ตอนที่แล้ว[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 92 ทางสู่เฟิ่งเป่ย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 94 คมดาบที่พุ่งใส่เหวินเทา

[Rewrite,อ่านฟรี] Special District 9 ตอนที่ 93 คุณฉิง


ตอนที่ 93 คุณฉิง

ในห้องทำงานของผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปของอาคารบริษัทหลงซิ่งเภสัชกรรมในเมืองเฟิ่งเป่ย ชายหนุ่มที่หวีผมแสกข้าง ผิวขาว และใบหน้าหล่อเหลากำลังจ้องมองที่คอมพิวเตอร์ ในขณะที่มือก็รัวพิมพ์แป้นคีย์บอร์ดแก้ไขรายงานเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสายการผลิตยาอย่างรอบคอบ

มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองแล้วกล่าวเชิญ “เข้ามา”

ประตูเปิดออก เลขาสาวสวยที่มีใบหน้าสวยงามเอ่ยเตือนด้วยรอยยิ้ม “คุณฉิง ประธานและผู้จัดการกลับมาแล้ว และไปที่ห้องประชุมเล็กที่ชั้นบนสุดแล้วค่ะ”

“หา! กลับมาแล้วเหรอ?” ชายหนุ่มตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจึงลุกขึ้นจากโต๊ะทันทีอย่างร้อนรน “เร็วเข้า ช่วยฉันพิมพ์รายงานหน่อย ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”

“ได้ค่ะ” เลขาพยักหน้า

ชายหนุ่มผลักเก้าอี้สำนักงานออกไปอย่างรีบร้อนแล้ววิ่งเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว

เขาเป็นลูกชายคนที่สามของหลงซิ่งเภสัชกรรม ชื่อของเขาคือ ฉิงจื่อหาว อายุย่างเข้า 24 ในปีนี้ และเพิ่งสำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยขุนนางในเขตปกครองที่ 7 ปัจจุบันนี้เขาทำงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปให้บริษัทในครอบครัวของเขาเอง และบริษัทหลงซิ่งนี้ เป็นบริษัทพันธมิตรที่ใหญ่ที่สุดของหยวนหัวในเฟิ่งเป่ย

……

ประมาณยี่สิบนาทีต่อมา ฉิงจื่อหาวได้เปลี่ยนจากชุดสูทสีขาวราคาแพงของเขาเป็นชุดทำงานธรรมดาๆ ของบริษัท และเปลี่ยนเน็กไทที่เป็นแบบเรียบร้อยยิ่งขึ้น จากนั้นเขาก็ถามเลขาว่า “มันดูเป็นไงบ้าง?”

“ก็ดีค่ะ” เลขาปิดปากยิ้ม “มันดูธรรมดาไปหน่อยค่ะ ไม่เหมือนสไตล์ของคุณเลย”

“ท่านผู้เฒ่าชอบแบบนี้นะสิ” ฉิงจื่อหาวยิ้มพลางเอื้อมมือไปหยิบรายงานที่พิมพ์เสร็จแล้วบนโต๊ะ “คุณช่วยจองร้านอาหารตะวันตกที่ดีดีหน่อยทีนะ แล้วฉันอาจจะพาท่านผู้เฒ่าไปเลี้ยงที่นั่นทีหลัง”

“จะจัดการให้ค่ะ” เลขาพยักหน้าอีกครั้ง

หลังจากที่ฉิงจื่อหาวอธิบายเสร็จแล้ว เขาก็เดินออกจากห้องทำงานไปพร้อมกับรายงานที่อยู่ในมืออย่างรีบร้อนเล็กน้อย

ที่ห้องประชุมเล็ก ชั้นบนสุดของอาคาร

ชายวัยกลางคนบุคลิกน้าตาดีคนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟาก้มลงจิบชา จากนั้นเขาก็โบกมือให้ผู้บริหารหลายสิบคนแล้วพูดว่า “เรียกปีเตอร์ให้เข้ามา พวกคุณออกไปก่อนได้ จะมีประชุมพรุ่งนี้นะ”

“ได้ครับ คุณฉิง”

ทุกคนโค้งคำนับและพยักหน้าพร้อมกัน แต่ละคนถือเอกสารรายงานที่ใช้เวลาเตรียมเป็นเวลานานมากกว่าจะเสร็จได้ แล้วหันหลังกลับออกจากห้องไป

ประมาณห้านาทีต่อมา ทันทีที่มีชาวต่างชาติในชุดหนังเข้ามาในห้องและนั่งลง ฉิงจื่อหาวก็เปิดประตูเดินเข้ามา ตะโกนทักทายด้วยความร่าเริง “พ่อ พี่รอง ผู้อำนวยการพีต”

คุณฉิงเงยหน้าขึ้นเหลือบมองลูกชายคนที่สามของเขา จากนั้นพยักหน้าเล็กน้อยแล้วถามว่า “นายยังอยู่ในบริษัทอีกหรือ?”

ฉิงจื่อหาว พยักหน้าและยิ้ม “ช่วงนี้มีงานมากมาย ฉันเลยทำงานล่วงเวลาน่ะครับ”

คุณฉิงวางฝ่ามือของเขาแล้วพูดติดตลกเบาๆ ว่า “อย่าทำงานล่วงเวลาเพียงเพราะนายได้ยินว่าฉันจะกลับมาล่ะ”

“โธ่พ่อ ช่วยหยุดฉีกหน้าฉันหน่อยได้ไหม” ฉิงจื่อหาวเกาหัวด้วยความขายหน้าเล็กน้อย

“นายโอเคไหม?” ลูกชายคนที่สองของตระกูลฉิงที่นั่งทางซ้ายถามเบาๆ

“อา มีบางอย่างเกิดขึ้น” ฉิงจื่อหาวได้ยินเช่นนั้นจึงยื่นแฟ้มรายงานให้พ่อของเขา เขานั่งบนโซฟาแล้วเล่าว่า “เมื่อเร็วๆ นี้ฉันไปโรงงานบ่อยและดูงานสายการผลิต ฉันพบว่าอุปกรณ์การผลิตในบริษัทเราเก่ามาก ส่งผลให้กำลังคนและต้นทุนมันเพิ่มมหาศาล ดังนั้น…”

คุณฉิงหยิบรายงานขึ้นมา เหลือบมองที่ชื่อหน้าปกแล้วตอบว่า “ฉันได้พิจารณาเกี่ยวกับเรื่องการเปลี่ยนอุปกรณ์การผลิตแล้ว โอเค เดี๋ยวฉันจะดูย้อนหลังอีกที”

“พ่อครับ ผมทำงานเกี่ยวกับรายงานอุปกรณ์การผลิตนี้มาเป็นเวลานานแล้ว ผมได้ทำการวิจัยและยังติดต่อสอบถามไปที่บริษัทหลายแห่งที่จัดหาอุปกรณ์การผลิตด้วยครับ” ฉิงจื่อหาวอธิบายยาวเหยียด

คุณฉิงวางรายงานและหันไปถามชาวต่างชาติ “ปีเตอร์ จื่อหรงพูดถึงการเปลี่ยนอุปกรณ์การผลิตในพื้นที่โรงงานแห่งที่สองให้คุณฟังหรือเปล่า?”

“เรื่องนั้น ใช่ รายงานที่เขาให้มานั้นสมบูรณ์แบบจริงๆ” ชาวต่างชาติพูดพร้อมกับยกนิ้วให้ “มันเหมือนกับว่าพระเจ้าช่วยเขียนให้เลยทีเดียว”

ฉิงจื่อหาว ดีใจจนพูดไม่ออกเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“ฮ่าฮ่า” คุณฉิงยิ้ม ชี้ไปที่ลูกชายคนที่สามของเขาแล้วพูดว่า “เอาละ นายไปสังสรรค์กับพี่ชายก่อนละกัน ทิ้งรายงานไว้นี่ ฉันจะดูทีหลัง”

“อา!” ฉิงจื่อหาวถือมันไว้เป็นเวลานาน ก่อนที่เขาจะพยักหน้าด้วยใบหน้าแดงก่ำ

“ออกไปก่อนเถอะ เรามีเรื่องสำคัญจะคุยกัน” คุณฉิงบอกต่อเบาๆ

ฉิงจื่อหาวค่อยๆ ยืนขึ้นและถามด้วยรอยยิ้ม “พ่อ คืนนี้จะกินข้าวเย็นด้วยกันไหม?”

คุณฉิงคิดอยู่สักครู่ และก้มดูนาฬิกาแล้วพูดว่า “คงไม่ได้ เดี๋ยวเราสามคนจะอาบน้ำในออฟฟิศแล้วไปหาอะไรง่ายๆ กินกันหลังคุยกันเสร็จน่ะ”

“โอเค” ฉิงจื่อหาวพูดอย่างยิ้มแย้ม “พวกคุณต้องคุยธุระกันยาวสินะครับ”

“ใช่” คุณฉิงพยักหน้า หันไปคุยกับลูกชายคนรอง “ตามแนวคิดที่เมื่อกี้เราคุยกันต่อไป ยาตัวใหม่…”

ฉิงจื่อหาวเหลือบมองทั้งสามคนแล้วหันหลังกลับ ในห้วงเวลาแห่งรอยยิ้มบนใบหน้าของเขานั้น มันค่อยๆ ถูกแทนที่ด้วยสีหน้าชั่วร้ายอย่างบอกไม่ถูก

ที่นอกประตูห้องประชุม เลขาที่รอมานานเห็นซิงจื้อหาวเดินออกมาก็ถามทันทีด้วยรอยยิ้ม “คุณได้ส่งรายงานแล้วหรือยัง? แล้วเจ้านายมีพอใจไหมคะ?”

ทันใดนั้น ฉิงจื่อหาวก็หันมาถามด้วยแววตาไม่พอใจ “นั่นเป็นปัญหาที่คุณควรกังวลเหรอ?”

เลขาหน้าหงอหุบปากทันที

……

สองชั่วโมงต่อมา

ในอาคารห้องชุดระดับหรูแห่งหนึ่งในเฟิ่งเป่ย ฉิงจื่อหาวหยิบยารักษาโรคระบบประสาทสูตรดั้งเดิมที่ผลิตโดยบริษัทยาของเขาเองออกมา จากนั้นก็ใช้เข็มฉีดยาค่อยๆ แทงเข้าไปที่แขนของเขา

“อาา…า…!”

ฉิงจื่อหาวหลับตา และหายใจเข้าลึกเป็นจังหวะช้าๆ พร้อมแขนที่สั่นระริกเกินควบคุม

ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาลงนอนบนโซฟาพร้อมกับอาการสั่นกระตุกไปทั้งตัว

เวลาผ่านไปไม่รู้นานเท่าไหร่ ประตูห้องก็เปิดออก หญิงสาวแสนสวยเดินเข้ามาพร้อมของต่างๆ มากมายในมือ แล้วกล่าวทักทาย “โอ้สามีจ๋า ฉันขอโทษจริงๆ ฉันเพิ่งส่งแม่ของฉันกลับไปที่โรงพยาบาล…”

ฉิงจื่อหาวมองไปที่หญิงสาวด้วยดวงตาหมองคล้ำและยิ้มกว้าง “ไม่เป็นไร มานี่สิ”

เมื่อหญิงสาวได้ยิน เธอก็วางข้าวของลงทันที ใส่รองเท้าแตะแล้ววิ่งเหยาะๆ เข้าไปคว้าแขนของฉิงจื่อหาวแล้วถามว่า “กินข้าวหรือยังคะที่รัก?”

ฉิงจื่อหาวเอาแขนของเขาโอบคอของหญิงสาวแล้วถามทันทีว่า “ฉันเพิ่งอาบน้ำมา และเห็นมีดโกนแบบใช้แล้วทิ้งสำหรับผู้ชายอยู่ในถังขยะ มีดโกนนั้นเป็นของใคร?”

หญิงสาวตกตะลึง “ปะ เป็นของพ่อฉัน เขาอยู่ที่นี่กับแม่เมื่อวานนี้”

“เมื่อคืนฉันโทรหาเธอ ทำไมไม่รับสาย?” ฉิงจื่อหาวบีบคอหญิงสาวเบาๆ แล้วถามว่า “เธอโกหกฉัน?”

“ฉันไม่…”

“แกเป็นใครวะ กล้าทำให้ฉันรอตั้งชั่วโมงครึ่ง? แกยังพาคนเข้ามาในบ้านนี้อีกเหรอ?!”

“แม่ของฉันต้องไปหาหมอ พวกเขาจึงมาที่นี่ เมื่อคืนค้างที่นี่จริงๆ”

“พัวะ!”

ฉิงจื่อหาวใช้มือซ้ายบีบคอของหญิงสาวแล้วเงื้อแขนขวาชกหน้าเธออย่างแรง “อีสัตว์เอ๊ย! แกทำให้ฉันรอ ทำไมแกให้ฉันรอด้วย หา?!”

รูจมูกของหญิงสาวมีเลือดออกจากการถูกชก เธอร้องครวญครางและผลักฉิงจื่อหาวหงายออกไป “คุณบ้าไปแล้วใช่มั้ย? เมื่อคืนพวกเขามาจริงๆ โทรศัพท์ของฉันแบตหมด หากคุณไม่เชื่อ ลองโทรหาพ่อของฉันสิ”

“แกผลักฉันเหรอ หัวแข็งนักใช่ไหมอีนี่ แกยังไม่รู้ฐานะของตัวเองใช่มั้ย?”

ฉิงจื่อหาวเกิดความโมโหบ้าคลั่งอย่างรุนแรงจนควบคุมไม่ได้ แล้วเขาก็ระบายความทุกข์ทั้งหมดของเขาลงกับผู้หญิงคนนี้ เขาทุบตีชกต่อยใส่เธอราวกับสัตว์ร้ายในป่า

เริ่มแรกนั้นหญิงสาวขัดขืน แต่หลังจากถูกทุบหัวอย่างรุนแรงต่อเนื่องกัน ทำให้สติของเธอถึงกับมึนชาไปโดยสิ้นเชิง สิ่งที่เธอทำได้มีเพียงใช้แขนปกป้องส่วนสำคัญของเธอไว้ตามสัญชาตญาณ แล้วปล่อยให้หมัดของสัตว์ป่าพุ่งเข้าใส่เธอราวกับห่าฝน

ฉิงจื่อหาวทุบตีเธอเป็นเวลาเจ็ดหรือแปดนาทีเต็ม ก่อนที่เขาจะรู้สึกเหนื่อยหอบ เขาสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ด้วยดวงตาที่ว่างเปล่าและนั่งลงบนพื้นที่เต็มไปด้วยเลือด

ใบหน้าของหญิงสาวบวมปูดราวกับหัวหมู ต้องใช้เวลานานก่อนที่เธอพอจะฟื้นตัวขึ้นมาได้ เธอยังร้องไห้และยืนยันว่า “พ่อแม่ของฉันอยู่ที่นี่จริงๆ …ถ้าไม่เชื่อก็โทรหาพวกเขาสิ”

“หุบปาก ไม่งั้นโดนกระทืบอีก!” ฉิงจื่อหาวลุกขึ้นยืนอย่างไม่มั่นคงนัก ความโกรธของเขาลดลงเล็กน้อย “เงินอยู่บนโต๊ะข้างเตียง หยิบไปแล้วออกไปให้พ้น”

“คุณหมายความว่ายังไง?”

“ฉันพอแล้ว พรุ่งนี้จะบอกเลิกเช่าห้องนี้”

ฉิงจื่อหาวหยิบเสื้อคลุมสีชมพูของเขาขึ้นมาแล้วเดินจากไป

……

บริเวณชั้นล่าง

ทันทีที่ฉิงจื่อหาวเข้าไปในรถ โทรศัพท์ในกระเป๋าของเขาก็ดังขึ้น

“ฮัลโหล?”

“สวัสดีคุณฉิง ฉันชื่อซงเจียง หย่งตง”

“ฉันมีเรื่องจะพูด” ฉิงจื่อหาวก้มหน้าหยิบซองบุหรี่ออกมา และตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่นๆ

“มีคนสำคัญคนหนึ่งหนีจากซงเจียง เขาอาจจะไปที่เฟิ่งเป่ยแล้ว”

หย่งตงตอบอย่างสุภาพ “คุณหยวนตั้งใจปล่อยให้ฉันไปดูเหตุการณ์ โปรดช่วยเหลือด้วย”

“โทรหาฉันเมื่อคุณมาถึงที่นี่”

ฉิงจื่อหาวตอบและวางสายโทรศัพท์

……

ในซงเจียง

หย่งตงนั่งขมวดคิ้วอยู่ในรถและถามลูกน้องผู้ติดตามที่รับหน้าที่ขับรถด้วยว่า “คุณแน่ใจหรือว่าเขาไปเฟิ่งเป่ย?”

“ไม่แน่ใจเท่าไหร่ครับ” ผู้ติดตามตอบอย่างระมัดระวัง “ฉันได้สอบถามคนรู้จักบางคนรอบๆ เสี่ยวฉู่ และพบว่าเขามีเพื่อนในเฟิ่งเป่ยซึ่งน่าจะสนิทกัน ตอนนี้เขาอยู่ที่ซงเจียงไม่ได้แล้ว มีความเป็นไปได้ที่เขาอาจจะหนีไปที่เฟิ่งเป่ย”

หย่งตงคิดครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ “เอาละ คุณหาข่าวของเขาต่อไปแล้วกัน แล้วตอนนี้ไปที่เฟิ่งเป่ยกันก่อน”

“ครับ” ผู้ติดตามพยักหน้ารับคำ

……

เวลาประมาณสี่ทุ่ม ฉินหยู่ แมวแก่ และกวนฉี ทั้งสามเดินออกมาจากสถานีรถไฟเฟิ่งเป่ยอย่างมุ่งมั่น

……………………………………………………………

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด