ตอนที่แล้ว376 - เข้าสู่เส้นทางอำนาจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป378 - การต้อนรับ

377 - นิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่


377 - นิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่

แม้ว่าเอี้ยนลี่เฉียงจะมีการคาดเดาได้ล่วงหน้าหลังจากที่เห็นความโกลาหลตลอดเส้นทาง แต่เขาก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกใจเมื่อได้ยินว่านิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ได้เข้าควบคุมทั่วทั้งแคว้นล่าย

นี่เป็นข้อบ่งชี้ว่าอาณาจักรฮั่น ได้เข้าสู่ความโกลาหลและความวุ่นวายที่เหนือจินตนาการแล้ว

ดังนั้นนิกายสูงสุดเช่นนิกายกระบี่ศักสิทธิ์สามารถบังคับควบคุมทั่วทั้งแคว้นล่าย และไม่ต้องกังวลกับการแสดงความเคารพต่อราชสำนักอีกต่อไป

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากราชสำนักจักรพรรดิยังคงมีอยู่ในเวลานี้...

……

สองชั่วยามต่อมา ขบวนของเอี้ยนลี่เฉียงได้พบกับทหารม้าจากเมืองอานตรงครึ่งทาง หลังจากเปิดเผยตัวตนของพวกเขาให้ชัดเจนแล้ว ทหารม้าก็พาเอี้ยนลี่เฉียงและคนอื่นๆกลับไปยังเมืองอาน

ทันทีที่พวกเขาพบกับทหารม้าที่ถูกส่งไปคุ้มกันพวกเขา ทุกคนในขบวนของเอี้ยนลี่เฉียงก็สบายใจอย่างสมบูรณ์ พวกเขารู้สึกเหมือนกับว่าในที่สุดพวกเขาก็ได้กลับบ้าน…

ขบวนของเอี้ยนลี่เฉียงได้รับการดูแลเป็นพิเศษเมื่อพวกเขากลับมาในครั้งนี้ นอกจากเอี้ยนลี่เฉียงและทุกคนในขบวนก็รับรู้เช่นกัน

ตอนค่ำของวันเดียวกันเอี้ยนลี่เฉียงและคนอื่นๆมาถึงเมืองอาน ภายใต้การดูแลของทหารม้าและพักค้างคืนที่โรงเตี้ยมที่ดีที่สุดในเมือง

บรรยากาศในเมืองอานค่อนข้างตึงเครียด แม้ว่าหิมะจะตก แต่ก็มีคนเดินถนนน้อยมาก ร้านค้าและร้านอาหารจำนวนมากถูกปิดสนิท

อย่างไรก็ตาม มีมือปราบและทหารลาดตระเวนแทนจำนวนมาก เอี้ยนลี่เฉียงเพิ่งค้นพบว่าแคว้นล่ายทั้งหมดเป็นแบบนี้เมื่อเขาถามทหารม้าที่พาพวกเขามาที่นี่

หลังจากที่นิกายกระบี่ศักสิทธิ์เข้ายึดครองแคว้นล่าย ได้มีการคำสั่งห้ามทุกคนออกจากบ้านในตอนกลางคืน ร้านอาหารก็ต้องปิดเพื่อรักษาทรัพยากรของเมืองให้มากที่สุด

สิ่งนี้ถูกนำมาใช้เพื่อป้องกันไม่ให้นิกายบัวขาวใช้ประโยชน์จากสถานการณ์โดยการปลุกระดมคนเพื่อก่อกบฏและก่อให้เกิดความสับสนวุ่นวายต่อไป

ระหว่างทางกลับไปยังแคว้นล่าย เอี้ยนลี่เฉียงและคนอื่นๆได้เห็นความโกลาหลในหลายๆที่ สถานที่ที่ไม่ได้รับผลกระทบก็ไม่สงบสุขเช่นกัน

เนื่องจากความวุ่นวาย ตระกูลที่ร่ำรวยในท้องถิ่นจึงเริ่มสะสมอาหารไว้ใช้เอง ราคาอาหารในหลายๆที่ที่ขบวนของเอี้ยนลี่เฉียงผ่านไปมีราคาสูงมากขึ้นกว่า 2-3 เท่า

ราคาอาหารที่พวกเขาเห็นในตอนเช้ามักจะเปลี่ยนแปลงในตอนเที่ยงและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในช่วงเวลาเช่นนี้สถานการณ์ในชนบทยังคงดีอยู่เล็กน้อย

เนื่องจากทุกครัวเรือนยังคงมีอาหารเหลืออยู่ ในขณะเดียวกัน ความรู้สึกของวิกฤตได้เกิดขึ้นสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่เนื่องจากพวกเขาไม่มีอาหารเก็บไว้ที่บ้านมากนัก

ทุกคนเริ่มกังวลเรื่องราคาอาหารที่สูงขึ้นและเริ่มซื้ออาหารให้มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ยิ่งซื้อมากเท่าไหร่ ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นเร็วขึ้นเท่านั้น

ไม่เพียงเท่านั้นพ่อค้าที่ไร้ยางอายบางคนยังใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้และทำให้ราคาอาหารสูงขึ้นอย่างจงใจ จึงเกิดความโกลาหลขึ้นในหลายๆที่

ประชาชนที่ไม่สามารถซื้ออาหารได้เริ่มโจมตีร้านค้าทำให้เกิดความวุ่นวาย หากสมาชิกของนิกายบัวขาวปลุกระดมความรุนแรงการนองเลือดหรืออุบัติเหตุอาจเกิดขึ้นได้ง่าย

เอี้ยนลี่เฉียงและคนอื่นๆได้เห็นฉากดังกล่าวมากกว่าหนึ่งครั้งระหว่างทางกลับ

จักรวรรดิฮั่นที่ยิ่งใหญ่ขณะนี้อยู่ในสถานะที่เปราะบาง นอกจากการจลาจลของนิกายบัวขาวแล้ว ความทะเยอทะยานยังปะทุขึ้นในใจคนจำนวนมาก ทุกแคว้นต่างคิดหาวิธีป้องกันตนเองเมื่อเกิดความวุ่นวายขึ้น

นิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์และสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในแคว้นล่าย ดังนั้นนิกายจึงมีอิทธิพลอย่างมากต่อกลุ่มมหาอำนาจในท้องถิ่นและระบบราชการอีกด้วย

ไม่เพียงเท่านั้นศิษย์ของพวกเขายังกระจายอยู่ทั่วทุกแคว้น ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้นิกายไม่จำเป็นต้องใช้ความพยายามมากนักในการเข้าควบคุมแคว้นล่ายอย่างรวดเร็วและฟื้นฟูความสงบเรียบร้อย

ผู้ว่าการเมืองอาน ก็ถูกแทนที่ด้วยผู้ว่าการที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ซึ่งไม่ได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนัก

แต่บุคคลนี้กลับเป็นบุคคลที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงในท้องถิ่นซึ่งสามารถทำให้สถานการณ์ในเมืองอานมีเสถียรภาพได้

'บุคคลที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง' คนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากประมุขของตระกูลอู๋ซึ่งเป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเมือง อาน

ประมุขของตระกูลอู๋และลูกๆของเขาล้วนเป็นศิษย์ของนิกายกระบี่ศักสิทธิ์ ในทำนองเดียวกันกลุ่มผู้มีอิทธิพลอื่นๆซึ่งสนับสนุนตระกูลอู๋รับตำแหน่งผู้ว่าการซูอานล้วนมีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์

ในขณะเดียวกัน ผู้ว่าการทหารในเมืองอานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เพราะเดิมเขาเป็นสมาชิกของนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว

ในช่วงเดือนที่ผ่านมา ขุนนางซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับการแต่งตั้งจากราชสำนักโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรและไม่ได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ล้วนแต่ถูกขับไล่ลงจากตำแหน่ง

ภายในเขตแดนของแคว้นล่าย ตอนนี้คำพูดของนิกายกระบี่ศักสิทธิ์ถือเป็นราชโองการ กฤษฎีกาไม่ได้ออกโดยสำนักงานผู้ว่าการแคว้นอีกต่อไป แต่ออกโดยยอดเขาเทียนกุ่ยของนิกายกระบี่ศักสิทธิ์

เอี้ยนลี่เฉียงไม่สามารถพูดได้จริงๆว่าการแยกแคว้นนั้นเป็นความคิดที่ดีหรือไม่ เพราะสถานการณ์ปัจจุบันของจักรวรรดิฮั่นยิ่งใหญ่เกินขอบเขตของการมองการณ์ไกลและการตัดสินของเขา

หลังจากลงหลักปักฐานในโรงเตี้ยมแล้ว ทุกคนก็สามารถเพลิดเพลินกับอาหารร้อนๆได้ในที่สุด

ในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา พวกเขารอดชีวิตจากข้าวเปลือกผัดที่พกติดตัวไปด้วยในปริมาณที่น้อยที่สุด

อาหารเย็นที่จัดเตรียมโดยโรงเตี้ยมนั้นไม่ใช่งานฉลองที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็ยังมีเนื้อสัตว์ ปลา และน้ำแกงร้อนๆอยู่บ้าง ในเวลานี้ทุกคนพอใจตราบเท่าที่พวกเขาสามารถหาอะไรร้อนๆกินได้

เมื่อพวกเขากลับไปที่ห้องหลังอาหารเย็น คนรับใช้ในโรงเตี้ยมก็เตรียมอ่างน้ำร้อน เอี้ยนลี่เฉียงอาบน้ำอย่างดีในอ่างไม้ในห้องของตัวเอง และรู้สึกราวกับว่าในที่สุดเขาก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง

หลังจากอาบน้ำเสร็จ เขารอสักครู่เพื่อรอให้ธุระส่วนตัวของทุกคนเสร็จสิ้น เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นออกจากห้องไปหาหวังฮุ่ยและสั่งให้เขาทำงานบางอย่างให้เสร็จ

หลังจากที่เห็นหวังฮุ่ยทุบหน้าอกของตัวเองในขณะที่บอกว่าไม่มีปัญหา จากนั้นเขาก็ไปที่ห้องของหยูชิงและเคาะประตูเบาๆ

"นั่นใครน่ะ…?" เสียงของหยูชิงดังขึ้นจากภายในห้อง

"ข้าเอง!" เอี้ยนลี่เฉียงตอบเบาๆ

ประตูของหยูชิงเปิดออกและใบหน้าแดงก่ำที่น่ารักของนางก็โผล่ออกมาจากด้านหลัง นางคงเพิ่งอาบน้ำเสร็จเพราะกลิ่นสบู่ยังติดมาที่ปอยผมของนางเล็กน้อย

แม้จะไม่ได้แต่งหน้า แต่ใบหน้าของนางก็เหมือนกับดอกไม้อันละเอียดอ่อนที่ส่องประกาย ความงามตามธรรมชาติของนางก็เพียงพอแล้วที่จะประชันกับหญิงงามที่สุดในเมืองหลวง

ถ้าไม่ใช่เพราะความงามของนาง นางคงไม่ถูกกลุ่มอันธพาลในเมืองจินหลิงโจมตี ในระหว่างการเดินทางหยูชิงต้องสวมชุดผู้ชายในตอนท้ายเพื่อที่นางจะได้เข้าร่วมขบวนและหลีกเลี่ยงปัญหา

เมื่อเอี้ยนลี่เฉียงจ้องมองไปที่ใบหน้าของหยูชิงมันก็เลื่อนลงมาตามธรรมชาติ หัวใจของเขาสั่นไหวเล็กน้อยเมื่อเห็นเนินเล็กๆที่ด้านหน้าของนาง

“นายน้อย… มีอะไรให้ข้าช่วยหรือไม่” แก้มของหยูชิงเป็นสีแดง นางก้มศีรษะลงเล็กน้อยขณะที่นางถามเบาๆ

“อะแฮ่ม อะแฮ่ม…”

เอี้ยนลี่เฉียงไอสองครั้งอย่างอายๆและหลบสายตาของนาง

“ข้าแค่อยากจะแจ้งให้เจ้าทราบว่าเราจะกลับไปที่นิกายในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากกฎของนิกายที่เข้มงวด ข้าเกรงว่าบุคคลภายนอกจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในนิกาย…”

ทันทีที่คำพูดเหล่านั้นออกจากปากของเอี้ยนลี่เฉียง แก้มที่แดงก่ำของหยูชิงก็เปลี่ยนเป็นสีขาวทันที

ร่างกายของนางสั่นคลอนดวงตาของนางเปียกชื้น แต่นางพยายามกลั้นน้ำตาหยูชิงกัดฟันและฝืนยิ้มให้เอี้ยนลี่เฉียง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด