80Y-ตอนที่ 30 ทักษะกระบี่22เล่มกระบวนท่าสุดท้าย!
พระราชวังต้องห้าม ห้องโถงใหญ่
หลินเทียนหยวน ดูผ่อนคลายอย่างมากเมื่อเขากลับมา มันมีแม้กระทั่งรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
เมื่อท่านลุงรับปากว่าจะลง ความตึงเครียดของเขาก็ได้หายไปในทันที
เขาอาศัยอยู่กับ หลินจิ่วเฟิง เป็นระยะเวลากว่า 10 ปี เขารู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งของ หลินจิ่วเฟิง มากกว่าใคร ๆ
ในห้องโถงใหญ่ เหล่าเจ้าหน้าที่ในราชสำนักต่างโต้เถียงกันอย่างไม่มีสิ้นสุด
พวกเขากำลังถกกันเรื่องจะจัดการพวกคนถ่อยจากเซียนเป่ยอย่างไร
บางคนถึงกับเสนอให้เริ่มสงคราม บางคนได้เสนอให้ใช้วิธีสันติ
พวกเขาได้แบ่งออกเป็นสองฝ่าย และ โต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร
พวกเขาได้โต้เถียงกันในเรื่องนี้ราวกับเป็นเรื่องชกต่อยระหว่างกันและกัน
แต่กุญแจสำคัญในที่นี้คือ แต่ละคนได้บอกเหตุผลในการตัดสินใจของพวกเขา
เมื่อฤดูหนาวมาเยือน ชายแดนที่หนาวเหน็บก็ยิ่งเป็นสถานที่ที่น่ากลัว
หากพวกเขาทำสงครามขึ้นมา ความสูญเสียนี้อาจทำให้การพัฒนาของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาล่าช้าไปนับ 10 ปี
นี่คือเหตุผลที่ หลินเทียนหยวน กังวลใจจนถึงขั้นจะฝึกฝนทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจ
ท้ายที่สุด จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาประสบความสำเร็จในการฝึกฝนทักษะบ่มเพาะพลังปีศาจโดยไม่ส่งผลกระทบ?
แต่ตอนนี้ เขาได้เดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่อย่างสงบ
เจ้าหน้าที่ในราชสำนักต่างก็มองไปที่หลินเทียนหยวน
“ฝ่าบาทพวกเราจะจัดการกับกองทัพเซียนเป่ยอย่างไร วอนฝ่าบาทโปรดตัดสินพระทัย”หัวหน้าคณะรัฐมนตรีได้กล่าวถาม
ไม่ว่าพวกเขาจะเลือกทำสงครามหรือสร้างสันติภาพ การโต้เถียงระหว่างกันก็ไม่ได้ช่วยอะไร
เพราะพวกเขาต้องตัดสินใจโดยเร็วที่สุด
“พวกท่านไม่จำเป็นจะต้องกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในเซียนเป่ยอีกต่อไป ข้าได้ว่าจ้างยอดฝีมือไปฆ่า ทูเหมิน ปราชญ์การต่อสู้ ผู้นั้นแล้ว โทษฐานที่คิดจะบุกรุกพรมแดนราชวงศ์ของพวกเรา มีเพียงความตายสถานเดียว!”
หลินเทียนหยวน ประกาศกร้าวด้วยท่าทีอารมณ์ดี
เหล่า เจ้าหน้าที่ในราชสำนัก ต่างมองไปที่ หลินเทียนหยวน ด้วยความประหลาดใจ
“ฝ่าบาท-ยอดฝีมือลึกลับที่พระองค์ว่าจ้าง-ใช่คนเดียวกับยอดฝีมือลึกลับที่หลบซ่อนตัวในเมืองหลวงราชวงศ์ใช่หรือไม่?”หัวหน้าคณะรัฐมนตรีกล่าวถามด้วยความตื่นตระหนก
คนอื่น ๆ ได้มองอย่างคาดหวังไปที่ หลินเทียนหยวน
“ถูกต้อง!”หลินเทียนหยวน ได้พยักหน้า
“ดังนั้น ทุกท่านโปรดวางใจและรอฟังข่าวการตายของ ปราชญ์การต่อสู้ ทูเหมิน!”
หลินเทียนหยวน มั่นใจในเรื่องนี้มาก
ด้วยเหตุนี้เองเหล่าเจ้าหน้าที่ในราชสำนักต่างก็หยุดโต้เถียงกัน
พวกเขาทั้งหมดได้กลับกลายเป็นเหมือนพี่น้องร่วมสายเลือดและเริ่มยิ้มในเวลาเดียวกัน
หากไม่มีปราชญ์การต่อสู้ ทูเหมิน ปัญหาในเซียนเป่ย ก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล
…
หลินจิ่วเฟิง ได้เตรียมพร้อมออกเดินทางในเวลานี้ เขาได้ปิดประตูของตำหนักเย็น
หน้าประตูของตำหนักเย็น ใบไม้ที่ร่วงหล่นได้ปกคลุมพื้นดิน
เมื่อลมหนาวพัดมา พวกมันก็ปลิวไปตามสายลม
หลินจิ่วเฟิง วางแผนจะเดินทางไปที่ราบทางตะวันตกเฉียงเหนือ
เขาไม่ได้พกอะไรติดตัวไปมาก
มีเพียง หนึ่งคนหนึ่งกระบี่
กระบี่ที่เขาพกก็คือกระบี่สังหารปีศาจ
แม้ว่าเขาจะมีกระบี่กระดูก
แต่พวกมันก็มีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับศัตรูจำนวนมาก แต่เมื่อต่อสู้กับเป้าหมายเดียวแล้ว…
กระบี่สังหารปีศาจก็ยังเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
เมี้ยว!
เจ้าแมวขาวได้ร้องออกมาจากด้านบนของกำแพงลานที่พัก
มันรู้สึกไม่เต็มใจที่จะปล่อยให้ หลินจิ่วเฟิง จากไป
เพราะหากมันพลาดความช่วยเหลือจากหลินจิ่วเฟิง มันก็คงยากที่จะหาข้อมูลเพิ่มเติมได้
ท้ายที่สุดแล้ว เจ้าแมวขาวก็อาศัยอยู่ในใต้ดินมานานหลายร้อยปี เกี่ยวกับสถานการณ์ในโลกภายนอกมันไม่คุ้นเคยเลย
หลินจิ่วเฟิง ได้เหลือบมองไปที่แมวขาว
จากนั้นเขาก็โบกมือลาและพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าหายไปในทันที
เมี้ยว!
เจ้าแมวขาวได้ส่งเสียงร้องออกมาอย่างยอมแพ้
มันได้ใช้กรงเล็บขูดคำบางคำออกมา
“หากเจ้าไม่กลับมาภายใน 2 วันข้าจะโกรธเจ้า!”
…
ที่ราบทางตะวันตกเฉียงเหนือตั้งอยู่ค่อนข้างไกลจากเมืองหลวงราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา
เมื่อพิจารณาจากที่ตอนนี้หน้าหนาวเริ่มเข้ามา ทำให้วิสัยทัศน์โดยรอบค่อนข้างแย่ลงเรื่อย ๆ
ทัศนียภาพเบื้องหน้าคือภาพหิมะสีขาวโพลนจนไม่มีใครสามารถทำลายมันได้
หลินจิ่วเฟิง ได้ใช้พลังปราณแท้จริงห่อหุ้มร่างกายของเขาเอาไว้ ร่างของเขาราวกับลูกศรที่ถูกคันธนูง้างยิงจนพุ่งไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
เสียงลมวืดหวืออย่างต่อเนื่อง ความเร็วของเขาราวกับอัสนีที่ฟาดผ่า
ตอดลระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา หลินจิ่วเฟิง ไม่เคยประสบความสำเร็จในการก้าวสู่ช่วงต่อไปของขั้นปราชญ์การต่อสู้
อย่างไรก็ตามพลังปราณแท้จริงที่เขาสั่งสมไว้ในร่างกายก็มหาศาลอย่างมาก
แม้ว่าจะเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วบนอากาศแต่ด้วยพลังปราณแท้จริงที่ห่อหุ้มร่างกายของเขาก็ทำให้ร่างกายของเขาไม่รู้สึกแสบร้อนเลย
วันที่หนึ่ง!
หนึ่งวันเต็ม!
หลินจิ่วเฟิง ได้ใช้เวลาหนึ่งวันเต็มก่อนที่เขาจะมาถึงพรมแดนของที่ราบทางตะวันตกเฉียงเหนือ
นี่เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าอาณาเขตของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวานั้นกว้างใหญ่เกินไปจริง ๆ ในที่สุด หลินจิ่วเฟิง ก็เข้าใจว่าทำไม เหล่าเจ้าหน้าที่ในราชสำนักถึงโต้เถียงกันอย่างหนักเรื่องการตัดสินใจทำสงครามหรือการสร้างสันติภาพ
ทั้งหมดเป็นเหมาะที่นี่อยู่ไกลจากเมืองหลวงของราชวงศ์จนเกินไป
นอกจากนี้อุณหภูมิที่นี่ยังต่ำกว่าที่อื่น ๆ ในราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาส่งผลให้กองทัพไม่คุ้นเคยกับสภาพอากาศ
แต่ชาวเซียนเป่ย ล้วนคุ้นเคยกับมัน ทำให้พวกเขาได้เปรียบในการต่อสู้
ดังนั้น ทางออกที่ดีที่สุดก็คือ ตัดศีรษะของ ชายคนนั้น
เมื่อ หลินจิ่วเฟิง มาถึง เขาก็ได้มองหาสถานที่และใช้กำลังสอบถามชาวเซียนเป่ย 2-3 คนเกี่ยวกับ ปราชญ์การต่อสู้ที่มีชื่อเสียง ทูเหมิน ว่าเขาอยู่ที่ไหน
“ปราชญ์การต่อสู้ ทูเหมิน ตอนนี้เขาน่าจะกำลังทำพิธีบวงสรวงอยู่บนภูเขาสวรรค์ กองทัพภายใต้เขาเองก็ไปรวมตัวที่เชิงเขาที่นั่น”ชาวเซียนเป่ย ได้ตอบกลับ
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทุกคนในที่ราบต่างมทราบดี
“ภูเขาสวรรค์อยู่ทางไหน?”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถาม
ชาวเซียนเป่ย ได้ชี้ทางโดยไม่ได้คิดจะปิดบังใด ๆ
หลินจิ่วเฟิง ได้ไว้ชีวิตพวกเขาขณะที่ตนเองได้รีบมุ่งหน้าไปยังภูเขาสวรรค์
ภูเขาสวรรค์ตั้งอยู่ไม่ไกลนักและมันสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
เพราะท้ายที่สุดมันก็เป็นภูเขาที่มียอดเขาสูงทะลุฟ้า นอกจากนี้ มันยังมีภูเขาสูงตระหง่านหลายสิบแห่งล้อมรอบอยู่ ราวกับว่า ภูเขาด้านข้างคือมังกรพิทักษ์ที่กำลังปกป้องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่น่าสะพรึงกลัว
กองทัพของทูเหมินสามารถมองเห็นได้ที่เชิงภูเขาสวรรค์
มีกระโจมทุกประเภททอดยาวไปไกลหลายร้อยเมตร
ในความเป็นจริงจำนวนของพวกเขายังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป
ดวงตาของ หลินจิ่วเฟิง พลันเย็นชาเมื่อเห็นภาพนี้
ปราชญ์การต่อสู้ทูเหมิน วางแผนที่จะกวาดล้างพรมแดนของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา
เขากำลังวางแผนจะปล้นชิงดินแดนจริง ๆ หากสิ่งนี้เกิดขึ้นเกรงว่ามันจะสร้างความโกลาหลและความไม่พอใจเป็นวงกว้าง
“เมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่ง มันคงจะดีกว่าหากเจ้าไล่ตามวิถีการบ่มเพาะพลังต่อไป แทนที่จะมาสร้างความขัดแย้งเป็นวงกว้างเช่นนี้”ในใจของ หลินจิ่วเฟิง เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
เขาได้ทะยานขึ้นไปบนฟ้าและมองจากทางอีกด้านหนึ่งของภูเขา
ไม่มีใครค้นพบเขา
เขาได้ร่อนลงบนยอดภูเขาสวรรค์
กลางภูเขามีทะเลสาบสวรรค์สีขาวขุ่น
ทะเลสาบสวรรค์นี้เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
ชั่วขณะนึง ก็มีคลื่นพลังใต้น้ำมาทับซ้อนกัน แต่ในเวลาต่อมา คลื่นพลังเหล่านั้นก็เงียบสงบ พื้นผิวของมันได้ส่งประกายแวววาวเป็นกระจกบนท้องฟ้า
ชายร่างใหญ่ได้คุกเข่าลงที่ริมทะเลสาบสวรรค์
ผมของเขาหนาราวกับเคราของราชสีห์ ใบหน้าของเขาดุร้ายและร่างกายดูกำยำอย่างมาก
เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ปราชญ์การต่อสู้ ทูเหมิน
ตอนนี้เขาอยู่ในระหว่างพิธีบวงสรวง
มีลวดลายต่าง ๆ ถูกวาดลงบนพื้นขณะที่เขากำลังสวดคาถาอย่างต่อเนื่องภายใต้ลมหายใจของเขา
หลินจิ่วเฟิง ที่ยืนห่างไกลออกไปหลายเมตรเขาได้ชักกระบี่สังหารปีศาจออกมา
ทักษะกระบี่ผ่าสวรรค์ขั้นสูงสุด!
หลินจิ่วเฟิง ตั้งใจจะสังหารอีกฝ่าย
หลังจากยืนยันสถานะของอีกฝ่ายได้แล้ว เขาคิดจะฆ่าอีกฝ่ายโดยตรง
ดวงตาที่ลุกโชติช่วงได้ส่องสว่างพร้อมกับพลังปราณแท้จริงที่พลุ่งพล่าน เจตจำนงค์ต่อสู้ของเขาได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง
ปราณกระบี่อันน่าสะพรึงได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าจนมีขนาดยาวหลายเมตร
จากนั้นมันก็ถูกฟาดฟันออกไป
ฟวั่บ!
ปราณกระบี่ได้วาดลงมาจนแยกลมแยกหิมะออกจากกัน
มันได้พัดผ่านทะเลสาบสวรรค์จนพายุหิมะก่อตัวขึ้นอย่างกะทันหัน
การจู่โจมครั้งนี้ของเขาทรงพลังมาก
มันได้กลืนกินทุกสิ่งอย่างภายใต้ระยะของปราณกระบี่
อย่างไรก็ตาม ทูเหมิน ที่อยู่ตรงกลางของพิธีบวงสรวงก็ได้ลืมตาขึ้น
เขาได้ส่งเสียงร้องคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง
กร๊าชช!
นี่คือเสียงคำรามของสัตว์ป่า และมันไม่ใช่เสียงคำรามของสัตว์ตัวเดียว
แต่มันเป็นเสียงคำรามของสัตว์ป่าหลายร้อยตัว
หลังจากเสียงคำรามดังก้องกังวานไปทั่ว เหล่าสัตว์ป่าที่ดุร้ายหลายร้อยตัวก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลัง ปราชญ์การต่อสู้ ทูเหมิน
หมีป่า,เสือขาว,สิงโต,หมาป่าเงิน,แมงมุมยักษ์,กระทิงดุ,งูหลาม…
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นวิญญาณที่ ปราชญ์การต่อสู้ ทูเหมิน ใช้มันบวงสรวงในพิธี
เขาได้ใช้พวกมันในการบวงสรวงและท้ายที่สุดก็ได้รับพลังกลับมา
ด้วยวิธีดังกล่าวทำให้เขาสามารถผงาดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและสามารถรวบรวมอิทธิพลในเซียนเป่ยได้สำเร็จ
ปราณกระบี่ของ หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้ถูกทำลายภายใต้การคำรามในครั้งนี้
มันสามารถต่อต้านเสียงคำรามที่ทรงพลังนี้ได้
การโจมตียังคงมุ่งหน้าต่อไป
“เป็นปราณกระบี่ที่ทรงพลังอะไรขนาดนี้!”
“แต่การที่เจ้ามาลอบสังหารข้านี่คือความผิดพลาดครั้งใหญ่ของเจ้า…”
“เพราะข้าคือราชาของสัตว์ทุกตัวบนที่ราบ!”
ปราชญ์การต่อสู้ทูเหมิน ได้เคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับลิง เขาได้กระโดดขึ้นไปบนอากาศและฟาดพลังฝ่ามือออกไป
บูม!
เขาได้ทำลายปราณกระบี่ของ หลินจิ่วเฟิง ลมพายุที่รุนแรงได้กวาดผ่านทุกสิ่งอย่างบนยอดเขาสวรรค์
ฉากที่เกิดขึ้นนี้น่ากลัวมาก
พายุหิมะได้พัดผ่านอย่างต่อเนื่อง
ลมเย็นจำนวนมากได้ปะทุขึ้นอย่างรุนแรง
นี่คือแรงปะทะจากผลลัพธ์จากความแข็งแกร่งของพวกเขา
ซึ่งมันทรงพลังมาก
ปราชญ์การต่อสู้ ทูเหมิน ได้คำรามออกมาราวกับราชสีห์ เขาได้ใช้สองเท้าและสองแขนเคลื่อนไหวด้วยความเร็วสูงสุดและกระโจนไปที่ หลินจิ่วเฟิง และ พยายามจะสังหารเขาด้วยการกัด
บูม! บูม! บูม!
พลังปราณแท้จริงของ ปราชญ์การต่อสู้ทูเหมิน ได้เพิ่มขึ้น พลังของเขาได้ทะยานจากช่วงทำความเข้าใจ จนไปถึง ช่วงตระหนักรู้ในชีวิต โดยตรง
คมเขี้ยวขนาดใหญ่ได้งับลงตรงคอของ หลินจิ่วเฟิง
เขาได้รับการโจมตีทั้งหมด แต่เขากลับยังแสดงท่าทีสงบออกมาเช่นเดิม
“ความเข้นข้นของพลังปราณแท้จริงของเจ้าได้มาถึงช่วงตระหนักรู้ในชีวิตแล้ว แต่เจตจำนงค์ต่อสู้ของเจ้ากลับอ่อนแอจนน่าสมเพช”
หลินจิ่วเฟิง ได้พูดอย่างใจเย็นขณะที่เขายกกระบี่สังหารปีศาจขึ้น
“หลังจากดูดซับพลังของสัตว์ป่าจำนวนมากมา เจ้าก็ได้กลายเป็นสัตว์ป่าที่โง่เขลาเฉกเช่นพวกมัน จนไม่อาจควบคุมเจตจำนงค์ต่อสู้ของตนเองได้ เจ้าได้หล่อเลี้ยงความแข็งแกร่งท่ามกลางความกล้างใหญ่ไพศาลเหล่านี้ แต่ท้ายที่สุด เจ้าก็แค่คนโง่ที่หลงระเริงในตัวเอง”
ขณะที่เขาพูด หลินจิ่วเฟิง ก็ได้ฟันกระบี่ออกไป
กระบวนท่าสุดท้ายของทักษะกระบี่ 22 เล่ม
ทักษะกระบี่ 22 เล่ม การเคลื่อนไหว 22 จังหวะ
มันถูกเรียกอีกอย่างว่า ‘กระบี่ศักดิ์สิทธิ์’