ตอนที่ 260 รูปปั้นน้ำแข็งจักรพรรดิซอมบี้
ตอนที่ 260 รูปปั้นน้ำแข็งจักรพรรดิซอมบี้
ชายผู้ที่ยืนเบื้องหน้าไนเรลไม่ใช่ใครอื่น เขาคือ “โนแลน”
มือของโนแลนสั่นเทา ขาแต่ละข้างพยายามยืนให้มั่นคงเมื่ออยู่ต่อหน้าไนเรล สายตาที่ไนเรลมองมามันแทบจะทำลายสติที่ไม่สมบูรณ์ของเขาทิ้งไปทั้งหมด
ไนเรลหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหวอะไร บางครั้งเขาก็ต้องรอดู...
“แกจะฆ่าฉันได้หรือยัง ความผิดที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่เกิดขึ้น มันกัดกินวิญญาณจนฉันเข้าใจแล้ว และรู้ซึ้งถึงสิ่งที่ทำแล้ว ดังนั้นได้โปรด...ทำตามสัญญานั้นได้หรือยัง สัญญาที่จะมอบความตายให้” โนแลนคุกเข่าลงร้องไห้ออกมา ในสายขอของมัน มีวิญญาณจากบาปที่ทำกำลังกรีดร้องไปรอบ ๆ บางตัวพุ่งผ่านร่างเข้ามาที่จิตวิญญาณของมันโดยตรง
ที่ผ่านมาแม้โนแลนจะสงบลงเมื่อเจอกับนาเดีย เขาและเธอ แต่ตอนนี้เธอปลอดภัยแล้ว เธอเจอคนที่ตามหาแล้ว และมันก็ถึงเวลาที่เขาจะได้รับสิ่งที่ไนเรลสัญญาไว้
ความตาย!
นาเดียเห็นโนแลนคุกเข่าลงไปแบบนั้น เธอก็รีบวิ่งเข้ามาหาโนแลน แต่ไนเรลก็ยกมือขึ้นมาห้ามไว้
ไนเรลเดินเข้ามาหาโนแลนทีละก้าว ทีละก้าว มาหยุดอยู่ด้านข้างขวามือของโนแลนที่กำลังคุกเข่าอยู่ ก่อนจะพูดด้วยสีหน้านิ่งเงียบ
“ถ้านายเชื่อในคำเสียสละฉันก็ขอบอกเงื่อนไขคำสัญญา นายจะไม่สามารถฆ่าตัวตายไม่ว่าจะด้วยสิ่งใดก็ตาม จนกว่านายจะเจอการเสียสละที่แท้จริง จะต้องอยู่กับความผิดที่นายก็ไว้ไปตลอดทุกวัน ทุกคืน ทุกเวลา”
“เพราะความตายมันง่ายไปสำหรับคนแบบนาย โนแลน”
ไนเรลพูดประโยคที่เคยกล่าวไปครั้งนั้นจบลงหยุดนิ่งไปสักพัก ก่อนจะกล่าวต่อ “นายหามันเจอนานแล้ว เพียงแต่แค่ไม่รู้ตัว”
หลังสิ้นสุดคำพูด ไนเรลเดินต่อไปโดยไม่สนใจโนแลนอีก ทั้งเขาและโนแลนต่างจบซึ่งพันธสัญญาต่อกันเรียบร้อยแล้ว
......
คนทั้งเมืองที่อยู่ในกำแพงรากไม้ต่างมารวมกันที่ใจกลาง หลายคนได้ข่าวเรื่องการมาถึงของไนเรลแล้ว และก็รู้เรื่องที่สถานที่แห่งนี้กำลังจะพังลงแล้วด้วยเช่นกัน
ผ่านไป 10 นาทีผู้คนในเมืองมารวมกันอยู่ใจกลางเมืองจำนวนมากตามคำบอกของไคโร หลังนิเรียไปเจอกับพ่อและแม่
ไนเรลไม่ได้หายไปโผล่ที่นั่นในทันที แต่เขาเดินไปด้วยสองเท้าแบบธรรมดา พร้อมคนที่ตามมาด้านหลัง ฝูงชนเริ่มแหวกออกเป็นทางเดิน สุดสายตาไนเรลเห็นนิเรีย เฒ่าไมเคิลและเซนกับสองลูกศิษย์ดานเต้และนิรินอยู่ด้วย
นอกจากสามคนก็มีไคโร คาร่าทั้งสองยังไม่แก่ลงเลยแม้นิดเดียว เนื่องด้วยช่วงชีวิตที่มากของมนุษย์ชั้นสูง 5 ปีเป็นเพียงเวลาแค่ไม่กี่สัปดาห์ถ้าเทียบกันตามอายุขัยของมนุษย์ชั้นสูง
ข้าง ๆ กันนั้นตาเดียวยืนอยู่ด้วยใบหน้าเข้มขึง เขายังคงเป็นคนพูดน้อยเหมือนเช่นเคย จ่าคูเปอร์และอลิสซ่ายืนจับมือด้วยกัน เหมือนทั้งสองจะมีความในที่รู้กันอยู่
เด็กน้อยสองคนในตอนนั้น ดามินและเจคอบที่โตเป็นหนุ่มแล้ว คนหนึ่งสุขุมและรอบคอบราว อีกคนดูห้าวหาญ ทั้งสองมองไปที่นิเรียด้วยความเคารพ ดูเหมือนพวกเขายังนับถือนิเรียเป็นลูกพี่สาวเช่นเคย
สุดท้ายคือหมาป่าหนุ่มโลแกนสายตาเต็มไปด้วยความดุดัน แต่งกายชุดทหารเบ่งบารมีออร่าผู้นำกองกำลังหมาป่าที่ทำวีรกรรมไล่ล่าซอมบี้และถอยเป็นกองกำลังสุดท้ายเสมอมา
ทุกคนนับเป็นคนคุ้นเคย แต่ก็มีคนที่เขาไม่คุ้นหน้าตาเข้ามาในตำแหน่งระดับสูงยืนอยู่ถัดไปเช่นกัน
แน่นอนว่ามีหลายคนหายไป อย่างเช่นเอมเบอร์ ไนเรลเดาไม่ยาก เขาคงตายไปแล้วจากช่วงเวลาที่ผ่านสักช่วงใดช่วงหนึ่ง
ไนเรลหยุดยืนอยู่ต่อหน้าของไคโรและคาร่า ท่าทางและสายตาของเขายังคงแข็งทื่ออยู่เช่นที่เคยเป็น ไม่มีใครพูดอะไรจนกระทั่งไคโรพูดขึ้นมา
“พวกเรามีเวลาลาเท่าไหร่ก่อนโลกจะตายลง”
ไคโรถามออกมา ในช่วงสั้น ๆ นิเรียสรุปเรื่องต่าง ๆ ให้กับทุกคนได้ฟังไปรอบหนึ่งแล้ว
“ครึ่งชั่วอายุคน แต่ไม่ใช่การอยู่ที่นี่ เราต้องเตรียมตัวในระยะยาว”
ไคโรพยักหน้าอย่างเข้าใจ หันไปสั่งการคนอื่น ๆ สมาพันธ์นักล่าเตรียมตัวสำหรับการอพยพมานานแล้ว พวกเขารู้ว่าที่นี่เป็นการอยู่เพียงชั่วคราวเท่านั้น
..............
หกชั่วโมงหลังจากที่ทุกคนเดินออกมาจากใต้พิภพด้วยความเร็วของมนุษย์ธรรมดา แสดงให้เห็นว่ามันลึกมาแค่ไหนพวกเขามาโผล่อยู่ที่เมืองซานติเกีย ทุกคนต่างมองไปยังซากปรักหักพังรอบ ๆ เฝ้าคิดถึงช่วงเวลาเมื่อหลายปีก่อน
ตอนนี้ไม่มีหมอกปกคลุมเมืองซานติเกียอีกแล้ว เสียงร้องของซอมบี้ก็ไม่มีมันเงียบสงบมากจนน่าขนลุก ถ้ามีใครทำเสียงดังมันคงสะท้อนไปได้ทั้งเมือง
ไคโรจัดการแบ่งคนออกไปค้นหาสิ่งที่ยังใช้ได้ตามจุดต่าง ๆ เตรียมพร้อมเฝ้ารอต่อไป เพราะในตอนนี้ไนเรลไปจัดการเรื่องบางอย่างอยู่
ไนเรลมาถึงที่สุดขอบของพื้นที่ซึ่งเคยเป็นประเทศอามิวกัส มันคือชายหาดที่ระดับน้ำแห้งเหือดไปจนไม่เห็นน้ำทะเลแล้วถ้ามองตามตรงนี้ เขามาคนเดียว เพราะต้องการให้นิเรียได้อยู่กับไคโรและคาร่า เธอต้องการสิ่งที่เรียกว่าครอบครัวและคำปลอบประโลม ซึ่งสภาวะไนเรลตอนนี้ทำไม่ได้
รอบตัวของไนเรลนอกจากสภาพแห้งแล้ง มันยังมีหมอกพิษ...ซอมบี้จำนวนมหาศาลเดินไปมาอยู่ ดูเหมือนการต่อสู้ยังคงไม่จบสิ้น
ว๊ากกกก!!!!!!
ฝูงซอมบี้พุ่งตรงเข้าหาไนเรล เขาแบมือออกมา มันคือเมล็ดพันธุ์ของต้นกาบหอยแครงปีศาจที่ได้มาจากใต้พิภพก่อนจะโยนออกไป
การให้เมล็ดกาบหอยเครงปีศาจครั้งนี้ต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆ เพราะเพียงไนเรลโยนออกไป มันก็งอกงามออกมาและกลืนกินซอมบี้ โดยไม่ต้องอาศัยร่างเนื้อจากศพ
ซอมบี้พยายามดินรนต่อสู้ ต้นกาบหอยแครงปีศาจสร้างหนวดรากและปากไล่กัดกินซอมบี้ กลายเป็นสงครามของต้นกาบหอยแครงปีศาจและซอมบี้จำนวนมหาศาล แต่มันไม่หมดแค่นั้น
ต้นกาบหอยแครงสาดซัดเมล็ดกระจายออกไปทั่วก่อกำเนิดเป็นต้นใหม่วนเวียนต่อสู้ไปเรื่อย ๆ
ไนเรลไม่สนใจซอมบี้ระดับต่ำพวกนี้
เขาวิ่งออกไป ก่อนร่างจะกลายเป็นมังกรพฤกษา เหินบินขึ้นท้องฟ้า ทุกครั้งที่เขากระพือปีกซอมบี้ที่อยู่บนดินจะโดนแรงอัดกลายเป็นเศษละอองเลือด
ทุกครั้งที่เขาหายใจซอมบี้จะโดนพืชพันธุ์กัดกินจากภายใน
ไนเรลตรงไปยังสถานที่ซึ่งอยู่ในท้องทะเล มีพายุสีดำขนาดใหญ่เทียมท้องฟ้าบินหมุนวนมันไม่ใช่พายุธรรมดา แต่คือฝูงซอมบี้ปีกไร้สิ้นสุด ยิ่งเข้าไปลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งมีซอมบี้หนาแน่นเท่านั้น
หนึ่งในซอมบี้สติปัญญาระดับ 7 เห็นมังกรแปลกประหลาดบินเข้ามา มันสั่งการชี้นิ้วมาทางไนเรลพัดพาฝูงซอมบี้ปีกเข้าหาเขา
แต่ช่างน่าเศร้าพลังของมันเหมือนมดปลวกเพียงโดนแรงกระแทกจากปีกของมังกรพฤกษา พวกมันก็สลายเป็นฝนเลือดร่วงหล่นลงสู่ท้องทะเลที่แห้งจนเกิดเป็นหนองน้ำโลหิตเน่าเหม็นสีดำหลายแห่ง
จักรพรรดิ ขณะนี้จักรพรรดิซอมบี้ที่สู้กับลูน่าอยู่ก็ร้องคำรามด้วยความเคียดแค้น
มันโดนลูน่าดึงน้ำทะเลที่เหลือน้อยนิดไม่มากตัดเฉือนร่างมันทั้งเป็นอยู่
“ว๊ากก……….พลังของข้าคือระดับ 7 ขั้นสมบูรณ์อีกเพียงก้าวเดียว ข้าก็ข้ามผ่านไประดับดวงดาวแล้ว เจ้าจะแข็งแกร่งกว่าข้าได้ยังไง อ๊ากกก!! โลกนี้ข้าคือคนที่แข็งแกร่งที่สุด ข้าต้องฆ่าสิ่งมีชีวิตให้หมด”
จักรพรรดิร้องคำรามออกมา มันขยายร่างใหญ่ขึ้นเหมือนเช่นจักรพรรดิซอมบี้อีกโลก แม้ขนาดของมันจะได้ไม่ถึงครึ่งแต่ก็สูงกว่า 100 เมตร ผิวหนังหนาร่างทนทานจากความสามารถของซอมบี้ไททัน ปีกสองข้างกลางออกบนแผ่นหลังของซอมบี้ปีก แขนขวาเปลี่ยนเป็นดาบเงาของซอมบี้เงา แขนซ้ายเปลี่ยนโล่กำบังของซอมบี้โล่
ว๊ากกกกกก..........................
เสียงร้องคำรามดังไกลไปหลายพันกิโลเมตร ส่งเป็นคลื่นลมกระชากทุกสิ่งเข้าปะทะกับใบหน้าของลูน่า มันเท้ายกสูงเหนือพื้นดินกินจะกระทืบเธอให้จมดิน
ลูน่าไม่แยแสพลังของจักรพรรดิซอมบี้ ต้องบอกว่าเธอไม่ได้เสียเวลาเปล่าบนยานขนส่งอวกาศขณะข้ามผ่านกำแพงอวกาศ เพราะเธอข้ามผ่านระดับพลังทั้ง 7 ระดับของขั้นแรกขึ้นมาที่ขั้น 1 ดวงดาวแล้วเมื่อ 1 ปีก่อน
และสิ่งที่ทำให้เธอข้ามผ่านระดับมาได้มันคือแก่นพลังของมังกรวารี นอกจากนั้นเธอยังได้พลังงานชั้นสูงสีน้ำเงินเป็นของขวัญจากพ่อของเธออีกด้วย
ไนเรลมอบทั้งสองให้เธอหลังทดสอบอะไรหลาย ๆ อย่างแล้ว
“กล่าวผิดแล้วซอมบี้ ทั้งเจ้าและข้าไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุด คนที่แข็งแกร่งที่สุดคือพ่อของข้า และท่านกำลังจะมาดังนั้นเจ้าต้องรีบตายไปซะ ไม่อย่างนั้นท่านพ่ออาจจะผิดหวังเอาได้” ลูน่ายกมือขวาชี้นิ้วไปที่จักรพรรดิซอมบี้
ทันใดนั้นพลังงานระดับสูงระดับสูงสีน้ำเงินสุดเยือกแข็งก็พุ่งออกไปจากนิ้วของหญิงสาว จักรพรรดิซอมบี้รับรู้ได้ถึงความน่ากลัวของพลังงานระดับสูง
เพราะอากาศที่พลังงานเคลื่อนผ่านมันถูกแช่แข็งราวกับออกมาจากโลกเหมันต์ไม่มีผิด
มันกระโดดถอยกลับไม่กล้าเหยียบลูน่า พลังงานระดับสูงพุ่งเข้าหามันด้วยความเร็วสูง จักรพรรดิซอมบี้ยกโล่จากแขนซ้ายขึ้นบัง ใช้ดาบเงาแขนขวายกมือง้างจะฟันลงไป แต่พอพลังงานระดับสูงสัมผัสที่โล่ซอมบี้ มันก็แช่แข็งไปถึงแขนแล้ว
หลังรู้ตัวเพียงเสี้ยวของเสี้ยววินาทีมันก็สายไป พลังงานระดับสูงแช่แข็งตัวของจักรพรรดิซอมบี้กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งในทันที
ลูน่ารีบควบคุมดึงพลังของพลังงานระดับสูงกลับมาด้วยความลำบากพอดู นี้ชี้ของเธอปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งไม่แลกที่จะเกิดเรื่องเช่นนี้ เพราะระดับของพลังงานระดับสูงมันมากกว่าลูน่าอยู่หนึ่งขั้น
ซอมบี้ทั้งพื้นดินกรีดร้องให้กับการตายของจักรพรรดิซอมบี้ ราชาของพวกมันตาย จึงเกิดการคลุ้มคลั่งพุ่งเข้ามาคิดจะสังหารลูน่าเพื่อให้เธอตาย
ลูน่ายิ้มออกมา ยกมือขึ้นสูงทันใดนั้นเผ่าเจ้าสมุทรก็ออกมา นำโดยพาบีกีสและแน่นอนว่าไม่ใช่เผ่าเจ้าสมุทรจากโลกใบนี้ ทั้งหมดต่างตรงเข้าฆ่าฝูงซอมบี้หลายหมื่นล้านตัว โดยยังรักษาแนวป้องกันไว้ที่พื้นผิวน้ำทะเล
เผ่าเจ้าสมุทรรู้สึกดีเป็นอย่างมาก สำหรับพวกเขาแล้วสายน้ำก็ไม่ต่างจากเลือดที่ไหลในร่างกาย มันหล่อเลี้ยงและเพิ่มพลังขึ้นอย่างมาก
นอกจากความแข็งแกร่งทางร่างกายและความได้เปรียบในน้ำทะเลแล้ว พวกเผ่าเจ้าสมุทรยังใช้อาวุธที่สามารถดูดซับเอาน้ำมาใช้โจมตีได้ มันคือเทคโนโลยีเกิดจากการศึกษาของเมสันผสานความสามารถของจูเรียและชารอน ทั้งสามเปรียบดั่งมันสมองของทั้งสามเผ่าพันธุ์
นอกจากทางฝั่งของเผ่าเจ้าสมุทรที่สู้กับซอมบี้