378 - การต้อนรับ
378 - การต้อนรับ
“ข้า… ข้าเข้าใจ ไม่ต้องห่วงข้าจะไปพรุ่งนี้ นายน้อยข้าจะดูแลตัวเองและให้แน่ใจว่าข้าจะไม่สร้างปัญหาให้ท่านอีก ขอบคุณท่านที่ดูแลข้ามาตลอด
ถ้าข้าไม่สามารถตอบแทนท่านได้ในชีวิตนี้ ข้าหยูชิงจะตอบแทนความเมตตาและความสง่างามของท่านในชีวิตหน้าอย่างแน่นอน!”
หยูชิงกำลังจะคุกเข่าต่อหน้าเอี้ยนลี่เฉียง
เอี้ยนลี่เฉียงรีบคว้าแขนของนางและยกนางขึ้นโดยไม่ต้องคิดพร้อมกับกล่าวว่า
"เจ้าเข้าใจข้าผิด ไม่ใช่ว่าเราจะไม่ได้พบกันอีก ข้าแค่บอกว่าข้าไม่สามารถพาเจ้ากลับไปที่นิกายได้ ข้าไม่ได้บอกว่าเราจะไม่เจอกันอีก
เจ้าเป็นเด็กสาว ดังนั้นมันจะไม่ปลอดภัยสำหรับเจ้าที่จะอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคย ข้าเพิ่งคุยกับหวังฮุ่ยเราจะแยกกันในวันพรุ่งนี้ และเขาจะหาที่พักให้เจ้านอกประตูภูเขาของนิกายกระบี่ศักสิทธิ์เพื่อพักชั่วคราว
ข้าจะกลับไปที่นิกายก่อนเพื่อรายงานภารกิจ หลังจากนั้นข้าจะกลับมาหาเจ้า หวังว่าข้าจะสามารถพาเจ้าเข้าสู่นิกายกระบี่ศักสิทธิ์ในฐานะศิษย์ภายนอกหรือหางานให้เจ้าในเมืองนี้!
"ตกลง…"
“พวกเราเดินทางมาอย่างเหน็ดเหนื่อย เจ้าควรพักผ่อนเถอะ…”
“ท่านก็เหมือนกันนายร้อย!”
"ตกลง!"
เอี้ยนลี่เฉียงเดินกลับไปที่ห้องของเขาหยูชิงจ้องไปที่ภาพเงาที่หายไปด้วยความงุนงง นางมีสีหน้าแดงก่ำก่อนที่นางจะกัดริมฝีปากและปิดประตูของนางในที่สุด
…
เอี้ยนลี่เฉียงและคนอื่นๆจากหน่วยคุ้มกันต่างเหนื่อยมาก ดังนั้นทุกคนจึงเริ่มเก็บข้าวของตั้งแต่ตอนกลางคืนและเตรียมไว้ว่าเมื่อตื่นขึ้นมาจะได้กลับนิกายทันที
ในขณะที่พักผ่อน ในที่สุดเอี้ยนลี่เฉียงรีบก็สามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อสิ้นสุดวันของเขาในอาณาจักรสวรรค์
เขากลับมาสู่ความเป็นจริงและใช้เวลาทั้งวันในการบ่มเพาะในคฤหาสน์กวางในเวลากลางคืนเขาก็กลับไปที่อาณาจักรสวรรค์และเดินทางต่อ…
……
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ทหารม้าที่คุ้มกันพวกเขาเมื่อวานนี้มาถึงหลังจากที่ทุกคนรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ขบวนของเอี้ยนลี่เฉียง ถูกพากลับไปที่นิกายกระบี่ศักสิทธิ์หลังจากออกเดินทางตอนเช้าและมาถึงตอนเที่ยง…
“อา ในที่สุดเราก็มาถึง…” เมื่อมองดูยอดเขาสูงตระหง่านในระยะไกลกู่เจ๋อซวนอดไม่ได้ที่จะโห่ร้อง เขากระตุ้นม้าแรดของตัวเองให้พุ่งไปข้างหน้า
พวกเขายังอยู่ห่างจากประตูภูเขาของนิกายกระบี่ศักสิทธิ์หลายสิบลี้ ถึงกระนั้นพวกเขาก็มองเห็นยอดเขาสูงตระหง่านสามสิบหกลูกได้อย่างชัดเจน
ท่ามกลางดินแดนสีขาวที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ยอดทั้งสามสิบหกแห่งของนิกายกระบี่ศักสิทธิ์เจาะทะลุโดมสีฟ้าเหมือนกระบี่ที่คมกริบสามสิบหกเล่มมีความยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครเทียบได้
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทุกคนในขบวน
ที่ด้านหน้าของพวกเขาเป็นทางแยก แม้ว่าพวกเขาจะไปในทิศทางเดียวกัน แต่ฝ่ายหนึ่งจะกลับไปที่นิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ ในขณะที่อีกฝ่ายจะกลับไปที่หน่วยพิทักษ์ซีไห่
“น้องเอี้ยนถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า เราคงไม่สามารถรอดกลับมาได้แม้แต่คนเดียว ข้าเป็นคนหยาบกร้านแต่ขอเปล่งคำสาบานบุญเจ้าครั้งนี้ข้าจะต้องตอบแทนอย่างแน่นอน
ต่อจากนี้พวกเราเรียกกันเหมือนพี่น้อง ขอเพียงเจ้าเรียกขาผู้พิทักษ์ซีไห่เมื่อใดพวกเราจะไปช่วยเหลือเจ้าแม่ว่าจะต้องตายก็ตาม!”
หวังฮุ่ยประกาศเสียงดัง ทันทีที่เสียงของเขาสิ้นสุดลงทุกคนในขบวนก็ส่งเสียงร้องเห็นด้วย
“ข้ากงเต๋อฉวน ไม่เคยประทับใจใครเท่านี้มาก่อน หลังจากที่เราอยู่ด้วยกัน ข้าประทับใจในตัวเจ้าน้องเอี้ยน!” กงเต๋อฉวนยกนิ้วให้เอี้ยนลี่เฉียง
“ด้วยความสามารถของน้องเอี้ยน ข้าแน่ใจว่าเจ้าจะมีโอกาสอีกมากมายในนิกายกระบี่ศักสิทธิ์ โปรดดูแลพวกเราเมื่อถึงเวลา!” หวังเซิ่งกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เอี้ยนลี่เฉียงป้องหมัดให้ทุกคนรอบตัวเขาด้วยความจริงใจ
“ระหว่างการเดินทาง เราสามารถเอาชนะอุปสรรคนับไม่ถ้วนและกลับมาที่นี่ได้ด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หวังว่าพี่ใหญ่ทุกท่านจะดูแลตัวเองด้วย!”
“น้องเอี้ยน กู่ และน้องจ้าว ดูแลตัวเองด้วย…!” ผู้คนจากผู้พิทักษ์ซีไห่ป้องหมัดไปที่เอี้ยนลี่เฉียงเช่นกัน
เอี้ยนลี่เฉียงรู้สึกได้ถึงดวงตาที่วาววับจ้องมาที่เขาคู่หนึ่งเขาจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“ดูแลตัวเองด้วยหยูชิง!”
"นายน้อยก็อย่าลืมดูแลตัวเองด้วย!”
ทั้งสองกลุ่มแยกทางกัน หน่วยพิทักษ์ซีไห่ใช้ถนนอีกสายหนึ่ง
เอี้ยนลี่เฉียงโบกมือและมองดูพวกเขาจนหายวับไปจากสายตาหลังจากเขากับกู่เจ๋อซวนและจ้าวฮุ่ยเผิงรวมทั้งม้าแรดทั้งสามตัวก็กลับไปยังนิกาย
“เอ่อ ทำไมพวกเขาทั้งหมดถึงตามเรามา”
เมื่อจ้าวฮุ่ยเผิงสังเกตเห็นว่าไม่มีใครในกองทหารม้าร้อยคนที่ติดตามไปกับขบวนผู้พิทักษ์ซีไห่ เขาอดไม่ได้ที่จะกระซิบคำถามกับเอี้ยนลี่เฉียงอย่างสงสัย
เอี้ยนลี่เฉียงกระพริบตาแล้วพูดว่า
“พวกเขาอาจจะเห็นว่าพวกเรามีคนน้อยกว่าเลยให้การปกป้องเป็นพิเศษหรือเปล่า!”
จ้าวฮุ่ยเผิงเกาหัวของเขา
"น่าจะเป็นอย่างนั้น!"
“อย่าบอกนะว่าเจ้าเชื่ออย่างนั้นจริงๆฮุ่ยเผิง” กู่เจ๋อซวนอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น
“เอ่อ มีเหตุผลอื่นอีกเหรอ?” จ้าวฮุ่ยเผิงถามด้วยความสงสัย
กู่เจ๋อซวนเหลือบมองเอี้ยนลี่เฉียงและกล่าวว่า
“เจ้าจะรู้ว่าทำไมเมื่อเราไปถึงนิกายกระบี่ศักสิทธิ์…”
เอี้ยนลี่เฉียงยิ้มและไม่พูดอะไรอีก จ้าวฮุ่ยเผิงยังคงไม่สามารถคาดเดาเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่เอี้ยนลี่เฉียงรู้ว่ากู่เจ๋อซวนน่าจะคิดได้แล้ว
นับตั้งแต่ที่พวกเขามาถึงด่านตรวจชายแดนในแคว้นลjายเมื่อวานนี้ เอี้ยนลี่เฉียงก็รู้แล้วว่าทำไมนิกายกระบี่ศักดิ์สิทธิ์จึงสนใจพวกเขามาก
ดูเหมือนว่าข่าวที่เขาส่งกลับมาจากเมืองเฟิงจะเริ่มแสดงผล บุคคลสำคัญในนิกายอาจรู้จักชื่อของเขาในตอนนี้คงต้องการสนทนากับเขาเป็นการส่วนตัวเพื่อจะได้รู้ข้อมูลเชิงลึกของเมืองหลวง
นี่ไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับโชคลางมันเป็นโอกาสที่เอี้ยนลี่เฉียงฉวยไว้ด้วยทักษะและความสามารถของเขาเอง เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
การคาดเดาของเอี้ยนลี่เฉียงนั้นถูกต้อง ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม พวกเขาเห็นทหารม้าอีกกลุ่มหนึ่งขี่ม้าเข้ามาหาพวกเขาโดยตรง
คนนำขบวนสวมชุดคลุมสีน้ำเงิน ขณะที่อีกหกคนสวมชุดนักบู๊สีม่วง ด้วยเสื้อผ้าของพวกเขาทำให้เอี้ยนลี่เฉียงสามารถบอกได้ว่าพวกเขาเป็นศิษย์ของนิกายกระบี่ศักสิทธิ์
เอี้ยนลี่เฉียงจำชายในชุดคลุมสีน้ำเงินได้ เขาไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก พ่อบ้านซิ่วที่นำทางเอี้ยนลี่เฉียงขึ้นไปบนภูเขาเมื่อเขาเข้าร่วมนิกายเป็นครั้งแรก
“เนียยยยยย…!”
เมื่อทั้งสองฝ่ายห่างกันสิบวา พ่อบ้านซิ่วก็หยุดม้าเพื่อขวางทางขบวนของเอี้ยนลี่เฉียง
“เอี้ยนลี่เฉียง…”
พ่อบ้านซิ่วจ้องมองไปที่ใบหน้าของเอี้ยนลี่เฉียงขณะที่มีประกายในดวงตาของเขา
“คารวะพ่อบ้านซิ่ว!”
เอี้ยนลี่เฉียงโค้งคำนับพ่อบ้านซิ่ว กู่เจ๋อซวนและจ้าวฮุ่ยเผิงที่อยู่ด้านหลังก็ปฏิบัติตาม
พ่อบ้านซิ่วกวาดสายตาไปที่กองทหารม้าที่คุ้มกันเอี้ยนลี่เฉียงกลับมาจากนั้นจึงหยิบเหรียญออกมาจากหน้าอกของเขา
“ภายใต้คำสั่งของจ้าวนิกายข้ามาที่นี่เพื่อต้อนรับขบวนของเอี้ยนลี่เฉียงกลับไปที่นิกายกระบี่ศักสิทธิ์ พวกเจ้าทั้งหมดสามารถกลับไปยังเมืองอานได้แล้ว!”
เมื่อเห็นป้ายของพ่อบ้านซิ่วและความจริงที่ว่าเอี้ยนลี่เฉียงรู้จักเขาเป็นการส่วนตัว ทหารม้าคุ้มกันก็หันหลังกลับทันที
พ่อบ้านซิ่วจึงนำเอี้ยนลี่เฉียงและอีกสองคนกลับไปที่นิกายกระบี่ศักสิทธิ์โดยตรง