ตอนที่แล้วตอนที่ 1655 สังหารขอบเขตกำเนิดราชันในเสี้ยววินาที
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1657 ขอบเขตหวนกำเนิดขั้นที่สาม

ตอนที่ 1656 การดับสูญของจ้าวแห่งดวงดาว


ตอนที่ 1656 การดับสูญของจ้าวแห่งดวงดาว

เกาะสุดขั่วเยือกเย็น ศิษย์ทั้งหลายล้วนแต่ตกอยู่ในอาการสั่นเทา เขตแดนต้องห้ามและค่ายกลล้วนแต่ถูกพลังอันมหาศาลบดขยี้จนแตกพ่ายยับเยินด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว

เกาะสุดขั่วเยือกเย็นในขณะนี้ สามารถที่จะบอกได้ว่าไม่มีอะไรเป็นป้องกันอีกต่อไปแล้วก็ว่าได้

แม้แต่ลั่วหลีก็ยังมีสีหน้าเปลี่ยนแปลงกลับกลาย ทันใดนั้นก็ได้ตวาดออกมาแล้วกล่าว : “เร็ว ทำให้ศิษย์ทุกคนเข้าสู่ภายในห้องหลบภัยชั้นใต้ดินเร็ว!”

ปิงหลงตะลึงลาน ไม่นานนักก็จึงค่อยมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับคืนมา พร้อมกับรีบล้วงเอาเข็มทิศสื่อสารออกมา แล้วถ่ายเทจิตสัมผัสเข้าสู่ภายใน

กระนั้นเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ศิษย์หุบเขาหฤทัยเยือกเย็นทั้งหมดล้วนแต่ได้รับคำสั่ง แยกย้ายกันแฝงตัวเข้าสู่ภายในห้องลับ

คงมีแต่เพียงปิงหลงและผู้อาวุโสอีกหลายท่านที่ยังคงยืนอยู่ข้างกายลั่วหลี โดยที่หันไปมองประกายแสงและพลังอันมหาศาลบนท้องนภาลัยด้วยความแตกตื่นลนลาน

เมื่อได้มีลั่วหลีคอยคุ้มกัน พวกนางที่ยืนอยู่ในที่แห่งนี้ได้ก็นับว่ามีความกล้าหาญมากพอแล้ว

เหนือบนท้องนภาลัย บนจุดที่แม้แต่ตาเปล่าก็ยังไม่สามารถมองเห็นได้ ก็พลันเกิดเป็นพลังสภาวะอันน่าสะพรึงกลัวสองสายเข้าปะทะกัน นั่นก็คือหยางไคซูเหยียนและหลัวไห่!

ถึงแม้ผู้อาวุโสทั้งสิบกว่าท่านต่างก็ไม่อาจสามารถมองเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ชัดเจนนัก แต่จากที่ได้ยินเสียงที่พลันดังอย่างแตกตื่นลนลานระคนหวาดกลัวในบางครั้งบางคราว ย่อมยังพอที่จะสามารถผลักด้านออกไปได้ หลัวไห่เองก็เรียกได้ว่าตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนสมบูรณ์แบบ

ท่ามกลางชั้นเมฆหมอก ในบางครั้งบางคราวยังได้แฝงเร้นเอาไว้ด้วยเลือดที่ไหลรินออกมาอย่างมากมายมหาศาล เลือดหยดนั้นย่อมต้องรวมไปจนถึงพลังอันแสนน่าสะพรึงกลัวเอาไว้ อวบอิ่มดั่งอัญมณี ตกกระทบลงสู่พื้น ยิ่งพอที่จะสามารถกระแทกจนพื้นดินเกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ขึ้นได้

นั่นก็คือหยดเลือดของผู้ทรงพลังขอบเขตกำเนิดราชัน!

“ผู้นำผู้อาวุโส……” ปิงหลงพลันร่ำร้องออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ : “บัดนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรกันบ้าง?”

ภายในแววตาที่แสนงดงามของลั่วหลี จ้องเขม็งไปที่ความว่างเปล่า เพียงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาท่ามกลางความเงียบงัน : “เกรงว่าหลัวไห่ก็คงจะไม่ได้การแล้ว”

ผู้คนมากมายล้วนแต่แตกตื่นกันนับหมื่นส่วน ราวกับยังไม่อยากที่จะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยินมา

หลัวไห่ก็คือผู้ทรงพลังในขอบเขตกำเนิดราชันขั้นที่สอง ต่อให้เป็นผู้ที่อยู่ในขอบเขตขั้นที่สามลงมือด้วยตัวเอง ก็ยังไม่แน่ว่าอาจจะสามารถที่จะฆ่าเขาได้ ด้วยความสามารถในระดับนี้ของเขา ต่อให้ไม่พ่ายให้แก่ศัตรู ก็ยังสามารถพอที่จะมีความสามารถหลบหนีไปได้ โดยที่ลุกฮือขึ้นใหม่ดังอัสดงจากทิศบูรพา

แต่ว่าลั่วหลีกลับประเมินว่าหลัวไห่ไม่ได้การแล้ว

ภายใต้กลิ่นอายเช่นนี้ที่เกิดขึ้น หลัวไห่เองก็มีแต่จะต้องตายอยู่ในที่แห่งนี้ในวันนี้กันแล้ว!

แท้จริงแล้วหยางไคกับซูเหยียนสองจิตรวมใจ จนสามารถที่จะทำให้เกิดพลังต่อสู้ที่ยังน่าสะพรึงกลัวเสียยิ่งกว่าขอบเขตกำเนิดราชันขั้นที่สามอีกงั้นหรือ? นี่ก็คือพลังความสามารถของป้ายคำสั่งจักรพรรดิดาราอย่างงั้นหรือ? ช่วงระยะเวลาหนึ่งผู้คนมากมายล้วนแต่แทบจะอยู่ในอาการเหม่อลอยกันอยู่บ้าง

และในเวลานี้ ด้านบนท้องฟ้าพลันมีเสียงหัวเราะเสียงดังก้องกังวานเสียงดัง ท่ามกลางเสียงหัวเราะยังได้มีเสียงก่นด่าอย่างร้อนใจของหลัวไห่อยู่

บนท้องนภาลัยที่เกิดเป็นความโกลาหล พลังอันมหาศาลแห่งมิติได้ทำให้เกิดเป็นพลังต่อสู้ที่ทลายอากาศจนบิดเบี้ยว และเกิดเป็นความบิดเบี้ยวขึ้นกลางอากาศ ราวกับถูกกลืนกินด้วยปากของสัตว์ร้ายเข้าไปทั้งคำ

พลันเกิดเป็นเลือดสีแดงสดสาดออก จนกระทั่งร่อนลงมาจนถึงยอดเขาน้ำแข็งเกาะสุดขั่วเยือกเย็น

เกิดเป็นพลังอันมหาศาลที่พอจะทำลายล้างยอดเขาน้ำแข็งจนพังทลายลงไม่น้อย ทั่วทั้งเกาะสุดขั่วเยือกเย็นยุ่งเหยิงเป็นแผ่นๆ

รอจนกระทั่งปิงหลงและพวกเกิดความประหลาดใจ การต่อสู้นี้แม้จะอยู่ใกล้เพียงแค่เอื้อม จนสามารถที่จะเข้าไปดูได้ในทันที แต่ก็ยังไม่อาจที่จะมองเห็นได้อย่างชัดเจนได้ ยิ่งไม่อาจสัมผัสได้ถึงผลกระทบและความผกผันที่เกิดจากการได้ ว่าจะได้รับสิ่งใดที่อยู่ภายในหรือไม่

คงมีแต่เพียงลั่วหลีคนเดียว ที่ยังพอฝืนมองเห็นได้บ้าง

แต่ในบางครั้งบางคราวเมื่อเวลาได้ผันผ่านพ้นไป ภายใต้ความโกลาหลจากอำนาจจักรพรรดิท่ามกลางเวหา แม้แต่นางเองก็ยังไม่อาจที่จะมองเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากทางด้านนั้นได้อีกแล้ว

บรรยากาศที่คอยสาปแช่งของหลัวไห่อีกแล้ว ราวกับหาได้มีกำลังเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว ทำได้แต่เพียงฝืนค้ำจุนตัวเองเอาไว้เท่านั้น

แต่พลังสภาวะของเขานั้นกลับสามารถที่จะอ่อนโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด

“ตายซะ!” ทันใดนั้น เสียงอันเกรี้ยวกราดของหยางไคก็พลันดังขึ้นท่ามกลางเวหา พร้อมทั้งยังได้มีเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความแตกตื่นตกใจออกมาจากหลัวไห่กันอีกด้วย

ทันใดนั้นก็พลันเกิดการระเบิดออกมา สาดกระจายไปทั่วทุกสารทิศ เกิดเป็นระลอกคลื่นซัดโถมเข้ามาจากในตำแหน่งที่ห่างไกลออกไป อีกทั้งยังกระจายออกมาอย่างรุนแรง

เลือดโลหิตสาดกระทบลงมาดุจห่าฝนมาจากท่ามกลางท้องนภาสูงใหญ่ ยังมีเศษเลือดเศษเนื้ออีกบางส่วน

ในส่วนพลังสภาวะของหลัวไห่เองก็พลันสลายหายไปอย่างกะทันหัน

ลั่วหลีพลันรูม่านตาหดตัว หดตัวจนเล็กประดุจเข็มหมุด ถึงกับร่างกายหยุดสั่นเทาไม่ได้

นางเองก็สังเกตเห็นทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ได้

การต่อสู้ที่สะเทือนฟ้าสะท้านพสุธาในขณะนี้พลันสงบลง ผู้อาวุโสสิบกว่าท่านของหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นไม่แม้แต่จะถอนหายใจกันออกมาสักคำเดียว ทุกผู้คนต่างก็สาดทอแววตาหันไปมองจุดที่เกิดเป็นช่องว่างมิติด้วยความแตกตื่นตกใจ

ความโกลาหลท่ามกลางเวหาพลันกระจ่างแจ้งสดใสกลับคืน ก่อเกิดเป็นการสมานรอยแตกร้าวขนาดใหญ่ขึ้นมาเป็นสาย

ก้อนประกายแสงสีทองขาวขุมหนึ่งในขณะที่ค่อยๆ ร่อนลงสู่พื้น พลันปรากฏติดตราตรึงสู่สายตาทุกสรรพสิ่ง และหลัวไห่เองก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยไปตั้งแต่แรกแล้ว

ราวกับว่าเพียงประกายตาวูบเดียว ประกายแสงสายนั้นก็ได้สาดเข้ามา สาดส่องไปสู่ทุกสารทิศ

สายตาอันเย็นเยียบสายหนึ่ง ได้สาดผ่านเข้ามาโดยพลัน จ้องเขม็งไปทุกสารทิศ

แววตานั้นเรียกได้ว่าเย็นยะเยือกไร้ความรู้สึก อีกทั้งยังมีเส้นเลือดสีแดงสาดออกมาเล็กน้อย

สายตาของผู้คนทุกคนล้วนแต่สบตาเข้าหานั้นเอง ต่างก็อดไม่ได้ที่จะเนื้อตัวสั่นเทากันขึ้นมา

แม้แต่ลั่วหลีเองก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไปหนึ่งลมหายใจ พร้อมทั้งกลืนน้ำลายลงไปทีละคำ แม้กระทั่งหัวใจก็ยังแทบจะกระดอนขึ้นมาจนถึงคอหอย

กระนั้นที่ทำให้นางรู้สึกจิตใจปลอดโปร่งก็คือ ประกายแสงขุมนั้นแม้จะสาดเป็นประกายสีแดงซ่านอยู่บ้างแต่ก็พลันรั้งเก็บคืนมาภายในพริบตา เสียงกู่ร้องจากมังกรและวิหคกึกก้อง เกิดเป็นประกายแสงระยิบระยับที่สาดแสงอยู่แต่เดิม ทันใดนั้นก็พลันหายลับไปในบัดดลแล้ว

ยังมีผู้ใดไม่ทราบว่ามันไปยังที่แห่งหนใดแล้ว

ผู้อาวุโสหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นสิบกว่าท่านแม้จะผ่านไปเนิ่นนานก็ยังไม่อาจที่จะสงบสติอารมณ์เอาไว้ได้ อีกทั้งทุกๆ คนล้วนแต่กระตุ้นพลังจิตสัมผัสของตัวเองกันออกมา คอยตรวจสอบสภาวะบรรยากาศที่อยู่โดยรอบอย่างระมัดระวัง

จนกระทั่งผ่านไปได้ครึ่งค่อนวัน ก้อนแสงนั้นก็ยังคงหาได้ปรากฏออกมา พวกนางจึงได้ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมา

หยางไคกลับหาได้คิดมีความตั้งใจที่จะตามไปไล่ล่าไม่ มิเช่นนั้นแล้วละก็ เกาะสุดขั่วเยือกเย็นในวันนี้จะต้องนองเลือดเป็นสายธารกันแล้ว

……

จ้าวดาราตำหนักเทวะแห่งดาวชุยเว่ย

บริเวณส่วนที่เป็นศูนย์กลางของจ้าวดาราตำหนักเทวะนี้ กลับมีลานกว้างอยู่แห่งหนึ่ง ท่ามกลางลานกว้าง ได้มีรูปปั้นมนุษย์มีความสูงอยู่ประมาณสามสิบจั้งตั้งเด่นเป็นสง่า เพียงมองไปที่รูปปั้นนี้เพียงวูบหนึ่งทุกผู้คนก็พอที่จะทราบได้ว่า เป็นผลงานการแกะสลักชั้นเลิศเลยทีเดียว

ต้นแบบของรูปสลักนี้ ก็คือตัวของหลัวไห่เอง

ขึ้นชื่อว่าเป็นถึงจ้าวดวงดาว หลัวไห่ย่อมต้องมีเกียรติอันเกรียงไกรเช่นนี้

ขอกำลังใจสักนิด ช่วยสนับสนุนกันหน่อย ที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com เลยครับ

ขึ้นชื่อว่าเป็นถึงจ้าวดวงดาว หลัวไห่ย่อมต้องมีเกียรติอันเกรียงไกรเช่นนี้ คล้ายกับเกิดความเข้าใจอะไรบางอย่างต่อสิ่งที่อยู่บนรูปปั้น เกิดเป็นความลุ่มหลงงมงาย จนหวั่นไหวได้แม้แต่จิตใจ

ทันใดนั้น ก็ได้เกิดเสียงดังโครมครามดังออกมา ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ได้กลายที่จับตามองกันในทันที ผู้ทรงพลังที่อยู่ชั้นแนวหน้าทั้งหลายคนนั้นต่างก็ขมวดคิ้วกันไปมา เมื่อลืมตาขึ้น สำรวจมองไปทั้งสี่ด้าน เพื่อที่ต้องการทราบว่าที่มาของนั้นคือที่ใด แต่ถึงแม้จะหาไปหามาแต่กลับพบเห็นจุดที่ประหลาดอะไรบางอย่างขั้นมา

เมื่อในขณะนั้นพวกเขาล้วนแต่ต้องการที่จะหลับตาลงเพื่อทำความเข้าใจต่อ แต่กลับเกิดเป็นเสียงดังโครมครามดังขึ้นเป็นระลอก และในครั้งนี้เมื่อเทียบกับครั้งก่อนยังถือว่าชัดเจนยิ่งกว่า

พวกเขานับว่าสังเกตทุกอย่างได้ว่า เงยหน้าขึ้นแล้วหันไปมองผู้ที่อยู่บนรูปปั้นขนาดใหญ่นั้น

เมื่อได้หันไปมอง ก็อดไม่ได้ที่จะต้องอ้าปากตาค้างขึ้นมา!

“รูปปั้นของใต้เท้าหลัวไห่ได้เกิดรอยแตกร้าวไปแล้ว!”

“อะไรกัน? เป็นไปไม่ได้ รูปปั้นของใต้เท้าหลัวไห่เหตุใดถึงปรากฏรอยร้าวขึ้นมาได้กัน?”

“รูปปั้นนี้และต้นกำเนิดพลังดวงดาวมีการเชื่อมโยงถึงกัน และยังได้เชื่อมโยงถึงชีวิตของใต้เท้าหลัวไห่เองอีกด้วย บัดนี้เมื่อปรากฏรอยแตกร้าว แท้จริงแล้วใต้เท้าหลัวไห่พบพานกับอันตรายแล้วอย่างงั้นหรือ?”

“ผายลม ใต้เท้าหลัวไห่ขึ้นชื่อว่าเป็นจ้าวดวงดาวแห่งดาวชุยเว่ย ถือครองวาสนาอันเลิศล้ำ มีการบ่มเพาะล้นฟ้า มีหรือที่จะพบพานกับอันตรายได้……เอ๊ะ ปรากฏรอยแตกร้าวขึ้นจริงๆ แล้ว”

ข่าวลือได้แพร่สะพัดไปดุจลมพายุอันคลุ้มคลั่ง พริบตาเดียวก็เป็นที่ล่วงรู้ในหมู่เหล่าผู้ทรงพลังในสถานที่แห่งนี้ ส่วนผู้ทรงพลังทั้งหลายพันคนนั้นพลันเงยหน้าขึ้นเหม่อมอง กำลังมองไปที่รอยแตกที่ค่อยๆ ลุกลามจนให้โตขึ้น ทุกผู้คนล้วนแต่อ้าปากตาค้าง อดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่กังวลกัน

“ทุกท่านโปรดวางใจ ใต้เท้าหลัวไห่มีวาสนาเชื่อมกายกับดาวชุยเว่ย ต่อให้พบเจอกับอันตราย ก็ย่อมต้องสามารถเปลี่ยนจากร้ายกลายเป็นดีได้ จนสามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย ทุกท่านไม่จำเป็นต้องแตกตื่นกันเกินควรเช่นนี้”

“มิผิด คงอย่างใต้เท้าหลัวไห่ มีหรือที่จะสิ้นใจลงได้อย่างง่ายดาย? อย่าได้แตกตื่นกันเกินไปแล้ว” ทันใดนั้นก็ได้มีโพล่งขึ้นมาจากทางด้านข้าง เห็นได้ชัดว่าเป็นบุคคลที่ให้ความเคารพต่อหลัวไห่อย่างถึงที่สุด

แต่น้ำเสียงของคนผู้นี้เมื่อสิ้นเสียงลง รูปปั้นมนุษย์ขนาดใหญ่นั้นทันใดนั้นก็เริ่มมีเสียงดังออกมา ในช่วงที่กระชั้นชิด รูปปั้นที่สูงจนเสียดเมฆพลันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พริบตาที่แตกพังทลาย ก็ได้เกิดเป็นศิลาขนาดใหญ่ร่วงหล่นลงจากที่สูงเป็นชิ้นๆ พร้อมทั้งร่วงหล่นลงสู่พื้นอย่างไร้ไมตรี

เหล่าผู้ทรงงพลังที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงต่างก็อ้าปากตาค้าง แต่ละคนล้วนแต่แววตาสั่นคลอน พร้อมกับเร่งกระตุ้นวิชาตัวเบาหลบหนีไปจนห่างไกล

บรึมมมม……

รูปปั้นพลันแตกออกมาเป็นเสี่ยงๆ บนลานพื้นดินพลันเกิดการสั่นไหวขึ้นอย่างรุนแรง เกิดเป็นหมอกควันสีเทาคลุ้งเข้าปกคลุม

และในเวลาเดียวกัน ทั่วทั้งดาวชุยเว่ยคล้ายกับเกิดการสั่นสะเทือนอยู่ครู่หนึ่ง ส่วนผู้ที่มีความสามารถแข็งแกร่งกันอยู่บ้างนั้น ต่างก็สัมผัสกันได้อย่างชัดเจน ว่าลมปราณฟ้าดินของมิติดาวชุยเว่ยได้แผ่วเบาลงไปจากก่อนหน้านี้ลงบ้างแล้ว

“ใต้เท้าหลัวไห่……สิ้นชีพแล้วอย่างงั้นหรือ?” บนสนามประลอง ได้มีเหล่าผู้ทรงพลังที่มีการบ่มเพาะน้อยใหญ่กว่าพันคนล้วนแต่ตกอยู่ภายใต้ความเงียบเชียบและตะลึงลาน พร้อมกับค้นพบว่าได้เกิดอะไรบางอย่างขึ้นมา

รูปปั้นนี้ที่เป็นเหมือนกับตัวของหลัวไห่ และได้เชื่อมโยงกับต้นกำเนิดดวงดาวของดาวชุยเว่ย รูปปั้นในเมื่อไม่มีทางที่จะถูกทำลายอย่างไม่มีสาเหตุแน่นอน เช่นนั้นก็คงจะมีข้ออธิบายได้เพียงอย่างเดียว

หลัวไห่ตายแล้ว!

ทุกคนราวกับไม่อยากที่จะเชื่อได้ลง!

ผู้ทรงพลังที่แข็งแกร่งเหมือนอย่างหลัวไห่เช่นนี้ ถึงกับตายแล้วอย่างงั้นหรือ?

“เป็นผู้ใดทำกัน? เป็นตัวบัดนี้จากที่ไหนทำกัน? หากข้าทราบว่าเป็นมันผู้ใด จะสับมันผู้นั้นให้เป็นหมื่นชิ้น!” ระหว่างนั้นก็ได้มีคนตะโกนร้องขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเดือดดาล พร้อมกับใบหน้าที่บิดเบี้ยวไปมา

“ฆ่าบุคคลอย่างใต้เท้าหลัวไห่ แด่ศัตรูโดยชอบธรรมของดาวชุยเว่ย พบเห็นผู้ใดก็ฆ่าคนผู้นั้น!”

“พบเห็นผู้ใดก็ฆ่าคนผู้นั้น!”

บนลานกว้าง ที่มีผู้ทรงพลังอยู่นับไม่ถ้วนต่างก็สาดทอความเดือดดาลเกรี้ยวกราดออกมา

หลัวไห่และพวกเขาต่างก็หาได้มีความสัมพันธ์อะไรกันไม่ ไม่แน่ว่าพวกเขาแม้แต่หลัวไห่ก็ยังหาได้เคยพบหน้ากันมาก่อนไม่ แต่ว่าหลัวไห่เป็นจ้าวแห่งดวงดาวของดาวชุยเว่ย เมื่อจ้าวดวงดาวสิ้นลม ดาวชุยเว่ยเองก็ย่อมต้องได้รับผลกระทำกันอยู่บ้าง ลมปราณธาตุที่สูญสลายไปในชั่ววินาทีสั้นๆ ย่อมไม่อาจฟื้นฟูกลับได้ นอกเสียจากวว่าจะมีผู้อยู่ในขอบเขตกำเนิดราชันมาเยือนดาวชุยเว่ย และทำการบ่มหลอมพลังต้นกำเนิดดวงดาว

หากเปลี่ยนเป็นวาจาอื่น ความสูญสิ้นของหลัวไห่ ได้ทำให้ทั่วทั้งดาวชุยเว่ยล้วนแต่เกิดเป็นความสูญเสียได้ในระดับที่แน่นอนขึ้น

การฆ่าบุคคลเยี่ยงหลัวไห่ไปย่อมต้องกลายเป็นศัตรูของพวกเขาไปกันแล้ว

ในเวลาที่ผู้ทรงพลังเหล่านั้นตะโกนร้องก้องขึ้นมา ก็มีผู้คนไม่น้อยพลันมีสีหน้าแปรเปลี่ยนกลับกลาย โดยที่ดึงเข็มทิศสื่อสารออกมา ถ่ายเทจิตสัมผัสเข้าไป เพื่อเป็นการแจ้งความที่น่าแตกตื่นตกใจไปทั่วทั้งใต้หล้าให้แก่ญาติสนิท มิตรสหาย ผู้อาวุโสในสำนักกันออกไป

หลังผ่านไปได้หนึ่งวัน คนของทั่วทั้งดาวชุยเว่ยต่างก็ทราบว่า จ้าวดวงดาวหลัวไห่ได้สิ้นลมลงแล้ว!

หลังผ่านไปได้หนึ่งเดือน ก็ได้มีข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วทั้งแดนดาราไปแล้ว!

แดนดาราล้วนแต่ตกอยู่ในความสั่นสะเทือน!

เกี่ยวกับความตายของหลัวไห่กลับมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกไป อีกทั้งยังได้มีคนกล่าวว่าได้มีเฒ่าประหลาดที่ไม่เคยเปิดเผยต่อโลกหล้าลงมือเพื่อสังหารหลัวไห่ อีกทั้งยังมีคนบอกว่าหลัวไห่ได้ย่างเข้าสู่สถานที่อันตรายบางแห่ง จนไม่สามารถหลบหนีออกมาได้ รวมไปจนถึงเขาที่จะตายอย่างไร้นั้น หรือผู้ใดที่เป็นคนฆ่าเขา ถึงกับหาได้มีผู้ใดสามารถทราบได้เป็นการชั่วคราว

แต่ข่าวลือที่น่าสงสัยนี้พลันระเบิดแพร่กระจายออกมา ผู้ทรงพลังขอบเขตกำเนิดราชันทั่วทั้งแดนดาราเองก็มีอยู่ไม่มากนัก ไม่ว่าจะเป็นคนใดหากว่าตายลง ต่างก็มีความเป็นไปได้ที่จะสร้างผลกระทบได้ไม่มากก็น้อย

ยิ่งไปกว่านั้นในครั้งนี้ที่ตายลงนั้นยังเป็นถึงจ้าวดวงดาวของดาวชุยเว่ย หลัวไห่ ถึงอย่างไรก็เป็นการดำรงอยู่ของกำเนิดราชันขั้นที่สองผู้หนึ่ง

ไม่นานนักก็ได้มีข่าวคราวถ่ายทอดมาจนถึงดาววารีสีชาดแล้ว ผู้นำผู้อาวุโสลั่วหลีหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นโปรดออกคำสั่ง ศิษย์ที่อยู่บนเกาะทั้งหมดต่างหาได้เปิดเผยเรื่องที่เกิดขึ้นสู่ภายนอกไม่ มิเช่นนั้นนางก็คงจะลงมือจัดการทั้งสำนักด้วยมือนางเองแล้ว ศิษย์ทุกคนล้วนแต่ไม่อาจที่จะไม่เชื่อฟังได้

ว่ากันตามความสัตย์ เรื่องที่กำลังเกิดขึ้นในวันนั้น ก็มีแต่เพียงหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นเหล่าผู้อาวุโสทั้งสิบกว่าตนทราบเข้าแล้ว ศิษย์ชั้นสามัญเหล่านั้นแทบจะไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เพียงแต่ทราบว่าได้เกิดการต่อสู้ที่น่าแตกตื่นปะทุขึ้นมาแล้ว ส่วนผู้ใดที่อยู่ในการต่อสู้ ผู้ใดจะเป็นฝ่ายแพ้ชนะ พวกนางยังไม่อาจที่จะตัดสินได้

.

.

.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด