ตอนที่แล้วตอนที่ 1654 ปลดผนึกป้ายคำสั่งจักรพรรดิดารา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1656 การดับสูญของจ้าวแห่งดวงดาว

ตอนที่ 1655 สังหารขอบเขตกำเนิดราชันในเสี้ยววินาที


ตอนที่ 1655 สังหารขอบเขตกำเนิดราชันในเสี้ยววินาที

ในขณะนี้ ทั่วทั้งบนดาววารีสีชาด ได้มีวิหคบินเหินร่อนลงจากฟากฟ้า สัตว์ร้ายหมอบคลานอยู่กับที่ เนื้อตัวสั่นเป็นระริก

เมืองเล็กใหญ่ สำนักพรรคตระกูลผู้ปกครอง นับพันหมื่นแสนคนถึงกับอดไม่ได้ที่จะถึงกับต้องหลั่งเหงื่อเย็นเยียบออกมา ยิ่งถึงกับมีคน ที่ถึงกับทรุดลงนั่งกับพื้น ผ่านไปเนิ่นนานก็ยังคงไม่อาจลุกขึ้นยืนได้ พลังกายจากทั้งร่างพลันแห้งเหือดไปในพริบตาแล้ว

ยังดีที่พลังสภาวะขุมนี้ถึงกับมาได้เร็ว แต่ก็จากไปได้เร็วเช่นเดียวกัน ผันแปรเปลี่ยนไปมาหายลับไปภายในพริบตา

มิเช่นนั้นดาววารีสีชาดในวันนี้ ย่อมต้องหายสาบสูญไปในพริบตา

เกาะสุดขั่วเยือกเย็น พื้นที่อาณาเขตของตำหนักน้ำแข็ง ที่เหนือกว่าหยางไคและซูเหยียน ทันใดนั้นก็พลันปรากฏจนเกิดเป็นแววตาที่มุ่งมั่นขึ้น

และในเวลาเดียวกัน ภายนอกร่างกายของหยางไคกับซูเหยียน ยังได้เกิดเป็นขุมพลังอันมหาศาลปกคลุมอยู่ชั้นหนึ่งที่หากใช้ตาเปล่าและจิตสัมผัสก็ยังไม่อาจสัมผัสได้ และเข้าทำการห่อหุ้มพวกเขาเอาไว้

เลือดบริสุทธิ์ที่เดือดพล่านขึ้นมาของซื่อฮั่ว การโจมตีจากสมบัติลับของหลัวไห่ เกิดเป็นพลังมหาศาลโถมเข้าใส่ต้านทานไว้เพียงแค่ส่วนนอก หาได้สามารถที่จะซัดสาดเข้ามาแม้สักระลอกเดียวไม่

รักกัน ชอบกัน แวะไปที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com เลยครับ

“เป็นไปไม่ได้!” หลัวไห่ร้องออกมาด้วยความแตกตื่น

ด้วยขอบเขตการบ่มเพาะในระดับกำเนิดราชันขั้นที่สองของเขา เมื่อกระตุ้นใช้สมบัติลับย่อมทำให้เกิดเป็นการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแน่นอน ถึงกับไม่สามารถที่จะทำร้ายหยางไคได้เลยแม้แต่น้อย และทุกสิ่งทุกอย่างนี้ เพียงแต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นแค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น

นี่แทบจะทำให้เขาไม่สามารถทนทานรับได้

การดำรงอยู่ของมหาจักรพรรดิที่มีแต่อยู่ในตำนาน หากเป็นคนสามัญแทบจะสักการะประดุจเทพสวรรค์กันแล้ว แต่หากเป็นผู้ทรงพลังในกลุ่มของหลัวไห่ กลับยังนับได้ว่ามีคนอีกมากมายที่คอยพยายามสืบหาร่องรอยพลังของมหาจักรพรรดิมาโดยตลอด หมายปองต่อตำนานเทพปรกรณัมที่ยังหลงเหลือเอาไว้ รวมไปจนถึงเข้าถือครองพลังนี้แทน

ภายในใจของพวกเขา มหาจักรพรรดิเพียงแต่เป็นเพราะมีการบ่มเพาะที่แข็งแกร่งก็ยังแล้วกันไป แต่กลับหาได้สามารถชนะในศึกการต่อสู้ได้ไม่

หลัวไห่เองก็มีความคิดเช่นนี้ดุจเดียวกัน เขาที่คิดว่ามหาจักรพรรดิเพียงแต่เป็นผู้ทรงพลังที่อยู่ใน

ระดับสูงสุดของขอบเขตกำเนิดราชันขั้นที่สาม เขาคิดว่าตนเองจะต้องมีสักวันที่พอจะสามารถไปยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับมหาจักรพรรดิได้ อีกทั้งยังต้องยืนอยู่เหนือกว่าให้จงได้

แต่ว่าวันนี้ ในที่สุดเขาก็เข้าใจได้แล้วว่า มหาจักรพรรดิในสายตาของเขาถึงอย่างไรก็ยังคงเป็นสิ่งที่สูงส่งจนไม่อาจที่จะเอื้อมได้ถึง นั่นย่อมถือเป็นขอบเขตที่เหนือล้ำกว่าขอบเขตกำเนิดราชันไปอีกอย่างแน่นอน นี่จะต้องเป็นขอบเขตอันน่าสะพรึงกลัวที่ยังไม่อาจทราบได้!

ทันใดนั้นเขาก็ได้บังเกิดจิตใจที่แม้กระทั่งตนเองก็ยากที่จะแบกรับเอาไว้ได้ขึ้น

แววตาที่ปิดลงนั้นได้พลันเกิดเป็นพลังอย่างแรงกล้าขึ้นมา

ในที่สุดลั่วหลีก็ได้มีสีหน้าเปลี่ยนไป จนมิอาจหาญที่จะยืนอยู่กับที่อีกต่อไป เพียงขยับกายสั่นไหวไปมา แตกตื่นตกใจกระโดดปราดดุจกระต่ายตื่นตูม เร่งกระโจนหนีกันออกไป พริบตานั้นแล้วจึงค่อยออกไปจากพื้นที่ซึ่งเป็นตำหนักน้ำแข็งไป

พลันเกิดเป็นดวงตาเบิกขึ้นภายในมิติอากาศ นัยน์ตามีลักษณะกระจ่างสดใสไร้ที่ติ ไร้ซึ่งพลังอำนาจในการทำลายอะไรมากมายนัก อีกทั้งที่ทำให้หลัวไห่กับซื่อฮั่วต้องเกิดความสงสัยนับหมื่นส่วนก็คือ ดวงตาทั้งสองดวงนั้นเห็นได้ชัดเป็นดวงตาของสตรีนางหนึ่ง!

แท้จริงแล้วมหาจักรพรรดิมิติดวงดาวแห่งตำนาน ถึงกับเป็นสตรีนางหนึ่งอย่างงั้นหรือ?

ความคิดอันขบขันเช่นนี้พลันเกิดขึ้นอยู่ภายในใจของสองสุดยอดผู้ทรงพลังขอบเขตกำเนิดราชัน จนทำให้พวกเขาล้วนแต่ไม่กล้าที่จะเชื่อกันอยู่บ้าง

ดวงตาคู่งามนั้นได้จับจ้องมองไปที่หลัวไห่กับซื่อฮั่วอย่างเย็นชาอยู่วูบหนึ่ง โดยที่หาได้สัมผัสถึงความรู้สึกเลยแม้แต่น้อย คล้ายกับเพียงแต่กำลังมองสิ่งที่มีการดำรงอยู่ดุจแมลงทั้งสองตัวก็มิปาน

ซื่อฮั่วเองก็ถึงร้องออกมาด้วยเสียงประหลาด ลอยกระเด็นออกไป ดุจดั่งถูกกระแทกเข้าใส่อย่างหนักหน่วง กระอักเลือดออกมาทั้งที่อยู่ท่ามกลางอากาศ

อำนาจจักรพรรดิพลันเข้าฉีกกระชากไปทั้งร่างอย่างกะทันหัน

และเว่ยเฟิงที่คอยรับการคุ้มกันจากเขามาโดยตลอด ทันใดนั้นถึงกับต้องแปรเปลี่ยนจนกลับกลายเป็นเพียงก้อนเนื้อไปในบัดดล ตายตกไปจนไม่เหลือแม้กระจ่างซากศพ

แม้แต่ภายในส่วนลึกของจิตวิญญาณหลัวไห่เองก็ยังบังเกิดเป็นเสียงดังกร๊อบขึ้นมาอย่างกึกก้อง อำนาจจักรพรรดิจากภายในร่างกายพลันแตกซ่านสลายหายไป

ราวกับว่าแววตาคู่งามนั้นที่ไร้ซึ่งอารมณ์ ซ่อนเร้นเอาไว้ด้วยพลังของผู้ที่อยู่บนจุดสุดยอด จนแทบจะทำให้ผู้คนยากจะต้านทานได้

เขาพลันทอสีหน้าซีดขาว มุมปากได้มีเลือดไหลซึมออกมาอยู่บางส่วน ร่างกายโอนเอนเล็กน้อย คล้ายกับมีพลังการบ่มเพาะที่ลึกล้ำกว่าซื่อฮั่วอยู่มากพอสมควร โดยที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม

นัยน์ตาคู่งามพลันเกิดการหดตัว จนหายลับไปไม่อาจพบเห็นได้อีก คล้ายกับหาได้เคยปรากฏออกมาก่อนได้อีกก็มิปาน

และในเวลาเดียวกัน

พลังแห่งอำนาจจักรพรรดิอันเข้มข้นบนร่างของหยางไคกับซูเหยียนพลันขึ้นขึ้นลงลง นั่นแทบจะไม่ใช่พลังที่เรียกได้ว่าพลังที่อยู่ในโลกหล้านี้ไม่ นั่นกลับถือเป็นการดำรงอยู่ที่แทบไม่อาจแม้แต่จะแหงนหน้ามองเลยด้วยซ้ำ นั่นก็คือสิ่งที่ทำให้สรรพชีวิตนับล้านล้านล้วนแต่ยังต้องก้มหน้ายอมสยบต่อสภาวะเยี่ยงนี้

นั่นก็คือพลังอำนาจแห่งมหาจักรพรรดิ!

หยางไคหัวเราะฮาฮาออกมายกใหญ่ หัวเราะดังสนั่นดุจฟ้าผ่า ภายในน้ำเสียงยังแฝงเอาไว้เหนือความมคาดหมายอะไรเอาไว้ สั่นคลอนจิตใจของหลัวไห่ จนทำให้ความคิดของเขาต้องเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นไม่หวั่นไม่ไหว จนไม่อาจสงบได้อีก

และซื่อฮั่วหลังจากที่ทรงตัวได้จนมั่นคง ก็พลันมีสีหน้าซีดขาวยิ่งกว่าเดิม

ปราณสีขาวทอง ได้ครอบร่างกายส่วนนอกของหยางไคกับซูเหยียนเอาไว้ เสียงแห่งมังกรคำรามวิหคกู่ร้องดังขึ้นไม่หยุด แต่กระแสพลังหยินและหยางนี้กลับมีจุดที่แตกต่างกันอยู่บ้างเหมือนกัน

กระแสพลังหยินหยางเมื่อครู่นี้ถึงแม้ว่าจะรุนแรงกันอยู่บ้าง ย่อมเพียงพอที่จะกดดันชนชั้นขอบเขตกำเนิดราชันโดยทั่วไปได้ แต่กลับหาได้อยู่ในสายตาของหลัวไห่ไม่

แต่ความแข็งแกร่งแห่งปราณทองขาวในขณะนี้ เพิ่มพูนขึ้นมากจนอยู่ในระดับที่ทำให้หลัวไห่มีสีหน้าเปลี่ยนไปกันได้แล้ว!

ราวกับว่าการคลายผนึกที่อยู่ภายในป้ายคำสั่งจักรพรรดิดารา ได้มีพลังมหาศาลขุมหนึ่งถ่ายเทเข้าสู่ภายในร่างของหยางไคกับซูเหยียนไปแล้ว

ในจุดนั้น สองปราณหนึ่งหยินหนึ่งหยางก็ได้ผสมผสานเอาไว้เข้าด้วยกัน ไม่มีการแบ่งเขาแบ่งเรา

ในสายตาของทุกผู้คน พริบตานั้นหยางไคกับซูเหยียนก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย แต่สิ่งที่ผ่านเข้ามาภายในดวงตา กลับมีแต่เพียงประกายแสงขุมหนึ่งสาดเข้ามาหนึ่งขุม

“ซื่อฮั่ว เจ้าตายก่อนเถอะ!” ประกายแสงขุมนี้พลันเกิดเป็นเสียงตะโกนดังออกมาจากทางด้านของหยางไค ชั่วเวลาต่อมา ประกายแสงขุมนั้นก็ได้ลอยไปอยู่ที่เบื้องหน้าซื่อฮั่ว

ซื่อฮั่วทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง ตะโกนกล่าวออกมาด้วยความแตกตื่น: “พี่หลัวไห่ช่วยข้าด้วย!”

และในเวลาเดียวกัน เขาก็ได้ขยับใช้ทั้งสองมือขยับจนเกิดเป็นเคล็ด ลมปราณศักดิ์สิทธิ์ทั่วร่างได้ถูกกระตุ้นออกมา พร้อมทั้งสร้างเป็นกำแพงป้องกันที่แข็งทนทานประดุจเหล็กกล้าขึ้นมา

ลมปราณศักดิ์สิทธิ์ในแต่ละชั้น เสมือนกับมีมวลพลังบางอย่างปกคลุมเอาไว้อยู่ที่ข้างกาย มิหนำซ้ำยังมีสมบัติลับระดับกำเนิดราชันอีกชิ้นคอยให้การป้องกัน แปรผันจนเกิดเป็นเปลวเพลิงขุมหนึ่ง ปกคลุมรายล้อมเอาไว้

แต่ทุกอย่างล้วนแต่สายเกินการไปแล้ว

เมื่อในเวลาที่ก้อนลำแสงขยับเข้ามาใกล้ สิ่งแรกก็คือการทลายเปลวเพลิงที่เกิดจากสมบัติลับระดับกำเนิดราชัน นี่เรียกได้ว่าเป็นการดำรงอยู่จากวัตถุชั้นเลิศจากทั่วทั้งแดนดารา ถึงกับแทบจะไม่อาจที่จะต้านทานพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวเอาไว้ได้ ทันทีที่สัมผัส จนแตกสลายไปโดยพลัน

ท่ามกลางลำแสง ยังแฝงเอาไว้ด้วยเงามายาของมังกรจักรพรรดิและวิหคเหมันต์ปรากฏออกมา สำแดงเป็นพลังอำนาจที่สูงศักดิ์แต่เต็มไปด้วยพลังอันลึกล้ำเกินกว่าเก้าชั้นฟ้า เริงระบำจนเกิดเป็นสภาวะใจหายใจคว่ำอกสั่นขวัญหาย

ลำแสงและซื่อฮั่วดุจเดินสวนทางกัน

ซื่อฮั่วยืนอยู่ในจุดเดิม โดยที่ไม่เคลื่อนไหวแม้แต่น้อย สาดทอนัยน์ตาแข็งทื่อจ้องเขม็งมองไปยังภายในความว่างเปล่า ทางด้านบนยังทิ้งเอาไว้ด้วยสีหน้าที่แตกตื่นลนลานออกมา

“ข้าผู้ชรา……คงจะไม่ได้……”

คำพูดของซื่อฮั่วยังไม่ทันกล่าวจนจบ ภายในร่างก็ได้ปรากฏสาดเป็นประกายแสงที่แสบนัยน์ตาปลดปล่อยออกมา ราวกับถูกปลิดชีพโดยที่มีลมปราณแสงปริออกจากทุกรูขุมขน เกิดเป็นลำแสงอันคมกล้าสาดออกมาจากทุกรูขุมขนของเขาไปแล้วก็มิปาน จนทำให้ตัวของเขาอยู่ในสภาพไม่ต่างอะไรไปจากเม่นที่มีขนหนามเป็นลำแสง

ตูม……

พลันเกิดเป็นเสียงดังสนั่นผ่านปะทุขึ้นมาจากภายในกายของซื่อฮั่ว เปลี่ยนแปรจนกลายเป็นหมอกโลหิต สลายหายไปจากท่ามกลางผืนพิภพ

ท่ามกลางท้องนภาลัย จนเกิดเป็นเสียงที่น่าแตกตื่นดังขึ้นมาเป็นระลอก ผู้อาวุโสหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นทั้งสิบกว่าท่านเพียงเกิดเป็นความหนาวเหน็บขึ้นในกระเพาะ ปรากฏสีหน้าแตกตื่นตกใจเผยออกมากันทีละคนสองคน

ซื่อฮั่วผู้นี้ถึงอย่างไรก็ยังเป็นผู้ทรงพลังขอบเขตกำเนิดราชันขั้นที่หนึ่ง ถึงกับยังสามารถต้านทานพลังที่ถูกกระตุ้นใช้จากป้ายคำสั่งจักรพรรดิดาราของหยางไคกับซูเหยียน ถึงกับถูกสังหารตายลงภายในชั่วพริบตา

ด้วยพลังต่อสู้เยี่ยงนี้ เกรงว่าต่อให้เป็นผู้ทรงพลังขอบเขตกำเนิดราชันขั้นที่สามก็ยังไม่แน่ว่าจะสามารถครอบครองเอาไว้ได้!

ร่างกายที่อ้อนแอ้นของลั่วหลีพลันสั่นไหวไปมา ภายในส่วนลึกของดวงตาคู่งามพลันเกิดเป็นความหวั่นไหวขึ้นเล็กน้อย ยิ่งไปกว่านั้นยังถึงกับมีความเสียใจระคนเกลียดชัง

นางสามารถที่จะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกก่อนตายของซื่อฮั่ว นางเองก็ทราบว่าก่อนที่ซื่อฮั่วจะสิ้นใจนั้นเกิดเป็นความรู้สึกเยี่ยงไร

ซื่อฮั่วเจ็บปวดรนคนเจ็บใจ นางมีหรือที่จะไม่อาจสัมผัสได้?

หากว่าทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้มาตั้งแต่แรก นางในวันนี้จะเข้าสะสางเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้อย่างไรกัน

หากทราบว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาตั้งแต่แรก นางก็คงจะไม่สนใจอีกแล้วว่าเรื่องในวันนี้จะเป็นอย่างไร มีหรือที่จะรักตัวกลัวตายได้?

หากทราบว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ นางย่อมต้องพยายามทำทุกหนทางเพื่อปกป้องให้หยางไคกับซูเหยียนอยู่รอดปลอดภัย

ลั่วหลีเองก็ได้ถอนหายใจออกมายาวๆ

หุบเขาหฤทัยเยือกเย็น ได้ถูกตัดสินเอาไว้แล้วว่าคงไม่อาจที่จะผงาดขึ้นมาได้อีกแล้ว! ทั้งที่โอกาสที่สวรรค์ได้ประทานมาให้อยู่ต่อหน้าตัวเองแท้ๆ แต่ตัวเองกลับทำเป็นเหมือนดั่งมองไม่เห็น อีกทั้งยังผลักไสออกไป ความเกลียดชังในตอนนี้ยังสามารถเป็นอย่างไรได้?

เพียงแต่คาดหวังว่าบุรุษหนุ่มผู้นั้นจะเห็นแก่ที่ซูเหยียนเป็นศิษย์ในสำนักหุบเขาหฤทัยเยือกเย็นพวกเขา หลังจากที่สะสางกับความยุ่งยากที่อยู่เบื้องหน้าสายตาจนเสร็จสิ้น หรือไม่ก็หันไปลงมือต่อกรต่อหุบเขาหฤทัยเยือกเย็น มิเช่นนั้นแล้วละก็ วันนี้หุบเขาหฤทัยเยือกเย็นจะต้องล่มสลายอย่างไม่ต้องสงสัย

“ฮา ฮาฮาฮาฮา!” เสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งพลันดังขึ้น ลั่วหลีขมวดคิ้วมองเข้ามา ประจวบกับได้พบเห็นหรานอวิ่นถิ่งหัวเราะเย้ยฟ้าเสียงดังกังวาน

แต่เสียงหัวเราะนั้นกับสีหน้าที่ปรากฏ แล้วมีแต่เพียงความผิดหวังและโศกเศร้าเสียใจอย่างสุดแสน

จากชั่วขณะที่นางได้ตัดสินใจยอมปล่อยซูเหยียนไป นับตั้งแต่ที่ซูเหยียนเรียกขานนางว่าอาจารย์ในครั้งสุดท้าย นางก็ได้ตัดสินใจได้แล้วว่าสิ่งใดนั้นคือความเสียใจที่สุดในชีวิต

“หลัวไห่ ถึงคราวของเจ้าแล้ว!”

เสียงของหยางไคได้ดังขึ้นมาจากกลุ่มแสงก้อนนั้น พร้อมกับรังสีอำมหิตที่เข้าโอบล้อมเขาเอาไว้

หลัวไห่ได้มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง เขาก็ได้พบแล้วว่าจะมีจุดจบเช่นไรเมื่อต้องเผชิญกับพลังอันแสนน่าสะพรึงกลัวที่มาจากป้ายคำสั่งจักรพรรดิดารา แม้แต่ซื่อฮั่วก็ยังต้องถูกฆ่าภายในเสี้ยววินาที แม้กระทั่งตัวเขาเองก็ยังไม่สามารถทำได้

หากเปลี่ยนเป็นคำพูดอื่น เขาย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้อย่างแน่นอน!

“พลังดาราเยือน!” หลัวไห่ถึงกับมีสีหน้าเปลี่ยนแปลงกลับกลายอยู่หลายส่วน ละทิ้งซึ่งความกล้ำกลืนฝืนทนไปจนสิ้น พร้อมทั้งเปล่งเสียงเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

ทั้งที่รู้ว่าหากเจรจาต่อรองหยางไคไปก็หามีประโยชน์ไม่ ตนเองที่ได้ทราบถึงความลับมากมายของเขา แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะต้องเสวนากันเลย ยิ่งไปกว่านั้นหยางไคยังได้กระตุ้นใช้สิ่งของอย่างป้ายคำสั่งจักรพรรดิดาราเช่นนี้ หากไม่ฆ่าตัวเองมีหรือที่จะยอมเลิกราได้? ในส่วนที่ตนต้องได้รับความอัปยศ ยังมิสู้ยอมเสี่ยงดูสักตั้ง

ในบริเวณแดนดาราที่ห่างไกลออกไป ภายใต้แสงสว่างที่มาจากดาวชุยเว่ย ได้เกิดเป็นพลังแห่งหมู่ดวงดาววที่ยากเกินกว่าจะต้านทานได้ สะท้อนมาจนถึงบนดาววารีสีชาด ถ่ายทอดเข้าสู่ภายในร่างกายของหลัวไห่

หลัวไห่ที่ได้ระเบิดพลังอันมหาศาลมาจากทั้งร่าง เขาที่เดิมทีก็เป็นผู้อยู่ในขอบเขตกำเนิดราชันขั้นที่สอง ก็ได้ใช้ช่วงเวลาเพียงสั้นๆ เพิ่มพูนพลังจนถึงขั้นสูงสุด จนขาดพลังอีกเพียงไม่กี่ส่วนก็จะสามารถเข้าสู่ขั้นที่สามได้แล้ว

ทันใดนั้นเขาก็แทบจะหาได้หันหน้ากลับมาแต่กลับหันไปมองยังสถานที่ห่างไกลออกไป!

เมื่อได้กระตุ้นใช้พลังแห่งต้นกำเนิดมวลหมู่ดวงดาว ก็เพียงเพื่อคิดจะหลบหนีกันเท่านั้น เขาแม้แต่ความกล้าที่จะเผชิญหน้าต่อกรกับหยางไคกับซูเหยียนก็ยังหาได้มีอีกต่อไป

“เจ้าคิดว่าจะหนีได้พ้นอย่างงั้นหรือ?” หยางไคหัวเราะเสียงดังก้องกังวาน กลุ่มแสงก็ได้ทอเป็นประกายระยิบระยับอยู่สักพัก พลังแห่งอวกาศดีดพุ่งขึ้นขึ้นลงลง พริบตานั้นก็ได้ไล่ตามมาจนอยู่ที่เบื้องหน้าหลัวไห่ จากใจกลางกลุ่มแสงก้อนนั้น ก็ได้เกิดเป็นพลังอันมหาศาลที่น่าสะพรึงกลัวดีดใส่เข้ามา หันเข้าไปโจมตีใส่หลัวไห่ไป

หลัวไห่พลันแตกตื่นตกใจ กระบี่ยาวอันเป็นสมบัติลับระดับกำเนิดราชันที่อยู่ในมือพลันสั่นไหว ราวกับว่าเพียงแค่คมกระบี่ก็สามารถที่จะกรีดแยกฟ้าดินออกจากกันได้เลย

เพียงการปะทะที่ไร้เสียงไร้ร่องรอยที่เกิดขึ้น แม้แต่ห้วงอากาศก็พลันแตกซ่านขึ้นแล้ว คมกระบี่พลันถูกกลืนกิน แต่กลับเกิดเป็นพลังอันมหาศาลที่พุ่งออกมาจากภายในใจกลางลำแสง ซึ่งทำให้หลัวไห่จำต้องถอยไปหลายร้อยจั้ง จนใบหน้าเริ่มที่จะซีดขาวขึ้นมาเล็กน้อย

เพียงการประมือเพียงชั่วขณะ เขาก็ต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบไปเล็กน้อยแล้ว

เมื่อทรงกายได้อย่างมั่นคง ก็ได้หยิบยืมวิถีพลังของการสะท้อนกลับไป หลัวไห่ได้อาศัยจังหวะนี้เพื่อทำการหลบหนี มุ่งหน้าหลบหนีเข้าสู่ภายในใจกลางแดนดารา!

ก้อนลำแสงซึ่งอยู่ในจุดที่หยางไคกับซูเหยียนอยู่นั้นแทบจะหาได้มีเกิดการสั่นไหวไม่ ตรงพื้นที่ในจุดเดิมยังคงเปล่งเป็นประกายขึ้นอยู่สักพัก ก็ได้ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าหลัวไห่ได้อย่างน่าอัศจรรย์

“ไอ้หนูเจ้าอย่าได้ข่มเหงกันเกินไปนัก!” หลัวไห่ถึงกับเดือดดาลจนกระอักเลือด ถึงแม้ว่าเขาจะทราบอยู่แล้วว่าหยางไคได้บ่มเพาะพลังแห่งมิติมาตั้งแต่แรก แต่มีหรือที่จะคิดได้ว่าตัวเองจะถึงกับไม่อาจทำอะไรต่อพลังอันมหาศาลขุมนี้ได้เลย

ผู้ทรงพลังที่บ่มเพาะพลังแห่งมิติ ไม่ว่าจะเป็นผู้ไล่ล่าหรือหลบหนีด้านใดก็ถือเป็นผู้มีความโดดเด่นในใต้หล้า

หากว่าเป็นเช่นนี้ เขาก็คงจะจับตัวหยางไคมาได้ตั้งแต่เมื่อหนึ่งปีก่อนแล้ว มีอย่างที่ไหนที่จะปล่อยให้เขามีโอกาสหนีมาจนถึงดาววารีสีชาดได้?

“ตอนนี้พึ่งจะทราบว่าข่มเหงกันเกินไปแล้วงั้นหรือ? แล้วการที่เจ้าไล่ตามข้าไปทั่วทุกแดนดารากันวุ่นวายเจ้ามีความคิดเห็นอย่างไรกันล่ะ? หากกล่าวมากไปก็หามีประโยชน์ไม่ วันนี้ก็จะเป็นวันตายของเจ้าแล้ว!”

รอยแตกมิติขนาดใหญ่สายหนึ่งพลันได้ก่อตัวขึ้น เสมือนกับเป็นปากสัตว์ประหลาดที่กำลังอ้าออก แล้วหันเข้าไปกัดใส่หลัวไห่ ราวกับสามารถกลืนอาทิตย์กินดวงเดือน หลัวไห่เองก็มิอาจหาญที่จะทำเป็นลองเชิง เพียงแต่คอยหลบหนีอย่างไม่คิดชีวิต คิดหาโอกาสที่จะป้องกันและหลบหนี

.

.

.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด