ตอนที่แล้ว80Y-ตอนที่ 12 ปล่อยวางความในใจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป80Y-ตอนที่ 14 ทะลวงสู่ขั้นปราชญ์การต่อสู้

80Y-ตอนที่ 13 ผ่านไป 10 ปี


คืนหลังจากที่จักรพรรดิหยวนจากไป หลินจิ่วเฟิง ได้ปลุกให้ ไร้นาม ที่นอนอยู่ในโลงทองแดงตื่นขึ้นมา

“นายท่าน!”ไร้นามได้ตอบกลับด้วยความเคารพ

“จากนี้ไปข้าไม่ใช่นายท่านของเจ้าอีกแล้ว แต่เป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา,จักรพรรดิหยวน จงไปหาเขาซะ”หลินจิ่วเฟิง ได้สั่งการอย่างสสงบ เขาได้เปลี่ยนสถานะเจ้านายของไร้นามเป็นจักรพรรดิหยวน

แม้ว่า หลินจิ่วเฟิง จะไม่สามารถจัดการปัญหาที่น้องชายได้แบ่งปันให้กับเขาในตอนเช้า แต่การมอบ ไร้นาม ให้อีกฝ่าย ก็ช่วยลดภาระแรงกดดันที่อีกฝ่ายกำลังเผชิญหน้าได้ นี่เป็นสิ่งเดียวที่ หลินจิ่วเฟิง สามารถทำให้ได้ในตอนนี้

ไร้นาม-ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้-การปรากฏตัวของเขาการต่อต้านการปฏิรูปของจักรพรรดิหยวนก็จะลดลงอย่างมาก

ในทางกลับกัน เขาก็มีแรงจูงใจที่เห็นแก่ตัวในการทำเช่นนั้น ยิ่งตำแหน่งของน้องชายของเขามั่นคงมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งปลอดภัยในตำหนักเย็นมากขึ้นเท่านั้น ทีนี้ก็จะไม่มีใครมารบกวนเขา

ถ้าราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา ล่มสลายจริง ๆ สถานที่ของหลินจิ่วเฟิง ก็คงจะห่างไกลจากความสงบแบบที่เขาต้องการ

ท้ายที่สุดแล้ว ใต้ตำหนักเย็นแห่งนี้ ก็มีพลังงานด้านลบอยู่มาก

หลายคนคงอยากได้ความลับใต้ตำหนักเย็นแห่งนี้

ไร้นาม ได้หันหลังและออกจากตำหนักเย็นไป เขาได้มุ่งหน้าไปยังพระราชวังต้องห้ามเพื่อมองหาองค์จักรพรรดิในปัจจุบัน

หลินจิ่วเฟิง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในพระราชวังต้องห้ามเมื่อคืนนี้

แต่เมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้า เขาก็พบหลานชายของตัวเอง

หลานชายตัวน้อยของเขามีใบหน้าที่หล่อเหลามากพร้อมกับคุณสมบัติที่ละเอียดอ่อนและประณีต

เขาอายุได้ 5 ปีแล้ว แต่เขายังไม่ได้รับการยอมรับให้เป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์

ผลกระทบที่จักรพรรดิหยวนได้รับในช่วงนี้ทำให้เขารู้สึกสิ้นหวังอย่างแท้จริง ดังนั้นเขาหวังว่า พี่ชายอย่างตนเอง จะช่วยสอนสั่งเด็กคนนี้ได้

ในตำหนักเย็น หลินจิ่วเฟิง ได้มองหลานชายตัวน้อยที่อยู่เบื้องหน้าเขาและกล่าวถาม“เจ้าชื่ออะไร?”

“หลินเทียนหยวน!”เด็กน้อยตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะ

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าตนเองมาที่นี่ทำไม?”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถาม

“มาเพื่อรับฟังคำสอนขององค์ชาย”หลินเทียนหยวน ได้ตอบกลับ

“ดีมาก แต่คราวหน้าอย่าได้เรียกข้าว่าองค์ชาย ให้เรียกข้าว่าอาจารย์ก็พอ”หลินจิ่วเฟิง ได้โบกมือ เด็กคนนี้ถูกส่งมาโดยน้องชายของเขา ไม่ว่าอย่างไรเขาจะต้องสอนสั่งอีกฝ่ายให้ดี

“ขอรับ ท่านอาจารย์”หลินเทียนหยวน ได้ตอบกลับ เขาได้คุกเข่าลงและคำนับให้กับหลินจิ่วเฟิงในฐานะอาจารย์

ดูจากท่าทีของเด็กคนนี้แล้วช่างไม่มีความอ่อนโยนเหมือนกับเด็กคนอื่น

“นับจากนี้ไป เจ้าจะติดตามข้าและรับฟังการสอนสั่ง ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาปรนนิบัติรับใช้อะไรทั้งนั้น เจ้าเพียงมุ่งเน้นความสนใจไปที่การฝึกฝน ข้าจะชี้ทางให้แก่เจ้า”หลินจิ่วเฟิง ได้แนะนำ

“ขอรับ ท่านอาจารย์”หลินเทียนหยวน ได้ตอบรับ

“นี่คือทักษะลับ ใช้มันเพื่อการฝึกฝนซะ”หลินจิ่วเฟิง ได้มอบทักษะนิมิตอันรุ่งโรจน์ของฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงที่เขาได้รับมาจากการลงชื่อเข้าใช้ให้ หลินเทียนหยวน

นี่เป็นทักษะบ่มเพาะพลังภายในที่แข็งแกร่งมาก หลินจิ่วเฟิง ก็ฝึกฝนทักษะนี้เช่นเดียวกัน

หลินเทียนหยวน รับมันมาด้วยความเคารพจากนั้นก็เปิดดูรายละเอียด

เขาได้กล่าวถาม หลินจิ่วเฟิง ในส่วนที่เขาไม่เข้าใจ

ผู้ใหญ่หนึ่งคนและเด็กหนึ่งคนได้เริ่มต้นวันแห่งการฝึกฝนด้วยกันอย่างเงียบ ๆ ภายในตำหนักเย็น

หลินจิ่วเฟิง ค่อย ๆ ตระหนักได้ว่า หลินเทียนหยวน มีพรสวรรค์ในการบ่มเพาะพลังที่ดีทีเดียว

เขาเพิ่งเริ่มฝึกฝนได้เมื่อเดือนก่อน แต่ตอนนี้กลับเข้าสู่ขอบเขตช่วงขั้นก่อตั้งรากฐานแล้ว ความเร็วระดับนี้ แม้แต่ หลินจิ่วเฟิง ในตอนยังเป็นองค์รัชทายาท ก็ยังไม่สามารถเทียบได้

แน่นอนว่ามันเป็นเพราะ ทักษะนิมิตอันรุ่งโรจน์ของฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง และ โอสถชำระแก่นแท้ ที่ หลินจิ่วเฟิง ได้รับจากการลงชื่อเข้าใช้ รวมถึงคำแนะนำส่วนตัวจาก หลินจิ่วเฟิง สิ่งเหล่านี้มีส่วนช่วยให้ความเร็วในการฝึกฝนของอีกฝ่ายเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม พรสวรรค์ของ หลินเทียนหยวน ก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรมองข้าม

1 เดือนต่อมา หลินจิ่วเฟิง ได้มอบทักษะกระบี่ให้กับเขา

ทักษะกระบี่ผ่าสวรรค์ขั้นสูงสุด!

นี่เป็นทักษะกระบี่ ที่หลินจิ่วเฟิง ได้รับจากการลงชื่อเข้าใช้ครั้งแรกของเขา และเป็นหนึ่งในทักษะกระบี่เพียงสองทักษะที่เขามี แต่มันทรงพลังมากสามารถสังหารศัตรูได้ในทันที

หลินจิ่วเฟิง สั่งให้ หลินเทียนหยวน ฝึกปราณกระบี่วันละพันครั้งโดยไม่หย่อนหยาน การไม่หย่อนหยานที่เขาหมายถึง ก็คือ การจดจ่ออยู่กับการควบคุมปราณกระบี่และฟาดฟันออกไป

หลินเทียนหยวน ในวัย 5 ปี ได้กัดฟันแน่น ร่างกายที่บองบางร่างเล็กแต่ยังคงมีซึ่งความแข็งแกร่ง เขาได้กินโอสถชำระแก่นแท้ หนึ่งเม็ดทุก ๆ สองวัน สารอาหารทั้งหมดสำหรับร่างกายที่เขาควรได้รับก็มาจากโอสถชำระแก่นแท้

ทุก ๆ 7 วัน หลินจิ่วเฟิง จะปล่อยให้ หลินเทียนหยวน เดินทางกลับบ้านไปหาแม่ของเขา จากนั้นก็กลับมาฝึกฝนในวันถัดไป

แน่นอนว่า หลินจิ่วเฟิง สามารถผ่อนคลายได้ในขณะนี้เขาได้ทานอาหารและดื่มไวน์ชั้นดีที่ ต้าชุน นำมาให้ หลังจากนั้นเขาก็รับฟังต้าชุน แบ่งปัน เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกภายนอก

“ฝ่าบาท มีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นในเมืองหลวงเมื่อวานนี้”ต้าชุน ได้หัวเราะออกมา

หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถาม“เรื่องใหญ่อะไร?”

“องค์จักรพรรดิทรงประกาศการปฏิรูปที่ดินเมื่อวานนี้ โดยเริ่มจากตัวเมืองหลวงเอง คนแรกที่รับภาระหนักก็คือ ตระกูลใหญ่ทั้ง 4 ในเมืองหลวง พวกเขาได้เสนอการคัดค้านทุกอย่าง กระทั่ง เจ้าหน้าที่ในราชสำนักครึ่งนึงก็ออกมาคัดค้าน”ต้าชุน ได้ตอบกลับ

หลินจิ่วเฟิง ได้ดื่มไวน์ของเขาต่อและกล่าวถาม“แล้วอย่างไรต่อ?”

“จากนั้น ราชองค์รักษ์คนนึงของฝ่าบาทก็ออกมาสังหารสมาชิกของตระกูลใหญ่ทั้ง 4 และโยนพวกเขาไปด้านหน้าเหล่าเจ้าหน้าที่ในราชสำนัก”ต้าชุน ได้กล่าวอย่างตื่นเต้น

“ตระกูลใหญ่ทั้ง 4 มีปฏิกิริยาอย่างไรบ้าง?”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถาม

หลังจากมอบ ไร้นาม ให้จักรพรรดิหยวน หลินจิ่วเฟิง รู้ว่าจักรพรรดิหยวนจะต้องมีการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ แต่เขาไม่ได้คาดหวังเลยว่า น้องชายของเขา จะสงบสติอารมณ์ได้ในจุดหนึ่งรอจนกระทั่งหนึ่งเดือนต่อมาจึงค่อยแสดงอำนาจ

“แน่นอนว่าพวกเขาคิดจะก่อการกบฏ 4 ตระกูลใหญ่ ได้ประกาศกร้าวต่อพระราชวังต้องห้าม พวกเขาคิดนำกองกำลังส่วนตัวมาจัดการองค์จักรพรรดิ เมื่อคืนนี้ กระทั่งเจ้าหน้าที่ในราชสำนักบางคนก็ยังเห็นด้วย”ต้าชุน ได้พูดต่อ

หลินจิ่วเฟิง ได้คิดอยู่ครู่นึง

เขาได้ฝึกฝนอยู่เมื่อคืนนี้ แต่เขาไม่ได้ยินเสียงแปลก ๆ อะไรเลย

“เมื่อคืนนี้ไม่ได้เกิดความโกลาหลขึ้นใช่หรือไม่?”

แม้ว่า ตำหนักเย็นจะอยู่สถานที่ห่างไกล แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงตำแหน่งของพระราชวังต้องห้าม

“แน่นอนว่ามันไม่ได้เกิดขึ้น ขณะที่ะพวกเขากำลังเตรียมที่จะก่อกบฏ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้ ก็ได้ลงมือฆ่ายอดฝีมือทั้ง 4 ของตระกูลใหญ่ทั้งหมด นายพลของกองกำลังต้องห้ามก็ถูกฆ่าเช่นเดียวกัน เขาสามารถปราบปรามความไม่สงบภายในได้ในระยะเวลาอันสั้น เช้าวันนี้ ราชสำนักได้รับการชำระล้างครั้งใหญ่ ฝ่าบาททรงแสดงอำนาจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่มีใครกล้าอวดดีต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์อีกต่อไป”ต้าชุน ได้กล่าวพูดออกมา

หลังจาก พูดทั้งหมดนี้แล้ว เขาก็กล่าวถามอย่างเงียบ ๆ “องค์ชาย เป็นคนส่งผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้ผู้นั้นไปใช่หรือไม่?”

ในราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาทั้งหมด มีเพียง ต้าชุน เท่านั้นที่รู้ว่า หลินจิ่วเฟิง มี ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้ภายใต้คำสั่งของเขา

หลินจิ่วเฟิง ได้หัวเราะออกมา“นั่นคือ ผู้ฝึกยุทธ์ปราชญ์การต่อสู้ ภายใต้องค์จักรพรรดิ ข้าเป็นเพียงองค์รัชทายาทที่ถูกปลดและคุมขังในตำหนักเย็น ข้าจะมี ผู้ใต้บัญชาเช่นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้ได้อย่างไร?”

“เอาล่ะ ข้าอิ่มแล้ว เก็บของแล้วออกไปไว้เจอกันใหม่”

ต้าชุนได้ถอนหายใจออกมา ‘เห้อ’

เขารู้ว่า หลินจิ่วเฟิง ไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงได้หยุดถามทันที และ เก็บข้าวของอย่างเชื่อฟังก่อนที่จะจากไป

หลังจากที่ต้าชุนจากไป หลินจิ่วเฟิง ก็มองไปที่พระราชวังต้องห้ามและบ่นพึมพัมออกมา“ตอนนี้เจ้าน่าจะรู้สึกได้ถึงแรงกดดันน้อยลงเพราะมี ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้ที่สนับสนุนเจ้า การต่อต้านการปฏิรูปของเจ้าจะลดน้อยลงอย่างมาก”

การชำระล้างราชสำนักเป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้น

หนทางยังอีกยาวไกล

ในขณะเดียวกัน หลินจิ่วเฟิง ก็ยังคงลงชื่อเข้าใช้สถานที่ตามกิจวัตรประจำวันของเขาอย่างต่อเนื่องในขณะที่เขากำลังรอช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อก้าวสู่ขั้นพลังต่อไป ขณะเดียวกัน เขาก็ชี้นำ หลินเทียนหยวน ในการฝึกฝน

ชั่วพริบตา 10 ปีก็ได้ผ่านพ้นไป

นี่เป็นหยูฮวาหยวนที่ 10

และเป็นปีที่ 10 ในการเสด็จขึ้นครองบัลลังก์ของจัจกรพรรดิหยวน

หลินจิ่วเฟิง ได้ใช้เวลาอยู่ในตำหนักเย็นมานานกว่า 15 ปี

เขาได้เปลี่ยนจากชายหนุ่มวัย 20 ต้น ๆ กลายเป็น ลุงอายุ 40 ปี

แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไปอย่างยาวนาน แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยคือใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเท่านั้น

ในตอนท้ายของปีที่ 10 ฐานการบ่มเพาะพลังของ หลินจิ่วเฟิง ได้มาถึง จุดสูงสุดของขั้นปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่

จุดสูงสุดก็ตรงตามความหมายของมัน

เขาไม่ได้รีบเร่งที่จะฝ่าฟันระดับขั้นการบ่มเพาะพลัง อันที่จริงเขาทำมันได้ตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อนแล้ว

แต่ หลินจิ่วเฟิง เพิ่งเข้าใจความละเอียดอ่อนของ ขั้นปราชญ์การต่อสู้ ในเวลานั้นเขาถึงเริ่มขัดเกลาตัวเองโดยไม่รีบเร่งที่จะทะลวงขั้นพลัง

จนถึงตอนนี้เขาก็ยังขัดเกลาตัวเองอยู่

แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งทศวรรษ ความแข็งแกร่งของ หลินจิ่วเฟิง ก็เพิ่มขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

ตอนนี้ หลินจิ่วเฟิง กล้าพูดว่าเขาสามารถฆ่า ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้อย่างไร้นามได้ด้วยการดีดนิ้ว

นี่เป็นผลจากความพยายามตลอดทศวรรษของเขา

ตลอดระยะเวลา 10 ปี คนเดียวที่ได้เห็นพลังของ หลินจิ่วเฟิง ก็คือ หลินเทียนหยวน

เขาเติบโตขึ้นจากเด็กอายุ 5 ปี กลายเป็นชายหนุ่มอายุ 15 ปีที่มีส่วนสูงและใบหน้าที่หล่อเหลา

แม้ว่าอีกฝ่ายจะดูไร้เดียงสา แต่ความสามารถของเขาก็ไม่ได้อ่อนแอ

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ อาจกล่าวได้ว่าโลกภายนอกประสบกับการเปลี่ยนแปลงอย่างกระทันหันมากมาย และ เขาก็ได้อดทนผ่านสถานการณ์ที่เลวร้ายเหล่านั้นไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด