ตอนที่แล้วบทที่ 1 กำเนิดประชาธิปไตย : ตอนที่ 4 ทางเลือกคือ คำโกหก หรือ เลือด (The choice is lies or blood)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 1 กำเนิดประชาธิปไตย : ตอนที่ 6 สู่อัลชลาฟไวส์ (Voyager to Alschlagweiz)

บทที่ 1 กำเนิดประชาธิปไตย : ตอนที่ 5 ผู้แทนคนแรกของอาณานิคม (First representative of the colony)


ผู้แทนคนแรกของอาณานิคม 

(First representative of the colony)

หลังจากยุทธการที่ยูทิก้า กองกำลังผสมระหว่างทหารอาสาและลีโอเนียก็ได้เดินทางกลับสู่ถิ่นฐานเดิมของตน เสียงชื่นชมของชาวบ้านที่เปล่งทั่วเมือง เรื่องราวการสู้รบระหว่างชนพื้นเมืองถูกเติมแต่งและกล่าวขานไปในแบบต่าง ๆ ชาวอาณานิคมต่างภูมิใจต่อกองกำลังอาสาสมัครในครั้งนี้ แตกต่างจากเมื่อครั้งอดีต เมื่อพูดถึงกองกำลังชาวบ้านในดินแดนที่แห่งนี้แล้ว คงพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าไร้ความสามารถ ไร้ประสิทธิภาพ ขาดซึ่งความเข้มแข็ง ไม่มีระเบียบวินัย และการเสียชีวิตที่ง่ายกว่าผู้ใด

อย่างไรก็ตามมันก็ย้อนแย้งกับสถานะของอาณานิคมแห่งนี้เช่นเดียวกัน กองกำลังประจำการที่ไม่ได้ถูกสร้างเพื่อคนทั่วไป สามารถเข้าประจำการได้เฉพาะกลุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนวงในตระกูล หรือข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ กองกำลังประจำการของอาณานิคมนั้นขึ้นตรงต่อผู้ว่าราชการเขต ในจำนวนที่จำกัดเพียงหนึ่งกองพัน ซึ่งมันก็ดูจะแย่หากจะต้องควบคุมดูแลดินแดนอาณานิคมให้ทั่วถึงทุกรัฐ

แต่ด้วยความที่อาณานิคมอาริกาเซียนั้นขยายเขตแดนอย่างช้าๆแต่ต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องมีการดูแลเรื่องเส้นทางความปลอดภัย การจ้างทหารรับจ้าง นักผจญภัย หรือให้ชาวอาณานิคมที่เดินทางตั้งถิ่นฐานติดอาวุธด้วยตัวเอง เลยไม่สามารถห้ามกันได้

หรือเพราะเหตุนี้ อาณานิคมบนดินแดนใหม่ไม่สามารถขยายลึกเข้าไปได้ในระยะหลายร้อยปีกันนะ?

ชายหนุ่มผู้มีสีผมสุดแปลกตา กำลังนั่งอยู่บนรถม้าพร้อมกระเป๋าเอกสารอันหนักอึ้ง เขาอ่านเอกสารในมือของตน ชายเพียงคนเดียวที่นำกองทัพอาสาตีชนพื้นเมืองแตกพ่าย เขาคือ ดักลาส แมรี่แลนด์

เวลานั้นผ่านไปนานหลายสัปดาห์ยากที่จะนับ ตั้งแต่กลับมาที่เมืองหลวงของอาณานิคม ลาสก็แถบที่จะไม่มีเวลาได้พัก ไม่ใช่ว่าตัวเขาไม่นับเวลาแต่เป็นเพราะเรื่องคำขอร้องของหญิงสาวคนหนึ่งมันทำให้ ลาสไม่อาจพักผ่อนได้ เรียกได้ว่าพักผ่อนไม่เพียงพอเสียมากกว่า

รถม้าเคลื่อนตัวผ่านถนนหินปูนสายหลักของเมืองบอสตัน ก่อนจะมาหยุดตรงหน้าอาคารว่าการ

ลาสค่อยๆเดินลงมาจากรถม้าก่อนจะเดินเข้าไปในตัวอาคารว่าการดังกล่าว ผู้คนรอบๆตัวอาคารว่าการต่างทักทายลาสอย่างสนิทสนมเป็นกันเอง แน่นอนว่าลาสเดินทางเข้าออกสถานที่แห่งนี้บ่อยครั้งแล้ว เมื่อเดินเข้าไปในตัวอาคารว่าการ ลาสก็มุ่งตรงไปที่ห้องทำงานทันที

แกร๊ก เสียงเปิดประตูห้องทำงาน ลาสใช้สายตามองไปรอบๆห้อง มันคือห้องทำงานของเขา เป็นห้องที่ไม่ใหญ่มากถ้าจะเปรีบยเทียบกับห้องรับแขกสมาพันธ์การค้าของลุกสมชาย ข้างในมีโต๊ะพร้อมกองเอกสารอยู่ 3 โต๊ะ พร้อมชายอีกสองคนที่นั่งก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ ยกเว้นอีกคนที่หลับคาโต๊ะไปแล้ว

“อรุณสวัสดิ์ท่านสุภาพบุรุษ” ลาสกล่าวทักทายคนในห้อง ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะของตน

“อรุณสวัสดิ์ครับ ว่าแต่ว่าคุณลาสไม่เหนื่อยกับงานแบบนี้หรือครับ?” ชายผู้ถาม ดูราวๆวัยรุ่น สีผมสีแดงเหลือบทอง เขาผู้นี้คือ โยฮันน์

เหตุใดโยฮันน์ที่ควรอยู่กับกองทหารลีโอเนียถึงได้มาอยู่กับงานเอกสารน่ะหรอ? หลักศึกหน่วยของโยฮันน์เรียกได้ว่าไม่สามารถใช้งานได้เพราะความสูญเสียที่มากเกินกว่าจะให้ดำเนินการต่อ เหล่าคนในหน่วยต่างถูกโอนโยกย้ายไปหน่วยอื่นที่มีที่ว่างเหลือ ส่วนโยฮันน์ด้วยความดีความชอบในศึกที่ผ่านมาก ซึ่งส่วนใหญ่ที่ชมจะเป็น ร้อยเอก แอมโบรส เสียมากกว่า โยฮันน์จึ่งได้รับการอวยยศจากพลทหารกลายเป็นสิบเอก และดูเหมือนว่าถ้ากลับไปยังลีโออาจจะได้รับพิจารณาเข้าศึกษาโรงเรียนเตรียมทหารอีกด้วย ซึ่งถือว่าตำแหน่งที่โยฮันน์นั้นอยู่สูงมาก จากทหารเกณฑ์ในระบบของสหจักรวรรดิ

อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ใช่สาเหตุจริงๆที่โยฮันน์ต้องมานั่งจมกับงานเอกสาร เหตุผลจริงๆก็คือลาสต้องการคนช่วยงานเรื่องเอกสารเท่านั้น ด้วยความที่โยฮันน์นั้นทำหน้าที่ในศึกมามากแล้ว จึงถูกโยนมาช่วยงานเอกสารของร้อยตรีหน้าหวานคนนี้

“ ฮะๆ คงจะเป็นเพราะเคยทำหนักกว่านี้มาแล้วละมั้ง” ลาสหัวเหาะเบาๆก้อนจะตอบไป

 ไม่นอนมาสองวันแล้วยังมีแรง คุณมันปีศาจชัดๆ

ขณะที่ลาสและโยฮันน์กำลังคุยกันอยู่นั้น ชายอีกคนที่กำลังนอนหลับก็สะดุงตื่นด้วยความตกใจ

!! “ข้าเผลอหลับไป!” เป็นคำพูดไม่กี่คำที่ถูกเปร่งออกมา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจและตื่นตระหนก สร้างความหัวเพราะให้ลาสและโยฮันน์อย่างมาก คาร์ลเป็นชายอ้วนร่างใหญ่ สีผมเหมือนกับโยฮันน์ เขาเป็นคนจากราชนาวีของลีโอเนีย ที่มาช่วยลาสอีกคน เนื่องจากทัพเรือก็ไม่ค่อยได้มีหน้าที่สำคัญอะไรกับสึกระหว่างชนพื้นเมือง พวกเขาเลยมีเวลาว่างเยอะกว่ากองกำลังลีโอเนียทั่วไป

“คุณคาร์ลคงจะเหนื่อยจนหลับไป อย่าได้กังวลเลยครับผมทำส่วนที่เหลือเสร็จหมดแล้ว” โยฮันน์กล่าว

“งั้นเหรอ!? ขอโทษที่ทำให้เดือดร้อนจริงๆ โยฮันน์” สิ้นเสียงคาร์ลก็ก้มหัวขอโทษโยฮันน์

“เฮ้ย! อย่าคิดมากเลย ไหนๆก็เสร็จเกือบหมดแล้ว คนที่ทำให้เดือดร้อนกำลังยื่นอยู่ตรงนี้ต่างหาก” ลาสพูดแก้ต่าง หากเป็นคนที่ทำให้ใครเดือดร้อนนั้น มันก็คือตัวลาสที่ต้องการคนช่วยเสียมากกว่า

เมื่อเห็นว่าทั้งสองไม่ได้่พูดอะไรต่อ ลาสก็วางกระเป๋าเอกสารไว้ที่โต๊ะก่อนจะตบเบาๆสองสามทีและกล่าว “ช่วยเอาร่วมเอกสารตัวนี้ไปร่วมกับรายชื่อทหารอาสาที่บรรจุเข้าเป็นทหารประจำการด้วย ยังไงก็ตามผมขอตัวก่อนนะครับ”

คาร์ลและโยฮันน์พยักหน้ายินยอม ก่อนที่ทั้งสองนั่นจะเริ่มเก็บเอกสารในห้องต่อ ส่วนลาสก็เปลี่ยนทิศออกจากห้องทำงานของตน มุ่งตรงขึ้นไปอีกชั้นของอาคารว่าการ ประตูไม้บานใหญ่อยู่ตรงหน้าของลาส เจ้าตัวถอนหายใจเล็กน้อยก่อนที่จะเคาะประตูสองสามที และกลับมายื่นรอสัญญาณจากอีกฝั่ง

“เข้ามาได้”

“ขออนุญาตครับ” สองมือผลักประตูเข้าไปข้างใน ชายผู้อนุญาตนั้นคือพันเอก กาย ห้องส่วนตัวแห่งนี้ยังคงวางเปล่าเช่นเคย มีเพียงชายตรงหน้าของลาสที่นั่งไม่ไปไหนเรียกได้ว่ามีแต่นั่งประชุมหรือพบปะเท่านี่น งานเกี่ยวกับเอกสารก็น้อยนิดจนเรียกได้ว่าว่างยิ่งกว่าหน่วยอื่น ๆ

“กำลังจะเรียกนายมาพอดีเลย ร้อยตรี”

? สิ้นคำพูดของชายตรงหน้า ลาสก็มีแสดงสีหน้าที่งุนงงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ทันจะได้ถามอะไรเซอร์กายก็ชิงตัดหน้าตอบอย่างรวดเร็ว

“สถานการณ์ที่แนวรบทูเดียเริ่มเลวร้ายอย่างมาก กองทัพของพวกเราพ่ายแพ้ให้พวกล้าหลังแทบจะนับได้ ไม่เพียงแค่แพ้แต่ดูแล้วพวกมันกล้ารุกเข้าดินแดนของพวกเรา! ไม่เพียงแค่ข่าวเรื่องสงครามแต่ข่าววงในก็ว่าสมเด็จพระจักรวรรดิทรงทรงประชวรหนัก มีแต่ข่าวเลวร้ายทั้งนั้น นอกจากนี้ก็มีคำสั่งให้กองกำลังทั้งหมดเดินทางกลับลิโอเนีย รวมไปถึงการเกณฑ์กำลังจากอาณานิคมต่าง ๆ การจัดหาเสบียงอาหารและทรัพยากร ทั้งสามที่กล่าวมาจะต้องถูกส่งไปยังลีโอเนียมากกว่าเดิมสามเท่า….” เซอร์กายกล่าวด้วยนํ้าเสียงที่แข็งกร้าว สีหน้านั้นจริงจังสร้างความกดดันให้ลาสอย่างมาก

ลาสยื่นคิดสักพักก่อนจะตอบกลับ “ไม่เพียงแค่ส่งเสบียงแต่รวมไปถึงกำลังคน พันเอกผมเชื่อว่าการนำกองกำลังของอาณานิคมออกนอกเขตแดนคงจะเป็นไปไม่ได้ครับ”

“ไม่ใช่คำขอ แต่เป็นคำสั่ง” เซอร์กายตอบกลับด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยต่อ “แน่นอนว่าทหารอาณานิคมนั้นไม่สามารถไปช่วยรบที่อัลชลาฟไวส์ได้อยู่แล้ว กำลังคนนั้นเราหวังจะนำกลับไปเพียงแค่ทาสและคนบ้างกลุ่มเท่านั้น ไม่ได้จะให้ชาว อาณานิคม จริงๆไปอีกฝั่งของทะเลเสียหน่อย”

“กลุ่มบ้างกลุ่ม? หมายถึงกำลังคนของกลุ่มผู้มีอิทธิพลในอาณานิคมสินะครับ?” ลาสถามอีกครั้ง

“ใช่ ยังซะกฏสำคัญก็คือห้ามชาวอาณานิคมที่เกิดในลีโอเนียหรือดินแดนที่ไม่ใช่อัลชลาฟไวส์ กำลังคนที่ต้องการก็กลายเป็นทาสและผู้ที่ขึ้นตรงต่อลีโอเนีย” เซอร์กายตอบคำถามของลาสก่อนจะกวักมือเรียกให้ลาสมาตรงโต๊ะทำงาน ลาสจึงเดินเข้าไปใกล้พันเอกตรงหน้าก่อนที่ชายตรงหน้าจะวางเอกสารและกล่าวต่อ

“แต่เนื่องจากกองกำลังประจำการจริงๆของอาณานิคมไม่มีประสิทธิภาพ ฉันเลยต้องติดต่อขุนนางในสภาสูงให้ยื่นเรื่องไป ให้จัดตั้งกองกำลังนอกอาณานิคมชั่วคราว ( Colonial-Expeditionary Force ‘Provisional’ ) ซึ่งทำแหกกฎมากกว่าร้อยปีของลีโอเนีย แน่นอนว่าสถานการณ์ที่ยํ่าแย่แบบนี้ยังไงสภาสูงก็ต้องยอมรับ เพราะยังไงสงครามครั้งนี้ลีโอเนียจะไม่แพ้ต่อพวกคลั่งศาสนาเด็จขาด!” นํ้าเสียงช่วงท้ายนั้นตํ่าจนเรียกได้ว่าชายตรงหน้ากำลังโกรธอย่างมาก

ลาสไม่พูดอะไรมาก ตัวเขานั้นหยิบเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาอ่าน ข้างในเอกสารกล่าวถึงคำสั่งถอนกำลังกลับซึ่งมาจากดินแดนแม่โดยตรง เมื่อเปลี่ยนแผ่นกระดาษอีกไปแผ่นก็พบจำนวนทรัพยากรที่ต้องการและรวมไปถึงกำลังคนที่ถูกรวมอยู่ในเอกสารนี้เช่นเดียวกัน

แต่ขณะที่ลาสกำลังอ่านอยู่นั้น ชายหนุ่มก็สังเกตเห็นวันที่ของคำสั่ง มันพึ่งออกมาเพียงไม่กี่วันเรียกได้ว่าเร็วสุดๆ ถ้าระยะห่างระหว่างสองทวีปนั้นไกลจริงๆ เช่นนั้นคำสั่งก็ควรมาช้ากว่านี้ไม่ใช่หรือ? ความสังสัยของลาสเรื่องที่ว่าทำไมการสื่อสารระยะห่างระหว่างทวีปถึงได้รวดเร็วอย่างน่าตกใจ กลายเป็นประเด็นหลักทันที เมื่อคิดเช่นัน้นลาสจึงได้ถามชายผมสีบลอนด์ทองตรงหน้า

“ทำไมข่าวการรบและคำสั่งถึงถูกส่งมาได้เร็วขนาดนี้กันครับ? ไม่ใช่ว่าการเดินทางระหว่างทวีปอาริกาเซียและอัลชลาฟไวส์นั้นยาวนานหลายเดือน การที่คำสั่งที่เขียนวันเดือนปีที่ตรงกันผมไม่เข้าใจ..” ลาสจ้องมองชายที่นั่งอยู่อย่างใจเย็น

“เวทมนตร์สื่อสารน่ะ เป็นการประยุกต์ใช้คอุปกรณ์เวทมนตร์ของพวกเอลฟ์และนักศึกษาจากสถาบันการศึกษาแห่งฟาโรร่า ฉันก็นึกว่าสมาพันธ์ที่นายอยู่จะมีอปุกรณ์เวทสื่อสารของสถาบันเสียอีก?” พันเอกชะงักก่อนพูดต่อ “ร้อยตรีดักลาส ผมได้ตอบคำถามของคุณหมดแล้ว คราวนี้ผมจะเป็นคนถามคุณบ้าง”

ลาสที่ฟังคำตอบของชายตรงหน้าเขาก็พยักหน้าตกลงพร้อมที่จะตอบคำถามทันที เรื่องเวทมนตร์อะไรค่อยไปคิดหลังจากจบธุระก็ได้ ทันทีที่ลาสพร้อมพันเอกตรงหน้าก็กล่าวอย่างเรียบเฉย

“ผมได้คุยกับผู้บัญชาการที่ศึกยูทิก้า ดูเหมือนว่าพวกเขาอยากจะให้ร้อยตรีได้ไปลองศึกษาการรบที่ทูเดีย”

ตุบ! “เอ๋!? เดี๋ยวก่อนนะครับ อย่าบอกนะว่าคุณตอบยอมรับขอเสนอของพวกเขา?” หลังจากที่ได้ยินคำพูดของชายตรงหน้า ฝ่ามือทั้งสองข้างของลาสถูกยกลงมาวางบนโต๊ะด้วยความแรงเรียกว่าทุบโต๊ะก็ว่าได้ ส่วนชายผู้กระทำก็ได้พยักหน้าแบบส่งๆ สร้างความตกใจให้กับลาสยิ่งกว่าเดิม

“ร้อยตรี ดักลาส ต่อไปนี้ประวัติส่วนตัวของนายจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่ อย่าลืมขอบคุณประธานสมาพันธ์ด้วยละ” สิ้นเสียง เซอร์ กาย หยิบกระดาษเอกสารอีกแผ่นและยื่นให้ลาส ก่อนจะกล่าว " ขอแสดงความยินดีด้วย ทางหน่วยงานดูแลอาณานิคมแห่งลีโอเนียได้แต่งตั้ง

ดักลาส แมรี่แลนด์ เป็นผู้แทนคนแรกของอาณาคิมอาริกาเซีย

!? “อะ เอ๋!? แบบนี้ผู้ว่าราชจะไม่ถูกปลดหรือครับ?” ด้วยความตกใจ ลาสจึงได้ถามถึงผู้ว่าราชผู้เป็นคนปกครองอาณานิคมอาริกาเซีย

หากผู้ถึงผู้มีอำนาจในอาณานิคมก็ต้องเป็นผู้ว่าราชที่ปกครองเขตอาณาคิมของตน ไม่ใช่ว่าผู้ว่าราชก็สามารถไปมาระหว่างทวีปได้ไม่ใช่หรือ? ทำไมยังต้องตั้งผู้แทนระหว่างอาณานิคมด้วย ไม่ใช่แค่นั้นทำไมหน่วยงานดูแลอาณานิคมอะไรบ้านั้นถึงให้ตัวเขามาเป็นผู้แทนด้วยละ! สมองของลาสแถบจะประมวลผลไม่ทัน สิ่งเดียว ‘ ปล่อยวาง ’ เขาของปล่อยวางเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นต่อตัวเขาดีกว่า ถ้ายิ่งคิดยิ่งจะปวดหัว ลาสคิดเช่นนั้นก็ถอนหายใจของมาเสียงดดังจน ชายผู้นั่งอยู่ข้างหน้าแอบยิ้มโดยที่ลาสไม่เห็น

“ผู้ว่าราชการไม่สามารถออกนอกอาณานิคมได้ คนที่จะไปมาระหว่างสองทวีปนั้นมีอยู่3ประเภท 1.คือพวกที่ไม่ได้เกิดในอาณานิคม 2.คือคู่สมรสระหว่างขุนนางลีโอ 3.กลุ่มสมาพันธ์หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับสมาพันธ์” เขาชะงัก “กลุ่ม2ก็ประมาณคู่หมั้นของฉันที่สามารถเดินทางไปมาระหว่างทวีปได้ อย่างไรก็ตามการเข้ามาในอาณานิคมนั้นง่ายอย่างมาก เรียกได้ว่าป้องกันได้ยาก อย่างเช่นเขตปกครองพิเศษที่เป็นของสมาพันธ์ที่แห่งนั้นก็มีพวกที่ไม่เกี่ยวข้องกับลีโอเนียอยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์หรือคนจากอาณาจักรต่าง ๆล้วนอยู่ในที่แห่งนั้น”

“ฉันพูดไปหมดแล้ว อีกอย่างก็คือผู้แทนในครั้งนี้เป็นเพียงการติดต่อแบบทางทหาร หมายความว่าจะไม่เกี่ยวข้องกับการปกครอง ถ้าเกิดปลดพ่อตาจริงมีหวังฉันถูกเฟลิเซียตีตายแน่…” คำพูดช่วงท้ายนั้นเบาจนลาสไม่ได้ยิน

หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่เซอร์กายกล่าวมา ตัวเขาก็แทบจะล้มไปกองอยู่บนพื้น ไม่ใช่เพราะว่าดีใจ แต่เพราะมีแต่เรื่องหนักๆถาโถมเข้ามาไม่หยุดไม่หย่อน จนท้องน้อยของเขานั้นปวดจนไม่อยากจะยื่นต่อไปอีกแล้ว เมื่อมองที่เอกสารใบใหม่ก็พบประวัติส่วนตัวที่ถูกแต่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นชื่อ สถานที่เกิด วันเดือนปีเกิด อายุ แม้แต่ส่วนของร่างกาย ถ้าเป็นวันเกิดลาสเคยพูดกับลุงสมชายอยู่บ้างแต่ไม่คิดว่าจะรู้ถึง ส่วนที่ไม่จำเป็นอย่างส่วนสูงและนํ้าหนัก แม้ในจะคิดว่า ทำไมถึงได้รู้เรื่องส่วนตัวของเขากันนะ แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดท้อง หากเป็นไปได้ถ้าไปเจอหน้าชายแก่อีกครั้งเขาจะตะโกนด่าให้ดู!

……

.

.

.

.

.

.

ฮัดชิ้ว !! 

“ ผู้ใดกล้านินทาลับหลังข้าคนนี้กัน! ให้ตายสิ.. สงสารคนอายุมากหน่อยไม่ได้หรือไงกัน วันๆเอาแต่นินทาข้า ถึงข้ารู้ว่าข้าทำเรื่องแย่ๆ แต่ไม่เห็นต้องมานินทาทุกข้าวันเลย!” ชายแก่ผู้มีกล้ามเนื้อมัดใหญ่จามออกมาเสียงดัง พร้อมพูดด้วยความใบหน้าที่ยิ้มตลอดเวลา แม้ว่ามันจะเป็นการบ่นก็ตาม…

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด