมายเดียวแล้ว…

กระบี่สังหารปีศาจก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด

เมี้ยว!

เจ้าแมวขาวได้ร้องออกมาจากด้านบนของกำแพงลานที่พัก

มันรู้สึกไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้ หลินจิ่วเฟิง จากไป

เพราะหากมันพลาดความช่วยเหลือจากหลินจิ่วเฟิง มันก็คงยากที่จะหาข้อมูลเพิ่มเติมได้

ท้ายที่สุดแล้ว เจ้าแมวขาวก็อาศัยอยู่ในใต้ดินมานานหลายร้อยปี เกี่ยวกับสถานการณ์ในโลกภายนอกมันไม่คุ้นเคยเลย

หลินจิ่วเฟิง ได้เหลือบมองไปที่แมวขาว

จากนั้นเขาก็โบกมือลาและพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าหายไปในทันที

เมี้ยว!

เจ้าแมวขาวได้ส่งเสียงร้องออกมาอย่างยอมแพ้

มันได้ใช้กรงเล็บขูดคำบางคำออกมา

“หากเจ้าไม่กลับมาภายใน 2 วันข้าจะโกรธเจ้า!”

ที่ราบทางตะวันตกเฉียงเหนือตั้งอยู่ค่อนข้างไกลจากเมืองหลวงราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา

เมื่อพิจารณาจากที่ตอนนี้หน้าหนาวเริ่มเข้ามา ทำให้วิสัยทัศน์โดยรอบค่อนข้างแย่ลงเรื่อย ๆ

ทัศนียภาพเบื้องหน้าคือภาพหิมะสีขาวโพลนจนไม่มีใครสามารถทำลายมันได้

หลินจิ่วเฟิง ได้ใช้พลังปราณแท้จริงห่อหุ้มร่างกายของเขาเอาไว้ ร่างของเขาราวกับลูกศรที่ถูกคันธนูง้างยิงจนพุ่งไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

เสียงลมวืดหวืออย่างต่อเนื่อง ความเร็วของเขาราวกับอัสนีที่ฟาดผ่า

ตอดลระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา หลินจิ่วเฟิง ไม่เคยประสบความสำเร็จในการก้าวสู่ช่วงต่อไปของขั้นปราชญ์การต่อสู้

อย่างไรก็ตามพลังปราณแท้จริงที่เขาสั่งสมไว้ในร่างกายก็มหาศาลอย่างมาก

แม้ว่าจะเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วบนอากาศแต่ด้วยพลังปราณแท้จริงที่ห่อหุ้มร่างกายของเขาก็ทำให้ร่างกายของเขาไม่รู้สึกแสบร้อนเลย

วันที่หนึ่ง!

หนึ่งวันเต็ม!

หลินจิ่วเฟิง ได้ใช้เวลาหนึ่งวันเต็มก่อนที่เขาจะมาถึงพรมแดนของที่ราบทางตะวันตกเฉียงเหนือ

นี่เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าอาณาเขตของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวานั้นกว้างใหญ่เกินไปจริง ๆ ในที่สุด หลินจิ่วเฟิง ก็เข้าใจว่าทำไม เหล่าเจ้าหน้าที่ในราชสำนักถึงโต้เถียงกันอย่างหนักเรื่องการตัดสินใจทำสงครามหรือการสร้างสันติภาพ

ทั้งหมดเป็นเหมาะที่นี่อยู่ไกลจากเมืองหลวงของราชวงศ์จนเกินไป

นอกจากนี้อุณหภูมิที่นี่ยังต่ำกว่าที่อื่น ๆ ในราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาส่งผลให้กองทัพไม่คุ้นเคยกับสภาพอากาศ

แต่ชาวเซียนเป่ย ล้วนคุ้นเคยกับมัน ทำให้พวกเขาได้เปรียบในการต่อสู้

ดังนั้น ทางออกที่ดีที่สุดก็คือ ตัดศีรษะของ ชายคนนั้น

เมื่อ หลินจิ่วเฟิง มาถึง เขาก็ได้มองหาสถานที่และใช้กำลังสอบถามชาวเซียนเป่ย 2-3 คนเกี่ยวกับ ปราชญ์การต่อสู้ที่มีชื่อเสียง ทูเหมิน ว่าเขาอยู่ที่ไหน

“ปราชญ์การต่อสู้ ทูเหมิน ตอนนี้เขาน่าจะกำลังทำพิธีบวงสรวงอยู่บนภูเขาสวรรค์ กองทัพภายใต้เขาเองก็ไปรวมตัวที่เชิงเขาที่นั่น”ชาวเซียนเป่ย ได้ตอบกลับ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนในที่ราบต่างมทราบดี

“ภูเขาสวรรค์อยู่ทางไหน?”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถาม

ชาวเซียนเป่ย ได้ชี้ทางโดยไม่ได้คิดจะปิดบังใด ๆ

หลินจิ่วเฟิง ได้ไว้ชีวิตพวกเขาขณะที่ตนเองได้รีบมุ่งหน้าไปยังภูเขาสวรรค์

ภูเขาสวรรค์ตั้งอยู่ไม่ไกลนักและมันสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

เพราะท้ายที่สุดมันก็เป็นภูเขาที่มียอดเขาสูงทะลุฟ้า นอกจากนี้ มันยังมีภูเขาสูงตระหง่านหลายสิบแห่งล้อมรอบอยู่ ราวกับว่า ภูเขาด้านข้างคือมังกรพิทักษ์ที่กำลังปกป้องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่น่าสะพรึงกลัว

กองทัพของทูเหมินสามารถมองเห็นได้ที่เชิงภูเขาสวรรค์

มีกระโจมทุกประเภททอดยาวไปไกลหลายร้อยเมตร

ในความเป็นจริงจำนวนของพวกเขายังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป

ดวงตาของ หลินจิ่วเฟิง พลันเย็นชาเมื่อเห็นภาพนี้

ปราชญ์การต่อสู้ทูเหมิน วางแผนที่จะกวาดล้างพรมแดนของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา

เขากำลังวางแผนจะปล้นชิงดินแดนจริง ๆ หากสิ่งนี้เกิดขึ้นเกรงว่ามันจะสร้างความโกลาหลและความไม่พอใจเป็นวงกว้าง

“เมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่ง มันคงจะดีกว่าหากเจ้าไล่ตามวิถีการบ่มเพาะพลังต่อไป แทนที่จะมาสร้างความขัดแย้งเป็นวงกว้างเช่นนี้”ในใจของ หลินจิ่วเฟิง เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า

เขาได้ทะยานขึ้นไปบนฟ้าและมองจากทางอีกด้านหนึ่งของภูเขา

ไม่มีใครค้นพบเขา

เขาได้ร่อนลงบนยอดภูเขาสวรรค์

กลางภูเขามีทะเลสาบสวรรค์สีขาวขุ่น

ทะเลสาบสวรรค์นี้เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

ชั่วขณะนึง ก็มีคลื่นพลังใต้น้ำมาทับซ้อนกัน แต่ในเวลาต่อมา คลื่นพลังเหล่านั้นก็เงียบสงบ พื้นผิวของมันได้ส่งประกายแวววาวเป็นกระจกบนท้องฟ้า

ชายร่างใหญ่ได้คุกเข่าลงที่ริมทะเลสาบสวรรค์

ผมของเขาหนาราวกับเคราของราชสีห์ ใบหน้าของเขาดุร้ายและร่างกายดูกำยำอย่างมาก

เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ปราชญ์การต่อสู้ ทูเหมิน

ตอนนี้เขาอยู่ในระหว่างพิธีบวงสรวง

มีลวดลายต่าง ๆ ถูกวาดลงบนพื้นขณะที่เขากำลังสวดคาถาอย่างต่อเนื่องภายใต้ลมหายใจของเขา

หลินจิ่วเฟิง ที่ยืนห่างไกลออกไปหลายเมตรเขาได้ชักกระบี่สังหารปีศาจออกมา

ทักษะกระบี่ผ่าสวรรค์ขั้นสูงสุด!

หลินจิ่วเฟิง ตั้งใจจะสังหารอีกฝ่าย

หลังจากยืนยันสถานะของอีกฝ่ายได้แล้ว เขาคิดจะฆ่าอีกฝ่ายโดยตรง

ดวงตาที่ลุกโชติช่วงได้ส่องสว่างพร้อมกับพลังปราณแท้จริงที่พลุ่งพล่าน เจตจำนงค์ต่อสู้ของเขาได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง

ปราณกระบี่อันน่าสะพรึงได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าจนมีขนาดยาวหลายเมตร

จากนั้นมันก็ถูกฟาดฟันออกไป

ฟวั่บ!

ปราณกระบี่ได้วาดลงมาจนแยกลมแยกหิมะออกจากกัน

มันได้พัดผ่านทะเลสาบสวรรค์จนพายุหิมะก่อตัวขึ้นอย่างกะทันหัน

การจู่โจมครั้งนี้ของเขาทรงพลังมาก

มันได้กลืนกินทุกสิ่งอย่างภายใต้ระยะของปราณกระบี่

อย่างไรก็ตาม ทูเหมิน ที่อยู่ตรงกลางของพิธีบวงสรวงก็ได้ลืมตาขึ้น

เขาได้ส่งเสียงร้องคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง

กร๊าชช!

นี่คือเสียงคำรามของสัตว์ป่า และมันไม่ใช่เสียงคำรามของสัตว์ตัวเดียว

แต่มันเป็นเสียงคำรามของสัตว์ป่าหลายร้อยตัว

หลังจากเสียงคำรามดังก้องกังวานไปทั่ว เหล่าสัตว์ป่าที่ดุร้ายหลายร้อยตัวก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลัง ปราชญ์การต่อสู้ ทูเหมิน

หมีป่า,เสือขาว,สิงโต,หมาป่าเงิน,แมงมุมยักษ์,กระทิงดุ,งูหลาม…

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นวิญญาณที่ ปราชญ์การต่อสู้ ทูเหมิน ใช้มันบวงสรวงในพิธี

เขาได้ใช้พวกมันในการบวงสรวงและท้ายที่สุดก็ได้รับพลังกลับมา

ด้วยวิธีดังกล่าวทำให้เขาสามารถผงาดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและสามารถรวบรวมอิทธิพลในเซียนเป่ยได้สำเร็จ

ปราณกระบี่ของ หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้ถูกทำลายภายใต้การคำรามในครั้งนี้

มันสามารถต่อต้านเสียงคำรามที่ทรงพลังนี้ได้

การโจมตียังคงมุ่งหน้าต่อไป

“เป็นปราณกระบี่ที่ทรงพลังอะไรขนาดนี้!”

“แต่การที่เจ้ามาลอบสังหารข้านี่คือความผิดพลาดครั้งใหญ่ของเจ้า…”

“เพราะข้าคือราชาของสัตว์ทุกตัวบนที่ราบ!”

ปราชญ์การต่อสู้ทูเหมิน ได้เคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับลิง เขาได้กระโดดขึ้นไปบนอากาศและฟาดพลังฝ่ามือออกไป

บูม!

เขาได้ทำลายปราณกระบี่ของ หลินจิ่วเฟิง ลมพายุที่รุนแรงได้กวาดผ่านทุกสิ่งอย่างบนยอดเขาสวรรค์

ฉากที่เกิดขึ้นนี้น่ากลัวมาก

พายุหิมะได้พัดผ่านอย่างต่อเนื่อง

ลมเย็นจำนวนมากได้ปะทุขึ้นอย่างรุนแรง

นี่คือแรงปะทะจากผลลัพธ์จากความแข็งแกร่งของพวกเขา

ซึ่งมันทรงพลังมาก

ปราชญ์การต่อสู้ ทูเหมิน ได้คำรามออกมาราวกับราชสีห์ เขาได้ใช้สองเท้าและสองแขนเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงสุดและกระโจนไปที่ หลินจิ่วเฟิง และ พยายามจะสังหารเขาด้วยการกัด

บูม! บูม! บูม!

พลังปราณแท้จริงของ ปราชญ์การต่อสู้ทูเหมิน ได้เพิ่มขึ้น พลังของเขาได้ทะยานจากช่วงทำความเข้าใจ จนไปถึง ช่วงตระหนักรู้ในชีวิต โดยตรง

คมเขี้ยวขนาดใหญ่ได้งับลงตรงคอของ หลินจิ่วเฟิง

เขาได้รับการโจมตีทั้งหมด แต่เขากลับยังแสดงท่าทีสงบออกมาเช่นเดิม

“ความเข้นข้นของพลังปราณแท้จริงของเจ้าได้มาถึงช่วงตระหนักรู้ในชีวิตแล้ว แต่เจตจำนงค์ต่อสู้ของเจ้ากลับอ่อนแอจนน่าสมเพช”

หลินจิ่วเฟิง ได้พูดอย่างใจเย็นขณะที่เขายกกระบี่สังหารปีศาจขึ้น

“หลังจากดูดซับพลังของสัตว์ป่าจำนวนมากมา เจ้าก็ได้กลายเป็นสัตว์ป่าที่โง่เขลาเฉกเช่นพวกมัน จนไม่อาจควบคุมเจตจำนงค์ต่อสู้ของตนเองได้ เจ้าได้หล่อเลี้ยงความแข็งแกร่งท่ามกลางความกล้างใหญ่ไพศาลเหล่านี้ แต่ท้ายที่สุด เจ้าก็แค่คนโง่ที่หลงระเริงในตัวเอง”

ขณะที่เขาพูด หลินจิ่วเฟิง ก็ได้ฟันกระบี่ออกไป

กระบวนท่าสุดท้ายของทักษะกระบี่ 22 เล่ม

ทักษะกระบี่ 22 เล่ม การเคลื่อนไหว 22 จังหวะ

มันถูกเรียกอีกอย่างว่า ‘กระบี่ศักดิ์สิทธิ์’

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด