ตอนที่แล้ว80Y-ตอนที่ 11 องค์จักรพรรดิสวรรคต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป80Y-ตอนที่ 13 ผ่านไป 10 ปี

80Y-ตอนที่ 12 ปล่อยวางความในใจ


การสวรรคตขององค์จักรพรรดิเป็นเหตุการณ์สำคัญของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา

องค์ชายหกได้เสด็จขึ้นครองราชย์โดยชอบธรรมและทรงเปลี่ยนชื่อรัชกาลของพระองค์เป็นหยวน

ในรัชการหยวน เขาได้รับการขนานนามว่าจักรพรรดิหยวน!

พิธีถวายพระเพลิงศพ ได้กินเวลาตลอด 3 เดือนนี้ เหล่าข้าราชบริพารทุกคนต่างส่งลูก ๆ ของพวกเขามาทักทายองค์จักรพรรดิคนใหม่

จักรพรรดิหยวน ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นแก่ลูกหลานของข้าราชบริพารเหล่านี้โดยปราศจากความไม่พอใจ

โดยส่วนตัวแล้ว สีหน้าของเขาเย็นชามา

เป็นธรรมดาที่เขาเก็บซ่อนงำความโกรธไว้ในใจ

ตั้งแต่ที่องค์จักรพรรดิคนก่อนสวรรคตไป เหล่าข้าราชบริพารเหล่านี้ก็ไม่ได้มาถวายพระเพลิงศพเลย

ความทะเยอทะยานของพวกเขาชัดเจนมาก

อย่างไรก็ตาม ตัวเขาเพิ่งจะได้ขึ้นครองบัลลังก์ เขายังไม่สามารถแตะต้องข้าราชบริพารเหล่านี้ได้

นั่นคือเหตุผลที่เขาต้อนรับคนเหล่านี้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและทำให้ลูกหลานของข้าราชบริพารเหล่านี้พึงพอใจ

สามเดือนต่อมา ลูกหลานของข้าราชบริพารเหล่านี้ได้ออกจากเมืองหลวง

จักรพรรดิหยวน ได้เริ่มงานราชกิจของประเทศและฝึกฝนการบ่มเพาะพลังอย่างต่อเนื่อง

ในตำหนักเย็น การบ่มเพาะพลังของ หลินจิ่วเฟิง ได้พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด

เขารู้สึกว่าผลลัพธ์ที่เตียงหยกน้ำแข็งมอบให้กับเขาดูเหมือนจะดีขึ้นกว่าเดิมมาก

ในอดีต เมื่อตอนเขาฝึกฝนบนเตียงหยกน้ำแข็ง ผลลัพธ์ใน 1 วันเทียบเท่ากับ 3 วันธรรมดา

แต่ตอนนี้ ผลลัพธ์ใน 1 วันกลับเทียบเท่ากับ 5 วันของการฝึกฝนแบบธรรมดา

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเวลาผ่านไป ความเร็วในการฝึกฝนของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”หลินจิ่วเฟิง รู้สึกอยากรู้อยากเห็น

นี่เป็นสัญญาณเริ่มต้นของสิ่งที่เรียกว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต่อพลังปราณของโลกโดยที่เขาไม่รู้ตัว หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้สนใจเกี่ยวกับมัน เพราะสำหรับเขา นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น

1 ปีได้ผ่านพ้นไป

หลินจิ่วเฟิง ได้ใช้เวลาอยู่ที่ตำหนักเย็นมาแล้วถึง 5 ปีเต็ม

และ นี่เป็นปีแรกหลังจากที่จักรพรรดิหยวนเสด็จขึ้นครองราชย์

ในปีนี้ จักรพรรดิหยวน ได้เข้าควบคุมราชสำนักและปฏิรูปอะไรหลายอย่าง แต่เขาก็ถูกต่อต้านอย่างรุนแรง จนยุ่งมากและไม่มีเวลามาพบ หลินจิ่วเฟิง

หลินจิ่วเฟิง ก็ยุ่งมากเช่นเดียวกัน-เขายุ่งอยู่กับการฝึกฝนของเขา

เมื่อสิ้นปีนี้ เขาได้ก้าวผ่าน 9 ระดับของขั้นปรมาจารย์

มี 9 ระดับในขั้นปรมาจารย์ แต่ หลินจิ่วเฟิง ได้ผ่านไปทั้งหมดภายในระยะเวลาหนึ่งปี เขาสามารถทะลวงขอบเขตเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ได้

ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ คือตัวตนที่มีการดำรงอยู่อันดับต้น ๆ ของยุคปัจจุบัน ที่มีระดับขั้นต่ำกว่าปราชญ์การต่อสู้ จากที่ไม่เคยมีปราชญ์การต่อสู้ปรากฏตัวก่อนหน้านี้

ในวันปกติเขาก็ลงชื่อเข้าใช้สถานที่ตามกิจวัตรประจำวัน

คล้ายกับ ‘9ระดับเบิกนภา’ ของขั้นปรมาจารย์ ในขั้นปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ก็มี ‘9ระดับเบิกสวรรค์’ หลินจิ่วเฟิง ได้พยายามอย่างหนักในการก้าวผ่านแต่ละขั้นในทุกวัน

ในวันนี้ หลินจิ่วเฟิง ได้ผละออกจากการฝึกฝนบนเตียงหยกน้ำแข็ง

เขาได้เดินออกไปที่ลานกว้าง

เมื่อเขาเห็นจักรพรรดิหยวนที่เหนื่อยล้าเดินเข้ามา เขาก็กล่าวด้วยความเคารพทันที“ถวายบังคมฝ่าบาท!”

“พี่ใหญ่ ระหว่างเราพี่น้อง ไม่จำเป็นจะต้องมีมารยาทเช่นนี้”องค์ชายหกคนก่อนและจักรพรรดิหยวนคนปัจจุบัน ได้มองไปที่ หลินจิ่วเฟิง ด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว

เขารู้สึกกดดันอย่างมาก

ทุกวันนี้เขารู้สึกเหนื่อย

การจัดการงานส่วนขององค์จักรพรรดิค่อนข้างยากลำบากอย่างแท้จริง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีคนลุกขึ้นมาต่อต้านในการปฏิรูปของเขา ความเหนื่อยล้าของเขามันก็ได้เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า

หลังจากจักรพรรดิหยวนทรงงานหนักเป็นเวลาตลอด 1 ปี เขาก็ตระหนักได้ว่าความก้าวหน้าในด้านต่าง ๆ ได้ช้าลงอย่างไม่น่าเชื่อ เขารู้สึกหดหู่และต้องการหาใครสักคนมาคุยด้วย แต่แล้วก็ไม่มีใครสักคนมาคลายความกังวลใจของเขาได้เลย กระทั่ง ภรรยาของเขาที่ร่วมหลับนอนเตียงเดียวกับเขา นางก็ไม่สนใจสิ่งใดนอกจากอำนาจ

นางปราถนาที่จะให้บุตรชายของนางเป็นองค์รัชทายาทในทันที

ซึ่งจักรพรรดิหยวน รู้สึกเอื่อมระอากับเรื่องนี้

ดังนั้นเขาจึงคิดถึงพี่ชายของเขาและมาที่นี่เพื่อมองหา หลินจิ่วเฟิง เพื่อพูดคุย

หลินจิ่วเฟิง ได้เชิญจักรพรรดิหยวนให้นั่งลงที่ลานที่พัก

เขาชงชาหนึ่งถ้วยและถวายต่อจักรพรรดิหยวน

โดยพื้นฐานแล้วชาเหล่านี้ถูกส่งมาโดยต้าชุน

“หลังจากที่ได้ขึ้นเป็นองค์จักรพรรดิปกครองผู้คนนับล้าน ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยมากเลยสินะ?”

หลินจิ่วเฟิง ได้มอบชาที่ชงให้กับจักรพรรดิหยวน

เขามองดูน้องชายที่ซึ่งเรียกเขาว่าพี่ใหญ่ด้วยความห่วงใย

ถ้าเจ้าของร่างเดิมไม่ปล่อยสตรีศักดิ์สิทธิ์ไปในตอนนั้น คนที่รู้สึกรำคาญในตอนนี้อาจจะเป็นตัวเขาเอง

“พี่ใหญ่ ในราชสำนักเต็มไปด้วยผู้คนที่มองหาแต่ผลประโยชน์ และ ด้านนอกราชสำนักก็เต็มไปด้วยพวกโลภและทะเยอทะยานจำนวนมาก ข้าพยายามจะปฏิรูปประเทศ แต่เพราะเจตจำนงค์และพลังของข้านั้นอ่อนแอเกินไป จึงไม่สามารถทำได้”จักรพรรดิหยวน ได้ถอนหายใจออกมา

หลินจิ่วเฟิง ได้มองไปที่เขาและกล่าวถาม“ใครกันที่ต่อต้าน?”

“ตระกูลขุนนาง...นิกาย!”การแสดงออกของจักรพรรดิหยวนได้กลายเป็นเย็นชา“ตระกูลขุนนางเหล่านั้นเริ่มขยับขยายดินแดนและข่มเหงพวกชาวบ้าน…”

“ประชาชนทั่วไปเริ่มสูญเสียที่ดินและกลายเป็นผู้ลี้ภัย แต่พวกเขาหาได้จบลงแค่นั้นไม่ พวกเขาต้องการให้ราชสำนักจัดตั้งกองทุนบรรเทาทุกข์ กระทั่งบางคนยังสมรู้ร่วมคิดกับขุนนางฉ้อฉลในการรวบกลืนเงินบรรเทาทุกข์เหล่านั้น ข้าล่ะอยากจะบ้าตาย!”

เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้ จักรพรรดิหยวน พลันโกรธจัด“ยังมีกองกำลังจากนิกายเหล่านั้น ลัทธิเต๋า ที่มีสาวกมากมายและครอบครองภูเขาที่มีชื่อเสียงและผืนน้ำขนาดใหญ่ พวกเขาได้จัดการส่วนพื้นที่เหล่านั้นและปฏิเสธที่จะให้หน่วยงานท้องถิ่นเข้าไปแทรกแซง…”

“ส่วนนิกายพุทธ!”

“พวกเขากำลังดำเนินการก่อสร้างไปทั่วเจียงหนาน! สร้างอารามทั้งซ้ายขวา แม้ว่าจะเป็นคนชั่วช้าหรือชั่วร้ายอย่างยิ่ง ตราบใดที่ใจยังยึดมั่นในศาสนา พวกเขาก็เต็มใจต้อนรับและพร้อมจะพลิกโลกใบใหม่ไปพร้อมกัน นี่มันไร้เหตุผลสิ้นดี!”

“ในช่วงเวลาสั้น ๆ พวกเขาได้ก่อสร้างอารามเผยแพร่ศาสนาขึ้นมากมาย…”

หลินจิ่วเฟิง ไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงสังเกตุจักรพรรดิหยวนอย่างเงียบ ๆ เบื้องหน้าเขา

ก่อนหน้านี้ ในใจของ หลินจิ่วเฟิง เห็นอีกฝ่ายเป็นเพียงแค่น้องชาย

แต่ตอนนี้ อีกฝ่ายคล้ายกับจักรพรรดิอย่างแท้จริง

จักรพรรดิผู้ที่ซึ่งพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะนำการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดมาสู่โลก แต่ท้ายที่สุดก็ถูกจำกัดเพราะอำนาจในมือไม่เพียงพอ เขาไม่สามารถที่จะขับเคลื่อนและเปลี่ยนแปลงอะไรได้

“พี่ใหญ่ท่านรู้อะไรไหม…”

จักรพรรดิหยวนได้มองไปที่ หลินจิ่วเฟิง และพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“เหล่าข้าราชบริพารทั้ง 9 ต่างสมรู้ร่วมคิดกับนิกายปีศาจ ในตอนนั้น ถ้าบรรพบุรุษอาวุโสของนิกายชุนฮวาประสบความสำเร็จ เกรงว่า ข้าราชบริพารทั้ง 9 คงจะลุกขึ้นมาต่อต้านแล้ว”

“โชคดีที่ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้ลึกลับคนนั้นปรากฏตัวขึ้นและแก้ไขสถานการณ์ในตอนนั้น เพียงแต่พอผ่านไปนาน พวกเขาก็เริ่มกลับมามีความคิดแบบนั้นอีกครั้ง”จักรพรรดิหยวน ได้ถอนหายใจออกมา

“ไม่ใช่แค่พวกเขา ยังมี ภูเขาชู,หลิงหนาน,โม่เป่ย ร่วมอีกด้วย”

“กลุ่มอิทธิพลใหญ่นอกพรมแดน และ ประเทศอื่น…”

“พวกเขาทั้งหมดกำลังเพ่งเล็งมาที่ราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาของข้า และ คิดจะรวบกลืนราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวาแห่งนี้”

จักรพรรดิหยวน ได้ระบายหลายสิ่งหลายอย่างที่อัดแน่นอยู่ภายในใจออกมา เขาต้องการบอกเล่าให้ หลินจิ่วเฟิง รับรู้

สำหรับคนอื่น ๆ เขาไม่สามารถทำได้ เพราะคนเหล่านั้นมักจะหวาดกลัวสถานะตัวตนของเขาและพยายามไม่เข้าใกล้

มีเพียงพี่ใหญ่ของเขาเท่านั้น ที่เขาสามารถปล่อยวางปัญหาในใจและระบายให้เขาฟังได้อย่างแท้จริง

“การปกครองประเทศก็เหมือนกับการให้อาหารปลาตัวเล็ก ๆ เจ้าไม่สามารถเร่งให้มันเติบโตได้”

หลินจิ่วเฟิง ได้ถอนหายใจออกมา

“พี่ใหญ่ ตอนนี้ข้ามีอำนาจเพียงหยิบมือ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปอำนาจของข้าคงจะถูกลดทอนลงจนกระทั่งข้าไม่สามารถออกจากเมืองหลวงได้…”

“มันเป็นไปไม่ได้เลยงั้นหรือที่จะพลิกสถานการณ์และลุกขึ้นมาต่อต้านพวกเขา?”จักรพรรดิหยวนกล่าวถามด้วยความกังวล

“ไม่ต้องกังวลไป ทุกอย่างล้วนมีหนทางแก้ไขเสมอ เจ้าเพียงต้องจัดการกับมันอย่างช้า ๆ ไม่ต้องรีบร้อน”หลินจิ่วเฟิง ได้ตอบกลับ

“ข้าก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น”จักรพรรดิหยวนได้หัวเราะเยาะตัวเอง“ถ้าเกิดมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้ปรากฏตัวขึ้นและสนับสนุนหน้าต่อหน้าสาธารณะชน ข้าอาจจะพอกู้คืนอำนาจกลับมาและใช้มันเปลี่ยนแปลงทิศทางของโลกภายใต้เงื้อมมือของข้าด้วย”

“ข้าเชื่อว่าสักวันต้องมี”รอยยิ้มที่สงบของ หลินจิ่วเฟิง ได้เผยออกมา

“พี่ใหญ่ ไม่ต้องปลอบข้าหรอก”

“หลังจากที่ข้าได้ระบายความในใจเช่นนี้ออกมา ข้าก็รู้สึกดีขึ้นมาก…”

“ท่านพูดถูก การปกครองประเทศก็เหมือนกับการให้อาหารปลาตัวเล็ก ข้าคงจะรีบร้อนเกินไป”จักรพรรดิหยวนได้สั่นศีรษะและหัวเราะออกมา

ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อในคำพูดของ หลินจิ่วเฟิง

เพียงแต่เขาคิดว่าคำพูดเหล่านั้นเป็นเพียงคำพูดปลอบใจเท่านั้น

เขาไม่สามารถรหา ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นปราชญ์การต่อสู้ได้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เช่นนั้นอีกฝ่ายจะปรากฏตัวขึ้นในเร็ว ๆ นี้ได้อย่างไร?

“พี่ใหญ่ท่านอยากออกไปหรือไม่?”จักรพรรดิหยวนกล่าวถามทันที

หลินจิ่วเฟิง ได้สั่นศีรษะ“โลกภายนอกนั้นยุ่งเหยิง เหตุใดข้าจะต้องออกไป?”

“ท่าน…”จักรพรรดิหยวนต้องการจะพูดอะไรเพียงแต่เขาก็ได้หยุดลง

“ข้าชินกับความสงบที่นี่แล้ว ถ้าเจ้ามีอะไรกวนใจในอนาคต ก็สามารถมาระบายให้ข้าฟังได้ ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”

หลินจิ่วเฟิง ได้ปฏิเสธความตั้งใจที่ดีของจักรพรรดิหยวน

“พี่ใหญ่ เช่นนั้นให้ข้าหาคนรับใช้มาปรนนิบัติท่านเถอะ ข้าไม่อยากจะทิ้งเขา อย่างน้อยก็ให้เขาอยู่เคียงข้างท่านคอยช่วยปรนนิบัติท่าน มันจะดีมากหากท่านให้คำแนะนำแก่เขา และ ทำให้เขากลายเป็นคนที่มีอาชีพได้ในอนาคต”จักรพรรดิหยวน ได้พูดขึ้น

“ใครกัน?”หลินจิ่วเฟิง ได้กล่าวถามด้วยความสงสัย

“ลูกนอกสมรสของข้า!”จักรพรรดิหยวนได้ถอนหายใจออกมา

“ตอนที่ข้ายังเด็ก ข้าไปให้คำมั่นว่าจะแต่งงานกับหญิงสาวผู้นึงโดยไม่ได้รับอนุญาติจากท่านพ่อและท่านแม่ จากนั้น นางก็ตั้งท้อง”

“ต่อมาข้าต้องการจะพานางกลับมาด้วย แต่หลังจากที่ได้เป็นองค์รัชทายาท ด้วยกรอบมายาทต่าง ๆ ข้าก็ไม่สามารถทำได้”

“ไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็นจุดอ่อนที่คนอื่นจะใช้ประโยชน์จากจุดนี้ในการโจมตีข้าด้วยดังนั้น…”

“หลังจากขึ้นครองราชย์ ข้าก็รับแรงกดดันจากทางราชสำนักและประชาชนธรรมดาจนไม่มีเวลาไปดูแลเขา จนอตนนี้เขาค่อย ๆ เติบโตขึ้น ดังนั้นข้าหวังว่าพี่ใหญ่จะช่วยชี้ทางสว่างให้แก่เขา”จักรพรรดิหยวน ได้เปิดเผยความลับทั้งหมด

เขาคือจักรพรรดิ ทุกคำพูดของเขาล้วนมีน้ำหนักของมัน

เขาในตอนนี้ไม่สามารถยอมรับลูกนอกสมรสของตัวเองคนนี้ได้

เพราะนี่คือสถานการณ์ปัจจุบันของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์หยูฮวา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด