ตอนที่แล้วตอนที่ 258 ถึงดาวเคราะห์ A111 อีกครั้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 260 รูปปั้นน้ำแข็งจักรพรรดิซอมบี้

ตอนที่ 259 พบหน้าแต่ไม่ทันจากลา


ตอนที่ 259 พบหน้าแต่ไม่ทันจากลา

หลังเหล่าต้นไม้สังหารซอมบี้ทั้งหมด มันก็สลายหลายไป เหลือเพียงพลังงานเม็ดเล็ก ๆ ในมือไนเรลเท่านั้น ไนเรลส่งมันให้กับนิเรียและกล่าวสั้น ๆ

“มันเพิ่มพลังได้”

นิเรียไม่คิดอะไรมาก เธอรับมาก่อนจะกินลงไปในทันที พลังงานที่ไหลเวียนในตัวมันทำให้เด็กสาวรู้สึกดี อีกไม่นานเธอก็จะข้ามผ่านระดับสีทองขั้นกลางไปขั้นสูง

ไนเรลเดินเข้าไปที่กำแพงต้นไม้ มันรากไม้แบบเดียวกับที่เคยเห็นที่เมืองซานติเกีย เขาสัมผัสเบา ๆ ก่อนที่จะส่งพลังงานเข้าไป ทันใดนั้นรากไม้ก็เปิดทางออกเป็นเส้นทางเดินยาวสุดสายตา

รากไม้ยังงอกดอกไม้สีเหลืองส่องแสงสว่างไปยังสุดทาง

“ขอบใจมาก” ไนเรลกล่าวจบก็เดินเข้าไปพร้อมกับนิเรียติดตามมาด้านหลัง

ราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า..

นิเรียมองไปรอบ ๆ เธอรู้สึกว่าอุโมงค์รากไม้สวยงามเป็นอย่างยิ่งไม่แพ้กำแพงอวกาศเลยแม้แต่น้อย เด็กสาวยื่นมือไปสัมผัสกับดอกไม้สีส้ม พวกมันก็หลบทันทีราวกับมีชีวิต

ทั้งสองเดินมาถึงสุดปลายอุโมงค์ มันมีแสงสว่างรำไรและเสียงคนพูดคุยกันลอดผ่านเถาวัลย์ออกมา ไนเรลยืนมือแหวกเถาวัลย์ที่ปิดทางออก เผยให้เห็นชายสองคนที่นั่งเล่นหมากรุกกันอยู่

ทั้งสองคือเซนและเฒ่าไมเคิล

“รุกฆาต”

“ห้ามอ่านความคิด แบบนี้เรียกว่าโกง”

“ผมไม่มีทางทำแบบนั้นอยู่แล้ว”

“เอาใหม่อีกครั้ง ห้ามอ่านความคิด”

“แน่นอน”

ทั้งสองเริ่มจัดเรียกหมากรุกกันอีกครั้ง ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าไนเรลมาเลยแม้แต่น้อย จนกระทั่งไนเรลเดินเข้ามาประชิดตัวพวกเขา

ตัวหมากที่อยู่ในมือของเซนและเฒ่าไมเคิลร่วงหล่นลง ทั้งสองอึ้งจนพูดไม่ออกที่อยู่ ๆ ไนเรลก็ปรากฏตัวออกมาตรงนี้

“นาย...นายท่าน”

“ท่านไนเรล”

เซนพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา มันวิ่งเข้ามาหยุดต่อหน้าไนเรลก้มหัวด้วยความเคารพ ทางด้านของเฒ่าไมเคิลก็ไม่ต่างกัน

ทั้งสองไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เห็น ในตอนนั้นเองนิเรียก็วิ่งเข้ามา เธอเห็นทั้งสองก็ดีใจรีบเข้ามาถามเรื่องพ่อกับแม่

ขณะที่ทั้งสองคุยกัน ไนเรลก็มองไปภาพตรงหน้า สถานที่ซึ่งเขาอยู่ตอนนี้มันคือโลกใต้ดินที่มีกำแพงไม้ล้อมรอบอยู่ สถานที่นี้ไม่มีอะไรมากมาย แต่มันก็พร้อมให้ดำรงชีวิตอยู่ได้

ด้วยจุดที่ไนเรลยืนอยู่ หรือเรียกว่าปากทางเข้า จนสุดอีกฝั่งจากการรับรู้ของไนเรลมันมีพื้นที่ 568.67 ตารางกิโลเมตร เพียงพอให้คนอาศัยอยู่ได้นับแสน จุดที่สูงที่สุดมีระดับนับร้อยเมตร

ไนเรลกวาดสัมผัสไปทั่วทั้งพื้นที่ มีทั้งเผ่ามนุษย์ เผ่ายักษ์เถื่อน และที่เขาแปลกใจสุดคือเผ่าอสูรนิมฟ์ ไนเรลเจอไคโรกับคาร่าด้วยทั้งสองกำลังช่วยกันปลูกผลักอยู่ที่บ้านเล็ก ๆ มุมหนึ่ง สัมผัสในเรลยังกวาดเจอคนสองคนที่ไม่คิดว่าจะเจอ

หนึ่งคือเอส หมัดเพลิง ผู้ที่ยกยอตัวเองว่าเป็นเทพ แต่ตอนนี้มันกำลังใช้เพลิงของตัวเองก่อไฟทำอาหารโดยมีหญิงสาวหน้าตาธรรมดาที่ท่าทางไม่ธรรมดาถือมีดอี้โต้สั่งการอยู่ด้านหลัง ในบ้านหลังนั้นยังมีเด็กสาวตัวเล็ก ๆ หน้าตาจิ้มลิ้มดูแล้วอายุประมาณสามขวบเศษมองดูทั้งสองอยู่

ส่วนอีกคน คือคนที่ไนเรลโกรธมากที่สุดกับการกระทำของมัน โนแลน มันนั่งอยู่แถวแปลงผักซึ่งมีซากซอมบี้ตายเน่าเหม็นอยู่หลายตัว แววตาของโนแลนต่างจากตอนที่เจอครั้งสุดท้ายมาก มันไม่ใช่สายตาของคนดี หรือผู้สำนึกผิดแต่อย่างไร แต่มันคือสายตาที่เริ่มมีเป้าหมาย เป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง

ทันทีที่ไนเรลกวาดสัมผัสถึงโนแลน มันก็เหมือนรับรู้ถึงไนเรลได้ ร่างกายและมือสั่นเทา ซึ่งมาจากความสามารถ คำบัญชาเผ่าพันธุ์ที่เคยทำเมื่อนานมาแล้ว คำสัญญาที่ฝั่งลึกไว้ในใจโนแลนทำให้มันรู้สึก แม้ไม่เห็นแต่ก็รู้สึก

“เขามาแล้ว มันมาแล้ว ไนเรลมาแล้ว” โนแลนลุกขึ้นยืนร้องตะโกนออกมา ทำเอาครอบ ๆ ข้างที่เดินไปมาสะดุ้งตกใจ

แต่ทั้งสองคนนี้ไม่ใช่คนที่ไนเรลสนใจจริง ๆ คนที่เขาสนใจจริง ๆ คือหญิงสาวผู้เล่นกับกวางเผือกอยู่ ตัวของไนเรลหายไปในทันที ทำเอาเฒ่าไมเคิลและเซนตะลึง

“นายท่านไนเรลหายไปไหน” มันสัมผัสไม่ได้เลยราวกับเขาแค่หายไปเฉย ๆ

นิเรียส่ายหัว เธอไม่ค่อยเข้าใจเช่นกัน แต่เธอรู้ว่าไม่มีใครทำร้ายพี่ชายเธอได้อย่างแน่นอน

“ลุงเซน พาหนูไปหาพ่อกับแม่น้อยได้ไหม” นิเรียกล่าวชอร้องออกมา

“ได้สิ” เซนตอบนิเรียและหันไปกล่าวกับเฒ่าไมเคิล "ผมฝากเฝ้าตรงนี้หน่อย เผื่อมีซอมบี้ฝ่าเข้ามาได้จะได้เตือนคนอื่น ๆ"

“เรื่องนั้นคงไม่เกิดขึ้นหรอกพวกเรา ฆ่าซอมบี้ไปหมดแล้ว ส่วนเหตุผล ไว้เดี๋ยวไปรวมกันแล้วค่อยเล่าก็แล้วกัน”

หลังจากทั้งสองได้ยินก็งงอยู่เล็กน้อย เซนเองก็ไม่คิดจะอ่านความคิดของนิเรีย เพราะถือนิเรียเป็นคุณหนูแห่งตระกูลอาโรเดีย นิเรียเดินเข้าไปด้านในตรงเข้าไปในเมือง เซนเห็นแบบนั้นก็ตามไป เฒ่าไมเคิลก็เช่นกัน

...........

ไนเรลที่หายไปตอนนี้กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าเด็กสาว เขาจ้องมองไปที่นาเดียด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์เช่นเคย นาเดียมองไปที่ไนเรลเช่นกัน ทั้งสองไม่พูดอะไร จนกระทั่งเจ้ากวางเผือกที่นาเดียนั่งอยู่เริ่มอยู่ไม่สุข มันรับรู้ว่าไนเรลโคตรอันตราย จึงค่อย ๆ ถอยหลังคิดจะพาเจ้านายหนี

แต่ไนเรลก็จ้องไปที่มันจนตัวของมันแข็งท่อ

นาเดียลูบไปที่หลังคอของกวางเผือกก่อนจะกระโดดลงมา สั่งให้มันถอยออกไปก่อน กวางเผือกถอยไปแบบกล้า ๆ กลัว ๆ จนอยู่ห่างไปร้อยเมตร มันสอดส่องสายตามาเป็นบางครั้งด้วยความเป็นห่วงนาเดีย

นาเดียเดินเข้ามาหาไนเรล ก่อนจะยื่นดาบคู่เขางูไปข้างหน้าถามออกมา

“ใช่ของท่านหรือเปล่า”

ไนเรลเพียงพยักหน้าตอบ ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเด็กสาวข้างหน้าที่ไนเรลคุ้นเคยเธอคือลูกสาวของเขา ไนเรลถามนาเดียกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “โอลีเวียอยู่ไหน (ราชินีนิมฟ์)”

นาเดียส่ายหัว เธอก็ไม่รู้เช่นกัน “แม่บอกจะออกไปตามหาเส้นทางของบางสิ่งพร้อมกับต้นไม้แห่งมารดา ก่อนจะหายไปจากโลกนี้”

ไนเรลได้ยินดังนั้นก็นิ่งไปสักพัก

พบหน้าลูกสาว แต่เขาไม่ทันได้พบเธออีกครั้ง...เขามองไปข้างนอกมองทะลุสถานที่อยู่ตอนนี้ ขั้นไปบนผิวดินและอวกาศ ในใจมีเพียงหนึ่งคำถาม

ที่ไหน?

แต่ต่อให้คิดมากแค่ไหน ไนเรลก็ไม่รู้คำตอบอยู่ดี

“ท่านพ่อ ข้าต้องการออกไปจากกรงขังตามหาท่านแม่” นาเดียกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมาก

ไนเรลไม่ได้ตอบคำถามของนาเดีย เขากลับชี้ไปที่ไหล่ของเด็กสาว “ขอพ่อดูหน่อย”

นาเดียกัดริมฝีปากคิดสักพักก็เปิดเสื้อที่สร้างจากใยไม้สีเขียวออก เผยให้เห็นไหล แต่มันกลับไม่ใช่ไหล่สีขาวที่สวยงามของเด็กสาวทั่วไป มันกลับเป็นไหล่ที่ผิวหนังกลายสภาพเป็นเปลือกไม้เหมือนกับที่หน้าอกของไนเรล

เมื่อเห็นเช่นนั้นไนเรลเข้าใจทุกอย่างในทันที

นาเดียคือลูกสาวของเขา แต่ต่างจากลูน่าตรงที่ เธอสืบทอดส่วนหนึ่งของพลังเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการมา เพราะตอนที่เขามีสัมพันธ์กับโอลีเวีย ไนเรลมีเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการอยู่กับตัวแล้ว

และนาเดียคงยืมพลังนี้ผ่านสายเลือดสร้างพื้นที่ปลอดภัยแห่งนี้ออกมา ซึ่งไนเรลรู้ตั้งแต่ตอนที่สัมผัสที่รากไม้และมันเปิดทางออกมา แน่นอนว่าพลังของมันมากเกินพอจะปกป้องทุกคนให้อยู่ในนี้ได้อย่างปลอดภัย

แต่ในทุก ๆ ช่วงเวลานาเดียต้องให้พลังแก่มัน เขาเชื่อว่าคนอื่น ๆ ก็ไม่รู้เรื่องนี้เช่นกัน

และสิ่งที่ตามมาจากการกระทำของนาเดียหลายปีนี้ก็คือ ผลกระทบที่เปลี่ยนร่างกายไปเรื่อย ๆ บางทีหลังจากนี้อีก 10 ปี 100 ปี เธออาจจะกลายเป็นต้นไม้ขึ้นมาจริง ๆ

ไนเรลยืนมือจับไปที่ไหล่ของนาเดีย ทันใดนั้นพลังงานมหาศาลก็ไหลเข้าไปในตัวของเด็กสาว และแล้วเปลือกไม้บนผิวหนังของนาเดียก็ค่อย ๆ กลืนสภาพหายไปอย่างรวดเร็ว

“พ่อไม่อาจจะยึดพลังของเมล็ดพันธุ์วิวัฒนาการเป็นของตัวเองได้ แต่เจ้าอาจจะทำได้ในสักวันหนึ่ง ดังนั้นจนกว่าจะถึงตอนนั้นอย่าได้ใช้มันอีก”

“ท่านพ่อ ถ้าท่านทำแบบนี้มันจะ...”

“ไปกันเถอะ” ไนเรลไม่สนใจ แม้สิ่งที่ทำจะทำให้เปลือกไม้ที่หน้าอกของเขาขยายใหญ่ขึ้นเล็กน้อยก็ตาม เขาเดินออกไปทิศทางหนึ่งในเมืองทันที ขณะเดียวกันหลังจากที่ไนเรลทำบางสิ่งกับพลังของนาเดีย รากต้นไม้ที่เป็นเหมือนกำแพงก็หม่นแสงลงช้า ๆ แต่สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน

สร้างความแตกตื่นให้กับเหล่ามนุษย์และยักษ์เถื่อนที่อาศัยอยู่ภายใน แม้แต่นิมฟ์ก็รับรู้ได้

ไนเรลไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะยังไงซะหลังจากนี้ทุกคนก็ต้องย้ายออกไปที่ปราการสุดท้ายและออกไปจากโลกนี้อยู่ดี

สถานที่นี่อยู่ได้ด้วยพลังของนาเดีย แต่ความหวังพวกนี้มันสูญเปล่า เพราะพอไม่มีพลังของนาเดียกำแพงรากไม้ก็จะหายไป เมื่อกำแพงหายไปสิ่งที่จริงแท้ก็จะเปิดเผย พื้นดินที่ตายซากจะลุกรามไปทั่วทุกพื้นที่ อันที่จริงแล้วมันรามมาจากภายในดาวเคราะห์ด้วยซ้ำ

โลกจะตายซากเมื่อซอมบี้แพร่ความตายไปทั้งดวงดาว แต่มันไม่ใช่วิธีเดียว โลกมีหลายวิธีในการจัดการ ไม่สิระบบตั้งหาก สถานที่แห่งนี้ ดาวเคราะห์ทดลอง กำแพงพลังงานที่กักขัง กรงขัง ระบบ มันมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ถ้าไม่ออกไปก็มีแต่ตายไปกับมันเท่านั้น

ไนเรลเดินฝ่าเข้าไปในเมือง ด้านหลังนาเดียเดินตามมาพร้อมกับกวางเผือก มีผู้คนมากมายเดินออกมาดูและสังเกตเห็นไนเรลและนาเดีย ตอนแรกพวกเขาจำได้แค่นาเดีย เพราะเธอคือคนที่ช่วยทุกคนไว้ แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็จดจำไนเรลได้

ประธานสมาพันธ์นักล่าผู้ที่หายตัวไป 5 ปี เขากลับมาแล้ว

ไม่มีใครที่ต่ำกว่าระดับ สีม่วงจะสามารถทนพลังของไนเรลได้ ทุกคนต่างถอยออกไปและเปิดเป็นพื้นที่ทางยาวให้กับไนเรล เดินไปได้เรื่อย ๆ คนส่วนใหญ่เป็นสมาชิกสมาพันธ์นักล่า ต่างก้มหัวทำความเคารพไนเรลจนกระทั่งเขาเดินผ่านไป และคนพวกนั้นก็ติดตามไนเรลมาจากด้านหลังอยู่ข้าง ๆ เจ้ากวางเผือก

ในตอนนั้นเองก็มีชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินออกมายืนขวางไนเรลไว้

ชายคนนั้น...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด